ตอนที่ 44.5 ตอนพิเศษท้ายเล่ม
[นายท่านรบกวน ช่วยออกเป็นเดินเล่นข้างนอกหน่อยได้ไหมคะ]
ลูนามาเรียบอกกับผมหลังจากเอาชนะบาซิลิสก์ได้หนึ่งวัน มันเป็นตอนที่ผลกลับไปยังโรงแรม” บ้านนกน้อยสีน้ำเงิน”พร้อมกันกับซูซูเมะ
[หือ อยู่ดีๆ ก็มาบอกกะทันหัน ฉันไม่มีเวลาไปเดินเล่นนะ เดี๋ยวต้องไปที่สหภาพด้วย—–]
[นายท่าน ฉันก็เห็นด้วยนะคะ!]
[หา!? เธอก็ด้วยเหรอชีล?]
ลูนามาเรียและชีลยิ้มออกมาแล้วลากผมออกไปจากโรงแรมขณะที่ผมกำลังสับสนอยู่กับท่าทีของพวกเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่สุดท้ายผมก็ว่าง่ายไปตามที่พวกเธอบอก
ผมก็ไม่คิดหรอกนะว่าพวกเธอจะไล่ผมออกไปโดยไม่มีเหตุผลอะไร มันน่าจะต้องมีอะไรสักอย่างแต่พอเจอแบบนี้ก็ทำเอานึกถึงตอนนั้นเลย
[…..นึกถึงตระกูลมิตสึรุกิเลยแฮะ]
ผมพูดออกมาอย่างขมขื่น จะว่าไปเรื่องที่ผมได้ยินเกี่ยวกับหมู่บ้านคามูนะจากปากของซูซูเมะที่ฟื้นตัวมาแล้ว ความสนใจทั้งหมดของผมจากเรื่องนั้นไปอยู่ตรงที่ “กลุ่มซามูไรที่มาจากทางตะวันออก” กลุ่มคนที่ทำลายหมู่บ้านคามูนะเมื่อหลายสิบปีก่อน ผมมั่นใจว่าต้องเป็นพวกจันทราตะวันตกความแข็งแกร่งของคิจินในหมู่บ้านคามูนะก็ไม่น่าจะดูถูกได้จากการที่พวกเข้าอาศัยอยู่ในป่าทีทิส ดังนั้นก็น่าจะมีเพียงแค่ตระกูลมิทสึรุกิที่มีพลังอย่างท่วมท้นเท่านั้น เอาจริงๆ การที่จะเดินเข้าไปในป่าลึกแบบนั้นเพื่อสู้กับพวกคิจินมีคงมีเพียงเหล่าผู้ใช้ดาบเดียวมายาเท่านั้นแหละ พวกเขาไม่คิดจะไว้ชีวิตพวกคิจินเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเพศชาย หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ เอาเถอะก็สมกับเป็นตระกูลมิทสึรุกิดี
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ผมก็เลยพูดไม่ได้ว่ามันสมควรแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวผมก็ไม่คิดว่าคิจินที่อาศัยอยู่อย่างเงียบๆ ในป่าทีทิสจะไปหาเรื่องพวกที่เกาะอสูรยักษ์ก่อนนะ ผมว่าน่าจะเป็นทางนั้นที่เข้ามาโจมตีก่อน
[แบบนี้ก็ยิ่งปล่อยซูซูเมะให้อยู่คนเดียวไม่ได้แล้วสิ]
ถึงเดิมที่จะไม่ได้กะทิ้งเธอเอาไว้อยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็มีเรื่องต้องให้คิดเพิ่ม
พอคิดอะไรได้ก็ต้องรีบจัดการ จะว่าไปนี่ผมก็เดินคิดไปมานานแล้วนะ น่าจะได้เวลากลับโรงแรมแล้วมั้ง อ้อใช่วันนี้ผมก็ให้ทิปสองพ่อลูกของโรงแรมที่ผมพักเหมือนเดิม ขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าห้องก็เป็นจังหวะที่ชีลเดินออกมาพอดี
[โอ้ นายท่าน! ยินดีต้อนรับกลับนะคะ!]
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชีลพูดกับผมด้วยความร่าเริงว่า “อันที่จริงฉันก็กำลังจะออกไปตามท่านอยู่พอดีเลยค่ะ” ก่อนจะลากผมเข้าห้องไป ภายในห้องนั้นก็มีลูนามาเรียยืนรอด้วยรอยยิ้มอยู่ ส่วนอีกคนก็เป็นซูซูเมะที่กำลังซ่อนตัวอย่างข้างหลังเธอ
[ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกอย่างปกติดีใช่ไหม!]
[ใช่ค่ะ สมบูรณ์แบบเลย!]
ชีลยืดหน้าอกออกมาอย่างภูมิใจ ขณะที่ผมยังสงสัยอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ชีลก็ส่งสัญญาณให้ซูซูเมะที่อยู่ด้านหลังของลูนามาเรียออกมา
[นี่ ซูซูเมะจัง ออกมาให้นายท่านเห็นหน่อยสิคะ!]
[อ-เอ่อ…คือ]
[ไม่เป็นไรหรอกน่า เธอน่ารักออก]
[ใช่แล้วค่ะ]
ลูนามาเรียเห็นด้วยกับที่ชีลพูด แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อซูซูเมะเดินออกมาด้านหน้า เธอออกมาจากหลังของลูนามาเรียสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้มันทำให้ผมอดส่งเสียงประหลาดออกมาไม่ได้เลย ซูซูเมะไม่ได้สวมชุดจากใบไม้เหมือนที่ผมเคยเห็น ชุดของเธอเป็นชุดเครสที่สีดำเหมือนกับค่ำคืน โดยบริเวณชุดได้มีการถักลวดลายผีเสื้อและดอกไม้สีน้ำเงินไว้ตามส่วนต่างๆ มาพร้อมกับกระโปรงยาวสองชั้นที่ผ้าส่วนนอกจะบางและโปร่งแสง แม้ว่าจะเป็นการผสมกันของสีดำและน้ำเงิน แต่สาเหตุที่มันดูสวยงามเป็นพิเศษก็เพราะผู้สวมใส่นั้นเหมาะกับสไตล์ของชุด ผมของเธอก็เงางามเหมือนถูกชโลมน้ำเอาไว้ ใบหน้าของเธอก็ถูกแต่งแต้มไว้เป็นอย่างดี หมวกที่สวมเอาไว้บนศีรษะก็เข้ารูปและปกปิดเขาให้เห็นได้ยากขึ้น โดยรวมแล้วผมว่าดูดีมากเลยนะ
[อื้ม…น่ารักมากต่างไปจากเดิมจริงๆ]
เหมือนผมได้มาเจอกับคนอีกเลยแฮะพอกลับเข้ามา จากนั้นผมก็ยืมเอาคำที่ลูนามาเรียและชีลพูดก่อนหน้านี้มาใช้ เพราะผมคิดหาคำอื่นที่เหมาะจะบอกกับเธอนอกจากนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ ซูซูเมะที่ได้ยินคำพูดของผม ก็เอามือกุมแก้มทั้งสองข้างของเธอไว้ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “น่า…รัก..”
แต่ดูเหมือนคนที่ดีใจกว่าจะเป็นชีลที่อยู่ด้านหลังนะ พอผมถามลูนามาเรียก็ได้ความว่าชีลผู้เป็นพี่สาวของเหล่าน้องๆ ทั้ง 6 เมื่อเห็นชุดใบไม้ของซูซูเมะก็เกิดโมโหขึ้นมาและพูดว่า “ฉันไม่ยกโทษให้กับผู้หญิงที่แสนน่ารักแต่กลับมาสวมชุดแบบนี้หรอกนะ” ว่าแล้วเธอก็ไปเตรียมชุดพวกนี้มา พอเห็นรูปลักษณ์ของซูซูเมะแล้ว ดูท่าว่ามันจะไปปลุกสัญชาตญาณความเป็นพี่สาวของเธอเข้าแฮะ
ซูซูเมะยิ้มออกมาอย่างเขินเย ส่วนทางลูนามาเรียก็มองพวกเธอด้วยความอ่อนโยน พอผมเห็นภาพตรงหน้าแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
——–
Note 1 : จบเล่มแรกละครับ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code