นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 109 การล่าฤดูใบไม้ร่วง

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 109 – การล่าฤดูใบไม้ร่วง

 

ออกมาจากเรือนจำหมายเลข 18 ชิ่งเฉินตามหลี่ซูถงเดินผ่านอุโมงค์ยาวเหยียด ทะลุเขตควบคุมดูแลนอกเรือนจำเดินตรงไปถึงในภูเขา

ชิ่งเฉินเคยถามว่า : ทำไมในคุกถึงมีอุโมงค์

หลี่ซูถงอธิบายกับชิ่งเฉินว่า : เรือนจำหมายเลข 18 เป็นสิ่งที่กลุ่มการเงินตระกูลหลี่สร้าง

ตอนที่ตระกูลหลี่สร้างเรือนจำได้เหลือทางรอดไว้สายหนึ่ง ป้องกันไม่ให้วันใดวันหนึ่งครอบครัวตัวเองกลายเป็นนักโทษแล้วจะแก่ตายอยู่ในคุก

เวลานั้นอิทธิพลที่กลุ่มการเงินมีต่อสหพันธรัฐยังไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่แน่ว่าเวลาใดจะกลายเป็นเหยื่อพลีชีพในการต่อสู้แย่งชิง

หลังจบเรื่อง เหล่าคนงานที่รับผิดชอบสร้างอุโมงค์สายนี้ บนเส้นทางไปปฏิบัติภารกิจก่อสร้างอีกภารกิจหนึ่งที่เมืองหมายเลข 10 ทั้งหมดล้วนตายด้วยเหตุดินภูเขาถล่ม

ความลับของอุโมงค์ก็เหลือเพียงคนตระกูลหลี่น้อยรายที่ทราบ

หลังจากหลี่ซูถงพาชิ่งเฉินออกมาได้ให้ชิ่งเฉินแบกเป้ปีนเขาอันหนักอึ้งอยู่ตลอด ถึงแม้บนเท้าของเด็กหนุ่มจะมีบาดแผล ทั้งสองคนก็ยังเดินหน้าด้วยความเร็วของการเดินเร่งรีบ*

“ในกระดูกเกิดเสียงลั่นเปรี๊ยะขึ้นมาอีกรึเปล่า” หลี่ซูถงถาม

“เปล่าครับ” ชิ่งเฉินส่ายหน้า “ไม่ได้เกิดขึ้นอีก”

เช่นเดียวกับคนรุ่นก่อนทั้งหมดของอัศวิน ตั้งแต่เหตุการณ์เขาเหล่าจวิน ยีนล็อคของเขาก็ไม่มีความเคลื่อนไหว

หลี่ซูถงยิ้ม “ไม่เป็นไร ออกมาครั้งนี้ย่อมจะมีสิ่งอื่นให้เก็บเกี่ยว”

“จริงสิครับครู” ชิ่งเฉินถาม “อาหารที่พวกเราเอามาอีก 2 วันก็กินหมดแล้ว ต่อจากนั้นพวกเราจะกินอะไรครับ”

หลี่ซูถงมองไปทางเด็กหนุ่ม “ฉันจะรู้ได้ไง นี่ย่อมเป็นเรื่องที่เธอที่เป็นนักเรียนควรจะครุ่นคิดสิ!”

ชิ่งเฉิน “……”

……

เด็กสาวฉินอี่อี่ลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่พับเต้นท์ของตัวเองแล้วโยนกลับไปบนรถ

เธอจับสังเกตเด็กหนุ่มเงียบ ๆ จากระยะสิบกว่าเมตร ค้นพบด้วยความประหลาดใจว่าอีกฝ่ายทำอาหารให้ชายกลางคนคนนั้นแล้ว

“พี่ ข้ารับใช้ไม่มีโอกาสได้รับอิสระจริง ๆ เหรอ” ฉินอี่อี่ถามฉินถง

“ข้ารับใช้ที่สามารถได้รับอิสระแทบไม่มีเลย” ฉินถงกล่าว “ข้ารับใช้เป็นคนที่ใกล้ชิดบุคคลใหญ่โตพวกนั้นที่สุด ดังนั้นพวกเขารู้ความลับเยอะมาก ดังนั้นถึงพวกเขาจะพิการแล้ว บริษัทก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาจากไป ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะฆ่าตายไปตรง ๆ เลย”

ฉินอี่อี่ถอนหายใจ เห็นชัด ๆ ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ดีขนาดนั้น ถึงกับกลายเป็นข้ารับใช้

ก็ไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวแบบไหนถึงจะเอาเด็กไปขายให้บริษัท

พวกเขาสกุลฉินถึงจะทุกข์ยากอยู่ทุกวัน เด็กก็เยอะ แต่ก็ไม่เคยเห็นฉินเฉิงมีแผนที่จะขายเด็กเลย

คิดถึงเมื่อคืนนี้ เด็กหนุ่มทายาบนเท้าตัวเองด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนสี ฉินอี่อี่คิดในใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องเคยได้รับความทุกข์ยากมามากมายแล้วสินะ ดังนั้นตอนที่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดถึงได้สามารถสงบนิ่งขนาดนี้

ในเวลานี้เอง ทิศเหนือของป่าจู่ ๆ มีเสียงเครื่องยนต์ดังออกมา ยังมีเสียงดนตรีดังหูแตก

จังหวะของดนตรีเร่าร้อนเป็นพิเศษ เหมือนกับสามารถสั่นสะเทือนจิตใจคนจากที่ห่างไกล

ขบวนรถทางทิศเหนือยังมาไม่ถึง ฉินเฉิงก็เห็นว่ากลางอากาศมีโดรนสิบกว่าตัวผ่านไปเหนือหัว

“เป็นโดรนรุ่นเปียนเจี้ย**-011 ของตระกูลเฉิน ติดอาวุธ! เร็ว รีบเก็บโดรนของบ้านพวกเรากลับมา!” ฉินเฉิงตะโกนเสียงดัง

แต่ว่า ตอนที่พูดก็สายไปแล้ว

เห็นเพียงฝูงโดรนที่มาถึงอย่างปุบปับนั้นล้อมแคมป์เอาไว้แล้ว โดรนติดอาวุธสิบกว่าตัวถึงกับยิงโดรนเก่าคร่ำคร่าของพวกฉินเฉิงตกไปตรง ๆ

ฉินอี่อี่ปวดใจ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาใช้เหยื่อแลกมาอย่างไม่ง่ายดายเลยนะ มีโดรนไม่กี่ตัวนี้อยู่ในมือ ตอนที่ออกไปเสาะหาเหยื่อข้างนอกทุกคนก็จะสามารถนอนหลับด้วยความรู้สึกปลอดภัยได้

ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวว่า “ยกมือทั้งคู่ขึ้น อย่าพยายามขัดขืน เป็นขบวนรถล่าฤดูใบไม้ร่วงของหลี่, เฉินสองสกุล พวกเราหนีไม่รอดหรอก”

ทุกคนในแคมป์ล้วนไม่กล้าขยับเขยื้อน เปียนเจี้ย-011 สิบกว่าตัวนั้นลาดตระเวนอยู่ข้างตัวทุกคนคล้ายกับเป็นแนวหน้าของขบวนรถ

ส่วนพวกฉินเฉิงก็คล้ายกับแพะแกะที่รอเชือด ยกสองมือเตรียมให้ผู้คนเชือดเฉือน

ในพริบตา ขบวนรถทิศเหนือขับมาเร็วดุจสายฟ้า ล้อขนาดมหึมาของขบวนรถก่อกวนฝุ่นผงบนพื้นจนคละคลุ้ง

ชิ่งเฉินกับหลี่ซูถงดึงปกเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นมา มองดูเงียบ ๆ

หลี่ซูถงลดเสียงลงกล่าวว่า “อย่าเปิดเผยตัวตนชั่วคราว ฉันไม่อยากฆ่าคน”

ชิ่งเฉินมองครูตัวเองอึ้ง ๆ “……”

ขบวนรถประกอบด้วยรถสามสิบกว่าคัน รถออฟโร้ดล้อใหญ่พิเศษ 29 คัน ปิคอัพเป็นรถเสบียง 7 คัน ยิ่งใหญ่สุด ๆ

ท่อไอเสียของรถออฟโร้ดไม่ได้อยู่ที่ท้ายรถ ทว่าตั้งอยู่สองข้างตัวรถ

ในเสียงดนตรีดังหูแตก มีคนเหยียบคันเร่งโห่ร้อง ท่อไอเสียสองข้างนั้นจู่ ๆ พ่นเปลวไฟออกมา

บนรถนำขบวน คนคนหนึ่งสวมที่ปิดตาจักรกลนั่งข้างคนขับ โดรนสิบกว่าตัวทั้งหมดอาศัยเขาคนเดียวใช้ระบบประสาทเชื่อมต่อควบคุม

ในสถานการณ์ทั่วไป คนประเภทนี้ในขบวนรถจะถูกเรียกว่า “ต้นหน” รับผิดชอบงานสำรวจเตือนภัยและงานป้องกันความปลอดภัยของแคมป์ทั้งหมด ถือเป็นรองหัวหน้าในขบวนรถ

บนรถคันหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง มีชายหนุ่มกระโดดลงมาแล้วเดินมาทางแคมป์ช้า ๆ เพียงแต่ตอนที่เขาเห็นปิคอัพสองคันของฉินเฉิงก็สบถว่าซวยออกมาเสียงดัง

ในรถมีคนถามว่า “ทำไมเหรอ”

ชายหนุ่มตอบเสียงดังว่า “ไอ้พวกนี้มันเป็นนักล่าในป่าที่ถือใบอนุญาตของเมืองหมายเลข 18 พลเมืองถูกกฎหมาย ฆ่าไม่ได้”

บนปิคอัพพ่นสัญลักษณ์หัวสุนัขป่าเอาไว้ ยังมีรหัสตัวเลขหนึ่งชุด นั่นเป็นรหัสตัวเลขประจำตนของฉินเฉิงทั้งครอบครัวในการออกนอกเมืองอย่างถูกกฎหมาย

ในขบวนรถมีคนกล่าวอย่างกะทันหันว่า “น่าจะไม่เป็นไรปะ ฉันเห็นกล้องบันทึกการล่าของพวกเขายังไม่ได้เปิดเลย ศูนย์บันทึกข้อมูลข้างหลังไม่รู้หรอก ฆ่าเถอะ ถือซะว่าเอาฤทธิ์เอาชัยให้การล่าฤดูใบไม้ร่วง”

ณ ขณะนี้เอง

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งในรถกล่าวว่า “พวกนายบอกว่าออกมาล่า ผลคือมารังแกชาวบ้านประเภทนี้เนี่ยนะ ไร้อนาคตจริง ๆ”

ว่าแล้ว หน้าต่างรถเลื่อนลง เปิดเผยตำแหน่งคนขับของรถออฟโร้ดหนึ่งคัน เป็นผู้หญิงรูปร่างสูงใหญ่กำยำ

ชายหนุ่มนอกรถผิวปากคำหนึ่ง หัวเราะฮา ๆ ดังลั่น “ที่อีนั่วพูดมามีเหตุผล ไปเหอะ!”

“เดี๋ยว” หลี่อีนั่วผู้กำยำกล่าวว่า “เงินที่ทำลายโดรนของคนเขาน่ะ จ่ายซะ”

“เออ!”

ชายหนุ่มล้วงทองคำแท่งสองแท่งออกมาจากกระเป๋าคาดเอวแล้วโยนลงพื้น คนทั้งหมดหันกลับไปขึ้นรถ

ขบวนรถอันยิ่งใหญ่ออกเดินทางอีกครั้ง เหลือเพียงแคมป์ที่พังพินาศ คนทั้งหมดยืนอยู่กับที่ดูอเนจอนาถอยู่บ้าง

ในแคมป์ ทุกคนล้วนถอนหายใจโล่งอก ฉินถงนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง ผู้หญิงสาวข้างตัวเขาซุกเข้าไปในอกของเขา ร่ำไห้เสียงเบา ๆ

ชาวบ้านพอกับบุคคลใหญ่โตก็ไร้กำลังอย่างนี้เอง

ฉินอี่อี่หันหน้ากลับไปและค้นพบว่าชายกลางคนกับเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างหลังต้นไม้ซึ่งง่ายต่อการปิดบังสายตาของคนอื่นตั้งแต่ต้นจนจบ

………………………….

*การเดินเร่งรีบ (forced march) เป็นศัพท์ทหารเป็นการเดินแบกน้ำหนักเดินทัพแต่ด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้เหนื่อยหอบมาก ๆ ความเร็วประมาณ 7-7.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปกติจะผ่านด่านได้คือเดินทาง 19 กิโลเมตรในสามชั่วโมง ปล. คำว่า “เดินเร่งรีบ” นี่เราไม่ได้แปลเองหรอกนะคะ กูเกิลเจอจากเว็บของกองทัพบก

**เปียนเจี้ย (边界) แปลว่าพรมแดน เนื่องจากเป็นชื่อเฉพาะเลยไม่ค่อยอยากจะแปลเท่าไหร่ ชื่อพอแปลแล้วมันประหลาด ๆ ด้วยแหละ แต่ถ้าทุกคนคิดว่า “โดรนรุ่นพรมแดน-011” ฟังเพราะว่า “โดรนรุ่นเปียนเจี้ย-011” จะเปลี่ยนก็ได้ค่ะ เพราะอย่างยานลาดตระเวนภาคพื้นเราก็แปลชื่อเหมือนกัน 

 

 

ตอนที่ 110 – มีจุดประสงค์อื่น

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท