ตอนที่ 120 – จุดมั่นใจ
บุรุษหน้าดำมองดูชาวป่าทั้งกลุ่มข้างกายกระตือรือร้นอยากลอง ยังคงส่ายหน้า “เดี่ยวก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ก่อเรื่องยิบย่อยไม่ได้”
แต่ทว่าขณะนี้ ชายหนุ่มที่พาดหนังสุนัขป่าคลุมไหล่คนหนึ่งกล่าวว่า “พ่อ พ่อคิดดูนะ โดรนรุ่นเปียนเจี้ย-011 สิบกว่าตัว บวกกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่อีกสามสิบกว่าเครื่อง หรือว่านี่ยังไม่พอให้พวกเราลงมือ ในขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วงยังชี้ชัดไม่ได้ว่ามีของดีอะไร เอาของพวกนี้กลับสระอัคคี ไม่แน่ว่าผู้อาวุโสจะสามารถให้พวกเราเข้าใกล้สระอัคคีหน่อยตอนที่บูชาโทเท็ม”
ตอนที่ชายหนุ่มเอ่ยถึงสระอัคคีและโทเท็ม บุรุษหน้าดำเงียบงันไป คล้ายกับจิตใจสั่นคลอนอยู่บ้าง
ชายหนุ่มกล่าวต่อว่า “พ่อก็รู้ว่าลูกท่านหลานเธอของการล่าฤดูใบไม้ร่วงกลุ่มนั้นใช้ชีวิตกันยังไง คนที่มีพลังต่อสู้จริง ๆ ไม่เยอะ ตายนิดหน่อยไม่กี่คนก็เกรงว่าจะหดหัวย่องหนีกันหมดแล้ว”
“เด็กน้อยจะเข้าใจอะไร” บุรุษหน้าดำกล่าว “ฆ่าพวกเขาจะชักนำกองพลมาล้อมปราบ”
“ถึงจะไม่ฆ่า การล้อมปราบของกองพลก็ไม่เคยหยุดหย่อน” ชายหนุ่มกล่าว “ตอนนี้ฆ่าพวกเขา พวกเรามุดเข้าภูเขาต้าทิศตะวันตก รอจนต้าเสวี่ย* ผนึกภูเขา ใครจะสามารถหาพวกเราเจอ”
ชาวป่าล้วนรู้ว่าทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงเป็นการแสดงโชว์ ลูกท่านหลานเธอกลุ่มหนึ่งมาที่ป่าล่าสังหารชาวป่าอย่างมันมือ ก็แค่อาศัยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า รวมทั้งจิตใจของชาวป่าที่เกรงกลัวจะประสบกับการแก้แค้น
พิธีล่าฤดูใบไม้ร่วงดำเนินมาเป็นร้อยปียังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุอะไรเลย ดังนั้น ลูกท่านหลานเธอกลุ่มนั้นจึงยิ่งมายิ่งผ่อนคลาย เข้า ๆ ออก ๆ ป่าทำอย่างกับเป็นสวนหลังบ้านตัวเอง
แต่บุรุษหน้าดำยังคงลังเล เขารู้ว่าลูกชายตัวเองพูดมีเหตุผล เพียงแต่นิสัยรอบคอบหลายปีมากนี้ทำให้เขาไม่อยากจะเสี่ยงอันตราย
ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะแล้วกล่าวว่า “พ่อ ถ้าพ่อไม่กล้าไป ผมพาคนไปเอง”
บุรุษหน้าดำยิ้มเย็นเหลือบมองเขา “ตอนนี้อยากจะเป็นนายแทนพ่อแก อยากจะแยกบ้าน ยังเร็วไปหน่อยนะ”
ชาวป่าไม่เคยรวมตัวกันอย่างแท้จริง มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุเลย
บนแผ่นดินผืนนี้ประสบกับการต่อสู้แย่งชิงชั่วนาตาปี สันดานป่าเถื่อนของทุกคนล้วนถูกขยายออกจนถึงขีดสุดแล้ว
หลังจากราชสีห์ชราลงไปก็จะมีสิงโตหนุ่มที่เยาว์วัยเข้มแข็งคิดจะเข้ามาแทนที่
ถ้าไม่ใช่ว่าในภูเขาหิมะมีสระอัคคีอันลึกลับนั่นดูแลอยู่ เกรงว่าการต่อสู้แย่งชิงในป่าจะยิ่งโชกเลือดและรุนแรงกว่านี้
บุรุษหน้าดำกล่าวว่า “พวกเราไปดูทางทะเลสาบจือจึนั่นสักหน่อย อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงทำเลย แต่ถ้าเป็นพวกเขาจริง ๆ ฉันก็จะไม่นั่งดูจางถงต้านตายเปล่า”
ในแคมป์ของชาวป่าเดือดพล่านขึ้นมา พวกเขาจัดแจงคนหนึ่งกลุ่มนำผู้หญิงในแคมป์มุดเข้าภูเขาต้าก่อน เลาะชายขอบของสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งมุ่งไปทางทิศตะวันตก
พอพวกเขาประสบผล กลุ่มคนส่วนใหญ่ก็จะเร่งไปรวมตัว
ฉวยเวลาก่อนที่ต้าเสวี่ยผนึกภูเขาหนีไปอย่างหมดจด
9 โมงเช้า
บุรุษหน้าดำพาทีมออกเดินทางไปทะเลสาบจือจึ ทุกคนล้วนคลุมชุดพรางที่ถักสานกิ่งไม้ใบไม้เป็นอย่างดี ทะลุผ่านป่าเขาอย่างระมัดระวังรอบคอบ
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเข้าใกล้ระยะของทะเลสาบจือจึก็มีคนค้นพบว่าด้านหน้ามีเสียงหึ่ง ๆ ของโดรนดังออกมา
“เกิดอะไรขึ้น ยังไม่ได้เข้าระยะปิดล้อมของโดรนไม่ใช่เหรอ” บุรุษหน้าดำถามชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้าง ๆ “แกสำรวจยังไง”
บุรุษแกร่งร่างเล็กที่แจ้งเหตุตอนเช้าคนนั้นก็อึ้งงัน “ที่นี้ห่างจากทะเลสาบจือจึตั้งสิบกว่ากิโลเมตรเลยนะ ไม่ถึงระยะปิดล้อมจริง ๆ นะครับ!”
ขณะนี้คิดเยอะไม่ได้ บุรุษหน้าดำสั่งการให้ยิงโดรนลงมาทันที
เพียงแต่ ฝั่งนี้เพิ่งเตรียมจะยิงปืน โดรนฝั่งนั้นพลิกตัวสองสามรอบอย่างคล่องแคล่วแล้วบินกลับไปแล้ว
ในขบวนล่าฤดูใบไม้ร่วง ต้นหนหนุ่มที่ใส่แว่นโฮโลแกรมคนนั้นกล่าวว่า “หาเจอแล้ว แถวนี้มีชาวป่าซุ่มโจมตีจริง ๆ ดูท่าก่อนหน้านี้โดรนตัวนั้นก็เป็นพวกเขาที่โจมตีตกลงไป แต่ผมไม่แนะนำให้ไล่โจมตีนะ เมื่อกี้คะเนด้วยตาเปล่าจำนวนคนอีกฝ่ายเยอะกว่าพวกเราสักหน่อย แล้วก็ไม่อาจยืนยันอาวุธและอุปกรณ์ของอีกฝ่ายด้วย……”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบก็มีคนเหยียบคันเร่งแล้ว พุ่งออกไปทางที่ชาวป่าอยู่
ชายกลางคนข้างกายต้นหนคนนั้นขมวดคิ้ว เขามองไปทางหลี่อีนั่ว “ท่านน่าจะขวางไว้หน่อยนะครับ”
หลี่อีนั่วนั่งอยู่ในรถตัวเองกล่าวเสมือนไร้เรื่องราวว่า “ตอนเช้าฉันเห็นเจ้าพวกนั้นเพิ่งจะเล่นชิปโดพามีน ตอนนี้กำลังเป็นคนที่สติสตังบ้าคลั่ง ใครก็ขวางไม่อยู่ ไม่เป็นไร ก็ให้พวกเขาไปหาที่ตายดี ๆ ตายสักครั้งก็ได้สติเอง”
ชายกลางคนถอนหายใจคำหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับต้นหนว่า “ส่งโดรนทั้งหมดออกไป ทำการยิงสกัด”
หลี่อีนั่วสามารถนั่งมองไม่แยแส แต่เขาไม่ได้
บนโลกนี้ศักดิ์ฐานะสำคัญมาก พวกเขาตามทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงออกมาก็มีชะตาชีวิตที่ต้องเช็ดก้นแล้ว ต้องคุณหนูคุณชายพวกนั้นถึงจะไม่แคร์ว่าอะไรอันตรายไม่อันตราย
……
ตอนที่ชิ่งเฉินกับหลี่ซูถงฝึกเสร็จกลับมาถึงแคมป์ ฉินเฉิงเก็บสัมภาระทั้งหมดขึ้นรถแล้ว
ฉินอี่อี่ค้นพบว่าบนตัวชิ่งเฉินคลุกไปด้วยฝุ่น อย่างกับเพิ่งไปกลิ้งบนพื้นมา
เธอเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “พวกคุณเพิ่งไปทำอะไรมาเหรอ”
หลี่ซูถงยิ้ม “เธอให้แอปเปิ้ลพวกเราสองคนคนละลูกอีก ฉันก็จะบอกเธอ”
ฉินอี่อี่เบะหน้า “อายุตั้งขนาดนี้แล้วยังจะโกงเอาแอปเปิ้ลไปกิน หน้าไม่อาย”
แต่ปากพูดไปอย่างนี้ เด็กสาวยังล้วงแอปเปิ้ลสองลูกออกมาจากในกระเป๋าตัวเอง ลูกใหญ่ให้ชิ่งเฉิน ลูกเล็กอีกลูกให้หลี่ซูถง
“เอาล่ะ ตอบคำถามฉันได้แล้วสินะคะ” ฉินอี่อี่ถาม
หลี่ซูถงก็ไม่ลีลา เขากล่าวเบิกบานว่า “ฉันสอนเขาว่าจะปีนเขายังไง”
“ปีนเขายังต้องสอนเหรอ” ฉินอี่อี่กังขา
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “ปีนเขาที่พวกเราพูดอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจ”
หน้าผาสูงชันทำมุมตั้งฉาก ปีนขึ้นไปมือเปล่า
นี่เป็นเรื่องที่คนมากมายแม้แต่คิดยังไม่กล้าจะคิด
บนหน้าผา พื้นที่ที่สามารถหยิบยืมกำลังอาจจะมีเพียงรอยแตกขนาดหนึ่งนิ้วมือ หรือแม้กระทั่งยังไม่ถึงหนึ่งนิ้วมือ
ถึงชิ่งเฉินจะจดจำความเคลื่อนไหวทุกอย่างของหลี่ซูถงไว้ในสมอง แต่การจดจำกับเรียนรู้ยังคงมีความแตกต่าง
ตอนนี้เขายังคงไม่รู้ว่าด่านเป็นตายคืออะไร รู้เพียงว่าตนเองเดี๋ยวจะต้องปีนเขาที่สูงมาก ๆ ลูกหนึ่ง
อนาคตยังจะมองหิมะหนึ่งผืน ร้องตะโกนเสียงดังในสถานที่ซึ่งใกล้ชิดกับแผ่นฟ้าที่สุด
คิดอย่างนี้ ชิ่งเฉินยังคล้ายจะคาดหวังต่อชีวิตประเภทนี้อยู่บ้าง
ระหว่างที่พูด ในป่าเขาไพศาลที่ห่างออกไปจู่ ๆ เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
เสียงอันใหญ่โตมโหฬารนั้นดังสะท้อนในภูเขาไม่หยุด ก่อกวนจนนกบินเตลิดเป็นฝูง
ตำแหน่งที่พวกฉินอี่อี่อยู่ถูกเทือกเขาป้องกัน สถานการณ์อะไรก็มองไม่เห็น ได้แต่มองฝูงนกอันแน่นขนัดบนท้องฟ้าบินจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก
ชิ่งเฉินคิดแล้วลดเสียงถามว่า “ครูครับ นี่จะเกี่ยวกับตัวหนังสือที่ผมสลักไว้รึเปล่า”
หลี่ซูถงกล่าวว่า “เชื่อมั่นในตัวเองหน่อย จะต้องเกี่ยวกับเธอแน่ ๆ”
………………………………………
*ต้าเสวี่ย แปลตรง ๆ คือหิมะใหญ่หิมะหนัก แต่ก็มีความหมายถึงฤดูที่ 21 ใน 24 ฤดูกาลของชาวจีน อยู่ต้นฤดูหนาวช่วงต้นธันวาคมด้วยค่ะ ส่วนตอนที่เราอ่านได้ความรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติเทพเจ้านิดหน่อย เลยแปลเป็นชื่อต้าเสวี่ย
ตอนที่ 121 – ขบวนรถของตระกูลจินได