การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 32 การต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 32 การต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติ

 

หลังจากได้ตัวลูนามาเรียมาแล้ว เป้าหมายต่อไปของผมก็คืออิเรีย นักบวชสายบู้แห่งดาบฮายาบูสะ

 

แต่เรื่องนี้มันก็คงจะต้องมีการเตรียมการกันเพิ่มเสียหน่อย

 

เพราะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วหากจะทำลายความสัมพันธ์ที่สร้างกันมากว่าหลายปีให้พังลงในวันเดียวก็คงจะเกินมือมนุษย์ไปหน่อย

 

ก็เป็นไปได้อยู่ว่าเจ้าราสจะเอาอิเรียมาเป็นของเดิมพันอีกรอบเพื่อให้ผลดวลกับเขาใหม่

 

ถ้าเป็นงั้นได้จริงนี่ผมคงจะรู้สึกขอบคุณเป็นล้นพ้นเลย แต่ถ้าดูจากนิสัยของอิเรียแล้วไม่บอกก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องจัดการแผนให้พร้อมก่อนจะลงมืออีกที

 

แล้วระหว่างรอนี่ผมควรจะทำอะไรดีล่ะ

 

ของมันก็แน่อยู่แล้ว เข้าต่อสู้กับกิลด์ยังไงล่ะ

 

บอกไว้ก่อนว่าไอ้ต่อสู้ที่ว่าเนี่ย มันไม่ได้หมายถึงผมไปลอบสังหารกิลด์มาสเตอร์ ลักพาตัวพนักงานต้อนรับ หรือฆ่านักผจญภัยคนอื่นหรอกนะ

 

การต่อสู้ของผมนั้นจะต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรมและเกิดประโยชน์กับทางโลก

 

พูดให้ชัดเลยก็คือผมเนี่ยจะไปจัดการปัญหาที่กิลด์ไม่สามารถสะสางได้

 

ก็จริงว่าผมถูกไล่ออกจากกิลด์มาแล้วจะให้ไปรับภารกิจก็คงจะไม่ได้ แต่อย่าลืมสิว่าผมมีลูนามาเรียอยู่นะเออ

 

กระทั่งกฏของกิลด์ก็ไม่มีบอกสักหน่อยนี่ ว่าทาสไม่สามารถเป็นนักผจญภัยได้ หรือหากเป็นทาสจะถูกขับไล่ออกจากกิลด์ทันที

 

ดังนั้นถึงลูนามาเรียจะกลายเป็นทาสไปแล้วแต่เธอก็ยังคงเป็นนักผจญภัยเช่นเดิม ผมบอกให้เธอออกจากปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะมาแล้ว แต่ไม่ได้บอกให้ออกจากกิลด์มาด้วย ดังนั้นผมก็จะใช้เธอนี่แหละในการรับภารกิจ

 

โดยเป้าหมายของผมก็คือภารกิจที่ถูก “ดอง” เอาไว้

 

กรณีนี้ก็มีทั้งภารกิจดังกล่าว รางวัลต่ำเกินไป ไม่ก็ระยะเวลาที่ใช้ทำนานเกินไป บางอันก็โคตรอันตรายจนไม่คุ้มเสี่ยง

 

จริงๆ มันก็มีเหตุผลมากกว่านั้นอยู่นะที่ทำให้ภารกิจถูกดองแต่ก็เจ้าภารกิจพวกนี้แหละที่สร้างความปวดหัวให้กับกิลด์ ไหนจะผู้ว่าจ้างที่พยายามจะเรียกร้องค่าชดเชยที่ภารกิจของพวกเขาไม่ได้รับการแก้ไข ไหนจะเรื่องที่จำเป็นต้องไปไกล่เกลี่ยกับพวกนักผจญภัยให้ช่วยรับภารกิจเพื่อรักษาชื่อเสียงกิลด์เอาไว้

 

โดยปกติแล้วพวกนักผจญภัยที่ทำผิดกฎกิลด์ก็มักจะถูกลงโทษด้วยกันบังคับทำพวกภารกิจดองนี่แหละ ไม่ก็พวกพนักงานของกิลด์ที่มีคุณสมบัติของนักผจญภัยที่ต้องออกไปทำเอง

 

หากเป็นเมืองอื่นแล้วละก็ปัญหาพวกนี้ก็คงจะถูกแก้ไขในเวลาไม่นานนักหรอก แต่อย่าลืมสิว่านี่คือเมืองแห่งนักผจญภัยอิชกะซึ่งมีจำนวนคำร้องเข้ามาไม่ต่ำกว่าวันละ 100 ภารกิจ จึงไม่แปลกหากจะมีภารกิจที่ถูกดองไว้มากตามไปด้วย

 

เอาเป็นว่าวิธีการต่อสู้ของผมก็คือจะไปจัดการกับพวกภารกิจที่โดนดองไว้นั่นแหละ

 

ในมุมมองของผู้ว่าจ้างแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาได้รับผลกระทบจากการที่ภารกิจไม่เสร็จอยู่แล้วแน่นอน ดังนั้นหากเราเข้าไปในช่องว่างนี้ได้ความไว้วางใจของพวกเขาที่มีต่อกิลด์ก็จะลดลงไปด้วย

 

ด้วยเหตุนี้เองผมจะเป็นคนไปจัดการของที่ว่าซะให้หมด

 

แน่นอนว่าหากมองดูอย่างผิวเผินก็จะเห็นเป็นเพียงแค่ลูนามาเรียรับภารกิจไปแล้วก็จัดการตามที่มันระบุ

 

แต่ถ้าลองคิดสักหน่อยแม้จะเป็นคนโง่ก็คงรู้ว่า สถานการณ์ปัจจุบันของเธอมีผมลากสายจูงเอาไว้อยู่

 

อดีตนักผจญภัยที่ถูกกิลด์ขับไล่ออกไป กำลังจัดการกับภารกิจที่ถูกดองไว้ของกิลด์จนหมดสิ้น ไม่ว่าใครก็คงจะรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

 

หากเป็นภารกิจปกติละก็ ทางกิลด์อาจจะปฏิเสธการรับภารกิจของลูนามาเรียด้วยเหตุผลร้อยแปดก็ได้ แต่หากเป็นภารกิจที่ถูกดองแล้วไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธได้เลย

 

หรือถ้ากิลด์ทำงั้นจริง ผมก็แค่ไปติดต่อผู้ว่าจ้าง แล้วแจ้งไปว่าผมจะรับภารกิจของพวกเขาแล้วนะ แต่ทางกิลด์เขาไม่ให้ผมรับอ่ะควรจะทำไงดี

 

ถึงตอนนั้นผู้ว่าจ้างคงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ และชื่อเสียงของกิลด์ก็จะลดลงเช่นเดียวกัน แถมถ้าเป็นแบบนั้นพวกผมก็สามารถสร้างชื่อและรับภารกิจโดยไม่ต้องผ่านกิลด์ได้ด้วย

 

ผมขอตั้งชื่อแผนนี้ว่า “การต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติ (บทนำ) ” ก็แล้วกัน

 

◆◆◆

 

ถึงผมจะตัดสินใจเรื่องที่จะทำต่อไปได้แล้ว แต่ตอนนี้ดันมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งนี่สิ นั่นก็คือ ซีล อารูส ทาสเผ่ามนุษย์สัตว์ของผมเอง

 

ที่ผมไปซื้อตัวเธอมาก็เพราะผมต้องการลากราสเข้ามาต่อสู้กับผมตามแผนที่วางไว้ แต่ตอนนี้แผนก็สำเร็จไปแล้ว หน้าที่ของเธอจึงจบลงไปด้วย

 

อันที่จริงถ้าเธอต้องการ ผมสามารถปล่อยเธอจากการเป็นทาสแล้วส่งกลับบ้านเกิดยังได้เลย ผมจะแถมค่าเหนื่อยเพิ่มให้ด้วย

 

ถึงผมจะเสียเงินไปกว่า 30 เหรียญทองเพื่อซื้อเธอมา แต่พูดตามตรงนะว่าเงินพวกนั้นมันไม่ได้มาจากเหงื่อของผมเลยสักหยด หากคิดเสียว่าทำเงินที่เก็บได้หายไปก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย

 

แต่เพราะยัยนั่นดันเป็นคนขอหยุดเรื่องนี้เองนี่สิ

 

ตามที่เธอบอกก็คือ ถึงเธอจะกลับไปที่บ้านเกิดของตัวเอง เธอก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวหรือจ่ายภาษีได้ สุดท้ายก็กลับมาที่เดิมอยู่ดี

 

แถมเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าคราวหน้าจะโชคดีได้เจ้านายที่ดีกว่าผมหรือเปล่า เธอจึงขอร้องผมแทบเป็นแทบตายขณะก้มศรีษะตัวเองลง

 

「จะให้ทำอะไรก็ได้ค่ะ จากนี้ไปฉันก็จะพยายามบริการนายท่านยามค่ำคืนอย่างตั้งใจด้วย」

 

ชีลพูดขึ้นมาด้วยท่าทางที่เขินอายจนหน้าแดง แต่ถ้าดูให้ดีๆ ทางลูนามาเรียที่อยู่ข้างๆ นะหน้าแดงกว่าเธออีกนะ

 

ก็ตามที่เธอบอกนั่นแหละนะ ว่าเธอจะพยายามมากยิ่งขึ้น ดูได้จากคืนก่อนที่ผมถูกชีลปลุกขึ้นมากลางดึกขณะกำลังนอนอยู่ในห้องเดี่ยว ก็เรียกว่าจัดกันไปหนักพอสมควร

 

 

ใช่มาพูดถึงลูนามาเรียบ้างดีกว่า วิญญาณของเธอน่ะหอมกรุ่นและเข้มข้นราวกับไวน์องุ่นชั้นเลิศเลย ถึงผมจะไม่เคยเกินมันมาก่อนก็เถอะ ก็เลยเดาๆ เอาอาจจินตนาการ

 

เอาเป็นว่ากลับเข้าเรื่องก่อนแล้วกัน การที่ผมจะปล่อยชีลไปโดยที่เธอไม่ต้องการ ก็คงดูเป็นการกระทำที่โง่แหละนะ

 

ถึงหลังจากนี้ไม่รู้ว่าเธอจะช่วยผมได้มากขนาดไหน แต่ถ้ามองจากมุมว่าผมจำเป็นต้องทำภารกิจที่ถูกดองเอาไว้ การมีมือแมวเข้ามาช่วยก็น่าจะดีกว่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยรูปร่างของเธอ สายตาที่เฉียบคม ประสาทรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยม ผมมองว่าก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยนะ

 

 

ผมก็เลยบอกกับชีลไปว่าผมจะไม่ปล่อยเธอกลับบ้านไปแล้วนะเออ จากนี้ไปเตรียมรับการโดนข่มเหงของจริงไปเลย แบบติดตลก แต่กลับกลายเป็นว่าสีหน้าของเธอซีดจนไปกองกับพื้นซะงั้น

 

ก็นั่นแหละน้อ เพราะเป็นทาสกับเจ้านาย ถึงผมจะพูดล้อเล่นออกไปอีกฝ่ายก็คงจะไม่ขำด้วย

 

เพราะถ้าพูดกันตามตรงผมมีสิทธิ์จะฆ่าเธอทิ้งยังได้เลยนะ

 

แต่การจะมาทำตัวคุ้นเคยสนิทกับเธอมากเกินไปก็อาจจะเป็นการสร้างภาระให้กับจิตใจเธอมากกว่าเดิมด้วย เอาเป็นว่าขีดเส้นไว้ประมาณนี้ละกัน

 

จากนั้นผมก็ส่งลูนามาเรียไปที่กิลด์ตามแผนที่วางไว้และยืนยันการออกจากปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะ

 

ไม่นานนักผมก็ได้รับรายการของภารกิจที่ถูกดองเอาไว้ซึ่งเหมาะสมกับระดับของพวกเราที่พอทำได้ ลูนามาเรียนั้นเป็นนักผจญภัยระดับ 6 เหมือนกับราสดังนั้นเธอจึงสามารถรับภารกิจได้ค่อนข้างมากเท่าที่ต้องการหากมันไม่ยากจนเกินไป

 

จากรายการที่เธอนำมาให้ดูมีบางอันที่เริ่มดึงดูดสายตาผมแล้วสิ

 

 

 

「…สังหารกริฟฟอนงั้นเหรอ? 」

 

 

「ค่ะ นั่นเป็นภารกิจในการสังหารกริฟฟอนที่อาศัยอยู่ในเขาสกิม ผู้ว่าจ้างบอกว่าลูกชายกับหลานชายของเขาถูกมันฆ่าค่ะ…」

 

 

「ของแบบนั้นมันไม่ใช่สัตว์อสูรที่จะพบเจอได้ตามท้องถนนนะ ผู้ว่าจ้างเป็นพวกนักล่าสมบัติใช่หรือเปล่า? 」

 

 

กริฟฟอนเป็นที่รู้จักกันดีในนามของราชาแห่งนกของเหล่าสัตว์อสูร มันเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังซึ่งมีหัวกับปีกเป็นอินทรียืและมีร่างกายกับกรงเล็บเป็นสิงโต

 

พวกมันมักจะอาศัยอยู่ที่ยอดเขาสูงซึ่งมนุษย์เข้าถึงได้ยาก ว่ากันว่ารังของพวกมันนั้นเต็มไปด้วยทองคำที่มันคอยหามาสะสมเอาไว้ ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีพวกนักผจญภัยไปท้าทายพวกมันเพื่อหวังโชคก้อนโต

 

「ค่ะ เขาอยากจะล้างแค้นให้กับครอบครัวที่ตายของเขา แต่การจะสู้กับกริฟฟอนภายใต้ภูมิประเทศที่มันได้เปรียบก็เป็นเรื่องน่าหนักใจนะคะ นอกจากนี้พวกมันไม่เหมือนก็อบลินหรือออร์ค หากใครไม่ไปรบกวนมัน พวกมันก็จะไม่ออกมาสร้างเรื่องด้วย ตามข้อมูลที่พนักงานต้อนรับให้ฉันมาเหมือนผู้ว่าจ้างพยายามมาขอให้พวกนักผจญภัยมือฉมังไปล่ามันบ่อยครั้งค่ะ แต่พวกเขาก็ปฏิเสธและบอกว่ามันเป็นราคาสำหรับความโง่เขลาของผู้ว่าจ้างเอง」

 

 

「ก็เลยกลายเป็นภารกิจที่ถูกดองสินะ หื้ม..รางวัลก็ดูไม่เลว แต่ถ้าคิดถึงว่าต้องไปสู้กับกริฟฟอนก็ดูจะไม่คุ้มเสี่ยงชีวิตไปหน่อยแฮะ」

 

 

ถ้าหากจำเป็นต้องไปสู้กับกริฟฟอน อย่างแรกเลยก็คือต้องเตรียมของให้พร้อมสำหรับการปีนเขา ของอุปกรณ์จำเป็นอีกมากมาย พอหักลบกับรางวัลที่ได้แล้วก็แทบเข้าเนื้อ ไม่แปลกถ้าคนอื่นจะไม่รับเควสนี้

 

แต่ก็นั่นแหละ มันเลยเป็นภารกิจที่เหมาะกับงานเปิดตัวผมจริงๆ

 

 

「นักผจญภัยผู้ไม่สนใจเรื่องเงินทอง ขอเพียงเหล่าผู้ว่าจ้างพอใจ อื้ม..สโลแกนนี้ก็ดูเข้าท่า」

 

 

 

「แปลว่าท่านจะรับภารกิจนี้เหรอคะ?!」

 

「แน่สิ โชคดีที่ฉันรู้วิธีจะไปที่นั่นด้วย แถมทางไปเขาสกิมก็ไม่ได้ไกลนัก เหมาะกับการฝึกได้ดีเลย」

 

 

「……ข-เข้าใจแล้วค่ะ…」

 

 

ลูนามาเรียและชีลมองหน้าผมเหมือนแบบ “ไอ้หมอนี่จะไหวไหมเนี่ย?” เลยวุ้ย

 

แต่พวกเขาจะสงสัยแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก แน่นอนว่าผมไม่ได้บอกพวกเขาเรื่องไวเวิร์นครามนี่เนอะ

 

แถมถ้าผมเกิดบอกพวกเขาไปตอนนี้ด้วยความมั่นหน้า…ก็คงจะดูหน้าแตกไม่น้อยหากตอนไปถึงรังของราชาแมลงวันแล้วไม่เจอเจ้านั่น

 

 

เอาเป็นว่าถ้าผิดแผนขึ้นมา ผมค่อยปีนเขาขึ้นไปเองด้วยการใช้คิเต็มกำลังแล้วกัน

 

 

แต่ไม่ว่าจะกรณีไหน ผมก็ไม่พาชีลหรือลูนามาเรียไปทำภารกิจด้วยกันหรอกนะ เพราะผมจะให้พวกเธอแยกไปทำอีกภารกิจหนึ่งแทน

 

 

เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะหายไปสักพักนะ พวกเธอก็ไปหาภารกิจที่เหมาะกับตัวเองรอไปก็แล้วกัน อ้อใช่ลูนามาเรียเธอช่วยสอนชีลเรื่องของนักผจญภัยด้วยละกันนะ ฉันฝากที่เหลือให้เธอจัดการเองได้เลย」

 

 

 

「เข้าใจแล้วค่ะ นายท่าน」

 

 

 

「 ฉ-ฉันก็จะพยายามให้เต็มที่เหมือนกันค่ะ..เอ่อ…ขอให้โชคดีนะคะนายท่าน」

 

ผมออกจากห้องโดยทิ้งสาวสวย (?) สองคนที่กำลังสวมปลอกคอทาสโบกมือลาผมเอาไว้เบื้องหลัง

 

 

พอลงไปข้างล่างผมก็ให้ทิปเหรียญเงินกับลูกสาวเจ้าของโรงแรมไปอีกที หลังจากออกมาแล้วผมก็ค่อยๆ เดินคิดไปเรื่อยๆ ตามท้องถนน

 

 

 

จากนี้ผมจะไปหาบังเหียนกับอานของพวกอัศวินมังกรได้จากที่ไหนกันนะ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน