ตอนที่ 75 – นอกเวที
ลู่หยวนตื่นเต้นนิดหน่อย เขาคาดการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างหลิวเต๋อจู้กับหูเสี่ยวหนิวได้โดยคร่าว ๆ แล้ว แล้วก็คาดการณ์เครือข่ายเหตุการณ์ของคืนนี้ได้แล้ว
ดังนั้น เขาส่งไอเดียของตนเองไปให้เจิ้งหย่วนจงทันที : หูเสี่ยวหนิวเชิญหลิวเต๋อจู้มาดีลกันอยู่ก่อน ในกระบวนการรับทองคำของหลิวเต๋อจู้ได้พาคุนหลุนมาพบกับคนร้ายโดยไม่ตั้งใจ หูเสี่ยวหนิวสี่คนเป็นนักท่องเวลา ส่วนหลิวเต๋อจู้มีคุณสมบัติที่จะดีลกับคนอื่นแล้ว
แต่ทว่า ตอนที่ลู่หยวนกำลังตั้งตารอให้บอสชม ข้อความตอบของเจิ้งหย่วนตงกลับสาดน้ำเย็นราดรดเขา “การวิเคราะห์ของคุณไม่ถูก”
ลู่หยวนกังขา “บอส ตรงไหนไม่ถูกครับ”
“หูเสี่ยวหนิวหลังจากมีนัดกับหลิวเต๋อจู้ไม่รออยู่ที่บ้านดี ๆ แต่ดันวิ่งไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน ก่อนจะทำดีลสำคัญคุณจะไปเยี่ยมเพื่อนบ้านไหม” เจิ้งหย่วนตงถาม
“ไม่ครับ นี่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมตามตรรกะ” ลู่หยวนเข้าใจทันควันว่าบอสหมายความว่าอะไร “บอส คุณจะบอกว่า อันที่จริงหูเสี่ยวหนิวไม่ได้รู้เลยว่าหลิวเต๋อจู้จะมา พวกเขาไม่ได้มีนัดหมายอะไรกันเลย”
“ใช่” เจิ้งหย่วนตงถามอีกว่า “ถ้าคุณมีฐานะอย่างหลิวเต๋อจู้ คนอื่นมีคำขอร้องต่อคุณ คุณจะกอดอกซุ่มอยู่ชั้นล่างคนอื่นรอยี่สิบกว่านาทีก็ไม่เกิดโมโหไหม”
“ไม่ครับ ผมจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายจองหองเกินไปแล้ว ผมกับแฟนคนก่อนเลิกกันก็เพราะเธออืดอาดเกินไปนี่แหละ ทุกครั้งออกจากบ้านต้องให้ผมรอเป็นครึ่งชั่วโมง” ลู่หยวนตอบกลับ
เจิ้งหย่วนตงถามว่า “งั้นถ้าผมให้คุณรอครึ่งชั่วโมงล่ะ คุณรอไหม”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างประหม่าว่า “บอส ผมกล้าไม่รอเหรอ…… ท่านจะบอกว่า หลิวเต๋อจู้ยังมีบอสอีกคน!”
