นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 138 โซนปลอดภัย

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 138 – โซนปลอดภัย 

 

  จากที่การต่อสู้เริ่มต้นจนมาถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านไปหนึ่งนาทีเท่านั้น

  แม้แต่ชิ่งเฉินยังช่วยทางฉินอี่อี่กับฉินเฉิงเก็บข้าวของอยู่เลย หลี่อีนั่วและหนานเกิงเฉินก็นั่งอยู่ในท้ายกระบะปิคอัพแล้ว

  เด็กสาวกำยำนั่นเห็นพวกฉินเฉิงเก็บเต้นท์ถึงกับยังจะเอ่ยเร่งอยู่บนกระบะว่า “ไม่ต้องเก็บแล้ว ของสำคัญหรือว่าชีวิตสำคัญ รีบขับรถ!”

  อย่างกับว่าปิคอัพเป็นของเธอ

  เพียงแต่สิ่งที่หลี่อีนั่วมีเหตุผลจริง ๆ เสียงปืนยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ นั่นเป็นเสียงที่ชาวป่ากำลังพยายามยิงโดรนให้ตก

  ฉินเฉิงตะโกนลั่นว่า “ไม่ต้องเก็บแล้ว ขึ้นรถให้ฉันให้หมดเลย รักษาชีวิตเอาไว้สำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น!”

  ณ ขณะนี้ทุกคนล้วนอลหม่านมาก มีหลี่ซูถงคนเดียวที่เหมือนคนไม่ทุกข์ไม่ร้อน

  คนหลายคนกระโดดเข้าท้ายกระบะ

  ข้ารับใช้ที่เดิมทีควรจะนั่งบนท้ายกระบะปิคอัพหลายคนนั้นวิ่งเข้ามา

  หลี่อีนั่วตะโกนใส่พวกเขาว่า “ไสหัวไป ไปหาขบวนรถเอาเอง”

  ฉินอี่อี่ทุบกระจกรถด้านหน้า “พี่ รีบไปเร็ว!”

  ในป่าไม้ทิศเหนือของพวกเขามีแสงไฟลุกไหม้ขึ้นมาแล้ว

  เสียงปืนดังขึ้นเป็นครั้งคราว เตือนทุกคนถึงอันตรายที่คืบคลาน

  ในกระบะรถ มีเสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้นมาว่า “คุณหนูอีนั่ว ชาวป่าถือปืนต่อต้านการควบคุมที่เล็งใส่เปียนเจี้ย-011 เป็นการเฉพาะมา!”

  หลักการของปืนต่อต้านการควบคุมก็คือ การส่งคลื่นรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่เฮิรตซ์ที่เฉพาะเจาะจง ตัดการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ควบคุมระยะไกลกับโดรน

  ในสหพันธรัฐ ของเล่นนี้เป็นวัตถุต้องห้ามตามกฎหมายเหมือนกับปืนไรเฟิลซุ่มยิง ก็ไม่รู้ว่าชาวป่าไปเอามาจากไหน

  หลี่อีนั่วล้วงวิทยุสื่อสารออกมาจากกระเป๋าแล้วกล่าวว่า “เซียวกง เปิดโหมดทำลายตัวเองของโดรนพวกนั้น ขวางพวกมันเอาไว้ อีกอย่าง ขบวนรถของตระกูลจินไดอยู่ที่ไหน”

  ในวิทยุสื่อสาร ต้นหนเซียวกงของทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงตอบว่า “รับทราบ ขบวนรถตระกูลจินไดกำลังหยุดแช่อยู่ทางใต้พวกเรา 60 กิโลเมตร น่าจะอยู่ในแคมป์พักแรม”

  สิ่งที่ผู้คนคิดไม่ถึงคือ หลี่อีนั่วถึงกับมีวิธีการตรวจสอบตำแหน่งของขบวนรถตระกูลจินไดอยู่ตลอด ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่จินไดจู่ ๆ ก็ขับแซงไปกลางทาง เธอไม่ได้ลนลานสักนิด

  “ไปหาตระกูลจินได คนสหพันธรัฐทั้งนั้น ทุกคนเผชิญหน้ากับชาวป่าไปด้วยกัน!” หลี่อีนั่วกล่าว

  กลับเห็นโดรนเปียนเจี้ย 4 ตัวที่เหลืออยู่ซึ่งยังชาร์จแบตอยู่ในแคมป์ก็ทะยานขึ้นฟ้า บินตรงไปที่ป่าไม้ทิศเหนือ

  ผ่านไปไม่ทันไร ในรถยนต์ที่เคลื่อนตัวอยู่ ทุกคนล้วนได้ยินเสียงระเบิดหลายครั้งจากข้างหลัง แสงไฟขนาดมหึมาลุกโชติช่วงในท้องฟ้าราตรี

  นี่ก็คือกระบวนการทำลายตัวเองของโดรน : จ่ายด้วยราคาของโดรนหนึ่งตัว สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับศัตรู

  โดรนตัวนี้หนึ่งตัวที่ระเบิดก็เหมือนกับการเผาเงิน แต่หลี่อีนั่วไม่แคร์สักนิด

  ถัดจากนั้น ฉินอี่อี่, หลี่อีนั่ว, หนานเกิงเฉิน, ชิ่งเฉิน, หลี่ซูถงห้าคนนั่งอยู่ในท้ายกระบะ จ้องตากัน

  เด็กสาวกำยำจู่ ๆ มองไปทางชิ่งเฉินแล้วถามว่า “นี่ ฉันเห็นว่านายก็ธรรดามากเลยนิ แขนขาผอมแห้ง ถึงคนหน้าตาจะพอไหว แต่ดูแล้วไม่ทนมือทนเท้าเลยสักนิด”

  บรรยากาศของทุกคนแข็งค้าง ใครก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ หลี่อีนั่วถึงดูถูกชิ่งเฉิน

  ไม่มีสาเหตุ!

  ฉินอี่อี่สำรวจมองเธออย่างใคร่รู้ ครุ่นคิดว่าจะเรียกขานอย่างไร “ท่าน……ผู้กล้า”

  หลี่อีนั่วเลิกคิ้ว

  เร็วขนาดนี้ คนที่ช่วยเด็กหนุ่มนั่นระบายความโกรธก็มาแล้วเหรอ

  ฉินอี่อี่เห็นหลี่อีนั่วถลึงตา รีบแก้ว่า “ท่านผู้กล้าสาวสวย ทำไมคุณมานั่งบนรถพวกเราล่ะคะ”

  หลี่อีนั่วตอบอย่างสงบนิ่งว่า “เพราะปลอดภัย”

  ”ปลอดภัย?”

  พอวาจานี้หลุดออกมา ฉินอี่อี่และหนานเกิงเฉินล้วนมองเธออย่างอึ้ง ๆ พร้อมกัน ต้องทราบว่าคนผู้นี้คือลูกสาวคนโตรุ่นที่สามของตระกูลหลี่ ขบวนรถล่าฤดูใบไม้ร่วงทั้งหมดล้วนยกให้เธอบงการ

  แต่ทว่าตอนที่อันตรายแท้จริงคืบคลานมา อีกฝ่ายกลับพูดว่าอยู่ในรถปิคอัพบุโรทั่งนี้ปลอดภัยกว่า?

  ต้องทราบว่า หลี่อีนั่วเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของตระกูลหลี่ด้วย นายท่านที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินประเภทนี้ตอนนี้มาที่ปิคอัพเพื่อหาคนคุ้มครอง?

  ปิคอัพสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่งบนถนนดิน

  ทุกคนล้วนเงียบงัน ไม่รู้ว่าควรจะย่อยคำพูดเมื่อครู่นี้ของหลี่อีนั่วอย่างไร

  กลับเห็นหลี่อีนั่วมองไปทางหลี่ซูถง “แม่ฉันบอกว่าตอนฉันเด็ก ๆ ท่านยังเคยอุ้มฉันด้วย คงไม่เห็นการตายไม่ช่วยเหลือสินะคะ”

  หลี่ซูถงยิ้มให้หลี่อีนั่วแล้วยิ้มกล่าวว่า “ตอนที่ฉันอุ้มเธอ เธอยังไม่รู้ความเลย ทำไมจู่ ๆ เอาเรื่องนี้ออกมาพูดล่ะ”

  สาเหตุที่หลี่อีนั่วกระโดดเข้าปิคอัพในยามวิกฤตเป็นเพราะว่าหลี่ซูถงอยู่ที่นี่!

  ฉินอี่อี่และหนานเกิงเฉินหันขวับไปมองชายกลางคนผู้นี้ มีเพียงชิ่งเฉินที่ถอนหายใจในใจ นึกแล้วว่ายังจะถูกจำได้

  คิดย้อนไปในตอนนี้ ตอนที่อีกฝ่ายพูดกับชิ่งเฉินเห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกอิจฉาริษยา……

  ระหว่างที่พูด กลับเห็นว่าในท้องฟ้าราตรีสีดำมีเสียงหึ่ง ๆ ดังมา เป็นเสียงของฝูงโดรน!

  โดรนของอีกฝ่ายแม้แต่ไฟสัญญาณยังไม่ส่องสว่าง ในยามค่ำคืนคนธรรมดาเห็นไม่ชัดเลยว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน

  หลี่อีนั่วคิดได้ในพริบตาว่าชาวป่าทิศเหนือทำท่าจะล้อมโจมตีขนานใหญ่ บังคับให้พวกเขาลงใต้ก่อนเวลา เข้ามาในสถานที่นี้ที่ถูกฝูงโดรนซุ่มโจมตีเอาไว้แล้ว!

  ไม่ต้องให้อีกฝ่ายมาซุ่มโจมตีพวกเขา พวกเขาเข้าไปในวงล้อมซุ่มโจมตีเอง!

  หลี่อีนั่วขมวดคิ้ว “เดิมทีคนของสระอัคคีจะต้องอยู่ใกล้ ๆ แน่ ๆ ถูกชาวป่าที่ล่าถอยไปกลุ่มนั้นเรียกมา ไม่งั้นพวกเขาไม่มีฝูงโดรนเยอะขนาดนี้หรอก”

  ขณะนี้ กลับกลายเป็นพวกเขาไม่มีโดรน อีกฝ่ายกลับมี

  ในวิทยุสื่อสาร ต้นหนเซียวกงถามว่า “คุณหนูอีนั่วครับ มีฝูงโดรนเคลื่อนมาใกล้ ในขบวนรถของพวกเรายังมีโดรนเปียนเจี้ยอยู่หนึ่งชุด แต่ผมต้องการเวลาเชื่อมต่อประสาทใหม่”

  กลับได้ยินหลี่อีนั่วตอบว่า “ไม่ต้อง”

  พูดจบ เธอมองไปทางหลี่ซูถง “ท่านลงมือเถอะค่ะ พวกเราจะได้ไม่เสียเวลา”

  หลี่ซูถงยิ้มแต่ไม่ตอบคำ

  เห็นแค่ว่าหลี่อีนั่วที่ยามปกติเป็นลูกสาวคนโตจอมเผด็จการของตระกูลหลี่จู่ ๆ ทำแอ๊บแบ๊วขึ้นมา “ท่านคงไม่ดูฉันเกิดเรื่องหรอกนะคะ ตอนเด็ก  ๆ ท่านเอ็นดูฉันนี่นา”

  ว่าแล้ว เธอล้วงสำรับไพ่หนึ่งชุดออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้หลี่ซูถง ชิ่งเฉินเห็นครูคนนี้ของตัวเองยิ้ม แกะไพ่ขว้างขึ้นไปบนท้องฟ้าราตรี 

  ไพ่แต่ละใบเป็นประดุจใบมีดหมุนวน ฟันสิ่งที่แอบซ่อนอยู่บนท้องฟ้านั้นจนขาดกระจุย 

  ค่ำคืนมืดมิดแต่เดิมถูกลูกไฟหลายสิบลูกส่องสว่างขึ้นมาในพริบตา

………………………………..

 

 

ตอนที่ 139 – ครูยุ่งมาก 

 

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท