ตอนที่ 137 – ก๊วนกินแตงสามคน
ต้องบอกว่าวิธีคิดนี้ของโจวเซวียนก็เพี้ยนจริง ๆ
หลี่ซูถง, ชิ่งเฉินล้วนชื่นชมเขานิดหน่อย
คนคนหนึ่งทะลุมิติมายังโลกที่แปลกประหลาดตัวคนเดียว แถมสิ่งที่ไม่เหมือนกับคนอื่นคือ ทะลุมิติมาที่ป่าแล้วกลายเป็นข้ารับใช้ด้วย
อีกฝ่ายสามารถตัดสินใจเด็ดขาดในเวลาสั้น ๆ ขนาดนี้ว่าจะไปยั่วยวนเด็กสาวอย่างหลี่อีนั่ว ต้องการความกล้าอยู่สักหน่อยจริง ๆ
แถมคนเขาก็เต็มใจจะไม่รักษาหน้าตาจริง ๆ
ขณะนี้ ฉินอี่อี่รู้สึกว่าการกินแตงดูละครมันน่าสนใจเกินไปแล้ว
“พวกคุณดู โจวเซวียนนั่นกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่นะ” ชิ่งเฉินคอมเมนต์ “ผมรู้สึกว่าเขาอาจจะกำลังสรุปบทเรียนจากความล้มเหลว ถัดไปอาจจะเปลี่ยนวิธีคิด”
ระหว่างที่พูด โจวเซวียนกวาดตามาด้วยสีหน้าที่มีความกังขาอยู่บ้าง กลับเห็นเพียงคนสามคนกำลังก้มหน้าเคี้ยวแอปเปิ้ลอย่างเป็นระเบียบ เหมือนกับว่าไม่ได้ค้นพบว่าเกิดเรื่องอะไรทั้งนั้น
เมื่อครู่นี้เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีคนกำลังแอบส่องตนเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเหมือนกับว่าจะกังวลเกินไป?
โจวเซวียนหันเหสายตากลับไปเสมือนไร้เรื่องราว แล้วพริบตานั้นก็หันหน้าขวับไปมองสามคนนั้น อีกฝ่ายยังคงกำลังมีลักษณะกินแอปเปิ้ลพลางคุยเล่น ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย
นักท่องเวลาคนนี้ในที่สุดก็กดความระแวงของตนเองลงไป คิดในใจว่าตนเองอาจจะกังวลเกินไปจริง ๆ
……
โจวเซวียนสังเกตดูหลี่อีนั่วกับหนานเกิงเฉินเงียบ ๆ
เห็นเพียงว่าทั้งสองคนไม่รู้ว่าพูดอะไร หนานเกิงเฉินถึงกับกลับไปที่เต้นท์ของตัวเองหน้าดำ ทิ้งหลี่อีนั่วอยู่ข้างกองไฟคนเดียว
หลี่อีนั่วก็เหมือนจะไม่มีความสุขอยู่บ้าง เธอมองไปรอบ ๆ แล้วเห็นโจวเซวียนที่กำลังอยู่ว่างไม่มีงานการ “นาย มานี่”
ก๊วนกินแตงสามคนที่อยู่ไม่ไกลประหลาดใจทันที “ทำไมหลี่อีนั่วเรียกหมอนี่ไปหาล่ะ คงไม่ใช่ว่าหนานเกิงเฉินกวนจนเธอเกิดโมโหเลยวางแผนจะเอาคนใหม่มาแทนที่คนเก่าหรอกนะ”
ชิ่งเฉินกระซิบเสียงเบา ๆ ว่า “ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้นี้นะ”
“อย่าเพิ่งพูด พวกเขาจะสนทนากันแล้ว ตั้งใจฟัง” หลี่ซูถงเอ่ยเตือน
เห็นเพียงโจวเซวียนเดินไปยังข้างกายหลี่อีนั่ว เด็กสาวกำยำนั้นนั่งนิ่ง “นายมาที่สกุลหลี่ของฉันได้ 5 ปีแล้วสินะ”
โจวเซวียนกล่าวว่า “คุณหนูอีนั่ว เป็นหกปีสามเดือนครับ”
ก๊วนกินแตงสามคนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “เด็กนี่กระทำเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์แบบน้ำไม่กระเซ็นสักหยดนะเนี่ย”
“จริง เขาเพิ่งล้วงข้อมูลนี้ออกมาได้เมื่อตอนบ่ายเอง”
“กราบผู้เล่นชั้นสูง”
เวลานี้ หลี่อีนั่วถามว่า “สองวันนี้ทำไมจู่ ๆ ถึงมาเข้าใกล้ฉัน”
โจวเซวียนหัวใจแทบจะหยุดเต้น แต่บนใบหน้าไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย เขากล่าวอย่างระแวดระวังว่า “ผมแค่รู้สึกว่าคุณผู้ชายหนานคนนั้นจะต้องกวนให้ท่านไม่มีความสุขแน่ ๆ อยากจะผ่อนคลายบรรยากาศสักหน่อย คุณหนูอีนั่วครับ ท่านดีกับเขาขนาดนี้ เขาถึงกับยังกล้าชักสีหน้าใส่ท่าน”
ที่ไม่ไกล หลี่ซูถงเดาะลิ้นทึ่ง ๆ “ปากนี่เคลือบพิษแท้ ๆ”
“กลิ่นชาเขียวแรงเชียว” ชิ่งเฉินคอมเมนต์ “ก็ไม่รู้ว่าหลี่อีนั่วจะสามารถต้านทานได้รึเปล่านะ”
ฉินอี่อี่คิด ๆ ดู “น่าจะได้ปะ อย่างน้อยฉันก็ได้”
เวลานี้ โจวเซวียนมองมาที่ก๊วนกินแตงสามคนอย่างมีเจตนาเสมือนไร้เจตนาอีกแล้ว เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าสามคนที่กองไฟข้างนี้เหมือนกับกำลังคุยเกี่ยวกับตนเองเสียงเบา ๆ แต่เขากลับไม่มีหลักฐาน!
จากหางตา สามคนนั้นยังคงกินแอปเปิ้ลเสมือนไร้เรื่องราว
ตอนนี้ หลี่อีนั่วคิดแล้วหันหน้ากลับไปถามชายกลางคนที่เฝ้าอยู่ข้างหลังเธอมาตลอดว่า “หวังปิ่งซู คุณรู้สึกว่าเด็กนี่เป็นไง”
“ดีมาก” หวังปิ่งซูตอบสั้น ๆ
โจวเซวียนทราบชัดว่าชายกลางคนหวังปิ่งซูคนนี้เป็นคนสนิทของหลี่อีนั่ว อีกฝ่ายยอมรับตนเอง เรื่องนี้เกรงว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว!
หลี่ซูถงสงสัยอยู่บ้าง “ยายหนูน้อยนี่คงไม่ใช่ว่าปิ๊งเด็กหน้าขาวนี่จริง ๆ หรอกนะ”
“เป็นไปได้นะ ไม่งั้นจู่ ๆ จะถามหวังปิ่งซูเรื่องนี้ทำไร”
“เฮ้อ” ฉินอี่อี่ถอนหายใจ “หนานเกิงเฉินผู้น่าสงสาร”
เพียงแต่วินาทีถัดมา หวังปิ่งซูกล่าวกับหวังปิ่งซูว่า “ได้ หวังปิ่งซูคุณชอบก็ดี ฉันรู้ว่าคุณชอบประเภทเนื้ออ่อนนุ่มอย่างเขา ยกให้คุณ”
“พรูด!” แอปเปิ้ลของก๊วนกินแตงสามคนพ่นออกมาอีกแล้ว นี่กับพล็อตเรื่องที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง
โจวเซวียน “???”
เขาเห็นคนที่พ่นแอปเปิ้ลสามคนนั้นทางหางตา นึกในใจว่าจริง ๆ ด้วย!
พวกเขากำลังแอบสังเกตฉันกับนินทาฉันจริง ๆ ด้วย!
รอบนี้พวกแกความแตกแล้วสินะ!
แต่ที่ยกตนเองให้ชายกลางคนนั่นมันเรื่องบ้าอะไรกันละเนี่ย!
