บทที่ 80 รอบที่ 1
ขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ภาพเคลื่อนไหวขนาดมหึมาที่จักรพรรดิ์ได้แสดงมันขึ้นมา ทันใดนั้นชายที่ดูตลกก็ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณด้านล่าง
ทุกคนในสนามเปลี่ยนมาสนใจเขาอย่างรวดเร็ว
ผู้ชายที่ดูตลกคนั้นมองไปที่จักรพรรดิครู่หนึ่งซึ่งจักรพรรดิก็พยักหน้าให้เขา เมื่อคิดอะไรสักอย่างเสร็จแล้ว ผู้ชายที่ดูตลกก็พูดกับผู้ชมว่า “ทุกท่าน ให้ข้าได้แนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อต้าเผิง และข้าจะทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายให้พวกท่านตลอดช่วงการคัดเลือกมังกรทอง”
“เป็นเขาจริงๆด้วย” หลายคนในกลุ่มผู้ชมอุทาน พวกเขารู้ว่าต้าเผิงเป็นใคร สิบปีที่แล้ว เขาได้ที่ 3 ในบรรดาอัจฉริยะนับพันในการคัดเลือกมังกรทองครั้งก่อน
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ พวกเขาได้ยินชื่อเขาบ่อยมากตั้งแต่เขาทำสิ่งดีๆมากมายให้กับจักรวรรดิ เขาได้ทำลายนิกายปีศาจหลายนิกายที่ตั้งอยู่ในจักรวรรดิทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เขาเป็นคนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดถ้าเทียบกับคนที่อยู่รุ่นเดียวกันกับเขา
ยุ่นหลิงหรี่ตาลงที่ต้าเผิง ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในคู่แข่งของพี่ชายของเขาเมื่อตอนที่เขายังอยู่ในเมืองหลวงและเป็นคนที่เอาชนะพี่ชายของเขาในการแข่งขันเมื่อสิบปีก่อน ก่อนที่จะเป็นศิษย์ของ นิกายจิตวิญญาณศักดิ์สิทธ์ ยุ่นฮุ้ยได้เข้าร่วมในการคัดเลือกมังกรทองครั้งก่อน ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาแข็งแกร่งพอๆกับต้าเผิงไม่มากก็น้อย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรก
นั่นเป็นเพราะในรอบแรกและรอบที่สองของการคัดเลือกมังกรทองครั้งก่อน ยุ่นฮุ้ยตกเป็นเป้าหมายของผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ เนื่องจากพวกเขาถือว่ายุ่นฮุ้ยเป็นคนที่อันตรายที่สุดในการแข่งขัน แม้ว่ายุนฮุ้ยจะสามารถเอาชนะผู้ที่คอยจะท้าทายเขาได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่มาถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขัน เขาก็หมดเรี่ยวแรงไปก่อนแล้วและมันกลายเป็นผลดีต่อผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ผู้ที่สามารถเข้าถึงรอบสุดท้ายได้นั้นยอดเยี่ยมทุกคน แต่ต้าเผิงเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่านั้นมาก นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อยุ่นฮุ้ยประลองกับเขาในช่วงแรกของรอบสุดท้าย ทำให้เขาแพ้
แม้ว่ายุ่นฮุ้ยจะไม่ติด1ใน10 แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดถึงความแข็งแกร่งของเขาเพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เข้าร่วมมากกว่าสองสามร้อยคนและเอาชนะคนเหล่านั้นได้ บางคนถึงกับบอกว่าหากเขาไม่ได้สู้กับต้าเผิงช่วงแรกๆของรอบที่สาม เขาก็สามารถติดอันดับ1ใน5ได้สบาย
“ตอนนี้-ข้าได้แนะนำตัวเองไปแล้ว เรากลับไปดูว่าผู้เข้าร่วมของเราเป็นอย่างไรบ้างกันดีกว่า” ต้าเผิงกล่าวกับผู้ชมขณะที่พวกเขาทั้งหมดเปลี่ยนความสนใจไปที่ภาพเคลื่อนไหวขนาดใหญ่
…
ยุ่นหยี่เลิกคิ้วขณะที่ดูการ์ดในมือ มีนาฬิกาจับเวลาในการ์ดแสดงหมายเลข 2:59:57
เขาคิดว่าการค้นหาการ์ดจะยาก แต่จริงๆแล้วกลับหาง่ายเกินไป อันที่จริง ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้พยายามซ่อนมันเนื่องจากการ์ดที่เขาได้มานั้นปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน การ์ดใบอื่นๆ จะต้องถูกวางไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนเช่นเดียวกับของเขา
ไม่ไกลจากที่เขาอยู่เล็กน้อย เขาได้ยินเสียงการต่อสู้เกิดขึ้นที่นั่น ใครบางคนที่นั่นต้องพบการ์ดแล้วและตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นๆ เพื่อขโมยการ์ดของพวกเขา
เขารีบซ่อนการ์ดไว้ใต้เสื้อคลุมก่อนที่ใครจะมองเห็นมัน แม้ว่าเขามั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะใครก็ตามที่กล้ามาแย่งการ์ดของเขาได้ แต่เขาจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นหากป็นไปได้ คงจะดีกว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรและทำเหมือนว่าเขายังหาการ์ดไม่เจอ
“ส่งการ์ดของเจ้ามาให้ข้า!” ยุ่นหยี่เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของใครบางคน แต่ก็ไม่มีใคร เขาแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบตัวเขา คนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดก็ค่อนข้างไกล แล้วเสียงที่ได้ยินนี้มาจากไหน?
จากนั้นเขาก็รู้ว่า ต้นตอของเสียงนั้นดูเหมือนจะอยู่ไกลออกไป เขาไม่ได้ตกเป็นเป้าหมายแต่เป็นคนอื่น ดูเหมือนว่าจะมีคนพบการ์ดอีกใบ
เขามุ่งหน้าไปยังพื้นที่นั้นด้วยรอยยิ้มและเข้าร่วมการต่อสู้
…
สามชั่วโมงต่อมาในลานประลอง
ต้าเผิงยิ้มขณะที่พูดกับผู้ชม “สามชั่วโมงผ่านไป ผู้เข้าร่วมบางคนควรจะกลับมาที่นี่ในทุกวินาทีแล้ว”
หลังจากที่เขาพูดจบ ก็จริงตามที่เขาพูด ทันใดนั้นมีคนห้าคนปรากฏตัวขึ้นที่ใจกลางลานประลองจริงๆ
ยุ่นหลิงยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่ผ่านรอบแรกไปได้ หนึ่งในห้าคนนั้นเป็นคนเขาที่คุ้นเคย ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลูกพี่ลูกน้องและผู้ช่วยของเขา ยุ่นหยี่
ผู้เข้าร่วมอีกสี่คนนั้นก็ค่อนข้างน่าสนใจ พวกเขาดูเหมือนมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์
มีชายร่างสูงที่ผูกโบว์ไว้ที่หลังของเขา เขามีหูที่แหลมทั้งสองข้าง ซึ่งนั่นทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าเขาอยู่คนละเผ่าพันธ์กับมนุษย์
‘ภูติแห่งป่า เผ่าพันธุ์ที่รักธรรมชาติเหนือสิ่งอื่นใด’ ยุ่นหลิงคิดกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่อีกคนนึงต่อไป เขาสูงกว่าคนที่แล้วถึงสองเท่า ยุ่นหลิงสังเกตเห็นเขาก่อนตั้งแต่อยู่ด้านหลังเวทีเพราะเขาตัวใหญ่มาก มีอีกสองสามคนที่ตัวเกือบจะใหญ่เท่ากับเขา แต่เขาดูแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพรรคพวกที่ร่วมเข้าแข่งขันอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เหล่านี้เรียกว่าไททันส์ พวกมันไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่พวกมันยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์อื่นๆ
ยุ่นหลิงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหากต้องเผชิญกับเขาหรือใครสักคนจากเผ่าพันธุ์ของเขา การโจมตีเพียงครั้งเดียวจะทำให้กระดูกทั้งหมดในร่างกายของเขาหักได้
คนที่สามดูไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปเมื่อสังเกตุในครั้งแรก แต่เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ มีเส้นแนวนอนสามเส้นในแต่ละข้างของคอเธอซึ่งผมยาวสลวยปิดบังไว้ นั่นก็คือเหงือก
พวกเธอเป็นชาวแอตแลนติส
ชาวแอตแลนติสเป็นเผ่าพันธ์คล้ายมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล แม้ว่าชาวแอตแลนติสมักอาศัยอยู่ในทะเล แต่ก็สามารถสูดอากาศและอาศัยอยู่บนพื้นดินได้เหมือนกัน
คนสุดท้ายเป็นคนที่ยุ่นหลิงสนใจมากที่สุด เขาเป็นผู้ชายที่มีสามหัวและหกแขน ความรู้สึกของยุ่นหลิงกำลังบอกเขาว่า ชายคนนี้อันตรายอย่างมาก
“เผ่าพันธ์นักรบชั้นสูง” มกุฎราชกุมารซึ่งนั่งอยู่ข้างๆได้พึมพำในขณะที่มองไปยังชายที่มีสามหัวหกแขน
ผู้คนจากเผ่าพันธ์นักรบชั้นสูงมีหลายหัวและหลายแขนขา แม้ว่าไททันจะมีร่างกายที่ทรงพลังที่สุด แต่เผ่าพันธ์นักรบชั้นสูงมีความสามารถที่สูงสุดเมื่อต้องต่อสู้ท่ามกลางเผ่าพันธุ์อื่นๆ ด้วยความสามารถของพวกมัน เหมือนกับว่าเผ่าพันธุ์ของพวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ
ยุ่นหลิงแสยะยิ้ม “น่าสนใจจริงๆ มาดูกันว่ามันจะแข็งแกร่งจริงๆอย่างที่มันเป็นหรือไม่”