เจิ้งหย่วนตงกล่าวว่า “ดังนั้น คุณรู้สึกว่าข้อสรุปก่อนหน้านี้ของคุณถูกไหม”
ลู่หยวนเบิกเนตรทันใด จริงด้วย ก่อนหน้านี้ที่จริงตนเองค้นพบเงื่อนงำมากมายแล้ว แต่ไม่ได้คิดทบทวนให้ละเอียด
เวลานี้ เจิ้งหย่วนจงตอบกลับมาว่า “มีคนจงใจปิดบังเงื่อนงำอย่างหนึ่ง ดังนั้นชี้นำคุณไปสู่ข้อสรุปที่ผิดพลาด เงื่อนงำนี้ซ่อนเร้นที่สุด แต่ก็สำคัญที่สุด : สรุปแล้วเป็นใครที่ให้หลิวเต๋อจู้มาลานหมายเลขสี่ถนนสิงสู่ เป็นใครที่ค้นพบร่องรอยของคนร้าย ใครสามารถทำให้หลิวเต๋อจู้นั่งซุ่มอยู่ยี่สิบกว่านาทีอย่างเต็มอกเต็มใจ”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างมึน ๆ ว่า “คืนนี้……ยังมีคนคนหนึ่งที่พวกเราไม่รู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์”
จู่ ๆ เขารู้สึกแผ่นหลังหนาวเย็นขึ้นมา คล้ายกับว่าขณะที่ตนเองทำการแสดงสุดความสามารถบนเวทีในคืนนี้กลับมีคนคนหนึ่งจ้องมองนิ่ง ๆ ในความมืดนอกเวที
คุณไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร คุณถึงขนาดไม่รู้ว่าเขากำลังมองคุณ
เจิ้งหย่วนตงตอบวีแชตมาว่า “คนคนนี้น่าจะเป็นคนที่ผมบอก นักท่องเวลาคนที่สามในเรือนจำหมายเลข 18 เขาควบคุมพฤติกรรมของหลิวเต๋อจู้คืนนี้ ชักใยให้พวกเรามาเชื่อมโยงกัน แต่ไม่ต้องกังวลไป อย่างน้อยอีกฝ่ายในตอนนี้ดูแล้วเป็นมิตร”
ลู่หยวนรู้สึกว่าสมองตนเองมึนตึ๊บไปสักหน่อย บางทีจะมีแต่คนอย่างบอสที่สามารถสนทนากับนักท่องเวลาที่เร้นลับคนนั้นได้สินะ……
“บอส หรือว่าผมหาโอกาสไปสอบสวนหลิวเต๋อจู้สักหน่อยดีไหมครับ อย่างนี้อาจจะรู้ว่าเป็นใคร”
เจิ้งหย่วนตงตอบมาว่า “งั้นคนที่เดิมเป็นเพื่อนก็จะกลายเป็นศัตรูสิ อีกอย่าง พวกเราไม่สามารถปฏิบัติต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างนี้”
“จริงสิ เจียงเสวี่ยซ่อนตัวในบ้านเพื่อนบ้านชั้นล่าง” ลู่หยวนคิดแล้วกล่าวว่า “เด็กของบ้านเพื่อนบ้านคนนั้น ผมรู้สึกตลอดเลยว่าประหลาดนิดหน่อย”
“ประหลาดตรงไหน”
“หน้าตาดี? พอเห็นก็จำได้ง่าย” ลู่หยวนกล่าว “แต่ว่าพวกเราค้นพบว่าคนร้ายพกพาสิ่งของที่บล็อกสัญญาณ เขาอยู่ใกล้ขนาดนั้นก็ไม่มีทางติดต่อกับหลิวเต๋อจู้ น่าจะเป็นผมที่คิดมากไป”
……
นับถอยหลัง 23:50:00
เที่ยงคืน 10 นาที* ชิ่งเฉินยังไม่หลับ
เขานอนบนพื้นห้องนั่งเล่นเงียบ ๆ ใต้ร่างกายคือฟูกที่เจียงเสวี่ยปูให้เขา
บ้านเจียงเสวี่ยถูกพังไปแล้ว แถมยังมีผู้ต้องสงสัยห้าคนอยู่ระหว่างหลบหนี ดังนั้นแม่ลูกคู่นี้สุดท้ายยังอยู่ที่บ้านชิ่งเฉินเป็นการชั่วคราว
ในบ้านมึดสลัวผุพังยังมีกลิ่นของความอับชื้นโชยขึ้นเรื่อย ๆ
ในห้องครัวมีมดหลายตัวมุดออกมาเป็นครั้งคราว ชิ่งเฉินก็ไม่เคยไปจัดการ
เจียงเสวี่ยปัดกวาดห้องเป็นอย่างดีไปหนึ่งรอบตอนกลางคืน คล้ายกับขอบคุณการคุ้มครองของชิ่งเฉินอย่างเงียบ ๆ
ชิ่งเฉินนอนไม่หลับ เปลี่ยนเป็นใคร ๆ ประสบกับเรื่องราวมากอย่างนี้ก็ล้วนจะนอนไม่หลับ
เขารีวิวทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ยืนยันว่าไม่มีใครสามารถค้นพบบทบาทของตนเองในนี้เป็นการชั่วคราว
ถึงหลิวเต๋อจู้จะถูกทรมาน คนอื่นก็จะรู้เพียงว่าเบื้องหลังของหลิวเต๋อจู้ยังมีบุคคลหลังฉากอันเร้นลับหนึ่งคน แต่ไม่อาจรู้ว่าเป็นใคร
เรื่องราวในคืนนี้เหมือนกับไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย ทว่าเหตุและผลที่โยงใยกันเป็นพันเป็นหมื่นล้วนเชื่อมโยงกันเพราะเขา
ความรู้สึกชนิดนี้มหัศจรรย์มาก
ก็เหมือนกับหมากรุก ตลอดมาเขาเหมาะสมกับบทบาทของผู้เดินหมากมากว่า ไม่ใช่ตัวหมาก
แล้วก็ไม่ยินยอมจะเป็นตัวหมากด้วย
ในห้องนอนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นมา หลี่ถงอวิ๋นในชุดนอนลอดตัวออกมาจากห้องเงียบ ๆ มานั่งอยู่บนพื้นข้าง ๆ ชิ่งเฉิน “พี่ชิ่งเฉิน พี่ก็ไม่หลับเหรอ”
ชิ่งเฉินใช้แขนรองศีรษะมองไปทางเธอ “ทำไมเธอยังไม่นอน คุณแม่เธอล่ะ”
หลี่ถงอวิ๋นเอ่ยเสียงเบาว่า “แม่หนูหลับแล้ว เรื่องที่ถามพี่ครั้งที่แล้วคิดว่ายังไงคะ”
ชิ่งเฉินถามว่า “เรื่องอะไร”
“แกล้งอะไรกันคะ พี่ความจำดีขนาดนี้ รู้แน่ ๆ ว่าหนูกำลังพูดอะไร” หลี่ถงอวิ๋นยกนิ้วขึ้นมานับ “วันนี้วันที่ 29 เดือนกันยายน พรุ่งนี้วันที่ 30 มะรืนก็วันชาติแล้ว!”
ชิ่งเฉินเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ “อ้อ เรื่องนี้……”
“พวกเราออกไปเล่นนะ เกิดเรื่องเยอะขนาดนี้ ไปผ่อนคลายจิตใจกันเถอะ!” หลี่ถงอวิ๋นมีจิตใจของเด็กน้อย ตอนที่พูดถึงออกไปเล่น ดวงตาในความมืดก็เปล่งประกายวิบวับ
“เธออยากออกไปเล่นก็ไปสิ ทำไมต้องเรียกฉันด้วย” ชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
หลี่ถงอวิ๋นก้มศีรษะลง “พี่ไม่ไป แม่หนูก็จะไม่ไป แม่บอกว่าตอนนี้ออกจากบ้านอันตรายเกินไป แต่หนูรู้สึกว่าอยู่ในเมืองถึงจะอันตราย ออกไปกลับจะไม่เกิดเรื่อง ในข่าวก็บอกนิว่าองค์กรนั่นยังเหลือห้าคนที่จับไม่ได้ พวกเขาจะต้องยังจ้องนักท่องเวลาในเมืองแน่เลย!”
ชิ่งเฉินรู้สึกว่านี่ก็มีเหตุผลมาก แต่เขาหันไปถามว่า “เธอก็อยากออกไปเล่นอย่างเดียวเหรอ”
“โอเค ก็ไม่ใช่หรอกค่ะ” หลี่ถงอวิ๋นก้มศีรษะน้อย ๆ ลงต่ำ “วันชาติถ้าไม่ออกไปเล่น หนูจะต้องไปเรียนพิเศษแน่เลย……”
ชิ่งเฉินตะลึงงัน เทียบกับความฉลาด, เฉียบแหลม, โตกว่าวัยของหลี่ถงอวิ๋นแล้ว นี่จึงคล้ายกับปัญหาของเด็กน้อยมากกว่า
ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์ผู้ทะลุมิติ เหล่าเด็ก ๆ ก็หนีการเรียนพิเศษไม่พ้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นทายาทสายเลือดตรงของกลุ่มการเงินตระกูลหลี่โลกภายใน……
เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “งั้นเธออยากไปเล่นที่ไหน ฉันก็ไม่แน่ว่าจะสามารถกล่อมแม่ของเธอได้นะ”
“ไม่ต้องค่า พี่แค่ต้องสัญญามาก็พอ หนูไปกล่อมแม่เอง!” ดวงตาเล็ก ๆ อันมั่นคงของหลี่ถงอวิ๋นจ้องชิ่งเฉิน “แม่แค่รู้สึกว่าออกไปจะไม่ปลอดภัย แต่พี่ตามไปด้วยก็จะปลอดภัยแล้ว!”
