นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 119 บทเรียนที่สาม

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 119 – บทเรียนที่สาม

 

นับถอยหลัง 66:00:00

เช้าตรู่

หลี่ซูถงกล่าวอรุณสวัสดิ์กับฉินเฉิง จากนั้นพาชิ่งเฉินเหยียบย่างไปบนทางภูเขาอย่างโดดเดี่ยว

พวกเขาไม่ได้อยากออกจากทีมแล้วเดินทางไปกันเอง ทว่าหลี่ซูถงอยากจะสอนบทเรียนที่สองให้กับชิ่งเฉิน

ไม่ใช่ พูดให้แม่นยำคือบทที่สาม

บทที่หนึ่งคือเคารพชีวิต

บทที่สองคือจะเผชิญหน้ากับโลกอย่างไร

เพียงแต่บทเรียนที่หนึ่งเป็นสิ่งที่ชิ่งเฉินเรียนรู้ด้วยตัวเองจนสำเร็จที่เขาเหล่าจวิน ดังนั้นหลี่ซูถงรู้สึกว่าไม่ได้มีความรู้สึกมีส่วนร่วมเลย

ค่อนข้างน่าเสียดาย

ทั้งสองคนปีนข้ามเขาหนึ่งลูก เดินบนทางภูเขาสิบกว่าลี้ แต่หลี่ซูถงหาสถานที่ที่เขาต้องการไม่เจอตั้งแต่ต้นจนจบ

“ครูครับ ผมรู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าครั้งนี้คุณกำลังเร่งเวลา” ชิ่งเฉินเดินบนทางภูเขา กล่าวอย่างสงบนิ่ง “ตั้งแต่ที่คุณค้นพบว่าผมมีชีวิตกลับมาจากโลกภายนอก จากนั้นทะลวงคอขวดของยีนล็อคอย่างไม่ได้ตั้งใจ เลยเริ่มวางแผนอะไรสักอย่าง”

ทุกอย่างนี้เหมือนจะเป็นการวางแผนอย่างกะทันหัน แต่หลี่ซูถงไม่ได้ไร้จุดมุ่งหมายเลย

หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอว่า “ครูก็มีเรื่องของครูเองนะ 8 ปีก่อนน้องชายของฉินเฉิง แล้วยังมีคนมากมาย เป็นสหายร่วมรบของฉัน แต่พวกเราล้มเหลว ดังนั้นถูกขังอยู่ในคุกแห่งนั้น ที่จริงฉันสามารถดิ้นรนได้ แต่ใครก็ไม่รู้ว่าผลตามหลังคืออะไร”

ชิ่งเฉินไม่รู้ว่าแปดปีก่อนสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น เขาถามว่า “งั้นตอนนี้ล่ะครับ ครูไม่ห่วงผลตามหลังแล้วเหรอ”

“เวลานั้นฉันหวาดกลัวว่าอัศวินมาถึงรุ่นฉันจะสูญสิ้นไปอย่างปุบปับ” หลี่ซูถงกล่าว “ดังนั้นฉันจึงรอมาตลอด ในที่สุดก็รอมาถึงเธอ ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าเธอก็คือทายาทที่ฉันกำลังรอ งั้นฉันก็สามารถปล่อยมือปล่อยเท้าเผชิญหน้ากับโลกใบนั้นแล้ว ไม่ต้องถามว่าฉันอยากจะทำอะไร ชีวิตของเธอเพิ่งจะเริ่มต้น ส่วนสิ่งที่ฉันอยากทำเป็นเพียงการเดินร่วมทางกับเธออีกช่วงหนึ่ง”

“ครูครับ ด่านเป็นตายสรุปแล้วคืออะไรครับ” ชิ่งเฉินถาม

“ด่านเป็นตายฟังลี้ลับ แต่อันที่จริงธรรมดามาก” หลี่ซูถงผินหน้าหาแสงอรุณ เดินพลางกล่าวพลางว่า “ก็แค่การวางเดิมพันหนึ่งครั้ง มอบชีวิตของเธอให้กับโลกใบนี้เท่านั้นเอง ปีนเขาหนึ่งลูก มองหิมะหนึ่งผืน สถานที่ซึ่งแผ่นฟ้าอยู่ใกล้ที่สุด ส่งเสียงร้องตะโกน”

“ครูครับ” ชิ่งเฉินเดินบนทางภูเขาขรุขระถามว่า “ตอนแรกเริ่มทำไมคุณถึงเดินบนทางเส้นนี้ล่ะครับ”

สุดท้าย ทั้งสองคนมาหยุดตรงหน้าหน้าผาสูงหลายสิบเมตรแห่งหนึ่ง หลี่ซูถงหันหน้ากลับมามองชิ่งเฉิน “เพราะว่าชีวิตคนน่าเบื่อ? หรือว่ารักใคร่โลกใบนี้? แต่ก่อนฉันแน่วแน่มาก ตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนิดหน่อยแล้วล่ะ”

เวลานี้ กลางอากาศมีเสียงร้องหึ่ง ๆ ดังขึ้น หลี่ซูถงขมวดคิ้ว หยิบใบไม้หนึ่งใบข้าง ๆ ตัวดีดใส่โดรนรุ่นเปียนเจี้ย-011 ที่เพิ่งปรากฏขึ้นมา

เห็นเพียงใบไม้ใบนั้นโจมตีทะลุทะลวงโดรนเครื่องนั้นอย่างกับฟ้าผ่า

โดรนสั่นกึก ๆ ร่วงลงไปในหุบเขา

ชิ่งเฉินมองดูโดรนเครื่องนั้นค่อย ๆ หายลับไปจากครรลองสายตา จู่ ๆ ถามว่า “ครูครับ ที่นี่อยู่ใกล้แคมป์ฉินเฉิงเกินไปแล้ว อาจจะทำให้ขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วงระแวงว่าเป็นพวกเขาที่โจมตีโดรนร่วงลงไป”

หลี่ซูถงคิด ๆ ดู “ไม่เป็นไร ฉันจะคุ้มครองพวกเขาอย่างรอบด้าน”

แต่ทว่าชิ่งเฉินกลับส่ายหน้า “ครูท่านไม่สามารถคุ้มครองพวกเขาทั้งวี่ทั้งวันหรอกนะครับ ท่านต้องรู้แน่ ๆ ว่าค่ายใหญ่ของพวกจางถงต้านอยู่ที่ไหน”

“ห่างจากที่นี่ ทิศเหนือสามสิบกว่ากิโลเมตร” หลี่ซูถงกล่าว

ชิ่งเฉินคิดดู ใช้มีดสลักตัวอักษรเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งลงบนหน้าผา “รอพวกคุณที่ทิศเหนือ แน่จริงก็มาฆ่าผม”

หลี่ซูถงมองดูนักเรียนคนนี้ของตัวเองอย่างไร้วาจา “ฉันหลี่ซูถงถึงกับรับนักเรียนเจ้าเล่ห์ขนาดนี้มาคนหนึ่ง”

ชิ่งเฉินตอบไปว่า “ครูคุณก็ไม่ได้แย่นะ”

“เอาล่ะ ทำธุระให้เสร็จก่อนที่พวกลูกท่านหลานเธอกลุ่มนี้จะมาเถอะ” หลี่ซูถงกล่าวกับชิ่งเฉิน “ความจำเธอดี ดังนั้นฉันสอนเธอแค่รอบเดียว ภูเขาทุก ๆ ลูกถัดจากนี้ล้วนจะต้องให้เธอไปปีนเอง ภูเขาที่เธอเผชิญในตอนนั้นจะสูงยิ่งว่าลูกนี้ อันตรายยิ่งกว่าลูกนี้”

พูดจบ หลี่ซูถงหมุนตัวเดินไปทางหน้าผาสูงชัน

ขณะนี้ชิ่งเฉินรู้สึกว่า ครูคนที่อยู่เบื้องหน้าเปล่งประกายเจิดจรัสในแสงอรุณ

……

ในแคมป์ทะเลสาบจือจึ

ต้นหนที่นั่งควบคุมโดรนในที่นั่งข้างคนขับคนนั้นจู่ ๆ ร้องครางเสียงหนัก ๆ เขาสัมผัสได้ถึงเส้นประสาทเชื่อมต่อที่ตัดขาดอย่างกะทันหัน

“มีโดรนหนึ่งตัวถูกโจมตี” เขากล่าวเสียงแผ่ว

“เห็นลักษณะไหม” ชายกลางคนที่นั่งบนหลังคารถถาม

“ไม่ อีกฝ่ายลงมือเร็วเกินไป” ต้นหนอธิบาย “อีกฝ่ายอาจจะถือปืนป้องกัน พอโดรนปรากฏขึ้นก็ยิงเลย วิชาปืนแม่นมาก ไม่อาจแยกแยะตัวตน แต่น่าจะเล็งมาที่พวกเรา”

“อืม ผมไปแจ้งพวกคุณหนูคุณชายกลุ่มนั้นให้เตรียมออกล่านะ” ชายกลางคนยืดตัวกระโดดลงจากหลังคารถ

ต้นหนหนุ่มลังเล “อีกฝ่ายน่าจะสามารถจดจำโดรนรุ่นเปียนเจี้ย-011 ออก โดรนต่อสู้มาตรฐานประเภทนี้ปรากฏขึ้น อีกฝ่ายน่าจะสามารถประเมินได้ว่าพวกเราเป็นขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วง ถึงขนาดอาจจะเป็นหน่วยรบป่าของกองพลที่สองของสหพันธรัฐ ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ๆ พวกเขาอาจจะเตรียมการไว้แล้ว”

“ไม่เป็นไร” ชายกลางคนคิดแล้วกล่าวขึ้น “ครั้งนี้มีหลี่อีนั่วตามมา ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ หรอก”

……

ที่สี่สิบกว่ากิโลเมตรทางเหนือกำลังมีควันลอยโขมงจากแคมป์ขนาดมหึมา

คนเป็นร้อยรวมตัวกันหน้ากองไฟสิบกว่ากอง มีคนกำลังใช้ตะไบเหลาหัวหอก ยังมีคนกำลังทำความสะอาดอาวุธปืน 

คนหนึ่งกลุ่มรอคอยเงียบ ๆ

ถึงตอน 7 โมงเช้าจึงมีรถออฟโร้ดหนึ่งคันขับมาจากในเขตภูเขา

บุรุษแกร่งร่างเล็กคนหนึ่งกระโดดลงจากรถตะโกนว่า “บอส พวกจางถงต้านไม่ได้กลับมาที่จุดรวมพลที่ตกลงกันไว้ จนถึงตอนนี้วิทยุสื่อสารก็ติดต่อไม่ได้มาตลอดเลย”

บุรุษหน้าดำคนหนึ่งในกลุ่มคนนั่งไม่พูดไม่จาไปครึ่งค่อนวัน สายตาของทุกผู้คนล้วนมองไปทางเขา 

บุรุษหน้าดำครุ่นคิดเนิ่นนาน จากนั้นวางขาแกะในมือลงถามว่า “ฝั่งทะเลสาบจือจึได้ไปหารึเปล่า”

“ฝั่งทะเลสาบจือจึมีโดรนรุ่นเปียนเจี้ย-011 สิบกว่าตัวขวางอยู่ ผมไม่กล้าเข้าใกล้เลยครับบอส แต่ฝั่งนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นจริง ๆ แต่ว่าผมไม่สามารถยืนยันว่าเกิดการต่อสู้รึเปล่า” บุรุษแกร่งร่างเล็กกล่าว “พวกบ้าของการล่าฤดูใบไม้ร่วงกลุ่มนั้นดื่มเยอะแล้วก็ชอบยิงปืนเล่น ผมก็ไม่ได้ไปเห็นกับตาว่าสรุปเกิดอะไรขึ้น”

บุรุษหน้าดำนั่งครุ่นคิดข้างกองไฟ “พูดตามเหตุผลจางถงต้านรังแกคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่ง น่าจะไม่กล้าไปตอแยขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วง ฉินเฉิงทำเหรอ”

บุรุษแกร่งร่างเล็กที่เพิ่งกลับมาคนนั้นกล่าวว่า “ตอนบ่ายตอนที่ผมจ้องทะเลสาบจือจึ ฝั่งจางถงต้านกลับมาในระยะสื่อสารแล้ว พูดกับผมว่ารับค่าหนังสัตว์มาแล้ว ผมว่า ฝั่งเหล่าฉินในเมื่อดีลกันจบไปแล้วก็ไม่ถึงขนาดฆ่าแกงกันอีกหรอกครับ”

“งั้นพวกเขาทำไมไม่มารวมพลกับแกตรง ๆ เลยล่ะ” บุรุษหน้าดำถาม

“ผมก็ถามแล้ว แต่หลังจากนั้นวิทยุไปถามเขาก็ไม่มีคนตอบแล้วครับ” บุรุษแกร่งร่างเล็กตอบกลับมา

บุรุษหน้าดำถอนหายใจเอ่ยว่า “แปดส่วนคือถูกขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วงดักจับไปแล้ว แถวนี้พวกที่สามารถล้อมฆ่าล้างพวกเขาก็มีแค่ขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วงนี่”

“บอสครับ ให้ทำไง พวกเราต้องล้างแค้นให้จางถงต้านนะ!”

“ล้างแค้น? พวกแกรู้รึเปล่าว่าในขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วงมียอดฝีมือ แถมอุปกรณ์ก็ดีกว่าพวกเรามากเกินไปด้วย!” บุรุษหน้าดำมองไปโดยรอบ

“แต่พวกเราคนมาก แถมภูมิประเทศก็คุ้นเคย พวกเขาลงใต้ไปอีกก็เทือกเขาหยาจึ ผ่านเทือกเขาหยาจึไปไม่ใช่ใต้หล้าของพวกเราหรอกเหรอครับ” มีคนกล่าว

 

…………………………………….

 

ตอนที่ 120 – จุดมั่นใจ

 

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท