ตอนที่ 27 – สายข่าว
เช้าตรู่
นับถอยหลัง 16:20:00
เมื่อคืนนี้ในเรือนจำหมายเลข 18 มีคนใหม่มาอีกชุดหนึ่ง
ลู่ก่วงอี้ไปสอบถามที่มาของพวกคนใหม่ทีละคนภายใต้คำสั่งการของชิ่งเฉิน แต่ในคนใหม่ชุดนี้ไม่มีผู้ทะลุมิติแม้แต่คนเดียว
ชิ่งเฉินคาดเดาว่าผู้ทะลุมิติทุกคนล้วนจะเข้าพร้อมกันออกพร้อมกัน จะไม่มีคนที่ทะลุมิติเข้ามากลางคัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ทะลุมิติทุกคนล้วนอยู่บนไทม์ไลน์เดียวกัน
ขณะนี้ หลี่ซูถงกับชิ่งเฉินมานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเล่นหมากรุกกันแต่เช้าตรู่
“หลังจากที่เธอให้ลู่ก่วงอี้ออมมือสังเกตความเหมาะสม ในคุกนี้คนใหม่ร้องไห้เป็นผีโหยหวนเป็นหมาป่าน้อยลงไปหน่อยแล้ว” หลี่ซูถงกล่าวพลางมองดูกระดานหมากรุก “แต่เธอเคยคิดหรือไม่ว่า คนใหม่พวกนั้นไม่จำเป็นว่าจะรู้สึกขอบคุณเธอ”
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “คุณเจอกับขอทานบนถนน โยนเศษเงินให้เขาไปนิดหน่อย เศษเงินนี้ที่จริงแล้วไม่เพียงพอจะช่วยดึงเขาขึ้นจากความยากจนเลย แต่คุณกลับซื้อความสงบสุขและยินดีในใจได้หน่อยหนึ่ง”
หลี่ซูถงยิ้ม ๆ ไม่ได้พูดอีก
สิ่งที่ไม่เหมือนกับผู้ชมหมากรุกในยามปกติคือวันนี้เพิ่มกัวหู่ฉานขึ้นมาอีกคน
เมื่อวานชายตัวใหญ่ผู้นี้ยังนั่งอยู่ในที่ห่างไกลอย่างเกรงใจมาก แต่วันนี้ตรงมานั่งข้าง ๆ ชิ่งเฉิน
ชายฉกรรจ์สูงสองเมตรกว่านั่งอยู่บนเก้าอี้ ร่างกายอันใหญ่โตนั้นพอเทียบกับเก้าอี้แล้วอย่างกับเป็นเก้าอี้ปิคนิค ดูแปลกแยก
แต่กัวหู่ฉานไม่แคร์อะไรมากมาย เขาแค่อยากจะติดตามอยู่ข้างกายหลี่ซูถง
ในเมื่อสู้ไม่ได้ งั้นก็เข้าร่วมซะ!
อีกอย่าง เขาเห็นว่าในจานของชิ่งเฉินมีเนื้อจริง ตนเองกลับไม่มี จึงกล่าวกับหลี่ซูถงอย่างเต็มไปด้วยเหตุผลว่า “ผมจะดีจะชั่วก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในโพธิ์ดำนะ พวกคุณเองกินเนื้อจริง ให้ผมกินเนื้อสังเคราะห์ นี่ไม่ใช่หนทางในการต้อนรับแขกเหรื่อเลยนะ”
หลินเสี่ยวเสี้ยวเห็นเขาที่หน้าด้านหน้าทนอย่างนี้จึงยิ้มเย็นเอ่ยว่า “คุณกับพวกเราเหมือนกันเหรอ ไม่งั้นคุณกับเจ้านายสู้กันอีกรอบไหม สู้ชนะแล้วให้คุณกิน?”
“อย่าเอาแต่สู้ ๆ ฆ่า ๆ สิ อย่างนี้ไม่ดีนะ” กัวหู่ฉานลูบหัวโล้นกล่าวว่า “อีกอย่างพวกคุณสามคนกินก็ช่างมันเถอะ ไหงไอ้เจ้าเด็กที่เล่นหมากรุกนี่ก็กินเนื้อจริงด้วยล่ะ เขาไม่ใช่ว่าเป็นแค่คนธรรมดาเหรอ นี่ ไอ้หนู แกไปเอามาอีกจาน จานนี้ของแกให้ข้า”
ทุกคนอึ้งไป พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่ากัวหู่ฉานนี่จะน่าเกลียดอย่างนี้ พบว่าตอแยหลี่ซูถงไม่ไหวก็มารังแกชิ่งเฉินที่เป็นลูกพลับนิ่ม
ตอนนี้ชิ่งเฉินกลับเงยหน้ามองกัวหู่ฉาน จากนั้นมองไปที่หลินเสี่ยวเสี้ยวและพวกอีก
เขาพบว่าหลินเสี่ยวเสี้ยวครั้งนี้ไม่ได้พูดจาให้กัวหู่ฉานไสหัวกลับไป ทว่ากำลังยิ้มแฉ่งมองตนเอง
ชิ่งเฉินหลับตาลงเงียบ ๆ
กัวหู่ฉานเห็นแล้วก็นึกว่าเด็กหนุ่มนี่ไม่กล้าตอแยตนเอง คว้าจานอาการของชิ่งเฉินมาไว้ข้างหน้าตนเองอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร “พวกคุณเห็นกันหมดแล้วนะ นี่เป็นเขาที่ยกให้เองนะ”
ทว่าในขณะนี้ห้วงคิดของชิ่งเฉินคล้ายกับว่าได้ย้อนกลับไปที่เมื่อวานแล้ว
พริบตานั้นที่กัวหู่ฉานออกหมัด
โลกหยุดนิ่งลง
เหล่านักโทษถูกปืนเมทัลสตอมยิงจนโงหัวไม่ขึ้น เครื่องแบบนักโทษบนแผ่นหลังถูกกระสุนยางยิงโจมตีเหมือนสายน้ำในวันฝนตก ก่อเกิดระลอกคลื่นไม่ขาดตอน
ประตูเลื่อนโลหะที่ค่อย ๆ เลื่อนขึ้น ยังมีเหล่าพัศดีจักรกลที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เสียงปืน, เสียงกระสุนยางตกกระทบ, เสียงกลไกไฮดรอลิก เข้าผสมผสานกัน
ตอนนี้มีเพียงชิ่งเฉินคนเดียวที่สังเกตดูคนทุกคนอย่างนิ่งสงบ
ไม่ถูก สิ่งที่เขาอยากหาไม่ใช่ขณะนี้
ชิ่งเฉินยืนอยู่ในห้วงจิตแห่งความทรงจำใช้ฝ่ามือปัดหนึ่งที ภาพเหตุการณ์ของโลกทั้งหมดคล้ายกับพลิกตลบหนึ่งรอบ
กระสุนยางที่ยิงจากเพดานโดมถึงพื้นกำลังบินกลับไปที่ปากกระบอกปืนใหม่
เหล่านักโทษที่ล้มลงลุกขึ้นมาด้วยท่วงท่าแปลกประหลาด
เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีหนึ่งวินาที ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้นย้อนกลับทีละเฟรม ๆ อยู่ในสมองของชิ่งเฉิน
จนกระทั่ง……ชั่วพริบตาที่กัวหู่ฉานเพิ่งจะเข้าสู่เรือนจำหมายเลข 18
ชิ่งเฉินเดินทอดน่องอยู่ในฝูงชนช้า ๆ รับฟังเสียงของทุกผู้คน
คนในความทรงจำไม่ได้พูดเลย แต่รายละเอียดบนร่างของอีกฝ่ายกลับระบุเงื่อนงำ
ตอนที่กัวหู่ฉานกำลังจะเอาเนื้อในจานอาหารของชิ่งเฉินมากินให้หมด ชิ่งเฉินพลันลืมตาขึ้นมา
“ลู่ก่วงอี้”
“เฮ้ย ผมอยู่ ๆ บอส มีเรื่องอะไรครับ” ลู่ก่วงอี้ก็ไม่แคร์ที่จะปิดบังตัวตนแล้ว รีบเร่งขานรับ
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “ผมชี้คนหลายคน คุณไปจับพวกเขาออกมา”
พูดจบเขาหันร่างไปเผชิญหน้ากับนักโทษแล้วเริ่มระบุออกมา ถึงกับชี้ออกมาแปดคนในคราวเดียว
พร้อมกับที่คนพวกนั้นถูกลู่ก่วงอี้ลากออกมาจากในฝูงคน สีหน้าของกัวหู่ฉานค่อย ๆ ปั้นยากขึ้นมา เนื้อก็ไม่สนจะกินแล้ว
ชิ่งเฉินนั่งกลับลงไปใหม่กล่าวกับกัวหู่ฉานว่า “แปดคนนี้เป็นคนของคุณเหรอ”
“ไม่ใช่ทั้งหมด” กัวหู่ฉานหน้าดำทะมึน
“อืม” ชิ่งเฉินพยักหน้า “หลังจากคุณถูกคุ้มกันเข้ามา สายตากลอกวนอยู่บนร่างห้าคนในนั้น พวกเขาห้าคนทำสัญญาณมือยื่นนิ้วชี้ออกมาพร้อม ๆ กัน ถึงผมไม่รู้ว่าสัญญาณมือนี้หมายความว่าอะไร แต่ผมแน่ใจมากว่าพวกเขาทำให้คุณดู ทว่าอีกสามคนพริบตาแรกที่มองเห็นก็หันไปแลกเปลี่ยนสายตากัน”
แววตาที่หลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านมองชิ่งเฉินแปรเปลี่ยนไป เวลานั้นแม้แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีกะจิตกะใจจะสังเกตปฏิกิริยาของทุก ๆ คนเลย
คล้ายกับว่าในพริบตาที่ชุลมุนอย่างกับพายุฝนโหมกระหน่ำ มีชิ่งเฉินคนเดียวที่เป็นผู้สังเกตการณ์อันแจ่มใส
หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “ในคุกหมายเลข 18 ปลากับมังกรผสมปนเป มีคนของกลุ่มอำนาจอื่นอยู่ที่นี่จับจ้องฉันก็ปกติ”
หลินเสี่ยวเสี้ยวถามว่า “บอส พวกเราจะเอาคนพวกนี้ย้ายไปคุกอื่นไหมครับ”
“ไม่ต้อง” หลี่ซูถงส่ายหน้า “ไร้เหตุไร้ผลก็ย้ายคนแปดคนจะทำให้คนข้างนอกรู้แล้วยังคาดเดาฉันอย่างไม่จำเป็น เยี่ยหว่าน เอาพวกเขาแปดคนไปขังเดี่ยว สอบสวนทีละคน ดูว่าอีกสามคนเป็นคนที่บ้านใครส่งมา”
ในขณะนี้เอง ชิ่งเฉิน คิดถึงหน้าตาเบิกบานของหลินเสี่ยวเสี้ยวเพิ่งจะกอดอกดูอยู่ข้าง ๆ ถึงกับลุกขึ้นชี้คนยี่สิบกว่าคนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้น แต่หลินเสี่ยวเสี้ยวปวดฟันขึ้นมานิดหน่อยทันที เขาเอ่ยเสียงค่อยข้าง ๆ หลี่ซูถงว่า “บอส เด็กนี่แม้แต่คนของพวกเราก็หาออกมาแล้ว……”
หลี่ซูถงมองไปทางชิ่งเฉินทอดถอนชมเชยว่า “ถึงเธอจะยังไม่ใช่ผู้เหนือมนุษย์ แต่ความสามารถในการจดจำและวิเคราะห์ของเธอกลับมากมายเสียจนผู้เหนือมนุษย์ไม่มีทางเปรียบเทียบได้เลย”
กัวหู่ฉานเห็นว่าคนของอัศวินชิ่งเฉินก็หาออกมาแล้ว เข้าใจในทันทีว่าเด็กหนุ่มนี่ที่แท้ไม่ใช่คนของอัศวิน “พี่น้องท่านนี้ชื่อว่าอะไร”
ชิ่งเฉินเหล่มองเขา “ชิ่งเฉิน”
“ตระกูลชิ่ง?” กัวหู่ฉานอึ้งไป “อัศวินทำไมถึงได้ไปคลุกคลีอยู่กับกลุ่มการเงินตระกูลชิ่งได้ล่ะ”
“แซ่ชิ่งก็ต้องเป็นคนของตระกูลชิ่งเหรอ ถึงจะเป็นคนของตระกูลชิ่งก็ไม่จำเป็นว่าจะอยู่ที่ตระกูลชิ่งไปชั่วชีวิต” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “ในป่าปีนั้นไม่ใช่ว่าก็มีคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากแซ่ชิ่งเหรอ”
กัวหู่ฉานแววตาไหววูบ ทัศนคติพลิกตลบหนึ่งร้อยแปดสิบองศาทันที
เห็นแค่ว่าเขาดันจานอาหารกลับไปตรงหน้าชิ่งเฉินเงียบ ๆ จากนั้นกล่าวกับชิ่งเฉินอย่างกระตือรือร้นว่า “พี่น้องชิ่งเฉิน ไม่ทราบว่าคุณมีความประทับใจต่อโพธิ์ดำยังไง”
“ไม่ยังไง” ชิ่งเฉินเอ่ยเย็น ๆ
เขาจนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่ากัวหู่ฉานคนนี้สรุปแล้วเป็นตัวละครอะไร เห็นชัด ๆ ว่าคนตัวสูงใหญ่ ผลคือจิตใจกลับใจเสาะอย่างประหลาดแล้วก็ไม่มีหลักการอะไรเลย
อีกอย่างอีกฝ่ายมาแย่งวัตถุต้องห้ามกับตนเอง ตนเองย่อมจะไม่ไว้หน้าอะไร
วันนี้อาศัยอำนาจของหลี่ซูถงตัดปีกที่อีกฝ่ายจัดเตรียมเข้ามาก่อนสักหน่อยก็นับได้ว่ามีกำไรบ้างแล้ว
ระหว่างที่พูด ด้านข้างมีเสียงอลหม่านดังขึ้น
ชิ่งเฉินมองไปด้านนั้น สามคนที่ไม่ใช่สมาชิกโพธิ์ดำซึ่งเขาเพิ่งจะชี้ตัวออกมาได้ล้มลงบนพื้นแล้ว ริมฝีปากและใบหน้ากลายเป็นสีม่วง
นี่เป็นอาการทั่วไปของคนที่ขาดอากาศตาย
เห็นแค่ว่าเยี่ยหว่านถอดเสื้อออกมาพันฝ่ามือ จากนั้นย่อตัวลงบีบเปิดปากของผู้ตายคนหนึ่งเบา ๆ เขาเงยหน้ามองไปทางหลี่ซูถง “บอส เป็นถุงพิษที่ซ่อนอยู่ในฟันกราม หลังจากอ้าปากมีกลิ่นอัลมอนด์ขมจาง ๆ เป็นไซยาไนด์”
กัวหู่ฉานกล่าวว่า “สามคนนี้ไม่ใช่คนของโพธิ์ดำเรา”
“นักฆ่าพลีชีพ” หลี่ซูถงกล่าวด้วยสีหน้านิ่งสงบ “นี่น่าประหลาดใจอยู่บ้าง”
ไม่มีคนรู้ว่าพวกเขาเป็นคนที่ใครจัดแจงเข้ามา แล้วก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเข้ามาที่เรือนจำหมายเลข 18 เพื่ออะไร
ชิ่งเฉินมองดูอย่างเงียบงัน บนสีหน้าไม่มีปฏิกิริยาอันใด
มีเพียงหมัดที่กำแน่นจึงสามารถแสดงถึงความตึงเครียดของเขาออกมา เขาแบมือออกมองดู ใจกลางฝ่ามือเป็นรอยสีแดงอันเกิดจากการกดของเล็บ ยังมีหยดเหงื่อ
ไม่ว่าจะโลกภายในหรือโลกภายนอก นี่ล้วนเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับความตาย
เรื่องอย่างการซ่อนพิษในฟันกราม เขาถึงขนาดเพียงเคยเห็นมาในภาพยนตร์
วิธีการอันโหดเหี้ยมของนักฆ่าพลีชีพสามคนดึงชิ่งเฉินกลับสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง ทำให้เขาตระหนักอีกครั้งว่าที่นี่จะอย่างไรก็เป็นโลกที่สัตว์ร้ายอาละวาดแห่งหนึ่ง
…………………………………….
ตอนที่ 28 – กลับคืนอีกครั้ง