ตอนที่ 172 – แฝด
เจิ้งหย่วนตงเคยบอกกับลู่หยวนว่า ถ้าหากคนที่อยู่หลังฉากคนนั้นยังไม่อยากทิ้งหลิวเต๋อจู้ คืนนี้ “พวกเขา” จะต้องมา
หูลู่ที่อยู่ด้านข้างถามว่า “หัวหน้าทีมลู่ ถัดจากนี้ทำยังไงครับ อีกฝ่ายวางแผนปฏิบัติการคนเดียว ถ้าทำลายแผนของพวกเราล่ะ”
“ไม่เป็นไร” ลู่หยวนส่ายหน้า “คุณเตรียมรับช่วงสั่งการทุกเมื่อ ผมต้องออกไปแล้ว”
“หัวหน้าทีมลู่ คุณจะไปไหนเหรอ” หูลู่ที่อยู่ด้านข้างถาม
“แน่นอนว่าไปจับตามอง ปล่อยให้หลิวเต๋อจู้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ ไม่ได้นิ” ลู่หยวนกล่าว
“แต่ผู้เหนือมนุษย์ของอีกฝ่ายยังไม่ลงมือนะครับ” หูลู่กล่าว “คุณออกไปอย่างหุนหันอย่างนี้ ถ้าเผื่อพวกเขาวางแผนใส่จะทำยังไง”
ลู่หยวนโบกมืออย่างสบาย ๆ “คนของคุนหลุนกลัวอันตรายเมื่อไหร่กัน”
ขณะนี้รถดับเพลิงเร่งมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว แต่เนื่องจากมีรถประชาชนจอดอยู่ รถดับเพลิงที่เปิดไซเรนกลับถูกขวางไว้นอกประตู
มีคนอยากจะมองทะลุหน้าต่างรถเข้าไปข้างใน แต่กลับค้นพบว่า รถทุก ๆ คันถึงกับล้วนติดฟิล์มรถที่แปลก ๆ เอาไว้ มองจากข้างนอกไม่เห็นสถานการณ์ข้างในเลย
พนักงานดับเพลิงรีบตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถไปทีละคัน โทรศัพท์เรียกให้เจ้าของรถมาเคลื่อนรถ มองดูควันหนาทึบข้างในที่ยังคงแพร่กระจายตาปริบ ๆ แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ ยังไม่มีหนทาง
ในชุมชนซิงหลง ฝนห่าใหญ่เทลงมา
หลิวเต๋อจู้แบกมารดาไว้บนหลังตั้งใจจะเดินออกไป
มีีคนที่อยู่ข้าง ๆ เขากล่าวเสียงเบาว่า “ผมเป็นคนของคุนหลุน ปิงถัง อยู่ที่นี่พวกเราสามารถคุ้มครองคุณ ห้ามหนีออกจากวงคุ้มกันนะครับ”
หลิวเต๋อจู้ลนลานอยู่บ้าง “แม่ผมตกจากบันได ขาหักแล้ว ตอนนี้จู่ ๆ หมดสติไปอีก ผมต้องรีบพาไปส่งโรงพยาบาล! คุณวางใจเถอะ ผมไปไม่ไกล ห่างไปสามร้อยเมตรก็เป็นโรงพยาบาลแล้ว!”
ปิงถังอึ้งไปแล้วมองไปทางหวังชูเฟิน อีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ยังมีสติอยู่เลย ตอนนี้กลับหมดสติไปแล้ว
ดูท่ามารดาของหลิวเต๋อจู้ไม่เพียงตกลงมาขาหัก แต่ยังกระทบกระเทือนที่อื่นด้วย
ปิงถังเดินไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปตรวจสอบสั้น ๆ และรีบกล่าวลงในช่องสื่อสารว่า “หัวหน้าทีมลู่ครับ คุณแม่ของนกกระจอกได้รับบาดเจ็บ ศีรษะซีกขวามีอาการบาดเจ็บ เป็นไปได้มากว่าจะกระแทกขั้นบันได ตอนนี้เขายืนกรานจะออกไป ทำยังไงครับ”
หลิวเต๋อจู้พอได้ยินคำประเมินประโยคนี้ ตาแดงขึ้นมา ยกเท้าขึ้นจะพุ่งออกไปข้างนอก
หลิวโหย่วไฉตามหลังไปติด ๆ
สายฝนสาดซัดลงมาจากท้องฟ้า หน้าม้าของหลิวเต๋อจู้เปียกติดหน้าผากจนหมด ดูทุลักทุเลถึงขีดสุด
เขารู้ว่าพุ่งออกไปข้างนอกอาจจะมีอันตราย แต่ว่าตอนนี้ไหนเลยจะเป็นเวลาที่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของตนเอง?
เมื่อครู่ตอนที่เขาแบกมารดาลงบันได ยังเห็นรูเข็มบนแขนมารดา เห็นได้ชัดว่านั่นคือสิ่งที่เหลือจากการเจาะเลือดเมื่อเช้า!
หลิวเต๋อจู้คำรามขึ้นมาว่า “ใครก็ห้ามขวางผม!”
ปิงถังลังเล กล่าวลงในช่องสื่อสารว่า “หัวหน้าทีมลู่ครับ นกกระจอกไปแล้ว!”
“คุณพาคนที่ใกล้ที่สุดสองคนไปคุ้มครองเขาก่อน ผมจะรีบไปทางนั้น” ลู่หยวนลังเลชั่วขณะ “หูลู่ คุณมารับช่วงสั่งการ ผมจะคุ้มครองเขาไปที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง!”
คุนหลุนวางกำลังไว้ในชุมชนซิงหลงมานานมาก ก็เพื่อวางแผนจะรวบแหจับปีศาจร้ายพวกนัั้นในคราเดียว
ถึงอย่างไรหลังจากเหตุการณ์ทะลุมิติ มีหนูสกปรกจำนวนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในที่ลับทำอย่างไรก็ฆ่าไม่หมดมาโดยตลอด ตอนนี้สกุลหวังจ่ายราคาสูงลิบดึงดูดพวกเขาออกมา พอดีเป็นโอกาส
หวังชูเฟินได้รับบาดเจ็บอยู่เหนือความคาดหมายจริง ๆ ถึงอย่างไรจนถึงตอนนี้ยังไม่มีมือสังหารที่สามารถพุ่งมาถึงเบื้องหน้าหลิวเต๋อจู้ ถ้าหากไม่ใช่ว่าชายกลางคนคนนั้นลนลานไม่ดูทาง ตอนนี้จะต้องยินดีปรีดากันถ้วนหน้า
ในช่องสื่อสาร มีคนกล่าวว่า “หัวหน้าทีมลู่ครับ ตอนนี้ปล่อยให้นกกระจอกจากไป มือสังหารตามเขาไป กำลังพลของพวกเราจะไม่เข้มงวดขนาดนั้นแล้ว”
ลู่หยวนถอนหายใจเอ่ยว่า “ภารกิจของพวกเราคือการปกป้องคนธรรมดาพวกนี้ อย่าได้ลืมเลือนจิตใจแรกเริ่มเพราะเสียดายแผนการ หูลู่ ปิดกั้นชุมชนซิงหลงทั้งหมดให้ผม ไม่อนุญาตให้หนีไปได้สักคน”
คำพูดเพิ่งจะเปล่งออกมาไม่นานนัก หมู่รบสิบกว่าหมู่พุ่งออกมาจากทางเดินซ่อนเร้น เริ่มลงมือปิดล้อมชุมชนซิงหลง
ผู้พักอาศัยที่หนีเพลิงไหม้เห็นฉากนี้ก็ตะลึงงัน ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าถึงกับมีคนมากขนาดนี้ซุกซ่อนอยู่!
