นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 133 นักท่องเวลาในทีมล่าฤดูใบไม้ร่วง

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 133 – นักท่องเวลาในทีมล่าฤดูใบไม้ร่วง 

 

  “สังเวียนแห่งเงาจะว่าไปแล้วก็คือระบบที่คนเก้าคนยืนอยู่ที่จุดสตาร์ทเดียวกัน ชิงชัยอย่างยุติธรรม” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยอยู่อยู่ข้างกองไฟ “แต่ว่าโลกนี้ไหนเลยจะมีความยุติธรรมที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด? เบื้องหลังของผู้ท้าชิงเงาทุกคนล้วนมีฝักฝ่ายในตระกูลที่ไม่เหมือนกันยืนอยู่ ในการแข่งขันนี้พวกเขาจะช่วยเหลือคนที่ตนเองสนับสนุนอย่างไม่สนวิธีการ เพราะว่านี่คือกระบวนการแบ่งเค้กกันใหม่”

  ”ผู้ที่สนับสนุนชิ่งไฮวคือบ้านสี่ ผู้ท้าชิงคนอื่นล่ะครับ มีใครสนับสนุน” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอยากรู้

  ”คนที่สนับสนุนชิ่งไฮวไม่ได้หยุดอยู่แค่บ้านสี่ แม้แต่บ้านสามที่ถูกเธอยึดโควต้าก็สนับสนุน ถึงขนาดยังมีญาติส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่สนับสนุนด้วย เรียกได้ว่าถูกผู้คนคาดหวังอย่างสูงเลยล่ะ” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “รอครูช่วยเธอฆ่าชิ่งไฮวแล้ว คนพวกนี้จะไม่มีที่ให้ไปร้องไห้กันหมดเลยล่ะ”

  ชิ่งเฉินรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง “บ้านสามเลือกข้างผมสามารถเข้าใจได้ อนาคตถ้าชิ่งไฮวสามารถกลายเป็นเงาย่อมจะมอบผลประโยชน์ให้บ้านสาม แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตระกูลหลี่เหรอครับ”

  ”เพราะย่าของชิ่งไฮวเป็นคนตระกูลหลี่” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “กลุ่มการเงินใหญ่พวกนี้เชื่อมโยงกันยุ่บยั่บตั้งนานแล้ว ก็อย่างการดองที่ตอนนี้ตระกูลจินไดอยากโปรโมทสุดแรงนั้นแหละ สมมติว่าจินได โซราเนะแต่งให้เธอ แล้วเธอกลายเป็นเงา รุ่นแรกเธออาจจะยังสามารถควบคุมไม่ให้ตระกูลจินไดส่งอิทธิพลถึงตระกูลชิ่ง แต่ว่ารุ่นหลังล่ะ ลูกชายของจินได โซราเนะจะจดจำบ้านเดิมของแม่แล้วปฏิบัติต่อตระกูลจินไดดีขึ้นนิดหน่อยรึเปล่า ผลกระทบประเภทนี้มันทั้งยาวนานแล้วก็ละเอียดอ่อน”

  ”ท่านเลิกหยิบผมกับจินได โซราเนะมาเป็นตัวอย่างได้ไหมครับ” ชิ่งเฉินรู้สึกพิลึกนิดหน่อย……

  หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “อายอะไร ถ้าเธอชอบเขา ก่อนที่ครูจะไปทำธุระจะจัดการเรื่องนี้ให้เธอก่อน ไม่ต้องรอหมั้น 3 ปีอะไรหรอก”

  “ท่านหยุดเถอะ ไม่ต้องพูดต่อแล้วครับ” ชิ่งเฉินรีบเปลี่ยนหัวข้อ “ดังนั้น ผู้นำตระกูลชิ่งก็กังวลเรื่องผลตามหลังของการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ถึงได้จัดแจงให้เด็กที่อยู่ชายขอบที่สุดมาแต่ง เพื่อไม่ให้ส่งผลประทบต่อตระกูลชิ่งรุ่นหลังเหรอครับ”

  ”อันนั้นฉันไม่รู้แล้วล่ะ” หลี่ซูถงกล่าวอย่างแฝงนัย “ชิ่งสวินผู้นำตระกูลชิ่งรุ่นนี้เป็นคนที่ลึกลับอย่างยิ่ง ปรากฏตัวในสายตาสาธารณะน้อยมาก ทำการตัดสินใจอะไรตรง ๆ น้อยมาก แล้วก็มีคนน้อยมากที่สามารถเดาความคิดของเขาได้”

  ชิ่งเฉินถามว่า “งั้นตอนนี้ ชิ่งไฮวเป็นคนชั้นเลิศในหมู่ผู้ท้าชิงเหรอครับ”

  ”ยังดูไม่ออกเป็นการชั่วคราว เรื่องประเภทนี้ในตอนเริ่มแรกใครก็บอกไม่ได้” หลี่ซูถงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “แต่ชิ่งไฮวนี่หลังเรียนจบจากโรงเรียนเตรียมทหารหัวจ่งก็ได้ติดยศร้อยโททันทีเลย ตอนนี้ปฏิบัติหน้าที่ในกองพลที่สองของสหพันธรัฐ จุดนี้แกร่งกว่าผู้ท้าชิงเงามากมาย”

  ”ความแข็งแกร่งของเขาอยู่แรงก์อะไรครับ” ชิ่งเฉินถาม

  ”ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้” หลี่ซูถงกล่าว “ไม่ต้องเปลืองสมองไปกับคนตายคนหนึ่งหรอก”

  ชิ่งเฉิน “……”

  ณ ขณะนี้เอง ในเต็นท์หนึ่งหลังของแคมป์ล่าฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ไม่ไกลมีคนสองคนมุดออกมา

  สองคนนี้โบกมือวาดเท้าแล้วยังส่งเสียงหัวเราะโง่ ๆ ออกมา หลี่ซูถงถอนหายใจ “เป็นคนที่เสพติดชิปโดปามีนอีกสองคน ปีหลัง ๆ มานี้กลุ่มการเงินมีเรื่องที่น่าผิดหวังเยอะเกินไปแล้ว”

  กลับเห็นสองคนนั้นเข้าใกล้กองไฟช้า ๆ หนึ่งในนั้นจู่ ๆ จ้องหลี่ซูถงกับชิ่งเฉินแล้วส่งเสียงหัวเราะโง่ ๆ ออกมา “ข้ารับใช้อย่างพวกแกสองคนรีบมาเติมฟืนให้กองไฟพวกเราเลย วัน ๆ รู้จักแต่กินแล้วก็ขี้เกียจ! ไม่เห็นเหรอว่ากองไฟฝั่งพวกฉันจวนจะดับแล้ว”

  ชิ่งเฉินหัวใจบีบแน่น เพียงเห็นหลี่ซูถงเลิกคิ้วเตรียมจะลุกขึ้นยืน

  เขารีบกดแขนของครู “ผมไปเติมฟืน”

  ว่าแล้ว ชิ่งเฉินรีบทำกองไฟของแคมป์ล่าฤดูใบไม้ร่วงให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาใหม่มือเป็นระวิง

  ลูกหลานล้างผลาญสองคนนั้นจึงได้หัวเราะโง่ ๆ กลับเต็นท์ของตัวเอง

  ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ซูถงพวกตนเอง “เมื่อกี้ท่านเตรียมจะลงมือเหรอครับ ไม่จำเป็นจริง ๆ นะ เรื่องประเภทนี้ผมไปทำก็ได้แล้ว ท่านห้ามลงมือเด็ดขาดนะครับ ผมกลัวว่าท่านจะฆ่าพวกเขาจนเหี้ยน”

  หลี่ซูถงถอนหายใจเอ่ยว่า “เสี่ยวเฉินเอ๊ย  ครูมีแรงกดดันเยอะจริง ๆ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตอยู่”

  ชิ่งเฉิน “……”

  คร้าบ ๆๆ ท่านแกร่งสุด ท่านพูดอะไรก็ถูกหมด

  เขาก้มหน้ามองการนับถอยหลังบนท้องแขนตัวเองแวบหนึ่ง

  นับถอยหลังคืนกลับ : 166:45:21

  เจ็ดวันอีกแล้ว

  ”ฉันไปนอนนะ” หลี่ซูถงกล่าว “เธอยังไม่นอนเหรอ อี่อี่เตรียมเต็นท์ให้เธอไว้แล้วนะ”

  ”ครูครับ หยุดซุบซิบอย่างนี้ได้ไหมครับ” ชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ท่านไปนอนเถอะ ผมอยากสังเกตการณ์อยู่ที่นี่สักพัก”

  ชิ่งเฉินไม่ได้บอกเลยว่าเขาอยากจะสังเกตอะไร

  ……

  เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จินไดเก็บแคมป์เตรียมจะออกเดินทางเป็นพวกแรก

  หลี่อีนั่วเอาลูกหลานล้างผลาญที่ยังนอนหลับอุตุพวกนั้นออกมาจากในเต็นท์ทีละคน ๆ แล้วโยนขึ้นรถ

  คนพวกนี้บางคนเมาค้างยังไม่ตื่น บางคนเล่นชิปโดปามีนเยอะไป

  ชิ่งเฉินลดเสียงลงกล่าวกับหลี่ซูถงว่า “มิน่าล่ะกลุ่มการเงินไม่ให้คนประเภทนี้กุมอำนาจ ถ้าให้พวกเขากุมอำนาจ เกรงว่าตึกใหญ่คงล่มสลายไปนานแล้ว”

  หลี่ซูถงพยักหน้า “คนหนุ่มสาวทุก ๆ รุ่นของกลุ่มการเงินล้วนแบ่งออกเป็นสองขั้วอยู่สักหน่อย คนฉลาดฉลาดเป็นพิเศษ คนโง่โง่เป็นพิเศษ”

  ณ ขณะนี้ มีเพียงหนานเกิงเฉินคนเดียวที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างกองไฟเงียบ ๆ มองดูหลี่อีนั่วโยนคนพวกนั้นขึ้นรถทีละคน

  ชิ่งเฉินสามารถจับได้ว่า อีกฝ่ายอดใจอยากชำเลืองมาทางตนเองอย่างไม่ได้อยู่ตลอด แต่อดกลั้นไว้สุดความสามารถครั้งแล้วครั้งเล่า…… 

  ”พัฒนาขึ้นเยอะนะ” ชิ่งเฉินแอบทอดถอนใจกับตัวเอง ถ้าเป็นแต่ก่อน เจ้าหมอนี้อดไม่ได้เป็นอันขาด

  เดี๋ยวนะ ชิ่งเฉินจู่ ๆ รู้สึกว่าไม่ถูกต้องอยู่บ้าง

  เขาทวนความทรงจำในสมองใหม่อีกรอบ ค้นพบด้วยความประหลาดใจว่ามีลูกหลานล้างผลาญอยู่คนที่ไม่เหมือนกับความทรงจำของเขาโดยสิ้นเชิง

  เมื่อวาน ตอนที่ลูกหลานล้างผลาญคนนั้นเมื่องจากมาตั้งแคมป์ที่นี่ยังมีท่าทางก่อเรื่องอย่างร่าเริง

  วันนี้ คนคนนี้ไม่เพียงหายเมา แต่ยังไม่เล่นซนเอะอะกับพวกพ้อง แถมยังสำรวจรอบด้านอย่างระแวดระวังอยู่ตลอด

  อีกฝ่ายแปลกแยกจากกลุ่มคน ไม่ใช่เพราะไม่ชอบเข้าสังคม แต่กลับเหมือนกำลังทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่มากกว่า

  ชิ่งเฉินมองไปที่หลี่อีนั่ว เด็กสาวกำยำคนนั้นถึงจะแกล้งทำเป็นไม่อินังขังขอบ แต่ในหนึ่งนาทีเหลือบมองลูกหลานล้างผลาญที่ยังคงตื่นตัวกับรอบด้านคนนั้นติด ๆ กันสามครั้งแล้ว

  อีกฝ่ายก็ค้นพบนักท่องเวลาคนนี้แล้ว

  เพียงแต่ว่า สิ่งที่อีกฝ่ายไม่รู้คือ นักท่องเวลาที่ทะลุมิติมาถึงแคมป์ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่งคน

  อีกด้านหนึ่ง มีข้ารับใช้คนหนึ่งที่จัดเก็บสิ่งของเสมือนไร้เรื่องราว ดูจากภายนอกไม่ปรากฏความผิดปกติอันใด

  ก็เหมือนกับการแสดงละครอันสมบูรณ์แบบ

  ชิ่งเฉินรู้สึกว่าน่าสนใจ

  ครั้งนี้ถึงกับมีผู้เล่นชั้นสูงมาหนึ่งคนด้วย

  แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแสดงอันใดล้วนปิดชิ่งเฉินไม่ได้ ไม่เพียงนิสัยพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับความทรงจำ ยังมี……

  เมื่อคืนชิ่งเฉินเคยเห็นอีกฝ่ายยื่นหัวออกมาจากเต็นท์

  นักท่องเวลาทุกคนหลังจากทะลุมิติมาแล้วค้นพบว่าตนเองอยู่ในเต็นท์ล้วนจะอดอยากมองดูโลกที่อยู่ภายนอกไม่ได้

  นี่ก็คือสิ่งที่เขาบอกหลี่ซูถงว่าอยากจะสังเกตการณ์อีกสักพัก

…………………………………

 

ตอนที่ 134 – เด็กหน้าขาว 

 

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท