บทที่ 78 โหมโรงการคัดเลือกมังกรทอง
ยุ่นหลิงมองไปที่ ยุ่นหยี่ ยู่ฉาน และมกุฎราชกุมารด้วยสายตาที่เย็นชาขณะที่เขาเรียกชื่อของทั้งสามคนนั้น “ยุ่นหยี่ , ยู่ฉาน , มกุฎราชกุมาร …
ยู่ฉาน และมกุฎราชกุมารพยักหน้าให้เขา พวกเขากำลังมองยุ่นหลิงด้วยสายตาที่หรี่ลง ขณะที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้พวกเขาไม่ได้เห็นยุ่นหลิงเป็นแบบนี้ แต่อันที่จริง ถ้าย้อนกลับไปเมื่อก่อนยุ่นหลิงก็เป็นแบบนี้เขาโหดร้ายและน่าเกรงขามจนคนในเทืองหลวงต่างหวาดกลัวนตัวของยุ่นหลิง ยุ่นหยี่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้สนใจที่ยุ่นหลิงเปลี่ยนไป เพราะปกติเขาก็เป้นแบบนี้ตลอดเวลา
มือขวาของยุ่นหลิงสั่นเล็กน้อย เขากำลังระงับความกระหายที่จะต่อสู้กับสามคนนี้ในตอนนี้ เขายังสู้กับทั้งสามคนในตอนนี้ไม่ได้
‘ข้าควรสงบจิตใจของข้าไว้ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่สามารถยับยั้งความอยากที่จะสู้กับพวกเขาที่นี่ได้’ ยุ่นหลิงคิดกับตัวเอง จากนั้นเขาก็หลับตาลงในขณะที่หายใจเข้าลึกๆ ลืมเรื่องต่างๆที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกจากจิตใจของเขา ในที่สุดเขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยความกระหายของเขาค่อยๆลดลง
ขณะที่เขากำลังทำแบบนี้ ผู้เข้าร่วมที่อยู่ด้านหลังเวทีได้ยินเสียงของจักรพรรดิจากภายนอกพูดกับผู้คนที่มาชมการแข่งขัน
“ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี เหล่าสหาย และแขกผู้มีเกียรติจากแดนไกล ข้าขอต้อนรับทุกท่านสู่การคัดเลือกมังกรทองครั้งที่ 77 ของจักรวรรดิจิ๋น!”
ผู้เข้าร่วมทั้งหมดด้านหลังเวทีเงียบ ขณะฟังคำพูดของจักรพรรดิ แม้แต่ยุ่นหยี่และอัจฉริยสูงสุดทั้งสามก็จดจ่ออยู่กับคำพูดของจักรพรรดิโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียว
มีผู้คน 200,000 คนในสนามแห่งนี้ แต่คนเหล่านี้ก็เงียบเพื่อฟังจักรพรรดิ จนเราอาจได้ยินเสียงเข็มหมุดตกลงบนพื้น ทั่วทั้งสนามมีเพียงเสียงของจักรพรรดิเท่านั้นที่ได้ยินก้องกังวาน แม้แต่คนที่มารวมตัวกันนอกสนามก็ยังได้ยินเสียงเขาดังและชัดเจน ราวกับว่าจักรพรรดิกำลังพูดกับพวกเขาต่อหน้าทีละคน พวกเขารู้สึกได้ถึงเสีนงเต้นของหัวใจที่แรงตามจังหวะเสียงของจักรพรรดิ
มกุฎราชกุมารทำได้เพียงถอนหายใจ พ่อของเขาเป็นคนพิเศษจริงๆ แม้ว่าเขาจะพยายามมาทั้งชีวิต แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะตามพ่อของเขาทันหรือไม่ เมื่อจักรพรรดิอายุเท่าเขา จักรพรรดิได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเขามาก การเป็นมกุฎราชกุมารเป็นเรื่องยาก ผู้คนในราชสำนักต่างคาดหวังในตัวเขาสูงมาก และเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้จักรพรรดิผิดหวัง
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะเป็นแค่ลูกชายของหัวหน้าตระกูลในจักรวรรดิ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องใช้ชีวิตภายใต้แรงกัดดังและความคาดหวังจากคนอื่นๆมากนัก
‘นี่น่ะหรือความสามารถของจักรพรรดิ’? ยุ่นหลิงคิดกับตัวเอง ความสามารถทางกระแสจิตของเขาเหมือนกับของจักรพรรดิ แต่ความแตกต่างระหว่างผลลัพธ์ของจักรพรรดิพวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เขาไม่เพียงแต่สื่อสารกับทุกคนในในสนามแห่งนี้ที่มีคนอยู่ 200,000 คน เท่านั้นแต่จักรพรรดิยังกระตุ้นอารมณ์ ให้กับผู้ฟังด้วยความสามารถแบบเดียวกันกับเขา
มันเป็นความสามารถที่มีประโยชน์อย่าง เนื่องจากเขาสามารถควบคุมอารมณ์ของผู้ชมได้ ทำให้คำพูดของเขาน่าฟังและน่าเชื่อต่อผู้คนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของความสามารถขั้นสูงแบบนี้ก็เปราะบางมาก ใครก็ตามที่มีความรู้ดีเกี่ยวกับความสามารถนี้จะสามารถทำลายการควบคุมทางอารมณ์ของจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย แม้จักรพรรดิจะยังคงสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้ แต่เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของคนเหล่านั้นได้อีกต่อไป
สุนทรพจน์ของจักรพรรดิดำเนินไปเป็นเวลาหลายนาทีก่อนที่เขาจะพูดจบ ผู้คนส่วนใหญ่ในสนามรู้สึกทึ่งกับคำพูดของจักรพรรดิตลอดการกล่าวสุนทรพจน์ ความสนใจของพวกเขามุ่งไปที่จักรพรรดิขณะที่พวกเขาจำคำพูดของจักรพรรดิไว้ในใจ เมื่อจักรพรรดิพูดจบ พวกเขายังรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่สามารถรอชมการคัดเลือกได้อีกต่อไปแล้ว
“ในตอนนี้ ข้าขอแสดงให้พวกท่านได้เห็น เหล่าอัจฉริยะสามพันคนของจักรวรรดิจิ๋น!”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทองก็ค่อยๆ เดินออกมาจากทางเดินไปยังศูนย์กลางของลานประลองอย่างเป็นระเบียบ ผู้ชมต่างโห่ร้องเมื่อได้เห็นพวกเขา บางคนเป็นญาติ เพื่อน หรือคนรู้จักของผู้เข้าร่วม บางคนมาที่นี่เพื่อดูการคัดเลือกในขณะที่คนอื่นมีเจตนาแฝงบางอย่างในการมาที่นี่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะมีเจตนาอย่างไร ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าลานประลองนี้กำลังถูกโหมโรงอย่างมาก
ผู้เข้าร่วมบางคนตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น ช่วงเวลานี้คือสิ่งที่พวกเขารอคอย นั่นคือการแข่งขันในเวทีขนาดใหญ่นี้ หากพวกเขาสามารถสร้างความประทับใจให้กับจักรพรรดิหรือบุคคลที่น่าเคารพนับถือในกลุ่มผู้ชม พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลกับการฝึกฝนในอนาคตอีกต่อไป
ยุ่นหลิงมองไปทางที่นั่งที่จัดไว้สำหรับตระกูลยุ่น และเห็นลูกสาวของเขาเรียกหาเขาอย่างมีความสุขพร้อมกับพ่อ แม่ ปู่ และย่าของเขา หยื่อตงเหม่ยก็นั่งอยู่ข้างๆเธอเช่นกัน เขาโบกมือให้ลูกสาวอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กหญิงตัวเล็กๆคนนั้นสดใสขึ้น
“ท่านปู่ ท่านย่า ดูสิ! นั่นไงท่านพ่อ!” ยุ่นเซี่ยพูดขณะที่เธอชี้ไปที่ยุ่นหลิง
พวกเขายิ้มให้ยุ่นเซี่ยเพราะความไร้เดียงสาของเธอ
จากนั้นจักรพรรดิก็ยกมือขึ้นทำให้ผู้ชมค่อยๆเงียบลงอย่างช้าๆ เมื่อทุกคนเงียบไปในที่สุด จักรพรรดิก็เริ่มพูดว่า “ในการคัดเลือกมังกรทองนี้ ข้าได้มอบหมายภารกิจให้กับสามอัจฉริยะสูงสุดของเมืองหลวง ให้ข้าแนะนำพวกเขาให้พวกท่านได้รู้จัก”
“ทายาทของตระกูลยู่ ยู่ฉานภารกิจของเขาคือการฆ่าผู้ฝึกตนด้านมืดสามคนจากนิกายแก่นแท้ปีศาจ พวกเขาคือ ฉิงคุน , หวังจิ้ว และ วู่ไท่พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์หลักของนิกายแก่นแท้ปีศาจ”
ฝูงชนต่างแตกตื่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดต่างประหลาดใจ โดยเฉพาะผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ พวกเขาคิดว่าหน้าที่ของยู่ฉาน คือการฆ่าอาชญากรที่กำลังเป็นที่ต้องการสามคน แต่กลับกลายเป็นการฆ่าผู้ฝึกตนด้านมืดสามคนได้อย่างไร? นั่นไม่ใช่ภารกิจของยุ่นหลิงหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น การฆ่าผู้ฝึกตนด้านมืดจากนิกายแก่นแท้ปีศาจนั้นยากกว่าการฆ่าอาชญากรที่กำลังต้องการตัวกว่ามาก นั่นเป็นเพราะพวกเขาอยู่ในนิกายและอยู่ภายใต้การคุ้มครองนิกายนั้นๆของพวกเขา ทำให้การฆ่าพวกเขายากมากๆ
“บุตรชายคนที่สองของตระกูลยุ่น ยุ่นหลิง ภารกิจของเขาไม่ใช่อะไรเลยนอกจากปราบสัตว์ร้ายใน ขอบเขตการเปลี่ยนแปลงที่สี่ จาก หุบเขาพันภูเขา”
เกือบทุกคนในสนามมองมาที่ยุ่นหลิง การปราบมันซักตัวยากกว่าการฆ่าพวกเขามาก โดยเฉพาะสัตว์ร้ายที่อยู่ในหุบเขาพันภูเขา การฆ่าสัตว์ร้ายเพียงตัวเดียวต้องการคนจำนวนมากในจักรวรรดิเดียวกันเพื่อฆ่ามันให้สำเร็จ
“คนสุดท้ายคือลูกชายของข้า มกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิจิ๋น จิ๋นเซิน ภารกิจของเขาคือการฆ่า ซูเฉินแม่ทัพแห่งจักรวรรดิตง เฮ่อจิ้นผู้ให้การสนับสนุนของซูเฉินและคนที่ให้เงินเขาสำหรับการกระทำที่ผิดกฎหมายของเขา และหวางยู่ พ่อค้าขายอาวุธผิดกฎหมายต่างๆ ให้กับ ซูเฉินและเฮ่อจิ้น”
หลังจากจักรพรรดิพูดเสร็จแล้ว สายตาของเขากวาดไปท่ามกลางผู้ชมในขณะที่เขาพูดต่อ “ข้าได้มอบหมายภารกิจที่ยากสามภารกิจนี้ที่ นอกเหนือจากผู้คนทั้งสามพันคนที่เข้าร่วมการคัดเลือกนี้”
“ยู่ฉานได้สังหารผู้ฝึกตนด้านมืดสามคนจากนิกายแก่นแท้ปีศาจ”
“ในทางกลับกัน ยุ่นหลิงทำได้ดีกว่าที่ข้าเองคาดไว้ ไม่เพียงแต่เขาปราบสัตว์ร้ายที่มอบหมายไปเท่านั้น แต่เขายังปราบสัตว์ร้ายที่อยู่ใน ขอบเขตมหันต์ราชันย์”
“จิ๋นเซินได้ฆ่าเป้าหมายทั้งหมดของเขาในภารกิจของเขาด้วย”
“ด้วยเหตุนี้ การทำภารกิจที่ยากมากๆให้สำเร็จ ข้าได้ตัดสินใจส่งสามคนนี้ไปยังรอบที่สามของการคัดเลือกนี้ พวกเขาทั้งจะเริ่มในรอบที่สาม—ข้ามคนอื่นๆไปสองรอบ!”