การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 125 ข้อสงสัย

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 125 ความสงสัย

 

「ในฐานะนักรบของธงทั้ง 8 ฉันไม่สามารถนั่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉยๆ ได้หรอกนะ เหตุการณ์ครั้งนี้ศัตรูรู้ว่าการป้องกันของเมืองชูโตะจะลดลงชั่วคราว เนื่องจากเหล่าหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยมารวมตัวกันในที่นี้ ก็หมายความว่าพวกมันต้องมีสายอยู่แน่ๆ 」

 

 

ผมที่เห็นรากุนะ ชายหนุ่มผมบลอนด์ยาวพูดขึ้น ก็ทำได้เพียงยักไหล่ให้

 

 

「ก็คือจะบอกว่าผมเป็นสายที่ว่าสินะ? นี่คิดก่อนพูดแล้วใช่ไหม ท่านก็รู้ว่าทางตระกูลเป็นคนเชิญผมมาร่วมงานในวันนี้เอง กำหนดการทุกอย่างทางนั้นก็เป็นคนกำหนดทั้งหมด แล้วผมจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ที่ไหนกัน」

 

 

นี่คือข้อเท็จจริงที่แสนง่ายดาย กว่าต้องมาหาคำแก้ตัวใดๆ อีก

 

 

นอกจากนี้ ก็เป็นทางตระกูลเองที่เลือกจะจัดพิธีทดสอบในวันนี้ เปลี่ยนนักรบเขี้ยวกระดูกไปเป็นแมงมุมดิน แถมยังให้พวกหัวหน้าหน่วยของธงทั้ง 8 มาดูผมในพิธีทดสอบเองด้วย

 

 

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ไหงหวยมันยังมาลงที่ผมได้อีกล่ะ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะบอกเขา

 

 

ถึงรากุนะจะได้ยินแบบนั้น เขาก็ยังพูดต่อโดยไม่หวั่นไหวใดๆ

 

 

 

「การรวมตัวกันของธงทั้ง 8 นั้นจะเกิดขึ้นทุกๆ วันครบรอบการตายของแม่แกและมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แกจะถูกเนรเทศออกจากเกาะไป หรือก็คือแกรู้ดีอยู่แล้วว่าเมืองชูโตะจะมีการป้องกันที่อ่อนแอลงวันนี้ หากมีข้อมูลนี้อยู่จะเตรียมการอะไรได้ก็ไม่เห็นแปลกแถมแกยังมีเวลาตั้ง 1 เดือนในการเตรียมตัวก่อนมาที่นี่」

 

 

 

ก็นะ ที่หมอนี่พูดมันก็พอฟังขึ้นอยู่หรอกหากเป็นแบบเชิงเหตุผล

 

 

 

กลับกันถึงจะบอกว่าดูเป็นเหตุเป็นผล แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็ใช้เป็นข้ออ้างในการจับกุมคนนอกเกาะที่ไม่มีใครหนุนหลังได้อีกด้วย ยิ่งมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก แหม่เข้าใจคิดจริงๆ

 

 

ผมก็รู้แหละว่าหมอนี่ไม่ได้โง่ เขาก็คงรู้อยู่แล้วว่าผมต้องการจะบอกอะไร

 

 

 

「นี่แหละคือความจริง ศัตรูได้เคลื่อนไหวในวันที่แกกลับมาที่เกาะ มันคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งในเกาะแห่งนี้ แต่มันดันเกิดขึ้นในวันที่แกกลับมา แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะให้สงสัย ในฐานะนักรบแห่งผืนป่า ทายาทคนถัดไปของตระกูล ฉันจะขอจับกุมแกซะ หากไม่ยอมจำนน ฉันก็จะถือว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ 」

 

 

 

 

รากุนะจ้องมองผมด้วยดวงตาสีฟ้าของเขา นี่ตั้งใจจะจับผมจริงๆ เหรอเนี่ย

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาคิดว่าผมเป็นตัวต้นเรื่องแทน หรือคิดจะจับผมไว้ก่อนเผื่อมีอะไรน่าสงสัยเกิดขึ้นอีก แต่ไอ้แบบนี้มันจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า

 

 

รู้หรอกนะว่าความคิดพวกนี้มันสมเหตุสมผล เพราะตอนที่อยู่ในโถงประชุมผมก็แสดงท่าทีที่ดูห่างเหินกับตระกูลมิตสึรุกิ คำพูดคำจาเอาจริงๆ ถ้าดูเจนตาก็นับว่าหยาบคายจริงแหละ หากหมอนี่จะมองจุดนั้นแล้วตัดสินว่าไม่ควรปล่อยผมเอาไว้คนเดียวก็ได้อยู่หรอกมั้ง

 

 

หากผมอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเขา ผมก็คงต้องพยายามกำจัดความเสี่ยงแล้วหาทางคุมตัวผมไปสักพักก่อน

 

 

 

เอาเป็นว่าผมก็เข้าใจเจตนาเขาบ้างแล้ว แต่ผมไม่อยากจะทำตามนี่นา

 

 

ผมก็เลยเริ่มถามกลับน้องชายของผมที่เอาอาภรณ์วิญญาณออกมา

 

「ผมเข้าใจในเรื่องที่ท่านทายาทกำลังจะสื่อแล้ว——ก็คือทุกคนที่มารวมตัวกันในวันนี้ทั้ง นักบุญดาบ 2 สุดยอดผู้คุ้มกัน ท่านชิบะ ท่านชิโตะ และก็คนอื่นๆ รวมไปถึงท่านทายาท เป็นพวกไร้ความสามารถที่ถูกผมวางแผนลอบโจมตีจนเมืองต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้และสัญลักษณ์แห่งความสงบสุขของเมืองตลอด 300 ปีก็มาจบลงเพราะคนอย่างผมด้วยสินะ? 」

 

 

พอผมถามกลับไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง แทนที่จะแสดงหน้าเหมือนเย้ย ใบหน้าของรากุนะก็บิดเบี้ยวไปในทันที

 

 

 

 

 

「…โซระ…นี่แก」

 

 

โอ๊ะ ต้องขออภัยด้วย ผมคงจะพูดแรงเกินไป เอาเป็นว่าท่านไม่สามารถจับใครโดยไม่มีหลักฐานได้นะ โปรดเข้าใจความรู้สึกของทางฝั่งผมที่ต้องถูกกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานด้วย นอกจากนี้ผมก็อยากจะให้ท่านเลิกโทษไปทั่วแบบนี้ด้วย เพราะเป็นทางนั้นเองที่ไม่มีมาตรการรองรับที่เหมาะสมในวันที่กำลังหลักของธงแห่งผืนป่ามารวมตัวกันเนื่องในวันครบรอบการตายของแม่ผม มายาดาบเดียวคือสิ่งที่มีไว้ใช้กำจัดความชั่วร้ายและปกป้องผู้คน การกระทำของท่านทายาทที่นำอาภรณ์วิญญาณออกมาแล้วกล่าวหาคนอื่นว่าเป็นอาชญากรแบบนี้ ผมว่ามันไม่ใช่การกระทำที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่จะเป็นผู้นำปกป้องประเทศและโลกได้เลยนะ」

 

 

จะว่าไปนี่ผมพูดโดยเปลี่ยนเป็นสีหน้าไปเป็นอีกแบบซะแล้วแฮะ

 

 

ใบหน้าของผมเริ่มบิดเบี้ยว มุมปากของผมเริ่มยกขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับต้องการเย้ยหยัน ดวงตาของผมเริ่มหรี่ลงแล้วมองเขาอย่างอ่อนโยนราวกับพี่พูดเตือนน้องชายตัวเอง――

 

 

 

 

「เป็นอะไรไปเกิดกลัวขึ้นมาหรือไง รากุนะ? 」

 

 

 

ทันทีที่ผมพูดจบ รากุนะก็หายวับไปจากสายตาผม

 

 

พอผมเห็นแบบนั้นก็เอียงหัวหลบทันที

 

 

ดาบสีทองมันได้พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของผมโดยที่จุดหมายคือบริเวณหัวของผมที่อยู่ก่อนหน้านี้

 

 

ตัวดาบไม่ได้แฝงเจตนาฆ่าฟันเอาไว้ ถึงผมจะไม่เอียงหัวหลบเมื่อกี้ ผมก็ไม่น่าตายหรอก แต่แผลที่ได้ก็คงดูไม่จืดเหมือนกัน

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะดึงดาบกลับไป ผมเลือกที่จะใช้มือของตัวเองจับดาบของเขาเอาไว้ แน่นอนว่าดาบสีทองนั้นมันตัดผ่านเกราะคิของผมได้จนทำให้มือของผมเต็มไปด้วยเลือด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจและจับมันต่อไป

 

 

 

จากนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลังของผม

 

 

 

 

 

 

「――แกกำลังจะบอกว่าคนอย่างฉันเนี่ยนะกลัว? 」

 

 

 

「ก็แน่นอนสิ ไม่งั้นท่านจะเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาเลยหรือ」

 

 

「หุบปากซะ! เหตุผลที่ฉันเอามันออกมาก็เพราะจะสั่งสอนการกระทำของแกที่ดูเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ต่างหาก!」

 

 

「ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เอาอาภรณ์วิญญาณออกมาใช้ด้วยแท้ๆ จะว่าไปนี่ก็ 5 ปีแล้วนี่เนอะ เมื่อก่อนท่านเป็นคนเดียวที่สามารถเอามันออกมาใช้ได้ คงจะรู้สึกเหนือกว่าผมมากเลยสินะแต่ว่า….เป็นไปได้หรือเปล่านะที่ตอนนั้นท่านจะกลัว…กลัวว่าสักวันหนึ่งผมจะสามารถกลับมายืนในตำแหน่งของท่านได้」

 

 

 

「ก็บอกให้หุบปากยังไงละเห้ย!」

 

 

 

ในจังหวะที่รากุนะตะโกนออกมา ผู้รู้สึกถึงความร้อนที่ออกมาจากดาบซึ่งผมจับมันเอาไว้อยู่

 

 

ผมเริ่มจะเดาออกแล้วสิว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ความตึงเครียดได้เริ่มแล่นผ่านร่างกายของผม

 

 

 

 

 

 

 

「『จงขจัด ฮะ――』」

 

 

 

「เอาล่ะ พอกันแค่นั้นเถอะ」

 

 

 

ในตอนที่รากุนะกำลังจะปลดปล่อยพลังของอาภรณ์วิญญาณออกมา

 

 

ก็มีเสียงหนึ่งเข้ามาแทรกผมกับรากุนะเอาไว้

 

 

 

เสียงนั้นคือเสียงของอายากะ อาซึระอิ ซึ่งดูเย็นยะเยือกราวกับสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้า

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท