นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 44 จ้องมองความเจ็บปวดตรง ๆ

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 44 – จ้องมองความเจ็บปวดตรง ๆ

 

ความรู้สึกหลอนอันแผดเผา เลือดที่เดือดพล่าน หัวใจเต้นดั่งเสียงฟ้าร้อง

ชิ่งเฉินคล้ายจะสัมผัสได้ว่าโลกกำลังคำราม ปลาวาฬร้องก้องกังวาน เทือกเขาสลับซับซ้อนพังทลาย สึนามิถั่งโถม

แม้แต่ชีวิตของตนเองก็ลุกโชนขึ้นมา

เพียงแต่ ความเจ็บปวดอันแผดเผาเริ่มจางหายไปอีกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการหายใจ ลายเส้นรูปเปลวเพลิงบนแก้มของเขากับหลี่ซูถงยังอยู่ แต่อากาศที่เขาสูดเข้าปอดกลับกลายเป็นลมบริสุทธิ์อันสดชื่น ไม่ได้มาพร้อมกับความเจ็บปวดอีกต่อไป!

หลินเสี่ยวเสี้ยวที่อยู่ด้านข้างจู่ ๆ เอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “รักษาสติสัปชัญญะเอาไว้ ความเจ็บปวดที่คุณเคยลืมไปแล้วพวกนั้นจะกลืนกินสมองอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดทั้งหมด สิ่งที่จดจำคือความเจ็บปวดทั้งหมด ชั่วขณะนั้นคุณจะเริ่มพังทลาย หากคุณข้ามผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ ใครก็ช่วยไม่ได้แล้ว”

ชิ่งเฉินจิตใจสั่นสะท้าน เพราะว่าความเจ็บปวดที่หลินเสี่ยวเสี้ยวพูดถึงได้ถั่งโถมเข้าไปในสมองอย่างฉับพลัน:

ตอนที่เขาใช้ชีวิตตัวคนเดียวเป็นครั้งแรก ตอนที่ลองทำอาหารให้ตัวเองเฉือนนิ้วมือ ชั่วพริบตาที่เฉือนโดนนั้น สัมผัสที่คมมีดค่อย ๆ เฉาะเข้าไปในผิวหนังและแม้แต่ลายนิ้วมือทุก ๆ เส้นที่ถูกตัดขาดล้วนถูกย้อนทบทวน

ตอน waterboarding น้ำเย็นที่ไหลเข้าไปในปอดคล้ายกับต้นกล้ามีพิษแต่ละต้นหยั่งรากอันเหน็บหนาวอยู่ในปอดของเขา

ในห้องมืด ความแห้งผากของการขาดน้ำกับความทรมานของ waterboarding หนึ่งวินาทีที่แล้วพุ่งเข้าปะทะกัน

ยังมียามอาทิตย์ตกดินที่แม่จากไปวันนั้น

รวมทั้งเงาหลังที่ลากกระเป๋าเดินทางใต้แสงสายัณห์ของอีกฝ่าย

ทุกสิ่งนี้โถมใส่ดุจเกลียวคลื่น เหมือนกับอยากจะทลายหน้าผาริมทะเลให้กลายเป็นเศษหิน

คลื่นทะเลดำมืดที่แตกละเอียดประดุจมีด เสียงกรีดร้องและโหยหวนที่ส่งออกมาในคูหาว่างเปล่า

ชิ่งเฉินคล้ายจะได้ย้อนกลับไปตอนที่ waterboarding อีกครั้ง หลับตาลง

เขาตกลงไปในความมืดมิดอันไร้สภาพอีกครั้ง

ในห้วงลึกมีเสียงอันอ่อนโยนร้องเรียกว่า “ไปกับแม่เถอะ”

ในความมืดมิดคือรยางค์นับไม่ถ้วนที่อยากจะดึงเขาเข้าสู่อนธการ

ชิ่งเฉินหลับตา

พละกำลังทั้งร่างของเขาก็เหมือนกับจะถูกรยางค์พวกนี้ดึงไป

เสียงอันอบอุ่นนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “เสี่ยวเฉิน ไปกับแม่เถอะ”

ชิ่งเฉินตอบกลับอย่างสงบนิ่งว่า “เส้นทางที่ไกลขนาดนั้นผมยังเดินผ่านมาแล้วด้วยตัวเอง เส้นทางที่เหลือ ผมก็จะเดินเอง”

เหมือนกับว่าเวลาเพียงผ่านไปแค่ชั่วดีดนิ้ว เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

มิน่าเล่าหลี่ซูถงถึงพูดว่าทนผ่านด่านนั้นไม่ได้ก็ไม่อาจเดินบนเส้นทางของเขา

ที่แท้ล้วนเพื่อชั่วขณะนี้

ลมหายใจของชิ่งเฉินเหมือนกับเปลวเพลิงที่ลุกโหมก้อนหนึ่ง

ไฟก้อนนั้นคล้ายจะเผาผลาญเรื่องราวในอดีตไปจนหมดในชั่วพริบตา หลังจากนี้เขาเข้าใจตัวเลือกของตนเองแล้ว ไม่ต้องรู้สึกสมเพชตัวเองอีกแล้ว ไม่ต้องหันหน้ากลับไปอีกแล้ว

ชีวิตที่เหลือ?

ชีวิตที่เหลือทุ่มไปยังกับเส้นทางข้างหน้า

สีหน้าของเยี่ยหว่านและหลินเสี่ยวเสี้ยวที่ด้านข้างก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขายืนนิ่งสบตากัน คล้ายจะคิดไม่ถึงว่าชิ่งเฉินถึงตอนนี้ยังรักษาความตื่นตัวเอาไว้

พวกเขาก็เคยประสบกับความเจ็บปวดชนิดนี้ ตอนที่ความเจ็บปวดรวมตัวกันมาถึง พวกเขาทราบชัดมากว่าจิตใจเริ่มจะพังทลายเป็นประสบการณ์อย่างไร

ก็มีเพียงคนที่เคยจ้องมองความเจ็บปวดทุก ๆ ครั้งตรง ๆ จึงจะสามารถก้าวข้ามห้วงเหว ‘ถามใจ’ นั้นได้ แยกอดีตกับอนาคตของตนเองออกจากกัน ก้าวไปข้างหน้า

หลินเสี่ยวเสี้ยวพึมพำว่า “อาจจะเพราะว่าชิ่งเฉินผ่านตาไม่ลืมเลือน ดังนั้นความเจ็บปวดพวกนี้ เขาล้วนไม่เคยลืมเลือนเสมอมา……”

สมองของคนมีกลไกป้องกัน มันจะจงใจทำให้คุณลืมสิ่งของบางอย่าง เพื่อให้คุณดำเนินชีวิตต่อไปได้ดียิ่งขึ้น

แต่ว่าสภาวะสุดยอดความทรงจำที่ให้พรสวรรค์อันยอดเยี่ยมแก่ชิ่งเฉินก็ได้มอบความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุดกับเขาด้วย

ความเจ็บปวดของการทบทวนแต่ละปี ๆ เป็นวัฏจักรนี้ เขาเคยชินแต่แรกแล้ว

ชิ่งเฉินไม่เคยเป็นสุดที่รักในเรือนกระจก ตั้งแต่เนิ่นนานมาแล้ว เขาก็เป็นสาวกของความเจ็บปวด

อีกอย่าง ห้วงเหวนั้น เขาได้ก้าวข้ามไปแต่แรกแล้ว

หลี่ซูถงค่อย ๆ ปล่อยฝ่ามือของเขา เอ่ยอย่างทอดถอนว่า “ด่านนี้……ถึงกับยังราบรื่นกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้เสียอีก”

ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากที่เขาตระหนักว่าเป็นเรื่องราวอันใดก็เริ่มที่จะปวดใจให้กับเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าอยู่บ้าง

ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตของอีกฝ่ายสรุปแล้วเป็นอย่างไร ตอนที่อีกฝ่ายเพลิดเพลินกับพรสวรรค์ได้แบกรับอะไรเอาไว้

เส้นเปลวเพลิงบนแก้มของชิ่งเฉินเริ่มจางหาย เขาถามว่า “วิชาหายใจนี้มีประโยชน์ยังไงครับ”

สาเหตุที่ถามอย่างนี้เป็นเพราะเขาสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของร่างกายไม่ได้เลย

เพียงรู้สึกสติแจ่มใส ปลอดโปร่งไร้ที่เปรียบ ความอ่อนแอเพราะการอดอาหารสี่วันก่อนหน้านี้จางหายไปอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นแค่วิธีการสนับสนุน” หลี่ซูถงกล่าว “วิชาหายใจเป็นวิธีการหายใจที่ความถี่ในการหายใจไม่เหมือนปกติ ตอนนี้เธอยังไม่อาจจะใช้ด้วยตัวคนเดียว รอให้ฉันนำเธอไปอีกหลายครั้ง เธอก็จะจดจำจังหวะของมันได้”

ทว่าคำพูดเพิ่งจะเปล่งออกมา หลี่ซูถงก็เห็นชิ่งเฉินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกันข้าม ลายเส้นรูปเปลวเพลิงบนใบหน้าไม่ได้จางหายไปอีก ทว่าแผ่ขยายขึ้นมาอีกครั้ง!

หลี่ซูถงยิ้มขมเป็นครั้งแรกเอ่ยว่า “ลืมไปว่าเธอสามารถเข้าสู่สภาวะสุดยอดความทรงจำ สามารถจดจังหวะหายใจนี้ลงไปได้ตรง ๆ”

ไม่อาจไม่พูดว่า หลี่ซูถงตอนนี้จนใจอยู่บ้างจริง ๆ เขาตอนแรกเริ่มถูกครูนำไปสี่สิบกว่าครั้งจึงพอจะฝืนจำความถี่ในการหายใจได้ ผิดนิดเดียวล้วนไม่ได้

แต่เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าครั้งเดียวก็ได้แล้ว

หลี่ซูถงหันไปกล่าวว่า “ในเมื่อสิ่งนี้ไม่ต้องให้ฉันนำ งั้นก็บอกเธอเรื่องการสืบทอดของอัศวินตรง ๆ เลยเถอะ สำหรับบทบาทของวิชาหายใจสามารถรอไว้ค่อยคุยกันได้”

“ตอนเริ่มต้นขององค์กรอัศวิน เป็นผู้ก่อตั้งคนนั้นที่ค้นพบความลับของยีนล็อค”

“ตามข้อสรุปของเขามนุษย์มียีนล็อคแปดอัน หลังจากที่มนุษย์สำเร็จด่านเป็นตายทั้งแปดได้ครบ ยีนล็อคก็จะเปิดขึ้นมาเอง”

หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “ตอนแรกสุด องค์กรอัศวินไม่ได้มีวิชาหายใจเลย เธอได้แต่สำเร็จด่านเป็นตายแปดอย่างนี้ได้ครบในรวดเดียวจึงจะนับว่าเป็นอัศวินที่มีคุณสมบัติผู้หนึ่ง ยีนล็อคแปดอันเปิดขึ้นพร้อมกันในพริบตาที่เธอสำเร็จครบ เหนือมนุษย์พ้นโลกีย์”

“เวลานั้นอัศวินยังมีมากมาย แต่ภายหลังอัศวินยิ่งมายิ่งน้อย ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ทว่ามีด่านเป็นตายหนึ่งด่านที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จในทะเล แต่มหาสมุทรทั้งหมดล้วนกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามแล้ว แต่ก่อนเป็นตายเก้ารอดหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นตายสิบไม่เหลือรอด”

“ด่านเป็นตายน้อยลงไปหนึ่งอย่าง ยีนล็อคย่อมจะไม่อาจเปิดออก”

“แต่ผู้นำรุ่นใหม่ของอัศวินในตอนนั้นก็มีพรสวรรค์ล้นเหลือ เขาสร้างวิชาหายใจขึ้นมา อัศวินรุ่นหลังค้นพบว่าตอนที่ท้าทายด่านสนับสนุนด้วยวิชาหายใจ ทุก ๆ ด่านเป็นตายที่สำเร็จจะสามารถเปิดยีนล็อคหนึ่งอัน ไม่ต้องทำสำเร็จทั้งหมดในรวดเดียวแล้วจึงจะเปิดอีกแล้ว”

“ถ้าเอาตามระบบแบ่งแรงก์ของโลกภายใน นั่นก็คือ ABCDEF หกแรงค์”

“ถ้าไม่มีวิชาหายใจ สำเร็จด่านเป็นตาย 8 ด่านในรวดเดียวสามารถกลายเป็นแรงค์ A แต่ก่อนที่จะกลายเป็นแรงค์ A เธอจะเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง”

“มีวิชาหายใจ เธอสำเร็จด่านเป็นตายด่านที่หนึ่งก็สามารถเลื่อนเป็นแรงค์ F”

“สำเร็จด่านที่หกก็คือแรงค์ A แล้ว”

ชิ่งเฉินอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่าผู้เหนือมนุษย์ของโลกแห่งนี้ยังมีความแข็งแกร่งแบ่งเป็นแรงค์กันด้วย

จู่ ๆ เขาถามขึ้นมาว่า “งั้นแรงค์ของครูคืออะไรครับ”

เยี่ยหว่านที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “บอสเป็นครึ่งเทพ แรงค์ S”

เพราะว่าหลี่ซูถงสำเร็จด่านเป็นตายที่เจ็ดแล้ว ขาดเพียงด่านสุดท้าย

“แต่วิชาหายใจนี้สรุปแล้วมหัศจรรย์ตรงไหน ถึงกับสามารถช่วยให้เปิดยีนล็อคได้ด้วย” ชิ่งเฉินถาม

“เธอน่าจะรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่าเอ็นโดรฟิน” หลี่ซูถงกล่าว

ถึงชิ่งเฉินจะผ่านตาไม่ลืมเลือน แต่ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้ใส่ใจสิ่งนี้จริง ๆ ได้แต่อาศัยข้อมูลในความทรงจำกล่าวว่า “เหมือนกับโดพามีน เป็นสารคัดหลั่งที่มอบความสุขให้คน แต่ก็มีข้อแตกต่าง: ตอนที่เล่นเกม ถูกหวย เล่นพนัน สิ่งที่ได้รับคือโดพามีน ส่วนความเบิกบานและผ่อนคลายหลังจากออกกำลังกายเป็นสิ่งที่เอ็นโดรฟินมอบให้”

หลี่ซูถงพยักหน้า “ซุปไก่เพื่อจิตวิญญาณล้วนพูดอย่างนี้ แต่โดพามีนไม่สามารถทำให้คนมีความสุขได้โดยตรง มันเป็นเพียงสารสื่อประสาทอย่างหนึ่ง มีหน้าที่ถ่ายทอดสสารอย่าง 5-hydroxytryptamine* ซึ่งสามารถทำให้คนมีความสุข แต่พูดโดยทั่วไปว่าโดพามีนมอบความสุขให้ก็ไม่ได้ผิด แต่มีจุดหนึ่งที่เธอต้องเข้าใจ สิ่งที่มันมอบใหม่ไม่ใช่ความสุข ทว่าเป็นความลงแดงของการเสพติด”

“งั้นเอ็นโดรฟินล่ะครับ” ชิ่งเฉินถาม

“เอ็นโดรฟินเป็นสสารที่ขมก่อนหวานตามชนิดหนึ่ง มันเกาะติดกับตัวรับมอร์ฟีนในร่างกาย สามารถมีบทบาทเป็นยาระงับปวด แต่นี่เป็นเพียงฟังก์ชั่นที่พื้นฐานที่สุด” หลี่ซูถงกล่าว “คนรุ่นก่อนฉินเซิงได้ทำการทดลองอย่างเข้มงวดมาก ค้นพบว่าหลังจากที่พวกอัศวินสำเร็จด่านเป็นตายสักด่าน เอ็นโดรฟินในร่างกายจะหลั่งออกมาเป็นปริมาณมาก”

“ดังนั้นเขาเชื่อว่าโดพามีนเป็นพิษที่ทำให้คนจมอยู่ในความสุข ส่วนเอ็นโดรฟินที่ลดความเจ็บปวดจึงเป็นกุญแจไขเปิดยีนล็อค”

“ดังนั้นในองค์กรอัศวินมีข้อบัญญัติใหม่หนึ่งประโยค : ชีวิตคนที่ประสบกับความทุกข์ทรมานจึงจะยิ่งไปได้สูง”

 

…………………………….

พูดถึงกลไกการลืมของมนุษย์นี่ เราเคยได้ยินว่าสมองจะสั่งการให้ผู้หญิงลืมความเจ็บปวดตอนคลอดลูกไปส่วนหนึ่ง เพราะถ้าจำได้ มนุษย์คงจะสูญพันธุ์ไปแล้ว……

ยังจำซุปไก่ได้ไหมคะ หมายถึงหนังสือเสริมสร้างกำลังใจน่ะค่ะ

*5-hydroxytryptamine ชื่อสามัญคือเซโรโทนิน ส่วน คำนี้เป็นชื่อทางเคมีค่ะ แต่เนื่องจากในต้นฉบับจีนเขียนชื่อทางเคมี เราจึงใช้ชื่อเคมีตามค่ะ ซึ่งชื่อเคมีจากที่เราเคยเรียนมาไม่เคยมีใครเขียนทับศัพท์เลยค่ะ เราเลยพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ แต่ต้นฉบับเขียนเป็นภาษาจีนนะ 5-羟色胺 ส่วน “เซโรโทนิน” จะเขียนว่า 血清素

 

ตอนที่ 45 – วัตถุต้องห้าม

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท