การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 47 พิษร้าย

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 47 พิษร้าย

 

「ราสกับอิเรียกำลังแยกทางกันแล้วสินะ หื้มมม」

 

พอตกดึก

 

 

ผมซึ่งเก็บตัวอยู่ภายในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า กำลังอ่านจดหมายที่ได้รับมาก่อนหน้านี้

 

 

 

ชื่อของผู้ส่งคืออเล็กซานดร้า

 

มันเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคย แต่ผมก็รับมันมาโดยไม่สงสัยอะไร เพราะนั่นคืออีกชื่อหนึ่งของมิโรสลาฟ

 

 

ซึ่งความลับนี้ผมก็ได้รู้จากเธอตอนอยู่ถ้ำราชาแมลงวัน

 

ก่อนที่เธอจะเกิด แม่ของเธอตั้งใจจะตั้งชื่อให้เธอว่ามิโรสลาฟหากเป็นเด็กผู้ชายและอเล็กซานดร้าหากเป็นเด็กผู้หญิง

 

 

แต่พ่อของเธอที่เป็นประธานบริษัทการค้าซัลซ่าก็ได้ดุด่าแม่เธอในเรื่องนั้น เหตุผลก็เพราะเขามองว่าการตั้งชื่อเผื่อลูกสาวดูไม่เป็นมงคล

 

พ่อของมิโรสลาฟมักจะใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ทุกคนก็เอาแต่ให้กำเนิดลูกสาวออกมา ลูกชายที่จะเข้ามาสืบทอดตระกูลของเขาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเลย

 

 

ตอนแรกพ่อของเธอก็หวังว่าจะได้ลูกชาย

 

 

แต่สุดท้ายเด็กที่เกิดมาก็เป็นผู้หญิง พ่อของเธอจึงต่อว่าแม่ของเธอและบอกว่าทุกอย่างเป็นเพราะแม่ของเธอเด็กที่เกิดมาเลยกลายเป็นผู้หญิงก่อนจะบังคับให้ตั้งชื่อเธอเป็นมิโรสลาฟแทนราวกับจะกลั่นแกล้งเธอ

 

นั่นก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอเกลียดผู้ชาย

 

..เอาเถอะมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับผมหรอก

 

ผมไม่มีหน้าที่จะต้องไปสนใจความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกซัลซ่าเลยนี่

 

สิ่งที่ผมสนใจจริงๆ ตอนนี้ก็คือทำไมเธอถึงเลือกจะมาติดต่อผมเอาตอนนี้กัน

 

เพราะว่าผมเคยบอกเธอไปว่า เธอจะใช้ชื่ออเล็กซานดราติดต่อมาได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่เห็นควรจริงๆ แล้วเท่านั้น เพราะด้วยสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ผมบอกกับเธอว่าควรเลี่ยงการติดต่อกันไปก่อน

 

ก็หมายความว่า…เหตุผลที่เธอติดต่อผมมาน่าจะเป็นเพราะเธอได้หาวิธีการในการบ่อนทำลายดาบฮายาบูสะลงได้แล้ว…

 

 

 

 

「ได้เวลาแล้วสินะ หื้ม」

 

 

ผมพึมพำกับตัวเอง

 

 

 

จะว่าไปผมก็ไม่ได้บอกรายละเอียดแผนการที่ชัดเจนในการจัดการกับอิเรียให้เธอด้วยสิ

 

 

สิ่งที่ผมคุยกับเธอในตอนแรกก็มีเพียงแค่เอาตัวลูนามาเรียมา ก่อนจะใช้อารมณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ของคนในปาร์ตี้ที่เหลือให้แตกคอกันเอง แล้วบอกให้มิโรสลาฟใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้นเพื่อตัดขาดความสัมพันธ์ของราสกับอิเรียทิ้ง

 

 

 

ที่ผมบอกก็มีแค่นั้น

 

 

 

ที่เหลือมันก็เลยขึ้นอยู่กับเธอว่าจะตัดสินใจหน้างานอย่างไร โดยที่ผมไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะไรเพิ่ม

 

 

 

จากสิ่งที่เธอบอกผมในจดหมาย ดูเหมือนความสัมพันธ์ของราสและอิเรียจะเริ่มมีรอยร้าว…มิโรสลาฟที่สังเกตเห็นมัน

 

 

เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้จุดนี้แหละในการทำลายความสัมพันธ์ทั้งสองลง

 

 

 

「ทีนี้ก็เป็นหน้าที่เราสินะว่าจะเอายังไงต่อ」

 

 

ผมชักอยากจะลองกินวิญญาณคนอื่นนอกจากลูนามาเรียแล้วด้วย

 

 

เอาจริงๆ นะ ผมรู้สึกร้อนใจนิดหน่อยที่เลเวลตัวเองไม่อัพเลยหลังจัดการเจ้าบาซิลิสก์ไป

 

เอาซะคำว่า ขีดจำกัดความสามารถ แว๊บเข้ามาในหัวผมเลย

 

แล้วมันก็วนเวียนอยู่ในหัวผมไม่ไปไหนสักทีหรือนี่จะเป็นเพดานเลเวลของผมแล้วกันนะ

 

ด้วยเหตุนี้เองหากผมได้ตัวอิเรียมาอยู่ในมืออาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการพิสูจน์อะไรบางอย่างก็ได้

 

 

แต่ว่า…จังหวะมันจะไม่เหมาะเจาะเกินไปหน่อยหรือไงกันนะ

 

นี่ผมสามารถเชื่อสิ่งที่มิโรสลาฟบอกมาได้จริงเหรอ?

 

 

ก็ไม่ใช่ว่าเธอทำตัวน่าสงสัยอะไรเป็นพิเศษหรอกนะ

 

นอกจากนี้เธอยังสามารถตอบสนองความคาดหวังของผมจนถึงตอนนี้ได้อย่างน่าทึ่งเลยด้วย

 

 

เพราะเธอคือพิษร้ายที่จะบ่อนทำลายดาบฮายาบูสะจากภายในยังไงล่ะ

 

หากไม่มีเธอช่วย ผมก็คงจะเอาตัวลูนามาเรียมาเป็นทาสไม่ได้ง่ายๆ แบบนี้หรอก..ถึงตรงจุดนี้ลูนามาเรียจะเต็มใจรับก็เถอะ แต่เรื่องที่ใช้ชีลเป็นเหยื่อล่อราสน่ะยังไงผมก็ยกเครดิตให้เธอเต็มๆ เลย

 

ครั้งนี้เธอก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง

 

หลังจากอ่านจดหมายเสร็จ ผมก็เข้าใจถึงการกระทำ และสิ่งที่พวกเขาคิดจะทำต่อไปในทันที

 

หากเป็นตอนนี้ผมคงจัดการกับอิเรียได้อย่างง่ายดาย แถมยังสามารถลักพาตัวเธอตอนที่อยู่คนเดียวไปที่รังเหมือนตอนที่ผมทำกับมิโรสลาฟได้ด้วย

 

หากอิเรียตกอยู่ในมือผม มิโรสลาฟก็จะสามารถครอบครองราสได้เพียงผู้เดียว

 

เนื่องจากเราทั้งคู่มีผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว หากเธอจะตั้งใจทำงานให้ออกมาดีก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

 

 

แต่ก็นั่นแหละ….เรื่องที่ผมยังกังวลอยู่ก็คือ…ทำไมเธอถึงได้เชื่อฟังผมมากขนาดนี้กันล่ะ

 

 

 

จะว่ายังไงดีล่ะ ผมสัมผัสถึงความหลงใหลในตัวของราสจากเธอในจดหมายไม่ได้เลย

 

 

คือผมก็สัญญากับมิโรสลาฟไปแล้วว่าจะไม่กวนใจดาบฮายาบูสะหลังจบเรื่องนี้แล้วแน่นอน พอได้ตัวลูนามาเรียกับอิเรียเสร็จก็จบงาน แน่นอนว่าที่ผมบอกไปแบบนั้นก็เพราะอยากจะให้เธอทำตามที่ผมต้องการ แต่อันที่จริงผมก็ตั้งใจจะหยุดแค่นั้นแหละ

 

 

ตอนที่ผมกินวิญญาณของเธอมา ผมก็ได้ข้อมูลที่มีค่ามากมายเกี่ยวกับเรื่องการกินวิญญาณ หลังจากผ่านไปร่วมเดือนความแค้นที่ผมมีต่อเธอมันก็หมดไปเพราะเธอได้รับสิ่งตอบแทนที่มาทำกับผมพอแล้ว

 

 

ส่วนเรื่องของราส เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้เกลียดเขาจนขนาดอยากจะฆ่าให้ตาย การแก้แค้นของผมตอนนี้ ฝั่งของมิโรสลาฟและลูนามาเรียก็เสร็จไปแล้วด้วยการกินวิญญาณพวกเธอ ที่เหลือก็มีแค่อิเรีย พอเสร็จเรื่องของเธอผมก็จะถือว่าจบงาน การที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน

 

 

แถมผมก็ไม่ได้สนแล้วว่าราสกับมิโลสลาฟจะทำอะไรกันหลังจบเรื่องนี้ บางทีพวกเขาอาจจะไปแต่งงานกันแล้วก็ทำตามใจอยากมั้ง

 

 

แต่เพราะตอนตกลงกันผมก็ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยุ่งกับพวกเธออีกแล้วแม้แต่ปลายก้อย ผมบอกก็เพียงว่าจะปล่อยไป

 

 

ถ้างั้นทางมิโรสลาฟก็ไม่น่าจะทำตามที่ผมบอกอย่างสบายใจโดยไม่คิดอะไรเลยสิ หรือว่าเธอจะแอบวางยาผมอีกทีกันนะ ไม่ก็บอกราสเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว

 

 

ก็เพราะแบบนี้แหละผมเลยอดสงสัยจดหมายฉบับแรกที่เธอส่งมาเพื่อติดต่อหลังจากที่ผมปล่อยเธอออกมาจากรังไม่ได้

 

 

แต่จากที่อ่านมามันก็ชวนให้อดคิดไม่ได้จริงๆ

 

เพราะนอกจากเรื่องที่เธอรายงานมาในจดหมายแล้ว ถ้อยคำที่เธอใช้ในการเขียนจดหมายมันมีความรู้สึกที่เคารพและให้เกียรติผมจนเกินไป จนทำให้ผมคิดว่านี่มันใช่จดหมายที่เขียนโดนมิโรสลาฟ ซัลซ่าจริงเหรอ

 

ก็มันน่าสงสัยออกนี่ ผมเป็นคนที่ลักพาตัวเธอมา กักขังเธอ บังคับเธอให้ทำเรื่องที่ไม่ต้องการ แล้วอยู่ดีๆ จะมาเชื่อฟังผมเนี่ยนะ ทั้งที่เมื่อก่อน ก็เอาแต่เยาะเย้ย ว่าร้ายผม จนเกือบจะฆ่าผมแล้วด้วยซ้ำ

 

พอเจอเธอในสภาพแบบนี้แล้วมันก็ย่อมเป็นเรื่องที่แปลกจนน่าขนลุก

 

 

อาจจะเป็นเพราะเธอกลัวผมก็ได้มั้งเพราะทางผมก็ไม่ได้สนใจว่าเธอจะอยู่หรือตายด้วยสิตอนนั้น

 

 

 

「…เห้อ เอาเถอะ ถ้าเป็นเหมือนที่เธอบอกก็ดีไป หรือถ้าเกิดเธอคิดไม่ซื่อจริง เราก็แค่ต้องสั่งสอนเธออีกรอบ」

 

 

พอผมเลิกที่จะคิดสงสัยอะไรในมิโรสลาฟผมก็กลับมาคิดเรื่องของอิเรียต่อ

 

 

ตอนนี้ผมมีทางเลือกอยู่สองทาง อย่างแรกก็คือหายารักษามาให้เธอแล้วทำให้เธอชอบในตัวผม กับอีกทางก็คือลักพาตัวเธอมาด้วยกำลัง

 

 

แต่พอมาคิดดูให้ดีๆ อย่างหลังคงจะเป็นไปได้ยาก

 

 

เพราะมันต่างกับตอนมิโรสลาฟ ตอนนี้มีสายตาจับจ้องผมเยอะเกินไป แถมพวกเขายังคาดหวังกับผมในฐานะอัศวินมังกรไร้สังกัดด้วยสิ

 

ต่างคนต่างก็มีหน้าที่ต่างกันไป แถมตอนนี้งานในการจัดการกับฟุไคกว่า 90%ในป่าก็เป็นของผม แถมผมยังต้องเอาไปผลจิไรอาโอคุสออกมาทำยารักษาด้วย

 

 

แน่นอนว่าผมปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะผมเป็นคนเดียวในตอนนี้ที่สามารถขี่ไวเวิร์นและจัดการกับฟุไคได้พร้อมกัน

 

 

 

ตามที่ฟีโอดอร์จากสหภาพบอกดูเหมือนพวกอัศวินมังกรจากเมืองหลวงจะมาที่นี่ในอีกไม่นาน ถึงตอนนั้นภาระผมก็น่าจะเบาลง แต่มันก็ใช่จะบอกได้ว่าเมื่อไหร่ ผมก็เลยไม่สามารถหายตัวไปไหนได้จนกว่าพวกเขาจะมาถึง

 

 

 

นอกจากนี้จะให้ผมทำตัวไร้ความรับผิดชอบแล้วทิ้งเมืองอิชกะกับซูซูเมะไปก็ไม่ได้ด้วย

 

 

สรุปง่ายๆ คือ ผมไม่มีเวลาไปลักพาตัวแล้วเอาเธอไปขังได้เลย

 

「อย่างแรกเลยคืออิเรียน่าจะยอมกัดลิ้นตายดีกว่าโดนเราทำอะไรกับเธอแน่ งั้นก็คงเหลือแต่ต้องทำให้เธอชอบแล้วสินะ เอาเป็นว่าไปเก็บผลจิไรอาโอคุสในป่ามาแล้วมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านของราสกับอิเรียแล้วกัน ถึงมันจะมีของที่เรียกว่ายารักษาโรค แต่มันก็แค่ของที่เจอจางไปมาแล้ว การกินผลนี่เข้ามาต่างหากถึงจะได้ผลลัพธ์ของจริง」

 

 

พอผมคิดอะไรได้เสร็จหมดแล้ว ผมก็หาวออกมา ก็ไม่แปลกอะไรนี่เนอะ วันนี้ผมก็ไปกลับป่าทีทิสกับเมืองอิชกะอยู่หลายหน

 

 

ตอนนี้คราว โซราสก็คงจะหลับสบายอยู่ที่คอก

 

 

 

พอหัวผมลงถึงหมอนแล้วมองไปยังเพดาน ความง่วงก็เข้าโจมตีผมในทันที

 

 

 

ผมไม่ได้ขัดขืนมันและหลับตาลง

 

 

 

…แต่ก่อนที่ผมจะลงสู่ห้วงนิทรา ผมเหมือนได้ยินเสียงคำรามดังลั่นมาจากไกลๆ แฮะ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท