การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 30 เป็นไปตามแผน

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 30 เป็นไปตามแผน

 

 

เมืองอิชกะนั้นหากจะเกิดการต่อสู้ขึ้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

การดวลหมัดหรือดาบก็เป็นสิ่งที่นักผจญภัยนิสัยเสียต่างปรารถนากันอยู่แล้ว และเกิดขึ้นบ่อยเสียด้วย

 

แต่ก็ใช่ว่าใครอยากจะมีเรื่องแล้วก็มีได้เลย

 

สำหรับการดวลนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการยอมรับทั้งสองฝ่ายและมีพยานให้ยืนยันผลอย่างเป็นทางการ

 

พวกเขาจำเป็นต้องทำการเลือกสถานที่สำหรับการดวล จัดการเตรียมการ และรับประกันผลการดวล

 

หากมีการดวลสิ้นสุดแล้วไม่พอใจกับผลที่ได้ก็จะเท่ากับเป็นการดูถูกพยานที่เชิญมาด้วย

 

 

โดยปกติแล้ว พยานนั้นจำเป็นจะต้องมีสถานะทางสังคมระดับหนึ่งและมีสำนึกในหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี กลับกันหากไม่มีพยานแล้วเกิดการดวลขึ้นมาทั้งสองฝ่ายก็จะถูกตัดสินว่ากันไปตามกฎหมายของเมือง

 

 

มันก็เป็นไปตามที่ผมคิดแหละนะว่าพยานในการดวลครั้งนี้ระหว่างผมกับราสจะต้องเป็นกิลด์มาสเตอร์เอลการ์ด

 

 

พื้นที่ดวลก็คือลานฝึกของกิลล์ที่ไม่มีใครอื่น นอกจากผม ราส เอลการ์ด และสมาชิกที่เหลือของ ดาบฮายาบูสะ ชีส กับพนักงานต้อนรับผมถักเปียคนเดิมที่ชื่อว่าลิดเดล

 

อันที่จริงก็แอบคาดหวังไว้ว่าจะมีกลุ่มนักผจญภัยคนอื่นกับพนักงานของกิลด์มาส่งเสียเชียร์สักหน่อยนะ ผิดคาดแฮะ

 

เพราะว่าถ้าหากไม่มีฝูงชนเข้ามาจับตามองแล้วก็อาจจะมีความเสี่ยงที่การดวลของผมจะไม่ได้รับผลยืนยันถึงราสจะแพ้ แต่ก็คงจะไม่แปลกสำหรับกิลด์มาสเตอร์ที่เป็นคนจัดการเรื่องมิโรสลาฟในคราวก่อนหรอกมั้ง ถึงราสจะแพ้ขึ้นมาเขาก็คงจะออกหน้าให้อีก

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้น ประตูของห้องฝึกก็เปิดออก และชายวัยกลางคนก็พุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว จนเขาหายใจแทบไม่ทัน

 

 

「แฮกๆ …อิย้า..ขอโทษนะที่มาช้าไปหน่อย พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นตอนผมกำลังจะออกมาน่ะ ก็เลยต้องใช้เวลาจัดการพอสมควรเลย」

 

 

เรือนร่างที่อวบอ้วนมาพร้อมกับผ้าไหมราคาแพงทำให้ดูออกว่าเป็นพ่อค้าระดับสูงได้ไม่ยาก

 

ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้ถูกส่งมาจาก『สหภาพ』 จากนั้นเขาก็ทำการตรวจสอบบริเวณโดยรอบด้วยสายตาอันเฉียบคมเพื่อยืนยันใบหน้าของคนที่มารวมตัวกัน

 

 

「ก็คิดอยู่ว่ามันแปลกๆ ที่ท่านเอลการ์ดเรียกผมมา ดูท่าว่าจะมีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นสินะครับ」

 

 

「รายละเอียดก็ตามที่จดหมายเราแจ้งไป เนื่องจากมีเวลาไม่มากแล้ว หากทางท่านฟีโอดอร์สะดวกเรามาเริ่มกันเลยดีไหมครับ? 」

 

 

「แหม่ ได้สิๆ ทางผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว วันนี้จะได้มีทาสเกิดขึ้นมาใหม่หรือทาสที่ได้รับการปลดปล่อยกันนะ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนพ่อค้าทาสยังผมก็ยินดีจริงๆ 」

 

ถึงลัก

 

ฟีโอดอร์นั้นมีโดดเด่นของคำพูดและการกระทำที่แปลกไปบ้าง แต่ตราบใดที่ 『สหภาพ』 ส่งเขามา เขาก็ไม่น่าจะใช่คนไร้ความสามารถหรือขาดความรับผิดชอบ ทีนี้พยานก็พร้อมแล้ว

 

 

 

หรือถ้าผมเกิดไม่ยอมรับให้ฟีโอดอร์เป็นพยานที่นี่ ก็คงจะหมายถึงการต่อสู้กับทางสหภาพด้วย

 

 

ซึ่งนั่นก็ค่อนข้างจะรับมือยากเลยทีเดียว

 

 

แล้วก็สหภาพที่พูดถึงนั่นก็คือสหภาพพ่อค้าทาสนั่นแหละ

 

 

 

ก็เหมือนกับกิลด์นักผจญภัยและวิหารแห่งเทพกฎหมาย พวกเขาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปทุกพรมแดน ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการค้าทาสจะมีสหภาพอยู่ภายในนั้นด้วย

 

อิทธิพลของสหภาพที่สามารถดูแลจัดการทาสได้กว่าหลายพันคนมันแพร่กระจายไปทุกหนแห่งไม่ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ หรือแถบชนบท หากไม่อยากจะตายแบบทรมานละก็ทางที่ดีก็ไม่ควรไปหาเรื่องพวกเขา

 

อีกอย่างถ้าใครอยากใช้ชีวิตปกติก็คงจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขามากนักหรอก…แต่ก็โชคร้ายหน่อยเนอะที่ชีลไม่ใช่หนึ่งในนั้นส่วนผมที่เดินบนเส้นทางนี้ก็คงจะพูดอะไรไม่ได้แน่นอนว่าในอนาคตผมอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาด้วยก็ได้

 

เอาเถอะเรื่องของอนาคตก็ปล่อยมันไปก่อนละกันตอนนี้มาโฟกัสกับเรื่องตรงหน้าจะดีกว่า

 

อุปกรณ์ของราสนั้นมีดาบมือเดียวกับโล่แล้วก็เกราะเหล็กทั้งหมดนั่นผมว่าน่าจะเสริมพลังเวทไว้หมดแล้วด้วยนี่สิน้อพลังแห่งบริษัทการค้าแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้หมดแล้ว

 

กลับกันผมที่มีเพียงแค่ดาบสีดำเล่มเดียวกับเกราะหนังที่ผมมักใส่อยู่เสมอซึ่งมันก็ปิดได้แค่ช่วงบริเวณอกของผมถ้าให้พูดถึงพลังในการป้องกันก็คงบอกว่าน่าสิ้นหวัง

 

ผมเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดเลยถ้าเทียบแค่อุปกรณ์ที่ใช้จนผมอยากหัวเราะราสที่เอาของระดับนี้มาใส่เพื่อตบเด็ก

 

แต่ก็แน่ละว่าคนปกติที่ไหนเขาจะมาหัวเราะออกในที่แบบนี้กันนี่มันเป็นการต่อสู้ที่อาจจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายได้เลยนะหากพวกเขาจะทุ่มสุดกำลังก็ไม่น่าแปลกหรอกเนอะราสจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่จริงจัง

 

「ถ้าเช่นนั้น…ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัว!!」

 

เขาทำการเตรียมดาบและโล่ขึ้นมาตามเสียงประกาศของเอลการ์ดทางผมก็พร้อมแล้วเหมือนกันบอกไว้ก่อนนะว่าการดวลรอบนี้ผมจะไม่ใช้ทั้งคิหรืออาภรณ์วิญญาณ นอกจากทดสอบพลังของผมแล้วมันยังเป็นการป้องกันไม่ให้ทางกิลด์หรือสหภาพรู้พลังที่แท้จริงของผมได้ด้วยที่เหลือก็แค่ดูว่าราสจะสร้างปัญหาให้จนผมต้องใช้มันไหม–

 

「ฮ่าาาาา!!」

เขาพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วก่อนจะฟันเฉียงลงมาที่ไหล่ของผมหากผมยืนมองเฉยๆ บอกเลยว่าไหล่ซ้ายของผมน่าจะถูกฟันขาดไปแล้ว

 

ผมก็คงจะไม่ยืนโง่ให้เขาโจมตีฟรีได้หรอกเนอะผมจึงทำการกระโดดถอยหลังไปเล็กน้อยเพื่อหลบท่าฟันนั้นจากนั้นจึงทำการสวนกลับระหว่างกระบวนท่าฟันของเขาที่เสียทรงไปแต่ก็ตามคาดนักผจญภัยระดับ6คงไม่โดนของแบบนี้เล่นง่ายๆ หรอกเขายกโล่ขึ้นมาเพื่อปิดช่องว่างหลังการโจมตีของเขา

 

ระหว่างที่คิดว่าควรโจมตีจากจุดนี้ต่อเลยดีไหม…การโจมตีครั้งที่สองของเขาก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

ซึ่งมันเร็วกว่าการโจมตีแรกเสียอีก

 

หากคนอื่นมองก็อาจจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าชุดเกราะที่หนักขนาดนั้นมันทำไมเขายังสามารถเคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับนี้ได้อีกนะเห็นได้ชัดเลยว่าการโจมตีครั้งแรกเป็นแค่การอุ่นเครื่องพอรู้ว่าครั้งนี้ผมไม่น่าจะหลบทันแน่ก็เลยใช้หลังดาบของผมปัดป้องการโจมตีนั้นแทนแรงสั่นสะเทือนเข้ามากระทบกับร่างของผมทันทีที่ดาบปะทะกันมันหนักเสียจนผมแทบจะยืนด้วยกำลังขาของตัวเองไม่ไหวราสในตอนนี้เป็นคนละคนกับเมื่อ5ปีก่อนของจริงเลย

 

「เป็นอะไรไปโซระ ถ้าเอาแต่หลบ นายชนะฉันไม่ได้หรอกนะ!」

 

ครั้งที่3 4 5…เขาตะโกนออกมาเหมือนต้องการเยาะเย้ยผมระหว่างที่ทำการโจมตีใส่ผมอย่างต่อเนื่องผมจึงเม้มปากตอบกลับไป

 

「เออขอบใจสำหรับคำแนะนำ」

 

พอผมพูดจบผมก็ทำการถอยไปด้านหลังเพื่อหลบแรงดันของดาบแต่เขาก็ไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ โดยการใช้โล่เข้ามาหมายจะกระแทกผมอีกทีซึ่งผมก็ยังหลบมันได้ทันความตั้งใจของเขาอาจจะต้องการให้ผมเสียการทรงตัวแล้วล้มลงไปแต่ผมก็ยังคงหลบได้ด้วยการพุ่งถอยลอยไปมาในอากาศระหว่างที่ผมลอยอยู่ในอากาศผมก็ทำการจับตามองเขาอย่างระมัดระวัง

 

สี่พื้นฐานสำคัญของดาบเดียวมายาก็คือซัน (ฟาดฟัน) คิ (เสริมกำลัง) โซ (เคลื่อนไหว) คัน (มองเห็น)

 

โดยที่ “คัน” นั้นคือการสังเกต

 

ท่านนายพลของจักรวรรดิเคยกล่าวเอาไว้ว่า”เจ้าสามารถรบชนะได้ทุกสมรภูมิหากเจ้ารู้ว่าเจ้าและศัตรูของเจ้าอยู่ที่ใด”ซึ่งคำพูดดังกล่าวนั้นไม่ได้ใช้กันแค่ภายในสงคราม

 

เนื่องจากว่าผมไม่สามารถใช้คิและอาภรณ์วิญญาณได้ ความแข็งแกร่งของผมกับอีกฝ่ายจึงแตกต่างกันมาก ยิ่งไปกว่านั้นประสบการณ์ในฐานะนักผจญภัยของเขาก็มากกว่าผมด้วย ช่องว่างระหว่างเราจึงมากยิ่งขึ้น

 

ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องหาหนทางที่จะลบช่องว่างตรงนี้ออกไปได้ด้วยการสังเกต การเคลื่อนไหวของเขา

 

 

ถ้าตอนนี้ผมอยู่ในฐานะผู้ชม บางทีท่าทางของผมตอนนี้คงจะเหมือนบุคคลอันตรายที่เอาแต่จับจ้องการเคลื่อนไหวของราส ราวกับงูที่ล่าเหยื่อ

 

ไม่รู้ว่าเพราะผมเอาแต่จ้องเขาแบบนั้น หรือการโจมตีของเขาไม่โดนผมเลย เขาจึงรีบกระหน่ำการโจมตีให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

 

 

ก็ไม่ได้ถึงขั้นตกลงไปในจุดที่เรียกว่าประมาทได้ แต่มันก็ทำให้เห็นช่องว่างของเขามากขึ้น ความแม่นยำในการโจมตีก็ลดลงต่ำกว่าที่เคยทำ

 

 

 

เรายังดวลกันไม่ถึงสามสิบดาบด้วยซ้ำ นี่มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือเปล่า ทำไมเขาถึงใจร้อนขนาดนี้กัน ไม่สิถ้าผมลองมองในมุมของเขา การที่ต้องใช้เวลาขนาดนี้กับพวกเลเวล 1 ก็คงจะสร้างความรู้สึกที่น่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลย

 

 

ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเขาเป็นถึงนักผจญภัยระดับ 6 แต่กลับไม่สามารถจัดการอดีตนักผจญภัยระดับ 10 ได้โดยง่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากิลด์มาสเตอร์และสหายของเขาจะมองเขาเป็นเช่นไร

 

 

นอกจากนั้น บางทีเขาน่าจะโดนมิโรสลาฟวางยาด้วยคำพูดอย่างเช่น “แสดงให้ฉันได้เห็นทีสิว่านักผจญภัยที่แท้จริงเป็นเช่นไร หรือนักรบของจริงทำอะไรได้บ้าง” ละมั้ง

 

 

หากเป็นไปตามที่ผมคิดทั้งหมด เป็นผมก็คงจะหงุดหงิดพอสมควรแหละ

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็พอจะรู้วิธีในการรับมือกับเขาแล้ว ยังไงราสก็ค่อนข้างอ่อนแอในเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนนี่นะ จิตใจของเขานั้นอ่อนแอเป็นอย่างมากซึ่งเพราะในอดีตเขาก็เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งนี่เนอะ

 

「เป็นอะไรไปล่ะราส ถ้ามัวแต่เหวี่ยงดาบมั่วๆ ไปมาแบบนั้นเอาชนะฉันไม่ได้หรอกนะ? 」

 

 

 

「หยุดพูดแล้วก็เลิกหลบสักที!」

 

 

「แย่หน่อยนะ เพราะดาบของฉันมันไม่ได้สร้างไว้เพื่อปะทะกันด้วยสิ วิธีต่อสู้ของฉันก็เลยจะต่างจากนายสักหน่อย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็น่าเศร้าเนอะเป็นนักผจญภัยระดับ 6 แท้ๆ แต่ดันไม่มีปัญญาจับฉัน」

 

 

 

「…ให้ตายสิ」

 

 

 

「การเคลื่อนไหวของนายดูเลินเล่อมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ—」

 

 

พอผมพูดจบ ผมก็เล็งไปยังบริเวณหน้าอกของเขาในขณะที่เขาเสียจังหวะลดโล่ลง

 

 

ดาบของผมทะลวงผ่านเข้าไปโจมตีร่างของเขาได้

 

 

 

「อึก?!」

 

 

 

「เห้ยๆ โล่นายตกลงไปหน่อยหรือเปล่า」

 

 

จากนั้นผมก็ทำการโจมตีซ้ำไปยังจุดที่เกราะของเขาได้รับความเสียหาย

 

 

 

จากนั้นเขาก็เหวี่ยงโล่ของเขาใส่ผมเพื่อให้ผมถอยห่างไปก่อนจะฟันผมกลับด้วยดาบมือเดียวของเขา สีหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

 

 

 

แต่เพราะการโจมตีในครั้งนี้เป็นการโจมตีที่อาศัยแต่แรงอย่างเดียว ไม่ได้รุนแรงเหมือนตอนใช้ช่วงขาของเขาเข้ามาช่วย ดังนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องหลบอะไร

 

 

หลังจากที่ผมแลกดาบกับเขาสักพัก น่าจะประมาณ 50 ดาบเราทั้งสองก็เริ่มถอยออกมาจ้องหน้ากันแทน

 

ราสเริ่มมีลมหายใจหอบ ใบหน้าบึ้งตึง เลือดเริ่มออกมาจากรอยร้าวของชุดเกราะจนนองลงที่พื้น

 

 

…ใช่แล้ว ถึงผมจะรู้สึกแย่ที่ต้องพูดแต่หมอนี่อ่อนชะมัด

 

 

อันที่จริงอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าผมแน่ๆ หากใช้กลยุทธ์ในการปะทะกันระยะประชิด (ซึบาเสะ) เพื่อกดดันผม แต่เพราะเขาไม่มีความชำนาญในด้านนี้มาก่อนอาจจะเพราะเขาไม่เคยสู้กับมนุษย์ในสนามรบ พูดกันตามตรงอายากะกับรากุนะเมื่อ5ปีที่แล้วยังแข็งแกร่งกว่าเขามาก

 

เหตุผลก็คงเดาไม่ยาก สไตล์การต่อสู้ของราสนั้นมีไว้เพื่อต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ไม่ใช่ต่อสู้กับมนุษย์

 

 

ก็จริงอยู่ว่าอาจจะมีอย่างพวกโจร เนโครแมนเซอร์ นักบวชนอกรีต ที่เหล่านักผจญภัยต้องเข้าไปต่อสู้

 

 

แต่โดยภาพรวมแล้ว มอนสเตอร์ก็ยังมากกว่าอยู่ดีแถมเขาไม่ได้เรียนวิชาดาบมาเพื่อต่อสู้กับมนุษย์ตั้งแต่แรกด้วยสิ

 

 

ในเหตุนี้เอง แม้ว่าผมจะอ่อนแอกว่าเขา แต่ความสามารถในการต่อสู้กับมนุษย์ของผมนั้นมีมากกว่าเขาหลายเท่า เนื่องจากผมได้เรียนวิชาดาบเดียวมายามาตั้งแต่ยังเด็ก ทุกคนรอบตัวผมก็แข็งแกร่งกว่าผมทั้งหมด ประสบการณ์ในการต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองคงไม่ต้องบอกว่ามากแค่ไหน

 

 

หลังจากที่มั่นใจแล้ว ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่ให้การต่อสู้มันยืดเยื้อไปกว่านี้

 

อันที่จริงก็มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นกับดักที่เขาล่อให้ผมลดการป้องกันลง แต่เอาเถอะถ้าเป็นงั้นจริงผมจะยอมใช้คิในการรับมือกับเขาเองถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่เขาแสดงของดีให้เห็น

 

 

ผมก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดเช่นนั้น

 

 

 

 

「ราส!」

 

 

อิเรียอาจจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่อาจมองข้ามได้ เธอจึงเรียกชื่อเขาออกมาโดยสัญชาตญาณ

 

 

 

ราสกำลังเตรียมดาบเข้าปะทะกับผมที่พุ่งตัวเข้าไปกลางอากาศ

 

หลังจากนั้น

 

 

*แกร๊ง!*

 

 

เสียงโลหะได้เข้ามากระทบกัน หลังจากนั้นดาบมือเดียวของราสก็ปลิวขึ้นไปในอากาศ

 

 

จากนั้นไม่นานมันก็พุ่งลงไปปักที่พื้นห่างกับผมเล็กน้อย

 

 

ภาพที่ผมเห็นตอนนี้คือราสตกใจที่ดาบของผมกำลังจ่อคอเขาอยู่ ก่อนที่กิลด์มาสเตอร์จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบ

 

 

「พอแค่นั้น! ผู้ชนะโซระ!」

 

ใบหน้าของเขาที่ผมเห็นตอนนี้มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องในอดีต

 

 

 

ใช่แล้ว มันคือใบหน้าของผมตอนที่พ่ายแพ้ให้กับนักรบเขี้ยวมังกร

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

「ด-เดี๋ยวก่อน! ขออีกรอบหนึ่ง เรามาสู้กันอีกรอบเถอะ!」

 

นั่นคือสิ่งแรกที่ราสพูดกับผม

 

จากนั้นอิเรียก็เข้ามาใช้เวทรักษากับเขา ก่อนจะจ้องมาที่ผมด้วยดวงตาแดงก่ำ

 

พอผมเห็นสภาพของเขาแล้วก็ได้แค่ยักไหล่เบาๆ ให้เขา

 

「หมายความว่านายจะปฏิเสธผลการดวลแม้เราจะมีพยานอยู่ด้วยสินะ ทั้งที่คนที่ประกาศชัยชนะของฉันก็คือกิลด์มาสเตอร์แท้ๆ 」

 

 

 

「มะ-ไม่ใช่แบบนั้น! ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ฉันแค่อยากจะสู้กับนายดูอีกที โซระ! ใช่แล้วมันไม่ควรจะเป็นการต่อสู้แบบรอบเดียวจบแต่แรกแล้ว มาสู้กันอีกทีเถอะ ครั้งนี้ฉันชนะแน่!!」

 

 

 

「หืมมม ไอ้เรื่องนั้นฉันก็ไม่ขัดหรอกนะ ว่าแต่รอบนี้นายจะเอาใครดีล่ะ? 」

 

 

 

「ว่าไงนะ? 」

 

 

「ก็ฉันชนะไปแล้วนี่นา ก็หมายความว่าลูนามาเรียเป็นของฉันแล้ว แล้วพอนายบอกว่าอยากสู้อีกก็แปลว่านายต้องไปหามาอีกคนเพื่อเป็นทาสฉันสิ บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่เอายัยมิโรสลาฟ ดังนั้นก็เหลือแต่อิเรียสินะ」

 

 

พอได้ยินแบบนั้นราสก็หันหน้าไปมองอิเรีย

 

อิเรียที่กำลังรักษาบาดแผลให้กับเขาก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาเมื่อเธอสบตาเขา

 

 

「อิเรีย!」

 

 

「หยุดเถอะราส ถึงบาดแผลของนายจะปิดแล้ว แต่เลือดของนายไม่ได้ฟื้นกลับมาด้วยหรอกนะ แล้วจะไปสู้ในสภาพแบบนี้ได้ยังไงกัน」

 

 

 

「มะ-ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้วิธีเอาชนะเขาแล้ว ดังนั้นรอบนี้ฉันชนะแน่!!」

 

 

พอราสพูดออกมาแบบนี้ อิเรียก็ตบหน้าของเขาทันที

 

 

เพี้ย! เสียงกระทบของผิวที่แห้งผากดังก้องขึ้น

 

「พอได้แล้ว!! นี่นายจะหนีความจริงไปถึงไหนกัน นายแพ้แล้วนะ หากยอมรับในเรื่องนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องคิดจะกลับไปสู้ใหม่เลย!!」

 

 

 

「…อิ…เรีย..」

 

 

เพราะคำดุของอิเรีย ทำให้ราสทรุดตัวลงกับพื้นและยอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง

 

 

ระหว่างที่มองดูพวกเขาสองคน ผมแอบหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง

 

 

ทัศนคติของอิเรียนั้นเข้มงวดและอ่อนโยน นี่น่าจะเป็นคำตอบเดียวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้จากที่ผมเห็นการกระทำของเธอ

 

 

 

สภาพของคนที่พ่ายแพ้มาจนจิตใจดำดิ่ง บางครั้งการยอมรับความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้

 

เหมือนกับตอนนี้ไง หากราสถูกใครมาพูดด้วยคำที่แสนหวานปลอบโลมจิตใจได้ หมอนั่นก็จะต้องตกหลุมรักแน่ๆ ถึงพวกเขาจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันแต่ก็ใช่สถานะนี่จะให้มันคงอยู่ตลอดไปเสียหน่อยเนอะ

 

 

 

–ผมไม่ได้หันไปมองทางมิโรสลาฟเลยแม้แต่น้อย ไม่สิต้องบอกว่าไม่จำเป็นต้องมอง

 

 

–เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผน

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code 

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน