การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 37 ฟุไค

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 37 ฟุไค

 

เพื่อทำภารกิจที่ทางสหภาพขอ ผมจึงต้องทำการพาเหล่านักล่าและอุปกรณ์ของพวกเขาเข้าไปยังภายในส่วนลึกของป่าทีทิส

 

 

 

ระหว่างที่กำลังเดินทางผมก็ประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขารวมไปถึงบุคลิกนิสัยแต่ละคนว่าเป็นเช่นไร เพื่อวางแผนให้เหมาะสมกับการช่วยคิจินสาวคนนั้น

 

 

สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวผมเลยก็คือทำการฆ่าพวกนักล่านี่ให้หมดแล้วบอกไปว่าถูกพวกสัตว์อสูรในป่าจัดการ

 

 

 

แต่การจะทำแบบนั้นไปมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะถึงจะจัดการพวกนักล่านี้ไป ทางสหภาพที่หมายตาคิจินเอาไว้ ก็ต้องหาทางอื่นในการจัดการเรื่องนี้แทนอยู่ดี

 

 

แม้การทำเช่นนี้จะซื้อเวลาให้เธอได้บ้าง แต่ปัญหามันก็ไม่ได้ถูกแก้

 

ยิ่งไปกว่านั้นฟีโอดอร์ต้องสงสัยแน่หากผมเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมา พวกเขาอาจจะคาดเดาว่าผมฆ่าพวกนักล่านี้หมดเพื่อหมายจะครอบครองคิจินนั้นไว้เพียงผู้เดียว ยังไงผมก็เลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้แน่

 

แถมดีไม่ดีทางสหภาพอาจจะพานักบวชที่ใช้ “จับเท็จ” มาเล่นงานผมก็ได้

 

แผนแรกที่คิดไว้เลยต้องเป็นอันทิ้งไป

 

แผนต่อมาก็คือการให้พวกนักล่าคิดว่าคิจินตนนี้ตายไปแล้ว หากเป้าหมายของทางสหภาพตายไปแล้วพวกเขาก็น่าจะยอมวางมือเพียงเท่านี้

 

แต่การจะทำเช่นนั้นได้ผมจำเป็นต้องได้ความร่วมมือจากทางคิจินด้วย แต่ผมไม่มีวิธีการติดต่อเด็กคนนั้นได้เลยนี่สิ

 

และถึงผมจะติดต่อกับเธอได้จริงเธอก็คงจะจำบุญคุณที่ผมช่วยได้ในครั้งก่อนแหละนะ แต่ก็ไม่มีทางที่เธอจะฟังผมเฉยๆ แล้วบอกว่าเข้าใจแล้วเอาสิหรอก ยิ่งกับคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาละบอกให้เธอแกล้งตาย ถ้าอยากจะมีชีวิตรอด

 

ยิ่งสถานการณ์แบบนี้อีกฝ่ายก็คงจะวางใจผมเต็มร้อยไม่ได้ด้วย

 

ก็คงไม่แปลกเพราะหากเป็นผมก็คงต้องสงสัยแน่ว่าเป็นกับดักไหม แถมผมคงไม่มีทางติดต่อเธอได้ก่อนพวกนักล่านี่เจอตัวแน่

 

 

แถมถ้าคิดแผนไม่ดีพอผมอาจจะถูกพวกนักล่านี่โจมตีเข้าเพราะไปขัดขวางพวกเขาก็ได้ด้วย

 

พอเป็นแบบนั้นก็คงไม่ต่างกับแผนแรกที่วางไว้ ดังนั้นแผนที่สองก็ต้องทิ้ง

 

 

เฮ้อ ไม่มีแผนดีๆ เลยหรือไงกันนะ

 

ผมก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปรับตัวตามสถานการณ์เอาเอง

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างๆ ผม

 

 

「โห้ว พูดก็พูดเถอะนะ ข้าว่านี่มันสะดวกชะมัดเลยพอได้บินข้ามท้องฟ้าแบบนี้! ทั้งที่ปกติต้องใช้เวลา 3ถึง4วันแท้ๆ ขอบคุณเจ้าจริงๆ ท่านอัศวินมังกรเอ๋ย!」

 

คนที่พูดและตบไหล่ผมแรงๆ นี้ก็คือหัวหน้าของแคลนนักล่าที่มีนามว่าเพอรี่จาก”เคียวแห่งยมทูต”

 

 

เขาเป็นชายร่างใหญ่ ที่มีกล้ามเนื้อบึกบึนราวกับหมีที่ยืนอยู่ สภาพของเขาทำให้ผมนึกถึงอดีตคนคุ้มกันของผมอย่าง โกซุ ชิมะ

 

 

ถึงจะไม่เท่าโกซุ แต่ผมก็มีความรู้สึกว่าคงจะตึงมือพอสมควรหากต้องรับมือกับเขา

 

 

「โอ่ย เจ้าน่ะชื่อโซระใช่ไหม ไม่สนใจมาร่วมแคลนของข้าเหรอ หากได้เจ้ามาเป็นกำลังรบก็คงจะเหมือนได้คนเป็นร้อยเข้ามาในแคลนเรา」

 

 

「ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ฉันก็เป็นหัวหน้าแคลนนะ」

 

 

「มีแค่ทาสสองคนกับเจ้าอีกหนึ่งนี่มันเรียกว่าแคลนได้เหรอ เอาน่าเดี๋ยวข้าจะช่วยดูแลพวกนางให้ด้วยเลยว่าไงล่ะ? 」

 

 

พอพูดจบเขาก็หันไปคุยกับไวเวิร์นคราม

 

 

「อ้อใช่ เจ้าก็ด้วยนะ ของโปรดคืออะไร เนื้อวัว หมู หรือแกะล่ะ ข้าจะได้หาของดีๆ มาให้!」

 

 

 

「พุกี้!!!」

 

เมื่อเพอรี่เอามือไปจับและพยายามลูบตัวของไวเวิร์น มันก็ส่งเสียงร้องด้วยความไม่พอใจออกมา

 

 

แต่ทางเพอรี่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ

 

「อ้าๆ โทษทีๆ ข้าผิดเอง! เจ้าไม่ชอบให้ใครนอกจากเจ้านายแตะตัวสินะ เอาเถอะจากที่ข้ารู้ไวเวิร์นครามมันก็ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายด้วยสิเน้อพอเห็นมันเชื่องกับเจ้าของได้ขนาดนี้ ทำเอารู้สึกอยากได้ตัวมากกว่าเดิมเลยแฮะ!」

 

 

เพอรี่หัวเราะออกมาเสียงดังอีกครั้ง

 

จากนั้นก็มีเสียงเตือนมาจากข้างๆ

 

 

「หัวหน้า! อย่ามาหัวเราะเหมือนคนบ้าเอาระหว่างบินบนฟ้าสิครับ อยากจะเรียกพวกสัตว์อสูรในป่าออกมางาบเราหรือไงกัน!? 」

 

 

 

「อุ่ย จริงด้วยข้าขอโทษๆ ข้าควรจะหัวเราะให้เบากว่านี้หน่อยสินะ」

 

「 อยากหัวเราะก็ทำไปเถอะครับ แต่ก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องจำกัดวงค้นหาให้แคบกว่าเดิมด้วยจะได้ไม่เดินไปมาแบบไร้จุดหมายเหมือนรอบที่แล้ว! 」

 

 

「เดี๋ยวพวกเราก็เจอเธอเองน่าไม่เป็นไรหรอก! สุดท้ายทุกอย่างก็จะออกมาดีเอง」

 

 

 

「ท่านได้เจ็บตัวเอาอีกแน่หากคิดว่าโชคจะเข้าข้างเราตลอดไปน่ะ!」

 

 

ถึงผู้ใต้บังคับบัญชาของเพอรี่ดูจะพูดไม่ค่อยเคารพเขานัก..แต่จะว่ายังไงดีล่ะ รู้สึกเหมือนพวกเขาเชื่อในหัวหน้าแคลนตนสุดใจเลยแฮะ

 

แถมเพอรี่ก็ฟังสิ่งที่คนอื่นพูดแต่โดยดี ตรงกันข้ามกับชื่อแคลนอย่าง”เคียวแห่งยมทูต”ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างดีกันมาก

 

ก็เพราะแบบนี้แหละน้อ เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตึงมือหากต้องรับมือกับพวกเขา

 

เพราะทั้งเขาและสมาชิกแคลนต่างก็เป็นคนดี

 

พูดตามตรงว่าพอนึกถึงพวกนักล่า ภาพในหัวของผมก็จะเป็นพวกเลือดเย็น ดวงตาเหมือนงู ส่วนพวกลูกน้องก็จะเป็นแบบพวกตุ๊กตาไร้ความรู้สึกอะไรทำนองนั้น

 

แต่มันตรงกันข้ามเลยพอผมได้เจอและพูดคุยกับพวกเขา

 

 

พอผมมาคิดถึงเรื่องคิจินที่เป็นศัตรูกับมนุษย์แล้ว ถึงทางเราจะมีคนมากกว่าคิจิน แต่ความแข็งแกร่งของคิจินก็ไม่ใช่เรื่องที่จะดูถูกได้

 

การจะล่าพวกคิจินมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ยังไงพวกเขาก็เป็นศัตรูกันแถมยังมีเหตุผลชอบธรรมอย่างการปกป้องความปลอดภัยของมนุษย์จากพวกคิจินด้วย

 

ก็แน่ว่าเรื่องเงินที่ทำได้จากพวกคิจินมันมีมูลค่าสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ต่างจากนักผจญภัยที่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการฆ่าฟันอยู่แล้วนี่ แถมพวกเขาก็ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความแค้นเหมือนผม หากเป็นมุมของมนุษยชาติการกระทำของพวกเขานี่ถือว่าเป็นประโยชน์มาก

 

 

 

…คิดแล้วก็หนักใจ ในสถานการณ์นี้ไม่ว่ามองมุมไหนผมก็เป็นตัวร้ายชัดๆ หากผมพยายามจะปล่อยคิจินหนีไป และผมอาจจะต้องมารับความรู้สึกแย่ๆ เข้ามาในปากแน่หลังจากที่ผมฆ่าพวกเพอรี่กับคนอื่น

 

ผมก็ไม่ได้อยากจะให้จบแบบนั้นด้วยสิ ทางที่ดีหากเลี่ยงได้ผมก็จะเลี่ยง

 

หลังจากลงมาถึงพื้นผมและไวเวิร์นก็ไปนั่งรออยู่ที่แคมป์ของเคียวแห่งยมทูตที่ตั้งไว้กลางป่า ระหว่างนี้ผมก็ได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกัน

 

 

ก็เลยทราบมาว่าเมื่อก่อน เพอรี่ก็ไม่ใช่นักผจญภัยอะไรหรอก เขาเป็นเพียงคนตัดไม้ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยล่าคิจินมาก่อนด้วยซ้ำ เขาก็แค่ชาวบ้านคนหนึ่งที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง

 

 

อยู่มาวันหนึ่งหมู่บ้านของเขาก็ถูกพวกคิจินโจมตีเข้า

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสาเหตุการโจมตีคืออะไร

 

แต่ก็แน่ละว่าชาวบ้านธรรมดาคงไม่มีทางสู้คิจินได้หรอกและหมู่บ้านก็ถูกทำลายลง

 

ภรรยาและลูกของเขาก็เสียชีวิตไปจากเหตุการณ์นั้น ส่วนคนอื่นๆ ในเคียวแห่งยมทูตก็เจอเรื่องทำนองนี้ไม่ต่างกันนัก

 

 

พอมาได้ยินภูมิหลังชวนน่าปวดหัวพวกนี้อีก ทางผมที่หวังให้คิจินสาวตนนี้รอดจากการตามล่าของเพอรี่นี่ผมคิดถูกแล้วหรือเปล่านะ แต่ระหว่างที่ผมกำลังลังเลอยู่…

 

สมาชิกของเคียวแห่งยมทูตก็วิ่งหน้าซีดกลับมาก่อนจะพูด

 

 

「เชี่ยแล้วๆๆ! รีบเรียกหัวหน้าออกมาเดี๋ยวนี้เลย ฟุไคกำลังมาแล้วว้อย!!」

 

 

ฟุไค ทันทีที่คำนั้นถูกเอ่ยออกมา สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในแคมป์ก็ซีดลง

 

พอเห็นแบบนี้ผมก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้แย่แล้วเพราะบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายได้เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา

 

 

แต่ทางผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่า ไอ้ที่บอกว่าแย่เนี่ยมันหนักขนาดไหนก็จะเอียงงศีรษะไปทางด้านข้างเล็กน้อยด้วยความสงสัย

 

 

…ถึงผมจะไม่ได้กังวลเท่าพวกเขาก็เถอะ ยังไงลึกๆ ผมก็มั่นใจว่าผมสามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

 

 

แต่สำหรับคนอื่นที่เห็นสีหน้าของผมก็อาจจะเข้าใจไปว่าผมไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เลย

 

 

 

「ฟุไคเป็นปรากฏการณ์กัดกร่อนของโลกที่เกิดขึ้นมาด้วยเงื่อนไขบางประการน่ะ」

 

 

คนที่ตอบความสงสัยของผมก็คือชายหนุ่มที่ตะโกนใส่เพอรี่ก่อนหน้านี้

 

 

「เงื่อนไขบางประการ? 」

 

「หากเป็นเขตภูเขาไฟหรือพื้นที่ที่มีเมียสม่าหนาทึบมันก็จะเกิดขึ้นได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วมันมักจะเกิดมาจากพวกมอนสเตอร์ ถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือมอนสเตอร์มันปล่อยสารพิษที่รุนแรงออกมาจนกัดกินบริเวณโดยรอบน่ะ อย่างฟุไคที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของนครจักรศักดิ์สิทธิ์ ก็ว่ากันว่ามันเกิดมาจากมังกรพิษอย่างไฮดราที่ถูกโค่นไปในอดีต」

 

 

「ไฮดรา…งั้นนายกำลังจะบอกว่าสิ่งมีชีวิตระดับตำนานนั่นมาปรากฏตัวที่ป่าทีทิสเหรอ? 」

 

 

「ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว เพราะจากตำนานของมันไฮดรานั้นมีถึง 8 หัวและความสูงของมันนั้นก็เกินไปกว่ากำแพงเมืองอิชกะเสียอีก หากมีตัวแบบนั้นอยู่ในป่านี่จริง พวกเราก็คงจะเห็นกันไปนานแล้ว ดังนั้นก็คงไม่ใช้เจ้าตัวใหญ่แบบไฮดราหรอก แต่ยังไงมันก็ต้องเป็นมอนสเตอร์ที่ปล่อยพิษออกมาได้มากพอจะให้เกิดปรากฏการณ์ฟุไคแน่ ถ้าเป็นไปได้มากที่สุดก็…」

 

 

ชายหนุ่มหยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะเอ่ยชื่อมอนสเตอร์ตัวนั้นออกมา

 

ราชาแห่งงู บาซิลิสก์

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน