ตอนที่ 126 สัญญาณลับ
「เอาล่ะ พอกันแค่นั้นเถอะ」
พออายากะเข้ามาแทรกผมกับรากุนะก็ได้แค่ขมวดคิ้ว
เร็วชะมัด ผมมั่นใจว่าผมตามการเคลื่อนไหวของรากุนะได้ง่ายนะ แต่สำหรับอายากะแล้วผมตามความเร็วของเธอไม่ทัน
ดูเหมือนว่าไมฮิเมะคนนี้จะพัฒนาด้านความเร็วไปอีกระดับหนึ่งแล้วสินะ พอผ่านไปได้ 5 ปี
ในขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ อายากะก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง เป้าหมายที่เธอพูดด้วยไม่ใช่ผมแต่เป็นรากุนะ
「รากุนะลดดาบลงเถอะ」
「อย่ามาห้ามนะอายากะ หมอนี่มันดูถูกธงแห่งผืนป่าอยู่ มันก็ต้องถูกลงโทษสิ」
「แต่การใช้ดาบมันก็มากเกินไปหน่อยนะ ส่วนตัวฉันก็ไม่อยากจะไปยุ่งการต่อสู้ของพี่น้องในรอบ 5 ปีหรอก แต่ถ้าถึงขั้นจะฆ่ากันเลยมันก็อีกเรื่อง」
「อย่ามาล้อกันเล่นนะ ฉันไม่มีพี่สักหน่อย」
น้ำเสียงของรากุนะเหมือนอยากจะอ้วกออกมาเลยพอได้ยินแบบนั้น ทว่าตรงข้ามกับน้ำเสียงของเขาความร้อนของปลายดาบที่อยู่ในมือผมมันหายไปแล้ว ไม่นานนักเขาก็ปล่อยเก็บดาบของเขากลับไปตามคำพูดของอายากะ
ถ้ารากุนะเอาปลดปล่อยอาภรณ์วิญญาณออกมาจริง ผมก็กะว่าจะฟันให้ยับเหมือนชุดเกราะของโกซุสักหน่อย แต่พลาดไปสินะ
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าการกระทำของผม อายากะจะอ่านออกไหม แต่ผลที่เธอเข้ามาแทรกก็คือหยุดการต่อสู้นี้ได้สำเร็จ
ผมที่หันไปหารากุนะกับอายากะ รู้สึกปวดกระเพาะแปลกๆ เหมือนอาหารไม่ย่อยเลยแฮะ
พอได้เห็นน้องชายกับอดีตคู่หมั้นของตัวเองใกล้ๆ แบบนี้ โดยเฉพาะคนหลังมันก็นะ… แถมอีกฝ่ายยังมองกลับมาด้วย ริมฝีปากที่ดูเข้ารูปของเธอกำลังขยับเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่ทางรากุนะที่เห็นก็เข้ามายืนแทรกกลางเอาไว้ ราวกับไม่ต้องการให้อายากะกับผมได้จ้องมองกันตรงๆ แล้วทำหน้าตาบูดบึ้งออกมา
「โซระ นี่แก――」
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแข็งกร้าว แต่เสียงนั้นมันก็มีแค่ความดังเท่านั้นแหละ ผมไม่ได้สนใจแล้วปล่อยผ่านไปแทน
เพราะความสนใจของผมตอนนี้มันมุ่งไปทางอายากะที่อยู่ด้านหลังของรากุนะมากกว่า
ถึงแวบแรกจะเห็นว่าอายากะเลือกที่จะหยุดพูดแล้วให้รากุนะพูดต่อแทน แต่คงจะมีแค่ผมคนเดียวที่เห็นว่าท่าทางการเคลื่อนไหว ดวงตา ลักษณะการขยับปากของเธอ การใช้มือปัดผมออกจากหน้าผาก ทั้งหมดนี้คือการถักทอส่งข้อความมายังตัวผมด้วยสัญญาณลับนั่นเอง….
เพราะอายากะกับผมนั้นเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว และด้วยตำแหน่งคู่หมั้นของเธอ พวกผมก็เลยจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ จนพูดได้เลยว่าก่อนที่พวกผมจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายคือเพศตรงข้าม พวกผมก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันมาโดยตลอด
นั่นจึงทำให้พวกผมได้ทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกัน
ไหนจะเรื่องวิชาดาบอสรพิษเพลิงสังหารที่อิบุกิหลานชายของโกซุเอามาใช้ ไอ้นั่นมันก็ท่าที่ผมกับอายากะช่วยกันคิดขึ้นมาสมัยเด็ก ทางลับที่แปลกๆ อีกหลายที่ ฐานลับ มีอีกหลายอย่างมากที่มีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่รู้
ในอดีตผมรู้สึกสนุกนานเป็นอย่างมากกับการแบ่งปันความลับของกันและกันในแบบเด็กๆ
หนึ่งในนั้นก็คือสัญญาณลับที่มีเพียงพวกผมสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ
แต่ถึงจะบอกว่าเป็นสัญญาณลับ แต่มันก็เป็นของที่เด็กคิดขึ้น ดังนั้นมันจึงไม่สามารถถ่ายทอดเนื้อหาที่มีความซับซ้อนได้ แต่อายากะกลับหมกมุ่นในสัญญาณลับนี้อย่างไม่จำเป็น จนพัฒนามันให้กลายเป็นสัญญาณลับที่ถ่ายทอดออกมาได้โดยที่ผู้ใหญ่รอบๆ ตัวเธอไม่มีทางสังเกตเห็นได้ ก็นับว่าเฉียบแหลมจริงๆ นั่นแหละ
ตอนนี้เธอก็ยังจำมันได้อยู่สินะ
แน่นอนว่าถึงผมจะถูกกระตุ้นความทรงจำในวัยเด็กออกมา ความสัมพันธ์ของพวกผมมันก็ไม่ได้แน่นแฟ้นขึ้นหรอกนะ แน่นอนว่าหากอายากะต้องการจะส่งสัญญาณเพื่อเป็นการเล่าเรื่องของตัวเอง ผมก็คงจะขำให้แล้วเลือกที่จะไม่สนใจ
แต่สิ่งที่อายากะสื่อมานั้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของเธอเลย นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถปล่อยไปได้ด้วย เพราะมันคือเรื่องบนเกาะแห่งนี้ที่ผมยังไม่รู้
ให้ตายสิอดีตคู่หมั้นของผมคนนี้ยังหาทางรับมือกับผมได้อยู่หมัดจริงๆ
ผมจึงทำให้เพียงแค่เดาะลิ้นด้วยความไม่สบอารมณ์กับเรื่องที่รู้นัก
◆◆
「――ให้ผมตามไปจับตัวไหมครับ ท่านผู้นำ」
ไดรอาท เบิร์ช หัวหน้าหน่วยธงที่ 1 ถามกับเจ้านายของเขา ในจังหวะที่โซระซึ่งกำลังพูดอยู่กับมิตสึรุกิ รากุนะและอายากะ อาซึระอิ ได้หายตัวไปแล้ว
การเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วของเขาเป็นแบบฉบับเดียวกับของผู้ใช้มายาดาบเดียวระดับสูง สำหรับนักรบส่วนใหญ่การจะตามกับเขาคงเป็นงานช้าง แต่หากฝากให้ไดรอาทดูแล เขามั่นใจว่าเขาสามารถจับโซระกลับมาได้โดยง่าย
คำพูดของรากุนะในตอนนั้นอาจจะดูหยาบคายไปบ้าง แต่สำหรับไดรอาทเอง เขาก็ไม่ค่อยอยากจะให้คนนอกเกาะไปไหนมาไหนตอนเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้น ในจุดนี้เขาจึงเห็นด้วยกับการกระทำของรากุนะ
แต่ทางผู้นำตระกูลอย่างมิตสึรุกิ ชิกิบุ กลับตอบสั้นๆ เพียงว่า
「ปล่อยไป」
「――รับทราบแล้วครับ」
ไดรอาทที่ถูกปฏิเสธข้อเสนอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่ช่วงเวลาที่เขาตอบกลับเจ้านายของตนเหมือนจะล่าช้าไปเล็กน้อย
จากนั้นทางชูคุยะ คุม่อนซึ่งเป็นรองหัวหน้าหน่วยจึงพูดขึ้น
「ท่านผู้นำ แล้วเรื่องปัญหาที่กำแพงเมืองล่ะครับ จากที่ได้คุยเบื้องต้นกันไปแล้ว ผมเดาว่าท่านก็คงจะรู้ถึงตัวตนที่ร้ายกาจ นอกจากนี้เรายังต้องรับมือกับพวกมอนสเตอร์ที่จะบุกเขามาในชูโตะ หากเป็นแบบนี้แล้วผมมองว่าเราควรจะให้ธงที่ 1 ไปเป็นกำลังเสริมด้วยจะดีหรือเปล่าครับ」
แน่นอนว่าคราวนี้ชิกิบุไม่ได้ตอบกลับว่า「ปล่อยไป」เหมือนเดิม
「ให้ไดรอาทไปทางทิศตะวันตก ชูคุยะเจ้าไปทางทิศเหนือ โกซุทางทิศตะวันออก จงกำจัดมอนสเตอร์ทุกตัวที่หมายจะเข้ามาในชูโตะเสีย」
『ฮ่ะ!』
เมื่อชิกิบุพูดจบทั้ง 3 ที่รอคำสั่งอยู่ก็พยักหน้ารับพร้อมกัน
「ขอย้ำว่าพวกเจ้าจงจัดการแค่พวกมอนสเตอร์รอบนอกก็พอ ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องภายในเมือง」
「นี่……หมายความว่าท่านจะปล่อยให้พวกที่ทำลายกำแพงเมืองไว้กับคนอื่นงั้นเหรอครับ? 」
ชิกิบุพยักหน้ารับทันที ทางชูคุยะก็เลยสับสนเพราะไม่เข้าใจ
「การทำลายกำแพงเมืองเพื่อดึงความสนใจให้เราไปอยู่รอบนอก หากเป็นสงครามแล้วมันก็คือกลยุทธ์ตามปกติ เป้าหมายที่แท้จริงของศัตรูก็คือคฤหาสน์หลังนี้…」
「นี่ท่านกำลังวางแผนจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเหรอครับ หากเป็นเช่นนั้นในฐานะผู้คุ้มกันแล้วผมอยากจะให้ท่านพิจารณาเสียใหม่ครับ….」
「ไม่เป็นไร นอกจากนี้ศัตรูอาจจะมาไม่ถึงตรงนี้ก็ได้ พวกเจ้าไปทำหน้าที่ที่ควรทำเสีย」
ไม่มีใครพูดค้านขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่ 2
จากนั้นทางไดรอาทก็เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกอย่างรวดเร็ว ชูคุยะก็ไปทางทิศเหนือโดยไม่พูดอะไร โกซุก็พุ่งไปทางทิศตะวันออกอย่างดุดัน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด 3 คนของเกาะได้หายตัวไปจากเบื้องหน้าของเจ้านายตนแล้ว
เบื้องหลังหน้ากากแห่งความเยือกเย็นที่ชิกิบุสวมเอาไว้ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
——–
Note 1 : ดูทรงคงบอกถึงเรื่องที่ไคลอาโดนจับแน่ละ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code