ตอนที่ 59 – ระแวง
หวังอวิ๋น นักเรียนหัวกะทิชั้นมัธยมปลายเมืองไห่
เดิมทีถ้าไม่เกิดเหตุเหนือความคาดหมาย วันที่ 30 เดือนมีนาคมปีหน้าเธอควรจะเข้าร่วมการแข่งขันฟิสิกส์ AAPT PhysicsBowl อันมีชื่อเสียงที่สุดระดับโลกที่อีกซีกโลก
แต่ทว่าหวังอวิ๋นเพื่อจะใกล้ชิดหนานเกิงเฉินกับชิ่งเฉิน จงใจเลือกโจทย์อนุกรมเลขาคณิตที่เรียบง่ายมาหนึ่งข้อ กลับถูกอีกฝ่ายเห็นว่าเป็นเด็กห้องบ๊วยที่เรียนไม่ดีไปแล้ว
ความภาคภูมิใจในตัวเองของเธอผ่านด่านนี้ไปไม่ได้แล้ว!
ตอนที่หวังอวิ๋นอยากจะไปถกเหตุผลกับหนานเกิงเฉิน ไป๋หว่านเอ๋อร์มาดึงตัวเธอทันเวลา เอ่ยเตือนเธอเสียงเบา ๆ ว่า “ไม่ทนเรื่องเล็กจะเสียการใหญ่นะ ลืมว่าเสี่ยวหนิวพูดยังไงไปแล้วเหรอ ฮึบไว้!”
“ฮึบอยู่”หวังอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกกลับไปนั่งที่ของตนเอง
เวลานี้ หนานเกิงเฉินยังกระซิบเสียงเบาข้าง ๆ ชิ่งเฉินว่า “นายว่าเธอตั้งใจให้ฉันอธิบายโจทย์ให้เธอจะเป็นเพราะว่าชอบฉันรึเปล่า”
ชิ่งเฉินไม่ได้ตั้งใจจะต่อหัวข้อนี้เลย ทว่าจู่ ๆ ถามว่า “นายอยู่โลกภายในสัมผัสกับวงการแฮกเกอร์ใช่รึเปล่า ไม่งั้นทำไมวัน ๆ เอาแต่ดูโปรแกรมมิ่ง”
“เปล่านะ” หนานเกิงเฉินเอ่ยอย่างวัวสันหลังหวะ “ก็แค่งานอดิเรก เรียนเล่น ๆ”
เวลานี้จู่ ๆ ชิ่งเฉินตระหนักว่า ตนเองก็เหมือนว่าควรจะเรียนอะไรสักหน่อย
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีของโลกภายในเหนือล้ำกว่าโลกภายนอกไปไกล แต่มันไม่ได้หมายความว่าความรู้ของโลกภายนอกจะหมดประโยชน์ไปทั้งหมด
ยกตัวอย่างเช่นหมากรุก มันก็เป็นหินรองเท้าในเรือนจำหมายเลข 18 ของเขา
เดี๋ยวนะ ชิ่งเฉินจู่ ๆ คิดขึ้นมาได้ว่าตนเองต้องเรียนอะไรแล้ว ภาษาญี่ปุ่น
ตนเองที่โลกภายในมีประวัติภูมิหลังเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่างโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วตนเองอยากจะฟังให้เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไรกลับได้แต่อาศัยเครื่องแปลภาษา
ในสิบปีที่ผ่านมา ชิ่งเฉินรักษาทัศนคติอันใฝ่รู้มาโดยตลอด อยากจะให้ความรู้มาเปลี่ยนชะตาชีวิต ตัดขาดกับทุกสิ่งในอดีต
นิสัยนี้ถึงจะไปถึงโลกภายในก็จะไม่เปลี่ยนไป
ก่อนอื่นเขาเปิดโทรศัพท์มือถือเสิร์จหาตำราพื้นฐานในการเรียนภาษาญี่ปุ่น ซื้อมาสี่เล่มในรวดเดียวจากเถาเป่า
ขณะนี้ชิ่งเฉินคล้ายกับจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เสิร์ชคำว่า “จินได โซราเนะ” สี่คำด้วยความคิดชั่วแล่น
เขาตะลึงไปแล้ว
หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ!
แถมยังเป็นดารา!
หวังอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ เหลือบมองโทรศัพท์มือถือของเขาทางหางตาแล้วเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “ที่แท้นายชอบสาวประเทศเกาะคนนี้ ถึงกับจ้องตั้งนานขนาดนี้เลย”
ชิ่งเฉินเงยหน้ามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “เปล่า”
หวังอวิ๋นเพียงถือว่าเขาปากแข็ง ไม่ได้ตอบโต้ต่อไป
แต่ทว่าในใจชิ่งเฉินกลับปั่นป่วนขึ้นมา เดิมทีเขาเสิร์ชหาจินได โซราเนะด้วยจิตใจแบบลอง ๆ ดู แต่คิดไม่ถึงว่าจะเสิร์ชพบอีกฝ่ายจริง ๆ
เด็กสาวตระกูลจินไดที่เงียบงันไร้คำพูดกับตนเองในห้องสอบสวนเดี่ยวคนนั้น
ในรูป เด็กสาววิ่งอยู่ในทุ่งดอกทานตะวันภายใต้แสงอาทิตย์ ผินหน้ากลับมา ผมยาวพัดพลิ้ว ยิ้มอย่างเจิดจ้าเป็นพิเศษ
รอยยิ้มชนิดนี้มีเสน่ห์, เรียบง่าย, ไร้เดียงสา, บริสุทธิ์ดุจดั่งสายธารบนภูเขา
ข้อมูลระบุว่า
พ่อของเด็กสาวเป็นคนเชื้อสายจีน แม่เป็นคนประเทศเกาะ
ไม่น่าเล่าเธอจึงพูดได้สองภาษา
ปีที่แล้วอีกฝ่ายอาศัยภาพยนตร์ “ดอกชบา” ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากสถาบันภาพยนตร์ประเทศเกาะ ปีนี้แสดงเป็นดารานำหญิงใน “ทานตะวัน” ผลงานของผู้กำกับอิวาอิอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าสิ่งที่แสดงล้วนเป็นงานศิลป์อินดี้ ชื่อเสียงต่างประเทศไม่สูง แต่ในเกาะกลับมีคนประเมินเธอว่า “อาจจะกลายเป็นสามเสาหลักของวงการภาพยนตร์ในอนาคต”
วันนี้ ชิ่งเฉินหลังจากเสิร์ชได้ผลลัพธ์แล้วสมองก็แข็งค้างไปเลย เขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจว่าตนเองไปเกี่ยวข้องกับบุคคลประเภทนี้ได้อย่างไร
หวังอวิ๋นเคยดู “ดอกชบา” “ทานตะวัน” ดังนั้นเธอรู้ว่าจินได โซราเนะกำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการบันเทิงประเทศเกาะ จะกลายเป็นตัวแทนเทพีสายป่า* ก็เป็นเรื่องปกติมาก
เด็กสาวเช่นนี้กับนักเรียนชายของเมืองเล็ก ๆ มีระยะห่างกันไกลเกินไปแล้ว
ทว่าเวลานี้สิ่งที่ชิ่งเฉินกำลังคิดคือ ในข้อมูลที่เขาได้รับมาตอนนี้ ตระกูลจินไดกับตระกูลอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีทะเลตัดขาดจากกันเลยนี่น่า
จะอย่างไรหลี่ซูถงเคยบอกว่ามหาสมุทรทั้งหมดล้วนกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามไปแล้ว ถ้าหากตระกูลจินไดอยู่บนเกาะก็เป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามทะเลมาถึงแผ่นดินใหญ่
ดังนั้น นักท่องเวลาของประเทศเกาะจะทะลุมิติไปถึงแผ่นทวีปเดียวกันกับนักท่องเวลาในประเทศไหม
ถึงตอนนี้ชิ่งเฉินยังไม่เคยเห็นแผนที่ของโลกภายในเลย อันนี้ตอนที่ทะลุมิติครั้งหน้าสามารถไปขอจากหลินเสี่ยวเสี้ยวได้
จบคาบเรียน หวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์สองคนเดินไปที่ทางเดินรวมตัวกับหูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจิน
หูเสี่ยวหนิวถามว่า “มีความคืบหน้าใหม่ไหม”
หวังอวิ๋นแบมือ “หนานเกิงเฉินกับชิ่งเฉินสองคนนั่นอย่างกับเป็นคนโง่ หนานเกิงเฉินไม่ต้องพูดแล้ว ชิ่งเฉินจ้องข้อมูลของดาราสาวคนหนึ่งของประเทศเกาะทั้งคาบ”
ไป๋หว่านเอ๋อร์เอ่ยอย่างรู้สึกประหลาดว่า “ครูไม่ได้บอกว่าชิ่งเฉินเป็นนักเรียนเรียนดีเหรอ ทำไมท่าทางแบบนักเรียนเรียนดีสักนิดก็ไม่มี แล้วยังบ้าดารา……”
“ใครจะรู้ล่ะ” หวังอวิ๋นถอนหายใจ “นักเรียนเรียนดีเยอะแยะที่อยู่ปีสองก็เริ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่านขึ้นมา จากนั้นการเรียนตกวูบ เรื่องอย่างนี้ทุกคนไม่ใช่ไม่เคยเห็น เรื่องที่นักเรียนเทพสองคนที่ม.ปลายไห่เราหลังจากออกเดตแล้วตกจากบัลลังก์ทั้งคู่ยังจำกันได้ไหม”
เวลานี้ หูเสี่ยวหนิวขมวดคิ้วขึ้นมา “เมื่อวานพวกเราพูดกันยังไง ได้โปรดปล่อยวางความหยิ่งทะนงของทั้งสองคน ถ้าวัน ๆ เธอเอาแต่ยึดถือพวกเขาสองคนเป็นคนโง่อยู่ในใจ งั้นยังจะกลายเป็นเพื่อนกันได้ยังไง”
หวังอวิ๋นก็ไม่แฮปปี้นิดหน่อย “งั้นพวกเราสี่คนแลกห้องเรียนกันเหอะ ฉันไปตีสนิทกับหลิวเต๋อจู้ นายมาเป็นเพื่อนกับชิ่งเฉินเอาไหม”
เวลานี้ กรรมการนักเรียนอวี๋จวิ้นอี้จู่ ๆ วิ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง เขาไปถึงหน้าประตูห้องมัธยมปลายปีสองห้อง 3 กล่าวกับชิ่งเฉินว่า “ชิ่งเฉิน ครูต่างชาติเรียกนายไปพบน่ะ”
“ได้ เดี๋ยวไป” ชิ่งเฉินตอบรับ
โรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่วมีชาวต่างชาติ แต่หนึ่งสัปดาห์ก็เปิดคลาสให้ทุกคนแค่คาบเดียว เนื้อหาการสอนไม่ได้เพียบพร้อมอะไร ก็คือคุยเล่นกับทุกคนในคาบ ดีดกีต้าร์
นี่นับว่าเป็นฟีเจอร์ “สื่อสารซึ่งหน้า” ของโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่ว ไม่ได้มีความหมายทางการศึกษาในเชิงปฏิบัติ
จนกระทั่งชิ่งเฉินลงบันได หูเสี่ยวหนิวถามอวี๋จวิ้นอี้ขึ้นมากะทันหันว่า “สวัสดี ครูต่างชาติหาชิ่งเฉินมีธุระอะไรเหรอ”
กรรมการนักเรียนอวี๋จวิ้นอี้หัวเราะฮิ ๆ อย่างมีความสุขแล้วว่า “อันนี้ฉันจะรู้ได้ไงล่ะ พวกเขาสองคนเป็นเพื่อนกัน ก่อนหน้านี้ชิ่งเฉินดึงครูต่างชาติมาฝึกพูด ตอนหลังก็เป็นชิ่งเฉินสามารถสนทนาแบบปกติกับครู พวกเขาก็เลยค่อย ๆ สนิทสนมกัน ครูยังมักจะเอาของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ จากต่างประเทศมาให้เขาด้วย ฉันยังเคยกินชอกโกแลตที่ครูให้ชิ่งเฉินเลย”
หูเสี่ยวหนิวกับพวกอึ้งไป แค่จุดนี้ก็เพียงพอจะพิสูจน์แล้วว่าทักษะพูดกับฟังภาษาอังกฤษของชิ่งเฉินไม่มีปัญหาหมดเลย ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้!
หูเสี่ยวหนิวสูดลมหายใจเข้าลึก “ตอนนี้ฉันระแวงว่าเขาก็เป็นนักท่องเวลา! ฉันขอยืนยันกับพวกเธออีกรอบว่าสรุปแล้วเขาได้แอบฟังพวกเธอคุยกันรึเปล่า”
ไป๋หว่านเอ๋อร์คิดแล้วกล่าวว่า “อันดับแรกสามารถยืนยันได้ว่าเขาเขียนโจทย์เลขจริง ๆ ไม่ได้แอบฟัง”
“นั่นก็ไม่สามารถตัดข้อสงสัย” หูเสี่ยวหนิวเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ฉันจะคิดหาวิธีมายืนยันหน่อย”
……………………………………..
*สาวป่า (森女) เป็นคำย่อจาก เด็กสาวสายป่า (森林系女孩) เป็นเด็กสาวที่มีสไตล์การแต่งตัวเหมือนหลุดมาจากป่า ประมาณว่ารักธรรมชาติ ชีวิตเรียบง่าย อ่อนโยน อะไรงี้ อาจจะแต่งประมาณฟิลสาวบ้านป่า หรือไม่ก็เป็นแนวแฟรี่ไปเลย
ตอนที่ 60 – กลับมาแล้ว