ตอนที่ 52 – เพื่อนบ้านใหม่
“เพื่อนนักเรียน นายรู้จักหลิวเต๋อจู้ที่อยู่ห้องติดกันไหม”
ประโยคนี้เพียงใช้เวลา 0.001 วินาทีก็ทำหัวใจหนานเกิงเฉินแตกสลายแล้ว
เพื่อนนักเรียนสาวที่งดงามขนาดนี้สองคน เพียงพริบตาเดียวหนานเกิงเฉินก็รู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักแล้ว
ก็เหมือนกับว่าเทพแห่งความรักคิวปิดเดิมทีอยากจะแผลงศรใส่ตัวเอง ผลคือเขาได้แต่มองอีกฝ่ายเอาศรของเทพแห่งความรักเปลี่ยนไปเป็นจรวด RPG ตาปริบ ๆ
ปุบปับเกินไปแล้ว
หนานเกิงเฉินเงียบไปครึ่งค่อนวันแล้วจู่ ๆ ก็กล่าวว่า “ไม่รู้จัก…… แต่ฉันสามารถไปทำความรู้จัก”
หวังอวิ๋นยิ้มแล้วไม่พูดอีก ทว่าเพ่งสมาธิไปที่การจัดระเบียบโต๊ะเรียนของตนเอง
สิ่งของที่เด็กสาวสองคนนี้เอามาโรงเรียนไม่มาก มีแค่เครื่องเขียนนิดหน่อยกับตำราภาษาต่างประเทศกับคณิตศาสตร์ ไม่มีอย่างอื่นอีก
ชิ่งเฉินพบว่าป้ายยี่ห้อของเสื้อผ้าอีกฝ่ายเขาไม่รู้จักเลย
หลังจากหนึ่งคาบเรียนผ่านไป ชิ่งเฉินเห็นอย่างชัดเจนมากว่าหวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์สองคนก็น่าจะเป็นนักท่องเวลา สาเหตุที่พวกเธอย้ายโรงเรียนอันที่จริงก็คือการพุ่งเป้ามาที่หลิวเต๋อจู้
ภายในระยะเวลา 45 นาที หวังอวิ๋นมองท้องแขนอย่างอดไม่ได้ 6 ครั้ง ไป๋หว่านเอ๋อร์มองท้องแขนอย่างอดไม่ได้ 5 ครั้ง ล้วนเป็นตำแหน่งของการนับถอยหลัง
สิ่งที่มีค่าให้เอ่ยถึงคือ จำนวนครั้งที่หนานเกิงเฉินมองเป็น 21 ครั้ง
หลังคาบเรียน หวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์สองคนเดินออกไปนอกห้องเรียน บนทางเดินมีนักเรียนชายสองคนรออยู่ตรงนั้นแล้ว
นี่เป็นนักเรียนชายที่ชิ่งเฉินไม่เคยเห็นในโรงเรียนสองคน คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ขาวสะอาด อีกฝ่ายสวมแว่นตาขอบทอง มีลักษณะของนักเลงผู้ดีอย่างในภาพยนตร์ชนิดหนึ่ง
อีกคนสวมแว่นตาขอบสีดำอย่างสุภาพบุรุษ
สี่คนนี้ยืนอยู่ในทางเดินคุยอะไรกันเสียงเบา ๆ ดึงดูดสายตาของเพื่อนนักเรียนบนทางเดินนับไม่ถ้วน
อาคารหลังนี้ที่พวกชิ่งเฉินอยู่มีทั้งหมดหกห้องเรียน นักเรียน 452 คน
แต่ตรงนั้นที่สี่คนนี้ยืนอยู่ คล้ายกับว่าจุดโฟกัสของอาคารทั้งชั้นก็คือพวกเขา สายตาของทุกคนล้วนถูกบังคับให้เบนออกไป จากนั้นในใจเกิดความรู้สึกต่ำต้อยชนิดหนึ่งขึ้นมา
นักเรียนชายที่สวมแว่นตาขอบทองเหมือนจะเป็นผู้นำในสี่คน เพราะว่าเวลาที่เขาพูดด้วยท่าทางสงบมากที่สุด อีกสามคนล้วนรับฟัง
เวลานี้หนานเกิงเฉินกลับมาถึงห้องเรียนสีหน้ารีบร้อน เขาลงเสียงลงต่ำกล่าวว่า “นักเรียนย้ายเข้าสี่คนนี้มาด้วยกัน ฉันไปถามห้องข้าง ๆ มา นักเรียนชายสองคนนั้นย้ายไปที่ปีสองห้อง 4 ของพวกเขา”
“อืม” ชิ่งเฉินกล่าว “ยังมีอะไรไหม”
“แว่นขอบทองคนนั้นชื่อหูเสี่ยวหนิว มีคนพูดว่าเห็นเขาตอนเช้าขับรถมากับอีกสามคน” หนานเกิงเฉินกล่าว “นักเรียนชายอีกคนชื่อจางเทียนเจิน”
“ขับรถ?” ชิ่งเฉินอึ้งไป
พวกเขาที่เป็นวัยรุ่นประเภทอนาถา เคยเห็นว่ามีเพื่อนนักเรียนขับรถมาเรียนที่ไหนล่ะ ไม่ใช่ว่านี่มันเป็นแค่สิ่งที่จะมีในพล็อตของละครไอดอลเหรอ
ตลอดทั้งวัน หวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์ล้วนไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนนักเรียนในห้องสักเท่าไหร่ ทุกครั้งหลังคาบ พวกเธอจะเดินไปนอกห้องเรียนซุบซิบกับหูเสี่ยวหนิวและจางเทียนเจิน
ไม่ได้มอบโอกาสให้นักเรียนที่อยู่แต่เดิมได้พูดคุยกับพวกเขาเลย
ในหนึ่งวันนี้ เด็กสาวทั้งสองยังพูดกับหนานเกิงเฉินไม่กี่คำ อย่างเช่นถามชื่อของครู ความคืบหน้าของการสอน ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกกับธรรมเนียมในโรงเรียนบางส่วน
สำหรับชิ่งเฉิน พวกเธอไม่ได้พูดด้วยสักคำ
ชิ่งเฉินสามารถดูออกว่าการเรียนของเด็กสาวสองคนนี้ดีกว่าที่นึกคิดเอาไว้
ไป๋หว่านเอ๋อร์ในคาบเรียนภาษาอังกฤษก็หยิบข้อสอบโทเฟิลของปี 2021 ออกมาตรง ๆ นั่นเป็นสิ่งที่ชิ่งเฉินเคยทำแล้ว
ส่วนหวังอวิ๋นกำลังทำข้อสอบแข่งขันฟิสิกส์ คาบอื่นล้วนไม่ฟังสักเท่าไหร่ ชิ่งเฉินแม้แต่เห็นยังไม่เคยเห็น จะต้องเป็นเนื้อหาการสอนในสถาบันกวดวิชาสักแห่งแน่ ๆ
อีกอย่าง ตอนที่ชิ่งเฉินเดินผ่านทางเดินไปห้องน้ำครั้งหนึ่งได้ยินอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ทั้งสี่คนพูดเป็นภาษาอังกฤษ
นี่น่าจะเป็นการจงใจไม่ให้พวกเพื่อนนักเรียนฟังเข้าใจจึงเลือกภาษาอังกฤษ เมืองเล็กชั้นสามอย่างเมืองลั่ว นักเรียนที่สามารถฟังภาษาอังกฤษปากเปล่าเข้าใจในระดับมัธยมปลายไม่นับว่ามากเลย
ชิ่งเฉินได้ยินคำคีย์เวิร์ดบางส่วน นักท่องเวลา ทะลุมิติ เมืองหมายเลข 7 จะไปเมืองหมายเลข 18 อย่างไร
พอถึงตอนติวหนังสือด้วยตัวเองภาคค่ำ ชิ่งเฉินพูดกับหนานเกิงเฉินเสียงต่ำว่า “ฉันไปก่อนนะ ในโรงเรียนมีเรื่องอะไรนายก็ส่งข้อความให้ฉันด้วย”
หวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์มองดูชิ่งเฉินเดินตัวปลิวออกจากห้องเรียน หนึ่งในนั้นถามหนานเกิงเฉินว่า “เขาโดดเรียนแล้ว?”
“อืม” หนานเกิงเฉินตอบเซ็ง ๆ
“เขาไม่ใช่ว่าเป็นนักเรียนดีเด่นเหรอ ทำไมโดดเรียนแล้วล่ะ” ไป๋หว่านเอ๋อร์สับสน
“นี่ก็คือสิทธิ์พิเศษของนักเรียนดีเด่นไง จนถึงตอนนี้ครูล้วนไม่เคยว่าเขา” หนานเกิงเฉินกล่าว
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา เขาก็เห็นว่าหวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของแล้วโดดเรียนโดยไม่เหลียวหลัง
เหลือเพียงหนานเกิงเฉินคนเดียวที่นั่งอยู่แถวสุดท้ายอย่างโดดเดี่ยว
หนานเกิงเฉินมองดูพระอาทิตย์ตกนอกห้องเรียน จู่ ๆ ก็รู้สึกเหงาอยู่บ้าง……
……
ชิ่งเฉินเดินเข้าบ้าน เขาอยากจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ไม่ได้ใส่มานานมากแล้ว…… จากนั้นไปหาร้านเล็ก ๆ ที่รับทองคำเป็นการส่วนตัว เอาทองคำที่ตัวเองยึดมาจากลู่ก่วงอี้ไปขาย
วิชาหายใจเผาผลาญพลังงานบนร่างตัวเองมากเกินไปแล้ว ดังนั้นมื้ออาหารของเขาจะต้องตามให้ทัน
หลังจากชิ่งเฉินตระเตรียมทุกสิ่งเรียบร้อยก็สะพายกระเป๋าเป้ผลักประตูเดินออกไป
ผลคือเจอกับหวังอวิ๋น, ไป๋หว่านเอ๋อร์, หูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจินสี่คนพอดี
เขาอุทานในใจ เพื่อนบ้านใหม่ของตัวเองเป็นพวกเขาจริง ๆ ด้วย
หวังอวิ๋น, ไป๋หว่านเอ๋อร์อยู่ชั้นสอง ตรงข้ามกับเจียงเสวี่ย
หูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจินอยู่ตรงข้ามกับเขา
อีกฝ่ายพุ่งเป้ามาที่หลิวเต๋อจู้จริง ๆ แต่ถ้าสามารถทำความรู้จักเจียงเสวี่ยตามรายทางได้ด้วยก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งเดียวที่อีกฝ่ายเลือกอยู่ในตึกเล็กทรุดโทรมนี่
ตอนที่หวังอวิ๋นเห็นชิ่งเฉินก็อึ้งไป เธอยิ้มกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่านายก็อยู่ที่นี่”
หูเสี่ยวหนิวที่สวมแว่นตาขอบทองยิ้มถามหวังอวิ๋นว่า “คนนี้คือ?”
“นี่เป็นเพื่อนนักเรียนปีสองห้อง 3 ของพวกเรา” หวังอวิ๋นอธิบาย “ฟังจากที่ครูพูด ยังเป็นหนึ่งในนักเรียนที่การเรียนดีที่สุดในชั้นปีด้วย”
หูเสี่ยวหนิวมองไปทางชิ่งเฉิน “สวัสดี หูเสี่ยวหนิว ดูแลกันมาก ๆ ด้วยนะ”
“อืม” ชิ่งเฉินพยักหน้าอย่างสงบนิ่ง “ทีหลังจะดูแลมาก ๆ”
พูดจบแล้วเขาหายลับไปในแสงโพล้เพล้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้มีแผนจะติดต่อกับอีกฝ่ายมาก ๆ เลย
………………………………….
ตอนที่ 53 – นักเรียนท๊อปกับนักเรียนเทพ