ตอนที่ 149 – ไมยราบ
ชิ่งไฮววิเคราะห์ว่า “ตอนที่ทหารคนแรกของเราตายคือ 19 นาทีที่แล้ว ในเวลาระหว่างนี้ อีกฝ่ายแม้แต่หลุมที่สามยังไม่ทันขุดขึ้นมา แสดงว่าความแข็งแกร่งกับพลังกายของอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแรงมากเลย”
“แถมวิธีการนี้ก็เกรงว่าจะเป็นไอเดียปุบปับของอีกฝ่าย ถ้าไม่อย่างนั้น หลังจากที่เขาหาหลุมกลบฝังเจอก็ควรจะขุดหลุมกลบฝังขึ้นมาให้หมดก่อนไม่ใช่ตีหญ้าให้งูตื่น แล้วค่อยตัดถุงซีลทั้งหมดเร็ว ๆ อย่างนั้นในสถานการณ์ที่พวกเราไม่รู้เรื่องสักนิด เกรงว่าภายใน 1 นาทีก็ถูกกฎฆ่าตายหมดแล้ว”
“อีกฝ่ายก็อาจจะไม่มั่นใจว่าวิธีนี้ใช้ได้รึเปล่า แค่ทดลองดูสักครั้ง” ชิ่งไฮวพูดข้อสรุปของตัวเองออกมา
เฉาเวยมองลูกหลานกลุ่มการเงินคนนี้แวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ผู้บัญชาการวิเคราะห์ได้มีเหตุผลอย่างยิ่งครับ”
“ตอนนี้เสียเวลาไม่ได้ มีการวิเคราะห์อะไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน” ชิ่งไฮวกล่าว “พี่เฉาเวย คุณพาหมู่รบสามหมู่กลับไปตำแหน่งกลบฝังเมื่อกี้ของพวกเรา ขุดถุงซีลทั้งหมดออกมา จากนั้น ผมต้องการให้คุณหาสถานที่ตั้งเขตทุ่นระเบิด”
อย่างรวดเร็ว เฉาเวยพาคนมารวมตัวกันใหม่ เขาตบเป้เดินทางของตัวเอง “ผู้บัญชาการชิ่งไฮวครับ ถุงซีลของท่านอยู่ในกระเป๋าผมหมดแล้ว ผมเก็บรักษาด้วยตัวเอง”
แต่ทว่าชิ่งไฮวกลับส่ายหน้าแล้วหยิบถุงซีลออกมาจากในเป้เดินทางของอีกฝ่าย “พี่เฉาเวย ผมจะให้คุณทำเรื่องอย่างการแบกถุงฉี่ได้ยังไง ผมนับถือคุณเหมือนพี่ เรื่องประเภทนี้ไม่ได้หรอก”
พูดจบ เขาเอาถุงซีลที่เปื้อนดินโคลนจำนวนหนึ่งยัดเข้าไปในเป้เดินทางของตัวเอง
กลับได้ยินชิ่งไฮวถามว่า “พี่เฉาเวย คุณวิเคราะห์คนคนนี้ว่ายังไงครับ”
เฉาเวยมองชิ่งไฮวแวบหนึ่ง “คนคนนี้จะเป็นคนที่ผู้ท้าชิงคนอื่นในตระกูลชิ่งเชิญมาก่อกวนภารกิจของท่านรึเปล่าครับ ท่านว่าอาจจะเป็นใครเชิญมาครับ”
“ผู้สมัครทุกคนของสังเวียนแห่งเงาล้วนอาจจะอยากฆ่าผม” ชิ่งไฮวกล่าว “คนเดียวที่สามารถขีดฆ่าจากผู้ต้องสงสัยมีแค่เจ้าสวะที่ถูกขังในคุกหมายเลข 18 คนนั้น พี่เฉาเวย สังเวียนแห่งเงาก็โหดร้ายอย่างนี้แหละ”
กองร้อยสนามในขณะนี้ ตอนที่มายังเป็นบุคลากรชั้นยอด 152 คน ตอนนี้กลับเหลือเพียง 104 คน
พลทหาร 48 นายที่ตายไปนั่นแม้แต่โอกาสจะสู้กลับยังไม่มีเลย
นี่ก็คือส่วนที่น่ากลัวของกฎสถานที่ต้องห้าม ถ้าหากยึดกุมกฎเอาไว้แล้ว แม้แต่มดยังสามารถฆ่าช้าง
ณ ขณะนี้เอง พลทหารที่ใช้แว่นฮอโลแกรมควบคุมสุนัขล่าจักรกลอยู่ไม่ไกลกล่าวว่า “ผู้บัญชาการครับ ทิศ 3 นาฬิกาค้นพบแหล่งความร้อนเป้าหมายที่น่าสงสัย อีกฝ่ายกำลังเคลื่อนเข้าใกล้เงียบ ๆ”
ชิ่งไฮวถามอย่างสงบนิ่งว่า “ยังมีแหล่งความร้านน่าสงสัยอื่น ๆ ปรากฏขึ้นไหม”
“รายงานผู้บัญชาการ ไม่มีครับ” พลทหารตอบ
ชิ่งไฮวมองไปทางเฉาเวย “กำจัดเขา แล้วพวกเราค่อยมุ่งหน้าต่อ”
เฉาเวยกล่าวว่า “ท่านโปรดตัดสินใจอย่างรอบคอบ อันที่จริงตอนนี้พวกเราถอยออกไปก็ยังทันนะครับ”
ชิ่งไฮวส่ายหน้า “เท่าที่ผมรู้ คนบ้านอื่น ๆ ที่อยากจะก่อกวนผมอยู่ระหว่างทางกันแล้ว ถ้าถอยออกไปตอนนี้ ภายในเดดไลน์ 3 เดือนไม่มีทางมีโอกาสสำเร็จภารกิจอีกเลย”
จุดนี้ชิ่งไฮวเดาไม่ผิด ทีมที่มาฆ่าเขาโดยเฉพาะในสระอัคคีเข้ามาในสถานที่ต้องห้ามแล้ว
สังเวียนแห่งเงาไม่มีเส้นทางหันหลังกลับให้เดิน เหยียบลงมาแล้วก็ต้องเพิกเฉยต่อชีวิต ตำแหน่งเงาที่เกือบจะได้รับจึงสำคัญที่สุด
ทหารท้งหมดของกองร้อยสนามเริ่มวิ่ง สุนัขล่าสี่ตัวนั้นมุดเข้าป่าไม้ดุจสุนัขจรจัดที่หลุดควบคุม ล็อคแหล่งความร้อนเมื่อครู่นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย!
เพียงแต่ พวกเขาเพิ่งจะเคลื่อนตัว แหล่งความร้อนนั้นก็เริ่มหนีเตลิดไปไกล
แถมความเร็วยังเร็วอย่างยิ่ง
……
ชิ่งเฉินวิ่งซิกแซกอย่างมุทะลุในป่าไม้ สิ่งที่ไม่เหมือนกับคนอื่นคือ ทุกย่างก้าวของเขาล้วนไม่ใช่ทำไปอย่างไร้จุดหมาย
ทุกก้าวของเขาล้วนเป็นทางที่เขาเคยเดิน
คนทั่วไปเดินป่าในป่าเขาต้องระวังว่าจะสะดุดกิ่งไม้ใต้เท้า ต้องระวังก้อนหินที่ซ่อนใต้ใบไม้เน่า ต้องระวังดินโคลนที่ตะปุ่มตะป่ำ
คนทั่วไปทั้งหมดเดินป่าบนเขาไม่อาจแสดงกำลังทั้งหมดได้เลย
แต่ชิ่งเฉินไม่เหมือนกัน ขอเพียงเป็นทางที่เขาเคยเดิน ล้วนอยู่ในสมองของเขา
ใบไม้บนพื้นทุกใบ ก้อนหินใต้เท้าทุกก้อน เสมือนว่าเขาเติบโตอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ที่นี่เป็นบ้านของเขา
เสมือนว่าเขาหลับตาก็ยังสามารถเดินได้เหมือนกัน
ดุจเดินบนพื้นเรียบ
ไม่รู้ว่าทำไมชิ่งเฉินถึงชอบที่นี่จริง ๆ ถึงป่าไม้จะมืดครึ้ม แต่ไม่รู้เหตุใดเขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีสายตาอันสนิทสนมจำนวนหนึ่งกำลังเฝ้ามองเขา
ไม่มีจิตเป็นศัตรู เพียงมองดูเงียบ ๆ ถึงขนาดยังมีแววยิ้ม
มองดูเขาใช้กฎ มองดูเขากำจัดศัตรู
เหมือนกับว่าครูที่ชื่อหลี่ซูถงคนนั้นพาเขามาที่นี่ไม่ได้เพื่อฆ่าชิ่งไฮวกับเปิดยีนล็อคอย่างเดียว ยังอยากจะให้เหล่าบรรพบุรุษเห็นผู้สืบทอดของอัศวินด้วย
ว่าดุร้ายและเฉลียวฉลาดขนาดไหน
สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ สัตว์ป่าและแมลงบนสนามรบผืนนี้จากไปเงียบ ๆ ทั้งหมดแล้ว ยกสนามรบนี้ให้เด็กหนุ่ม
เหมือนกับเป็นเวทีที่เตรียมให้เขาโดยเฉพาะ
ศัตรูข้างหลังยิ่งมายิ่งใกล้ ประสิทธิภาพการตามรอยของสุนัขล่าจักรกลสี่ตัวสูงเกินไป สองขาจักรกลของทหารกองร้อยสนามออกแรงเร็วเกินไปแกร่งเกินไป ถึงจะเป็นชิ่งเฉินที่เดินดุจเดินบนพื้นราบก็ไม่สามารถชดเชยความห่างชั้นของพลังอันมหาศาลนี้ได้หมดจด
เขายังไม่ใช่อัศวินที่แท้จริง
อย่างช้า ๆ ชิ่งเฉินสามารถได้ยินเสียงหอบหายใจของศัตรูด้านหลังแล้ว อยู่ห่างไปสิบกว่าเมตร
แต่เขาไม่ได้หันหน้ากลับไป เพราะว่าเขามีแผนการของตนเอง
ทุกสิ่งล้วนยังอยู่ในการควบคุม
ตอนที่ศัตรูกำลังจะเข้าใกล้ด้านหลังชิ่งเฉิน เด็กหนุ่มจู่ ๆ เร่งความเร็ว
200 เมตร
100 เมตร
50 เมตร
10 เมตร
ชิ่งเฉินทะลุผ่านพุ่มไม้หย่อมหนึ่ง
ทันใดนั้น
เฉาเวยและชิ่งไฮวล้วนรู้สึกว่าไม่ถูกต้องพร้อมกัน เด็กหนุ่มนั่นเปลืองแรงเสียความคิดวนมายังที่นี่เพราะอะไร
“หยุด……” เฉาเวยยังพูดไม่ทันจบ
ทหารที่ไล่ล่าหลายสิบนายมุดเข้าไปในพุ่มไม้แล้ว
เพียงพริบตา พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังเหินขึ้น
ตอนที่พลิกตัวกลางอากาศ เหล่าพลทหารยังสามารถมองเห็นร่างกายท่อนล่างของตนเองบนพื้น ส่วนใบไม้ของพุ่มไม้หย่อมนั้นก็เต็มไปด้วยหยดเลือด
เพียงชั่วพริบตาเดียว สุนัขล่าจักรกลสี่ตัว รวมทั้งร่างของพลทหาร 8 นาย ตอนที่ทะลุผ่านพุ่มไม้หย่อมนั้น……
แหลกเป็นเสี่ยง ๆ ในพริบตา
ข้างหลังยังมีทหารที่ไล่ล่ายี่สิบกว่านายที่เพราะว่าหยุดร่างกายไม่อยู่จึงชนกันแล้วล้มลงไปในพุ่มไม้ ก็เลยสิ้นชีพไปเหมือนกัน
เฉาเวยหรี่ตามองพุ่มไม้ที่ไม่สะดุดตาหย่อมนั้นที่อยู่เบื้องหน้า เห็นชัด ๆ ว่าเป็นแค่ไมยราบที่เขียวชอุ่มอยู่บ้างผืนหนึ่ง เหตุใดจู่ ๆ กลับกลายเป็นอาวุธสังหารที่แหลมคมไร้เทียมทานได้ล่ะ?!
เขาเงยหน้ามองไปทางด้านหน้า ค้นพบอย่างประหลาดใจว่าเด็กหนุ่มคนนั้นถึงกับหยุดร่างมองตนเองอย่างเยียบเย็น ทำท่าปาดคออีกครั้ง
ขณะนี้เฉาเวยมั่นใจแล้วว่า กฎที่อีกฝ่ายเกาะกุมเอาไว้ต้องมากกว่าตนเองมาก ๆ
…………………………………
เพิ่งเริ่มต้นตายไปครึ่งร้อยแล้วจ้า
ตอนที่ 150 – โซนกับดัก