ตรรกะแข็งแกร่ง
หลี่ถงอวิ๋นกล่าวต่อว่า “พวกเราก็ไม่ได้ไปไกล ก็ไปแถว ๆ เมืองลั่วอย่างเช่นเขาเหล่าจวิน? ได้ยินว่าที่นั่นพระอาทิตย์ขึ้นน่าดูมากเลย”
สำหรับหลี่ถงอวิ๋นไปที่ไหนไม่สำคัญ หนีออกจากเมืองกับโรงเรียนสอนพิเศษจึงจะสำคัญที่สุด
ชิ่งเฉินมองดูดวงตาเล็ก ๆ อันคาดหวังของเธอแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ได้ ฉันสัญญากับเธอ แต่ถ้าแม่เธอไม่ตกลง ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้นะ”
“คำไหนคำนั้น!” หลี่ถงอวิ๋นในชุดนอนเล็ก ๆ กลับไปอย่างเต็มด้วยความพึงพอใจ
แต่ทว่าในขณะนี้เอง ข้อความของหนานเกิงเฉินส่งมาอย่างกะทันหันว่า “ชิ่งเฉินชิ่งเฉินชิ่งเฉิน อยู่ไหมอยู่ไหมอยู่ไหม”
ชิ่งเฉินถามว่า “ค่อนคืนแล้วมีเรื่องอะไร”
“มะรืนเป็นวันชาติแล้ว หวังอวิ๋นชวนเพื่อนส่วนหนึ่งไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเขาเหล่าจวินด้วยกันน่ะ นายไปไม่ไป” หนานเกิงเฉินกล่าวทางวีแชต “ได้ยินว่ายังมีหูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจิน, หลิวเต๋อจู้ของห้องข้าง ๆ ทุกคนพอได้ยินว่ามีหลิวเต๋อจู้ก็อยากไปหมดเลย”
หนานเกิงเฉินเสริมมาหนึ่งประโยคว่า “เห็นบอกว่าหูเสี่ยวหนิวห้องข้าง ๆ เลี้ยงแหละ ทุกคนเงินสักเฟิน** เดียวยังไม่ต้องเสีย”
ชิ่งเฉินอึ้งไป บังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ เขาเหล่าจวินเหมือนกันเสียด้วย
อีกฝ่ายสี่คนจู่ ๆ เกิดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เกรงว่าอยากจะฉวยโอกาสท่องเที่ยวเพิ่มมิตรภาพกับหลิวเต๋อจู้ไปอีกก้าวสินะ
ถึงอย่างไรหลิวเต๋อจู้เพิ่งจะช่วยชีวิตพวกเขา แล้วก็พิสูจน์คุณค่าแล้ว
แต่ว่าหวังอวิ๋นชวนหนานเกิงเฉิน แต่ไม่ได้ชวนเขาเลย
เรื่องนี้พิกลอยู่บ้าง
เขาส่งวีแชตไปถามหนานเกิงเฉินว่า “เธอรู้ตัวตนนักท่องเวลาของนายรึเปล่า”
หนานเกิงเฉินตอบว่า “ฉันไม่ใช่นักท่องเวลา!”
ชิ่งเฉินจนใจ “ได้ นายไม่ใช่”
เจ้าหมอนี่ปกติแทบจะมีคำว่านักท่องเวลาสี่คำแปะบนหน้าอยู่แล้ว หวังอวิ๋นจะต้องค้นพบความลับของหนานเกิงเฉินแล้วแน่ ๆ
ดังนั้น อีกฝ่ายจึงชวนเจ้าโง่หนานเกิงเฉินนี่
……………………………….
ชอบจริง ๆ ที่เรื่องนี้เต็มไปด้วยคนฉลาด
หนานเกินเฉินจะปากแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน……
* อันนี้ต้นฉบับเขียนว่า “นับถอยหลัง 23:50:00 23 นาฬิกา 50 นาที” สร้างความเอ๊ะให้เรามาก เลยไปอ่านคอมเมนต์ชาวจีนดู หลายคนเอ๊ะเหมือนเราแล้วก็สรุปกันว่าคุณนักเขียนน่าจะเรียนตกเลข 555
** 1 เฟินเท่ากับ 0.01 หยวน/ไคว่ เราอยากแปลเป็นสตางค์มากเลย……
ตอนที่ 76 – อย่าสร้างความแค้นกับคนอื่น