คุนหลุนซ่อนตัวมาถึงวันนี้ก็เพื่อแสดงความอ่อนแอต่อศัตรู กำจัดพวกปีศาจร้ายที่ในยามปกติหาไม่เจอมาให้หมด
คืนนี้ ไม่ว่าใครจะมาขัดขวางแผนการ มือสังหารพวกนี้ก็หนีไม่รอด!
ครู่ต่อมา หลิวเต๋อจู้พอขยับ ในกลุ่มผู้ลี้ภัยมีคนเจ็ดคนขยับตาม
พวกเขาห้อยตามอยู่ข้างหลังช้า ๆ ไม่รู้ว่ากำลังรออะไร
ปิงถังที่ห้อยตามอยู่ข้างหลังหลิวเต๋อจู้รีบร้องลงช่องสื่อสารว่า “หัวหน้าทีมลู่ มือสังหารเจ็ดคนที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มคนเผยตัวแล้ว พวกเขาเตรียมจะลงมือแล้วครับ”
“คนของพวกเราล่ะ?!” ลู่หยวนคำราม
“อยู่ข้างหลังหลิวเต๋อจู้!” ปิงถังกล่าว “หลิวเต๋อจู้วิ่งเร็วเกินไป ยาแปลงพันธุกรรมของเด็กนั่น สิ่งที่เสริมพลังคือพลังของช่วงขา!”
“บัดซบ!” ลู่หยวนคำรามอีกครั้ง เขาทะลุผ่านกลุ่มคนแน่นขนัด ฝ่าค่ำคืนฝนตก ตรงไปยังมือสังหารที่ห้อยตามหลังหลิวเต๋อจู้ไม่กี่คนนั้น
เขาล้วงปืนพกออกมาจากใต้แขนยกมือขึ้นแล้วยิงปัง ๆ สองนัด กระสุนสองนัดแยกย้ายกันเจาะเข้าไปที่หลังศีรษะของมือสังหารที่ห่างออกไปห้าสิบกว่าเมตรด้วยความแม่นยำอย่างยิ่งยวด ถึงขนาดที่มือสังหารคนอื่นรีบหลบเลี่ยง แล้วก็ไม่กล้าไล่ฆ่าหลิวเต๋อจู้อย่างไร้ความเกรงกลัวอีก
แต่คลื่นลูกแรกยังไม่สงบ คลื่นอีกลูกก็มาแล้ว!
พนักงานดับเพลิงที่ติดอยู่ตรงปากประตูชุมชนกำลังโทรศัพท์หา 114 ตรวจสอบหมายเลขเจ้าของรถ รถยนต์ 7 คันที่จอดขวางเป็นแถวยาว ประตูรถจู่ ๆ เปิดออกมา
ที่แท้พวกเขาล้วนอยู่บนรถมาโดยตลอด แถมไม่มีเจตนาจะขยับรถเลยสักนิด มุ่งหน้าตรงดิ่งไปหาหลิวเต๋อจู้
มือสังหาร 7 คนสวมเสื้อกันฝนสีดำ เดินอย่างไม่เร็วไม่ช้า กางตาข่ายอันไร้สภาพออกมา ทุกคนล้วนซ่อนมือไว้ในเสื้อกันฝน
สายฝนสาดลงบนร่างของพวกเขา พวกเขาเหยียบลงบนแอ่งน้ำทีละก้าว ๆ
ห่างออกไปนับร้อยเมตร หลิวเต๋อจู้สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกข่มขวัญและเจตนาฆ่าที่ดุจจับต้องได้
เขาเห็นฉากนี้แล้วก็หยุดลงช้า ๆ หลิวโหย่วไฉขวางอยู่ข้างหน้าเขา “ลูกชาย พวกนี้เป็นคนที่มาฆ่าลูกหมดเลยไหม ลูกวิ่งกลับไปเถอะ วางใจได้ แม่ลูกไม่โทษลูกหรอก”
“พ่อ” หลิวเต๋อจู้ทั้งร่างเปียกโชกไปด้วยสายฝนอันเย็นยะเยือก เขามองมือสังหารที่ยังเคลื่อนมาใกล้ กล่าวด้วยริมฝีปากสั่นเทาว่า “ในกระเป๋าผมมีอุปกรณ์สื่อสารที่เหมือนมือถืออยู่เครื่องหนึ่ง พ่อส่งข้อความออกไป ถามว่าสามารถจะ……”
คำพูดยังไม่ทันพูดจบ หลิวโหย่วไฉก็ล้วงอุปกรณ์สื่อสารออกมาจากในกระเป๋าหลิวเต๋อจู้แล้ว “ลูกชาย บนนี้มีข้อความ”
“ข้อความบอกว่าอะไรครับ” หลิวเต๋อจู้ถามอย่างกระวนกระวาย
“ว่า ไม่ต้องกลัว เดินไปข้างหน้า”
หลิวเต๋อจู้มองไปรอบด้านทันควัน หมายความว่าอะไร บอสก็อยู่แถว ๆ นี้เหรอ หรือบอกว่าคนของบอสมาถึงแล้ว?!
แต่เขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เวลานี้ หลิวเต๋อจู้หันศีรษะมองไปทางหลิวโหย่วไฉ “พ่อ พ่อเชื่อผมไหม เดินหน้าต่อไป! ผมว่าวันนี้ผมไม่ตาย! แม่ผมก็จะไม่เป็นไร!”
ว่าแล้ว เขาถึงกับเดินหน้าไปอีกครั้ง
ลู่หยวนเห็นฉากนี้ก็แอบสบถหนึ่งคำ จากนั้นรีบกล่าวลงช่องสื่อสารว่า “แผน B! เริ่มแผน B มือซุ่มยิงของเหล่าจื่อล่ะ!? ไม่ต้องห่วงผู้เหนือมนุษย์นั่นแล้ว ถล่มพวกมันให้เหล่าจื่อ……เดี๋ยว อย่ายิงปืน!”
เห็นเพียงตอนที่ “เจ้าของรถ” ซึ่งสวมเสื้อกันฝน 7 คนกำลังจะล้อมหลิวเต๋อจู้สำเร็จ ในค่ำคืนฝนตกข้างหลังพวกเขาได้ปรากฏมือสังหารที่สวมเสื้อกันฝนสีดำขึ้นมาอีกสองคนอย่างเหนือคาด ประดุจผีสางที่จู่ ๆ โผล่ตัวออกมาจากในเงาข้างหลัง “เจ้าของรถ” ราวกับรออยู่ที่นั่นแต่แรก
แต่มือสังหารสองคนนี้ไม่ได้พุ่งมาที่หลิวเต๋อจู้เลย ทว่าชนใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญจากข้างหลังด้วยเจตนาฆ่าฟัน!
คนสองคนนี้เดินทั้งเร็วทั้งรีบ ฝีเท้าทุกก้าวเหยียบไปในแอ่งน้ำลึก ๆ แอ่งน้ำสาดกระเซ็นไปทั้งสองด้าน
ยังไม่ทันที่แอ่งน้ำจะรวมตัวกันใหม่ เท้าก็ยกออกจากแอ่งน้ำแล้ว
ท่ามกลางฝนห่าใหญ่ที่เทลงมา เสื้อกันฝนสีดำของชิ่งเฉินพลิกขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไพ่หนึ่งใบยิงออกมาจากใต้เสื้อกันฝน บนหน้าไพ่สีขาว A โพธิ์ดำเหมือนกับมีดสีดำเล่มหนึ่งทะลุผ่านม่านฝนเป็นชั้น ๆ
ไพ่ที่น่าทึ่งใบนั้นอยู่กลางอากาศ ตัดแบ่งน้ำฝนแต่ละหยดเป็นสองซีก ฉีกเป็นเส้นสายสีขาวอยู่ในม่านฝน แทรกผ่านช่องว่างระหว่างซี่โครงเจาะเข้าไปในหัวใจของมือสังหารอย่างแม่นยำ
เห็นเพียงว่ามือสังหารคนนั้นถูกไพ่ใบนี้โจมตีจนล้มคว่ำไปข้างหน้าแล้วไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก
ลู่หยวนตะลึงอยู่ในใจ เขาเคยเห็นไพ่ที่สามารถตัดกระป๋องได้ แต่ยังไม่เคยเห็นไพ่ที่โหดขนาดนี้ สามารถเจาะทะลุร่างกายคน!
มือของอีกคนที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อกันฝนเหนี่ยวไกอย่างต่อเนื่อง เห็นเพียงลูกกระสุน 9 นัดยิงเสื้อกันฝนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ แล้วยิงมั่วฆ่ามือสังหารสามคน
มือสังหาร 7 คน พริบตาเดียวเหลือเพียง 3 คน
ร่างสองร่างนั้นเดินไปข้างหน้าอย่างรู้ใจกัน การเคลื่อนไหวแทบจะพร้อมเพรียง การลงมือก็ดุจสายฟ้าฟาด จนกระทั่งขณะนี้เหล่ามือสังหารจึงมีโอกาสตระหนักว่าข้างหลังยังมีการซุ่มโจมตี!
ตั๊กแตนสะกดจั๊กจั่น
นกขมิ้นตามอยู่ข้างหลัง!
ตอนที่มือสังหาร 3 คนเห็นศพของพวกพ้องล้มลงก็หันกลับมาอย่างตระหนักรู้ ชายเสื้อกันฝนของพวกเขาสาดหยดน้ำออกไปเป็นวงราวกับร่มกันฝน
แต่ทว่าเวลานี้ ชิ่งเฉินกับสู่อีเฉิงที่ถูกควบคุมได้มาถึงเบื้องหน้าพวกเขาแล้ว
เหมือนกับการหันหน้ากลับมาอย่างปุบปับในบ้านผีสิง แต่กลับเห็นหน้าผีระยะประชิด!
การลอบโจมตีนี้มาอย่างไม่คาดคิดเกินไป ไม่ให้โอกาสแขกไม่ได้รับเชิญพวกนั้นได้เปิดยิงจากระยะไกลเลย!
“ยิง!” มือสังหาร 3 คนกัดฟันคำราม
ทัพทหารปะทะกันในชั่วพริบตา!
ชิ่งเฉินไหวตัวมาถึงข้างกายมือสังหารคนหนึ่ง ให้ตนเองอยู่ในจุดบอดของแนวยิงของอีกสองคน
กลับเห็นเขาใช้มือเดียวกดมือของมือสังหารที่กำลังจะชักปืนใต้เสื้อกันฝน มือสังหารคนนั้นตกตะลึงเมื่อค้นพบว่าผู้มามีกำลังมากยิ่ง มากถึงขนาดนี้มือที่ถือปืนของเขาราวกับจะถูกบดขยี้
ไพ่ในมืออีกข้างของชิ่งเฉินจู่ ๆ พลิกออกมาจากใต้เสื้อกันฝน สองนิ้วที่เรียวยาวนั้นคีบไพ่ เคลื่อนผ่านด้านข้างของมือสังหาร ขอบไพ่ที่แหลมคมไร้ที่เปรียบราวกับคมมีดเฉือนลำคอของมือสังหารออกมาครึ่งหนึ่งอย่างแรง
ดูเหมือนเป็นเพราะปราณแท้จวนจะเผาผลาญจนหมดสิ้น แล้วก็ดูเหมือนไพ่จะเจาะเข้าเนื้อลึกเกินไป จนถึงขนาดที่ไพ่ติดอยู่ในเนื้อและกระดูกของอีกฝ่าย
แต่เด็กหนุ่มสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาพ่นลมหายใจดุจลูกศรในค่ำคืนฝนตก บิดเอวย่อเข่าอย่างลื่นไหล
เขามองดูแอ่งน้ำและสายฝนบนพื้นอย่างไร้เสียง แขนจู่ ๆ ออกแรงกระชากไพ่ลงมา น้ำเลือดซึ่งไหลนองยิ่งกว่าน้ำฝนกระเซ็นลงพื้นตามมุมเอียงของไพ่
ในที่ไม่ห่างไกลมีคนเปิดฉากยิงใต้เสื้อกันฝน ชิ่งเฉินย่อเอวหลบอยู่ข้างหลังศพพุ่งไปข้างหน้า
ลูกกระสุนของเหล่ามือสังหารยิงใส่ศพจนเลือดเนื้อเลอะเลือน สาดลงไปในน้ำฝนที่ลึกถึงข้อเท้า
แต่อุปกรณ์เก็บเสียงบวกกับกระสุนซับโซนิคคิดจะยิงทะลุร่างกายคนมันเป็นไปไม่ได้!
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายหดเข้ามาในพริบตา ชิ่งเฉินคลำปืนพกออกมาจากเอวของศพ ใช้ศพเป็นโล่ ใช้น้ำฝนเป็นม่าน เหนี่ยวไกปืนอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน
อีกฝั่งหนึ่ง สู่อีเฉิงที่ถูกควบคุมฉวยเวลาพริบตาที่ชิ่งเฉินดึงดูดการรุมยิงทั้งหมดโยนอาวุธปืนที่หมดกระสุนแล้วทิ้ง ชักมีดที่ต้นขาด้านนอกออกมา!
กลับเห็นว่าเขาตัวกระตุกแปลก ๆ เหมือนหุ่นกระบอกพลางมาถึงข้างหลังของมือสังหารอย่างรวดเร็ว
มือสังหารคนนั้นหมุนตัวขวับด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม เขามือหนึ่งถือมีด อีกมือกลับลงมือที่หลังแต่บรรลุก่อนจับข้อมือของสู่อีเฉิงเอาไว้!
แต่ถัดจากนั้นมือสังหารก็ต้องตกตะลึง เขารู้สึกแค่ว่าแขนของสู่อีเฉิงไม่คล้ายกับมนุษย์ เห็นชัด ๆ ว่าตนเองจับข้อมือของอีกฝ่ายแล้ว ข้อศอกของอีกฝ่ายกลับสามารถบิดได้อย่างแปลกประหลาด
มุมการบิดของข้อต่อในร่างกายคนมีขีดจำกัด แต่มุมการบิดของสู่อีเฉิงกลับราวจะไร้ขีดจำกัด ราวกับเป็นเพียงหุ่นกระบอกที่มีชีวิต!
ทันใดนั้น สู่อีเฉิงบิดข้อศอกจนกระชากหลุดจากการจับกุมของมือสังหาร ฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายตะลึงงันและหวาดผวาแทงมีดขึ้นเฉียง ๆ เข้าไปในม้ามของอีกฝ่าย!
สายฟ้าแลบขึ้นบนท้องฟ้า ลู่หยวนมองนักฆ่าที่คุ้นเคยคนนั้น: เป็นมือสังหารที่เชี่ยวชาญการแทงม้ามคนนั้น!
ในพริบตานั้นเขาเพียงนึกทบทวนถึงสิ่งที่เสี่ยวอิงพูด: กองกำลังพันธมิตรของนักฆ่า ขโมยเสื้อกันฝนของมือสังหาร!
เพียงแต่ลู่หยวนคิดในใจว่า ตามการคาดเดาของบอส ผู้ที่แทงม้ามคนนี้ถ้าเป็นชิ่งเฉิน อย่างนั้นอีกคนหนึ่งเป็นใคร?
เมื่อฟ้าแลบหยุดลง ผืนดินกลับสู่ความมืด
น้ำฝนและแอ่งน้ำสั่นไหวไม่หยุด
ส่วนชิ่งเฉินและ “สู่อีเฉิง” สองคนยืนนิ่งอยู่ในสายฝนเงียบ ๆ ข้างกายของพวกเขาเป็นศพเจ็ดศพ!
ทั้งสองคนมองไปทางหลิวเต๋อจู้ผ่านม่านฝนด้วยกัน
“บอสให้พวกเราช่วยคุณฝ่าวงล้อม รีบไปเถอะ เส้นทางที่เหลือพวกเราจะคุ้มครองส่งคุณ” เสียงที่ไม่คุ้นเคยกล่าวขึ้นใต้เสื้อกันฝน
หลิวเต๋อจู้อึ้งอยู่ในสายฝน บนใบหน้าจู่ ๆ เผยสีหน้าตื้นตัน
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจเขามีความรู้สึกซาบซึ้งใจอันสั่นสะท้านชนิดหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นมา เหมือนกับลาวาใต้สมุทรที่เดือดพล่าน
อันที่จริงหลิวเต๋อจู้กับชิ่งเฉินจนถึงวันนี้ก็เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน ใครก็ไม่ใช่ทาสของใคร
ไม่ได้เป็นสังคมศักดินา ไม่ได้มีเจ้านายกับบริวาร
ดังนั้น หลิวเต๋อจู้มีความคิดเล็กน้อยกับแผนเล็กน้อยของตนเอง ถึงขนาดจินตนาการว่าเมื่อใดจะได้ร้องเพลงทาสผู้เป็นไท*
แต่ขณะนี้ หลิวเต๋อจู้จู่ ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าการเดินตามบอสอย่างนี้ตลอดไปก็ไม่เลว
“ขอบคุณ” บนใบหน้าของหลิวเต๋อจู้่แยกแยะได้ไม่ชัดว่าเป็นน้ำตาหรือว่าน้ำฝน เขาที่แบกมารดาไว้บนหลังอย่างทุลักทุเลกับหลิวโหย่วไฉวิ่งออกไปด้วยกัน
ตอนที่เขาวิ่งผ่านข้างกายของทั้งสองคนอยากจะมองใบหน้าผู้มีพระคุณให้ชัด ๆ กลับค้นพบว่าอีกฝ่ายก้มหน้าลงจนหมด ในเงาของหมวกคลุมนั้นเห็นอะไรได้ไม่ชัดเจนทั้งนั้น
แตทว่าในขณะนี้ มีเสียงดังขึ้นมาไม่รู้จากที่ใดว่า “ใครว่าพวกพวกแกไปได้?”
ถัดจากนั้น น้ำฝนบนพื้นพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างเหนือคาด แอ่งน้ำทั้งหมดโถมไปที่ปากประตูดังครืน ๆ ชั่วพริบตาถึงกับเป็นดั่งคลื่นขนาดยักษ์ พัดเข้าใส่หลิวเต๋อจู้!
บนพื้นดินจู่ ๆ แห้งผากขึ้นมา ผู้เหนือมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในความมืดคนนั้นพลิกมือ น้ำที่อยู่ในบริเวณอื่นก็ดูดไปในคลื่นยักษ์ลูกนั้นทั้งหมด!
ชิ่งเฉินมองดูเงียบ ๆ ที่แท้นี่ก็คืออำนาจของผู้เหนือมนุษย์!
ในช่วงเวลาวิกฤติ หลิวเต๋อจู้มองดูคลื่นยักษ์ ในใจเกิดความสิ้นหวัง ชั่วขณะหนึ่งในส่วนลึกของดวงตาเขามีสีแดงเช่นเปลวเพลิงผุดขึ้นมาไม่หยุด แต่พริบตาเดียวก็หายวับไป
ราวกับว่ามีโซ่ตรวนอะไรที่กำลังจะไขเปิด แต่ทว่าฟ้าดินแห่งนี้กลับไม่เคยยินยอมให้โซ่ตรวนเช่นนี้ไขเปิด
ไฟในดวงตาของหลิวเต๋อจู้จึงดับลงอีกครั้ง
พริบตาที่เขานึกว่าตนเองกำลังจะตาย บนฟ้ามีเสียงดังขึ้นว่า “พวกเขาไปได้ ฉันบอกเอง”
คนทั้งหมดเงยหน้าขวับ เห็นเพียงว่าบนแผ่นฟ้ามีร่างร่างหนึ่งทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว
พลังที่ตกลงมาราวกับฟ้าลั่นนั้นนำพาแรงกดดันมหาศาลมาด้วย!
เสียงดังปัง ยางยางตกลงมาจากฟ้า กึ่งย่อตัวเหยียบลงบนคลื่นยักษ์ ถึงกับกดคลื่นยักษ์นั้นจนกลายเป็นผืนทะเลสาบ!
เด็กสาวที่หลงทางไปทิศเหนือคนนั้นตอนที่บินไปถึงเขาทิศเหนือในที่สุดก็ตระหนักว่าตนเองหลงทางอีกครั้ง
ถามทางอย่างรีบเร่งอยู่เป็นนาน ในที่สุดก็มาถึงสนามรบ!
เธอไม่ได้พูดมาก แต่ทะยานไปทางทิศตะวันออกอย่างกะทันหัน
พริบตานั้น ในรัศมีหลายสิบเมตรรอบตัวยางยาง ฝนที่กำลังตกจู่ ๆ หยุดลง!
เม็ดฝนอันใสกระจ่างลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ลอยขึ้น แล้วก็ไม่ตกลง ชิ่งเฉินหมุนตัวสำรวจรอบด้าน เม็ดฝนทุก ๆ หยดนั้นคล้ายกับจะถูกคนเหนี่ยวรั้งเอาไว้
สนามพลัง
สนามพลังอันกล้าแข็ง!
กลับเห็นยางยางใช้หนึ่งหมัดต่อยใส่น้ำฝนที่หนึ่ง น้ำฝนที่ลอยอยู่ข้างกายเธอถูกแรงดึงดูดที่ไม่อาจอธิบายจัดเรียงเป็นขดลวดที่คล้องกันสองขด
ในชั่วลัดนิ้วมือ
หมัดของเธอชกไปที่ไหนก็จะมีคนถูกชกออกไปจากม่านฝน!
ผู้เหนือมนุษย์คนนั้นอาศัยสกิลซ่อนตัวอยู่ในม่านฝนมาโดยตคลอด ถึงขนาดที่ไม่มีคนค้นพบเขาเลย
แต่ยางยางไม่เหมือนกัน เธอรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสนามพลังรอบด้านจนขึ้นใจทั้งหมด เธอถึงขนาดที่หลับตาอยู่ก็สามารถรู้ได้ว่าที่ไหนมีคน ที่ไหนไม่มีคน!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ผู้เหนือมนุษย์คนนั้นถูกชกขึ้นไปกลางอากาศ
ตอนที่เขาจวนจะตกลงมา ผู้เหนือมนุษย์คนนี้ก็บิดเอวเพื่อรักษาร่างกายให้มั่นคง
แต่จู่ ๆ เขาค้นพบว่าความเร็วที่ตนเองตกลงมากลายเป็นช้าลง เหมือนว่าลูกเหล็กลูกหนึ่งที่ตกลงมาจากกลางอากาศ จู่ ๆ ลูกเหล็กก็เปลี่ยนเป็นขนนก!
“ขึ้น!” ยางยางใช้หมัดฮุกเฉียงลงที่ดุดันไร้ที่เปรียบโจมตีใส่ลำตัวของผู้เหนือมนุษย์
กลับเห็นว่าร่างกายของผู้เหนือมนุษย์ขดตัวเหมือนกุ้ง ร่างกายทั้งตัวจู่ ๆ บินขึ้นไปกลางอากาศหลายสิบเมตร
ตอนที่เขาเกือบจะลอยไปถึงจุดสูงสุดแล้วเริ่มตกลงมา แรงลอยตัวอันไม่สามารถอธิบายนั้นก็หายไปอีก!
แรงลอยตัวที่หายไปกลางอากาศก็เหมือนกับแรงโน้มถ่วงที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มาอย่างไร้สภาพไปอย่างไร้ร่องรอย ฉุดดึงตามใจนึก!
ผู้เหนือมนุษย์คนนั้นดิ่งลงพื้น เขาอยากจะใช้น้ำฝนดึงตัวเอง ไม่อย่างนั้นตกลงมาจากกลางอากาศสูงหลายสิบเมตรถึงจะเป็นผู้เหนือมนุษย์แรงก์ C ก็ต้องตาย!
แต่ว่า ผู้เหนือมนุษย์คนนี้ในระหว่างที่ตกลงมารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีสนามพลังอันไร้สภาพกำลังแย่งสิทธิ์การควบคุมน้ำฝนกับตนเอง สกิลที่ในยามปกติใช้ได้ตามใจนึก เวลานี้กลับไม่ได้ดั่งใจ
เสียงโครมดังขึ้น ผู้เหนือมนุษย์ตกลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง กระอักเลือดออกมาหนัก ๆ อีกคำ ศีรษะพับงอไม่รู้เป็นหรือตาย
จนกระทั่งขณะนี้ ยางยางจึงได้สำรวจรอบด้าน “เฮ้ย? คนล่ะ?”
เธออยากจะหาร่องรอยของชิ่งเฉิน แต่อีกฝ่ายกลับใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในการต่อสู้ระหว่างผู้เหนือมนุษย์คุ้มกันหลิวเต๋อจู้ไปแล้ว
ยางยางเหมือนจะโมโหอยู่บ้าง “นายไปแล้วฉันจะกลับบ้านยังไงฮะ! จริง ๆ เลย!”
เวลานี้ฝั่งลู่หยวนก็จัดการมือสังหารทั้งหมดแล้ว เขาพาสมาชิกคุนหลุนรีบมาหายางยาง “เอ่อ คุณผู้หญิงเป็นใครครับ”
ยางยางเอียงศีรษะคิดแล้วกล่าวว่า “ฉันก็เป็นลูกน้องของหลิวเต๋อจู้ค่ะ!”
พูดจบ ยางยางบินขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง ปุบปับเช่นเดียวกับตอนที่เธอมา
ลู่หยวนเงยหน้ามองอีกฝ่ายหายลับไปในท้องฟ้าราตรี “???”
เพียงประโยคนี้ ในใจลู่หยวนก็เกิดคลื่นใหญ่ถาโถมแล้ว!
ดูจากลักษณะที่เด็กสาวลงมือเมื่อครู่นี้ ทั้งหมดคือการใช้พลังสะกดข่มแขวนผู้เหนือมนุษย์คนนั้นอยู่กลางท้องฟ้าแล้วทุบตี อีกฝ่ายไม่มีพลังตอบโต้สักนิด!
ระหว่างสองฝ่ายนี้เพียงครู่เดียวก็ตัดสินสูงต่ำได้ แตกต่างกันราวกับปุยเมฆกับโคลนตม
จากที่ลู่หยวนคำนวณ เด็กสาวคนนี้อย่างน้อยก็แรงก์ B!
ผู้เหนือมนุษย์อย่างนี้ ถึงกับเป็นลูกน้องของหลิวเต๋อจู้? ขายขำอะไรน่ะ!
เฮอะ ตอนนี้นิยมเป็นลูกน้องให้กับหลิวเต๋อจู้กันอยู่เหรอ?!
ก่อนคืนนี้ ลู่หยวนรู้สึกเสมอว่าหลิวเต๋อจู้ที่เป็น “กลุ่ม” ตัวหมากหน้ากระดาน เป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น
นี่ยังดีที่เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างดี ทำเรื่องดี ๆ มาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นได้แต่เรียกเป็นแก๊งแล้ว
แต่ทว่าตอนนี้ลู่หยวนรู้สึกว่า พวกเขาควรจะตรวจสอบกลุ่มนี้ใหม่หรือไม่
ถึงอย่างไรกลุ่มนี้ไม่ใช่แค่ชิ่งเฉิน, หลิวเต๋อจู้แล้ว ยังเพิ่มผู้เหนือมนุษย์ที่เชี่ยวชาญการใช้ไพ่ฆ่าคนหนึ่งคน ยังมีเด็กสาวที่ดุร้ายไร้ที่เปรียบตรงหน้าคนนี้ด้วย!
นี่แค่ผู้เหนือมนุษย์ก็มีสองคนแล้วนะ!
หนึ่งในนั้นยังเป็นแรงก์ B!
ยิ่งไปกว่านั้น คนหลังฉากจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ปรากฏตัวเลย ใครจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของคนหลังฉากเป็นอย่างไร? ถึงอย่างไรก็ต้องแกร่งกว่าลูกน้องสักหน่อยรึเปล่า
ถ้าหากคนหลังฉากคนนั้นก็เป็นแรงก์ B กลุ่มนี้ก็จะมีผู้เหนือมนุษย์แรงก์ B สองคนแล้ว!
อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีตัวเปรียบเทียบเป็นผู้เหนือมนุษย์สองคน ชิ่งเฉินคนธรรมดาคนนี้กลับสูญเสียประกายไปมากมายแล้ว กลายเป็นไม่ได้ดึงดูดสายตาขนาดนั้นอีก
อันที่จริงชิ่งเฉินเดิมไม่ได้ตั้งใจจะลงมือต่อหน้าสาธารณะเลย แต่เขาอยู่ในที่มืดมองเห็นท่าทางนั้นของหลิวเต๋อจู้ ไม่รู้ทำไมอยากจะช่วยเหลืออีกฝ่ายขึ้นมา
เขาไม่รู้ว่าในที่มืดยังมีมือซุ่มยิง ถึงเขาจะไม่ลงมือ คุนหลุนก็สามารถจัดการมือสังหารเหล่านั้นเหมือนกัน
ณ ขณะนี้ ชิ่งเฉินกับสู่อีเฉิงส่งหลิวเต๋อจู้มาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว
สู่อีเฉิงอ้าปากกล่าวว่า “รีบเข้าไปเถอะ อาการบาดเจ็บของคุณแม่เร่งด่วน บอสให้ผมแจ้งกับคุณว่าเรื่องราวทุกอย่างให้รอคุณแม่คุณอาการบาดเจ็บดีขึ้นค่อยว่ากัน”
“ขอบคุณครับ ๆ ทั้งสองคนช่วยบอกบอสด้วยว่าชีวิตของผมหลิวเต๋อจู้หลังจากนี้เป็นของเขาแล้ว!” หลิวเต๋อจู้พูดจบก็แบกมารดาวิ่งเข้าไป “หมอครับ! หมออยู่ไหน แม่ผมล้มหัวกระแทก รีบช่วยชีวิตด้วยครับ!”
เห็นหลิวเต๋อจู้มาถึงโรงพยาบาลอย่างราบรื่น หลังข้างยังมีสมาชิกคุนหลุนเร่งเดินทางมา คนที่สวมเสื้อกันฝนทั้งสองเดินไปในราตรีมืดมิดใหม่อีกครั้ง
หลิวโหย่วไฉรีบถามว่า “ทั้งสอง…..ฮีโร่! นี่จะไปไหนเหรอครับ”
สู่อีเฉิงหันกลับมากล่าวว่า “เรื่องคืนนี้ยังไม่ยุติ”
ใช่แล้ว ยังไม่ยุติ เพราะผู้ที่เคลื่อนไหวในคืนนี้ ไม่ได้หยุดอยู่ที่คนกลุ่มนี้ที่อยากจะฆ่าหลิวเต๋อจู้
ชิ่งเฉินพาสู่อีเฉิงอ้อมเป็นวงใหญ่ไปถึงนอกประตูตะวันตกชุมชนซิงหลง เขาถอดเสื้อกันฝนบนตัวอีกฝ่าย แก้เส้นด้ายสีใสบนมือของอีกฝ่าย จากนั้นใช้ไพ่ปาดคอของอีกฝ่ายตรง ๆ
จนกระทั่งขณะนี้ หุ่นเชิดตัวนี้จึงได้ตายลงไปอย่างแท้จริง
ชิ่งเฉินถอนหายใจเบา ๆ เขาถือเสื้อกันฝนลุกขึ้น วางแผนจะหาสถานที่สักแห่งทำลาย
เสื้อกันฝนบนตัวสู่อีเฉิงไม่สามารถเก็บเอาไว้ เพราะว่าเมื่อครู่นี้เขาควบคุมอีกฝ่ายยิงปืนทะลุเสื้อกันฝน รูกระสุนที่หลงเหลืออยู่บนนั้นจะถูกคนจดจำออก ของสิ่งนี้ต้องเผาทำลายไกล ๆ ถึงจะได้
เมื่อคิดถึงเบาะแสอย่างหนึ่งที่เขาหาเจอก่อนหน้านี้ ชิ่งเฉินลุกขึ้นวิ่งไปบนถนนเล็ก ๆ เส้นหนึ่งทางทิศเหนือ
……
……
ในถนนที่มืดมิดเส้นหนึ่ง
กลุ่มคนหกคนกำลังซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กรอคอยอะไรบางอย่าง บนตัวพวกเขาสวมเสื้อกันฝน พิงกำแพงที่อยู่ข้างตัวเงียบ ๆ
เวลานี้ นอกตรอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทุกคนสีหน้าขรึม ยืนตัวตรงทั้งหมด
คนหนึ่งคนปรากฏตัวขึ้นที่ปากตรอกกล่าวว่า “คุนหลุนกับมือสังหารพวกนั้นเริ่มสู้กันแล้ว ถ้าพวกเราอยากจะไปขโมยข้อมูลก็คือตอนนี้”
มีคนก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือแล้วส่งข้อความออกไป “ยืนยันแล้วว่าคุนหลุนไม่อาจแบ่งแยกสมาธิ ขอถามว่าสามารถดำเนินภารกิจหรือไม่”
หมายเลขที่ไม่รู้จักที่ปลายสายตอบข้อความว่า “ดำเนินการ”
คนหกคนในตรอกเดินเรียงแถวออกมา หลังจากรวมตัวกับคนที่ปากตรอกก็วิ่งไปในทิศทางที่วางแผนเอาไว้
พายุฝนค่อย ๆ ซาลง มีคนถามเสียงค่อยระหว่างทางว่า “สรุปว่าตระกูลหลี่อยากให้พวกเราขโมยข้อมูลอะไรเหรอ”
“ไม่รู้ แค่ขโมยก็พอ”
“พวกคุณรู้สึกว่าหลังสำเร็จภารกิจตระกูลหลี่จะทำตามสัญญาไหม”
“อย่างน้อยสามารถทำให้พวกเรากลายเป็นแข็งแกร่ง” มีคนตอบ “พวกเรายิ่งแข็งแกร่ง อิทธิพลที่พวกเขามีต่อโลกภายนอกก็จะยิ่งมาก”
“พวกเราทำอย่างนี้เหมาะแล้วจริง ๆ เหรอ จะทำร้ายคนอื่นรึเปล่า? ผมระแวงว่าสิ่งที่ตระกูลหลี่ให้พวกเราขโมยเป็นข้อมูลทะเบียนบ้าน ของนี่ตกไปในมือของกลุ่มการเงินโลกภายใน เกรงว่านักท่องเวลามากมายจะต้องทุกข์ทรมานแล้ว”
“นักท่องเวลาเยอะขนาดนั้นเกาะขาใหญ่ พวกเราก็แค่ขึ้นเรือของตระกูลหลี่เท่านั้นเอง คุณเชื่อว่าหลิวเต๋อจู้ จิ่วหร่านคนพวกนั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ เหรอ ยังไม่ใช่ว่าไปโลกภายในแล้วเกิดมาโชคดี”
ณ ขณะนี้ สกุลหลี่ยังไม่ได้ฝึกฝนและล้างสมองนักท่องเวลาเหล่านี้สำเร็จ ดังนั้นก็เลยไม่ได้บอกนักท่องเวลาเหล่านี้ไปเสียทุกเรื่อง
ภารกิจที่พวกเขาได้รับก็แค่เชื่อมต่ออุปกรณ์ขนาดเล็กสักชิ้นเข้ากับคอมพิวเตอร์ที่สถานีตำรวจสักแห่ง ไม่มีอะไรอื่นอีก
ในคนสามร้อยกว่าคนที่ถูกควบคุมตัว ไม่ใช่ว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือขนาดนั้น คนส่วนใหญ่ไม่เต็มใจจะกลายเป็นจารชนของโลกภายใน
ทว่าคนเจ็ดคนในขณะนี้เป็นผู้ที่แสวงหาความร่วมมืออย่างแข็งขัน
“งั้นพวกเราหลังสำเร็จภารกิจ ตระกูลหลี่จะเสร็จนาฆ่าโคถึกรึเปล่า” มีคนถาม
คนคนหนึ่งกล่าวอย่างหมดความอดทนว่า “ชีวิตตัวเองตกอยู่ในมือคนเขาหมดแล้ว ตระกูลหลี่เป็นมีดดาบ พวกเราเป็นเนื้อปลา ไม่มีทางให้เลือกได้แล้ว”
เวลานี้ จู่ ๆ มีคนถามว่า “แต่ละคนที่โลกภายนอกภายในมีตัวตนอะไรเหรอ ตระกูลหลี่ไม่ได้จะแยกทุกคนตลอดเวลา วันหลังจะต้องยังรวมกลุ่มฝึกฝน ถึงเวลาพวกเราที่ปฏิบัติภารกิจด้วยกันสามารถจะร่วมกลุ่มแบ่งปันไออุ่น”
คนที่อยู่ด้านหน้าสุดคนนั้นหันกลับมากล่าวอย่างเย็นชาว่า “อย่าถามตัวตนโลกภายนอกของคนอื่น แล้วก็อย่าเปิดเผยตัวตนโลกภายนอกของตนเองกับคนอื่น อย่างนี้ตอนที่คนอื่นถูกจับจะไม่อาจขายคุณออกมาได้ในทันที เข้าใจไหม??”
กลุ่มคนเจ็ดคนมาถึงนอกประตูห้องโถงใหญ่อำนวยการของสถานีตำรวจถนนลี่ชุน ที่ว่าห้องโถงใหญ่อำนวยการก็เป็นแค่หน้าต่างภายนอกที่มีพื้นที่แปดสิบกว่าผิงเท่านั้น
สถานีตำรวจที่อยู่ติดกันมีคนอยู่เวร แต่ห้องโถงใหญ่อำนวยการกลับไม่มี
หนึ่งคนในนั้นหยิบอุปกรณ์สีดำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือออกมาแปะบนล็อคประตู สิบกว่าวินาทีหลังประตูก็ส่งเสียงดังคลิกแล้วเปิดออกโดยอัตโนมัติ
หนึ่งคนเฝ้ายามอยู่นอกประตู อีกหกคนมุดเข้าไปในห้องโถงใหญ่อำนวยการอันมืดมิด หนึ่งคนรีบเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องโถงใหญ่ เสียบอุปกรณ์อีกชิ้นในมือเข้าไปในพอร์ต USB
ถัดจากนั้น บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของห้องโถงใหญ่อำนวยการจู่ ๆ กลายเป็นสีแดง แสดงคำว่า “บุกรุกระบบ”
ฉากนี้กับสิ่งที่ตระกูลหลี่พูดไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ตามที่ตระกูลหลี่พูด หลังจากแค่เสียบอุปกรณ์ 1 นาทีก็สามารถดาวน์โหลดข้อมูลตัวอักษรทั้งหมดแล้ว!
จะไม่มีอุปสรรรคเลย!
ถัดจากนั้น คอมพิวเตอร์จอดับกะทันหัน แล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดอีก
ขณะนี้ คนที่เฝ้ายามอยู่ข้างนอกกำลังจับตามองรอบด้าน กลับเห็นชายหนุ่มผมเกรียนคนหนึ่งจู่ ๆ เดินมาหายิ้มถามว่า “พี่น้อง มีไฟไหม ยืมไฟหน่อยนะ?”
คนที่เฝ้ายามอึ้งไป “ผมไม่สูบบุหรี่”
ตอนที่พูด ชายหนุ่มคนนั้นเดินมาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว ตอนนี้คนที่เฝ้ายามจึงเห็นว่าในมืออีกฝ่ายซ่อนมีดเอาไว้
ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าหนึ่งด้าว มีดเสียบเข้าไปในหัวใจของเขาแล้ว
ชายหนุ่มปิดปากเขาแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ชู่ อย่าพูด”
ว่าแล้วก็พยุงคนที่เฝ้ายามเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่อำนวยการ
นักท่องเวลาที่อยู่ข้างในอึ้งไป “ไม่ได้ให้คุณเฝ้ายามอยู่ข้างนอกเหรอ เข้ามาทำไม?”
ชายหนุ่มคนนั้นปล่อยศพคนเฝ้ายามยิ้มเอ่ยว่า “ที่แท้เป็นฝูงปลาซิวปลาสร้อย ตระกูลหลี่ไม่ได้ฝึกฝนพวกคุณให้ดี ๆ เหรอ ดูท่าแผนของพวกเขายังต้องรออีกหน่อย อยากจะอาศัยพวกคุณเหล่านี้สำเร็จแผนกวาดล้างก็เล่นเป็นเด็ก ๆ เกินไปนะ”
ว่าแล้ว เขาปิดประตูห้องโถงอำนวยการ เอื้อมมือไปดับไฟในห้อง
ในความมืดมีเสียงคร่ำครวญไม่หยุด เสียงหักกระดูกไม่สิ้นสุด ราวกับนรกบนแดนดิน
ไม่กี่นาทีให้หลัง เสียงในห้องค่อย ๆ หยุดลง
มีเสียงเยาะเย้ยคำหนึ่ง ชายหนุ่มจุดไม้ขีดไฟจี้ไปที่ข้างปากตัวเอง ไฟสีส้มแดงจุดบุหรี่ในปากของเขา ควันสีครามล่องลอยอยู่ในอากาศ
แสงไฟที่ก่อนจางนั้นยังส่องใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเขาและสันจมูกอันคมเข้ม
เขาล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาในอกเสื้อ เขียนลงไปบนนั้นว่า : ป้อมปราการข้อมูลก่อตั้งแล้ว ทะเบียนบ้านไม่ได้เสียไป ตอนนี้ดูท่าทีมนี้เป็นหมากใช้แล้วทิ้งที่ดึงดูดความสนใจ ทีมที่จิ่วโจวเจอจึงเป็นของจริง
เขียนเสร็จ เขากรีดนิ้วตัวเองสร้างตราประทับไปรษณีย์ จากนั้นใช้ไม้ขีดไฟเผาจดหมายฉบับนั้น
ชายหนุ่มผมเกรียนอัดบุหรี่ลึก ๆ บุหรี่เนื่องจากเผาไหม้จนบิดงอจึงส่งเสียงไหม้ดังซี่ ๆ
เขาพ่นควันออกมาคำหนึ่ง อยากจะพูดอะไรกับนักท่องเวลาที่นอนระเนระนาดอยู่บนพื้นสักหน่อย
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง วาจาทุกอย่างของเขาล้วนถูกสำลักกลับลงไป
ด้วยแสงสว่างสุดท้ายของจดหมายที่เผาไหม้ ชายหนุ่มเห็นเจิ้งหย่วนตงที่ประจันหน้ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูตนเองเงียบ ๆ
“ฉิบหาย!”
ชายหนุ่มฉวยจังหวะที่ในห้องมืดลงอีกครั้ง อยากจะหนีออกไปข้างนอก
เขาไม่รู้ว่าเจิ้งหย่วนตงเฝ้าอยู่ที่นี่เมื่อใด แต่เขารู้ว่าเจิ้งหย่วนตงเป็นใคร แล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวที่นี่หมายความว่าอะไร
มิน่าล่ะคืนนี้อีกฝ่ายไม่ได้ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ ที่แท้คนคนนี้ก็รับรู้แผนกวาดล้างของตระกูลหลี่อยู่แต่แรก แล้วรออยู่ที่นี่!
ในความมืดมีเสียงขอร้องและคร่ำครวญของชายหนุ่มดังขึ้นว่า “ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย ผมเป็นแค่คนงาน เดี๋ยว ๆ อย่าตี ๆ อย่าตีหน้า! รู้แต่แรกว่าคุณอยู่นี่ ผมก็ไม่มาแล้วอ่า!”
“พี่ใหญ่ อย่ารังแกคนจนเกินไปนะ!”
“อ้าก! ฉิบหาย!”
ในห้องกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ชิ่งเฉินที่อยู่นอกห้องหลังจากได้ยินความเคลื่อนไหวข้างในก็หมุนตัวเดินไปจนไกล
เรื่องในคืนนี้พลิกผันสามตลบ เขาต้องกลับบ้านไปเคลียร์ความคิดดี ๆ เรียบเรียงกระบวนการของเหตุการณ์สักหน่อย
ชิ่งเฉินถอดเสื้อกันฝนของตนเองในที่ที่ไร้ผู้คน ยัดเข้าไปใน “กล่องบริจาคเสื้อผ้า” ใต้ชายคาบ้านริมถนน
รอจนเสื้อกันฝนชุดนี้พบเห็นแสงตะวันอีกครั้งก็เป็นเรื่องหลายวันให้หลังแล้ว แถมคนที่รับผิดชอบแยกเสื้อฟ้าก็ไม่รู้ที่มาของเสื้อกันฝน
“เฮ้ย” ชิ่งเฉินเงยหน้าขึ้นมา ค้นพบด้วยความประหลาดใจว่าในคำคืนมืดมิดมีร่างร่างหนึ่งทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว
เขารีบขยับวูบไปด้านข้าง เด็กสาวที่ชื่อยางยางคนนั้นกำลังตกลงไปตรงตำแหน่งที่เขาเพิ่งจะยืนอยู่
ชิ่งเฉินไม่พูดไม่จาอย่างตื่นตัว
ยางยางมองกล่องบริจาคเสื้อผ้า ถามอย่างใคร่รู้ว่า “นายทำไรที่นี่? ฉันหานายอยู่บนฟ้าตั้งครึ่งค่อนวันแน่ะ”
“ฉันบริจาคเสื้อผ้าให้เขตภูเขา” ชิ่งเฉินตอบ
“ผีถึงจะเชื่อคำพูดผีสางของนาย” ยางยางกล่าว
“แล้วเธอปรากฏตัวที่นี่ทำไมอีก” ชิ่งเฉินขมวดคิ้ว
“หานายมาพาฉันกลับบ้านอะ” ยางยางตอบอย่างคิดว่าตัวเองมีเหตุผลมาก
ชิ่งเฉินตกตะลึงอีกครั้ง “เธอแม้แต่บ้านยังหาไม่เจอ แต่สามารถหาฉันเจอ?”
“เพราะฉันรู้ว่านายยังไม่ได้ไปไกลน่ะ” ยางยางกล่าว “เดิมทีฉันคิดจะเรียกแท็กซี่กลับไป แต่วันฝนตกนี่รถแท็กซี่น้อยเกินไป”
“อ้อ” ชิ่งเฉินกล่าว “งั้นเธอตามฉันมาเถอะ”
“จริงด้วย พวกพ้องของนายคนนั้นล่ะ ไปแล้วเหรอ” ยางยางฉงน “ทำไมฉันไม่เห็นเขา”
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “เขาอาจจะถอดเสื้อกันฝนแต่แรกแล้ว เธอไม่เคยเห็นเขา แน่นอนว่าหาไม่เจอ”
ว่าแล้ว ทั้งสองคนล้วนเลี้ยวเข้าถนนใหญ่ เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปบนทางเท้า
พายุฝนหยุดลงแล้ว มีอากาศมีแต่กลิ่นสดชื่นเย็นสบาย ผ่อนคลายอย่างยิ่ง
ถนนของเมืองเล็กเนื่องจากระบบระบายน้ำไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นพื้นถนนมีแอ่งน้ำลึก
ยางยางกล่าวว่า “จริงสิ บอกกับนายเรื่องหนึ่ง คนของคุนหลุนถามฉันว่าเป็นใคร ฉันก็คิดไม่ออกว่าจะตอบยังไงไปชั่วขณะ ก็เลยบอกว่าฉันก็เป็นลูกน้องของหลิวเต๋อจู้”
ชิ่งเฉินจนใจอยู่บ้าง ทีนี้เกรงว่าหลิวเต๋อจู้จะยิ่งดึงดูดสายตาคนแล้วสินะ
ยางยางถามอีกว่า “พวกพ้องนายคนนั้นมีสกิลอะไรเหรอ แรงก์อะไร?”
“ฉันก็ไม่รู้ พวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกันเป็นการส่วนตัว” ชิ่งเฉินส่ายหน้า
ยางยางเอียงศีรษะคิดครู่หนึ่ง “ฉันยังรู้สึกว่านายก็คือคนที่อยู่หลังฉากคนนั้น ถึงแม้ว่าฉันก็ไม่รู้ว่านายที่เป็นคนธรรมดาที่ฉีดยาแปลงพันธุกรรมคนหนึ่งทำไมสามารถสั่งการผู้เหนือมนุษย์ได้”
“โทษทีนะ เธอเข้าใจผิดจริง ๆ” ชิ่งเฉินตอบ
“ยังไงฉันก็เข้าร่วมกับพวกนายเลยดีปะ ฉันสู้เก่งมากนะ” ยางยางกล่าวด้วยความสนใจ “ฉันรู้สึกว่าเข้าร่วมกับพวกนายจะมีความหมายมาก”
“อันนี่ฉันตัดสินใจไม่ได้ ต้องรายงานบอสถึงจะได้” ชิ่งเฉินตอบ
ยางยางถอนหายใจ “ได้ งั้นพรุ่งนี้ฉันถามนายอีกครั้ง”
ชิ่งเฉิน “……”
…………………………….
*เพลงทาสผู้เป็นไท (翻身农奴把歌唱) จากไป่ตู้บอกว่า นี่เป็นเพลงประกอบสารคดี “ทิเบตวันนี้” ของประเทศจีน ก็ไปลากเด็กสาวธิเบตที่เรียนอยู่ในจีนคนหนึ่งมาร้องเพลง แต่สาวเขาพูดจีนไม่ได้เลยต้องสอนร้องไปทีละประโยค กล่าวถึงความยินดีที่จีนช่วย “ปลดแอก” ทิเบตทำให้ชาวทิเบตตื้นตันใจมีความสุข แสนจะซาบซึ้งคอมมูนิสต์จีน เราอ่านแล้วกลอกตารัว ๆ เลยจ้า
ตอนที่ 173 – บอสผู้ลึกล้ำสุดจะหยั่ง