หลี่อีนั่วก็มองพวกหลี่ซูถงสามคนแวบหนึ่ง จากนั้นมองโจวเซวียน ยิ้มเย็นเอ่ยว่า “นึกจริง ๆ ว่าฉันกับเสี่ยวหนานทะเลาะกันแล้วคนอย่างแกก็สามารถจัดการเขาได้เหรอ หวังปิ่งซู สั่งสอนมันดี ๆ สักหน่อย ให้มันจำได้นาน ๆ เลย”
โจวเซวียนมองดูแววตาที่หวังปิ่งซูสำรวจตนเอง หน้าซีดเทาเหมือนคนตาย……
เขาคิดไม่ถึงว่าหลังตนเองมาถึงโลกภายในจะถึงกับมีการเปิดเกมประเภทนี้!
หวังปิ่งซูเดินมาฉุดหวังปิ่งซูที่ขัดขืนสุด ๆ อยากจะเดินเข้าเต้นท์
ทันใดนั้น เซียวกงที่สวมแว่นฮอโลแกรมอยู่ด้านข้างกล่าวว่า “ตำแหน่งของโดรนหมายเลข 9 ค้นพบความผิดปกติ……ตำแหน่งโดรนหมายเลข 11 ก็ค้นพบความผิดปกติ อาหวัง คุณหนูอีนั่ว พวกเราต้องอพยพจากที่นี่ก่อน มีคนกำลังปิดล้อมพวกเรา”
หลี่อีนั่วเลิกคิ้ว “ใครมอบหัวใจหมีดีเสือให้ ผู้มาเป็นใคร”
“น่าจะเป็นชาวป่าที่ถูกพวกเราตีไปครั้งหนึ่ง” เซียวกงเอ่ยอย่างนิ่งสงบ “อีกฝ่ายมาล้างแค้น แถมจำนวนคนมากกว่าครั้งก่อนสองเท่า สามร้อยกว่าคนเต็ม ๆ ดูท่าจะเรียกตระกูลอื่น ๆ ในป่ามา”
“ห่างจากพวกเราเท่าไหร่”
“ยังอีก 7 กิโลครับ แต่จะมาถึงเร็วมาก”
หลี่อีนั่วไม่ใช่คนโง่ที่ได้แต่อวดความสามารถ ครั้งนี้มีอันตรายจริง ๆ อีกฝ่ายรู้ว่าขบวนรถล่าฤดูใบไม้ร่วงมีความแข็งแกร่งแบบไหน ครั้งนี้ยังกล้ามาจะต้องเกาะกุมชัยชนะที่แน่นอนเอาไว้!
เธอวิ่งไปที่เต้นท์ที่หนานเกิงเฉินอยู่พลางกล่าวกับหวังปิ่งซูว่า “ให้ทุกคนขึ้นรถ มุ่งหน้าไล่ตามตระกูลจินได ดึงพวกเขามาสู้กับชาวป่าพวกนี้กับพวกเรา! คุณขับรถของฉัน ฉันไปนั่งคันอื่น!”
เธอเอาหนานเกิงเฉินออกมาจากในเต้นท์ “จะทะเลาะอะไรเก็บไว้พูดกันใหม่ทีหลัง ตอนนี้อย่าโกรธฉัน เรื่องมันเร่งด่วนนะ!”
พูดจบ หลี่อีนั่วถึงกับยกหนานเกิงเฉินกระโดดเข้าท้านรถกระบะของปิคอัพ
ชิ่งเฉินมองอีกฝ่ายอึ้ง ๆ นึกในใจว่าเด็กสาวกำยำคนนี้ทำไมขึ้นรถของพวกเขาล่ะ หรือว่าค้นพบส่วนที่ไม่ถูกต้องอะไร
นี่มันประหลาดเกินไปแล้ว อีกฝ่ายกระโดดเข้าท้ายกระบะนี้อย่างกับรู้ว่าขอเพียงนั่งอยู่ในท้ายกระบะนี้ อันตรายอะไรล้วนไม่ต้องกลัว
…………………………………………
ตอนที่ 138 – โซนปลอดภัย