การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 137 ผลลัพธ์

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 137 ผลลัพธ์

 

「ฮึ้ว…! ก็ใช้ได้เลยนะเนี่ย」

 

 

 

 

หลังจากที่ฟันโอเค็นทิ้งไป ผมก็สัมผัสได้ถึงวิญญาณจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกาย ก่อนจะพูดกับตัวเอง ก็เข้าใจหรอกนะว่าเก่งระดับหนึ่ง แต่ดูเหมือนทั้งบุตรแห่งไทซานเอย สาวกแห่งพระเจ้าเอย หากจะคาดหวังกับชื่อพวกนี้แล้วคิดว่าเก่งสุดๆ ก็น่าจะเกินไปหน่อย

 

 

ก็จริงอยู่ว่าหากปล่อยให้โอเค็นหนีไปได้แล้วตามไม่ทัน เดี๋ยวหมอนี่อาจจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้ภายหลัง――แต่หากลองเทียบโอเค็นกับเทพปีศาจที่ผมเอาชนะได้ก่อนหน้านี้ มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ความคุ้มค่ามันต่างกัน

 

 

ผมคิดขณะมองไปยังศพของโอเค็น บริเวณที่ผมจดจ้องไปก็คือส่วนของเขาที่งอกมาจากหัว ดูสภาพแล้วคงไม่น่าจะเอาไปใช้เป็นไอเทมเวทมนตร์อะไรได้แล้วแฮะ พอโดนผ่านครึ่งไปพร้อมกับร่างของเขา

 

 

 

จะบอกว่าไม่เสียดายก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะบางทีเขาของโอเค็นอาจจะใช้เป็นสื่อเวทแทนเขาของเบฮีมอธก็ได้――ซึ่งมันมีไว้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายพิษของไฮดรา

 

 

 

แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ไม่มีอะไรย้อนคืนได้ นอกจากนี้เมื่อพิจารณาหลายๆ อย่างดูแล้วอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในการเอาเขาคิจินกลับไปด้วย

 

 

หากผมเอาเขาของโอเค็นกลับไปแล้วดันสร้างบาเรียขึ้นมาได้จริง แน่นอนว่าพิษของไฮดราในป่าทีทิสและแม่น้ำเคลก็จะถูกแก้ไข

 

 

ทว่าข้อเท็จจริงในเรื่องที่เขาของคิจินสามารถสร้างบาเรียเวทที่ทรงพลังได้ก็จะถูกแพร่กระจายออกไปทางพวกระดับสูงของอาณาจักรคานาเรียและอิชกะ

 

 

ก็หมายความว่าพวกเขาอาจจะคิดเรื่องการหาพลังงานสำรองหากพลังเวทของเขาอันแรกหมด

 

 

คงไม่ต้องพูดแล้วมั้งว่าซูซูเมะที่อยู่กับผมคงถูกจ้องตาเป็นมัน

 

 

ดังนั้นผมคงไม่สามารถเอาของที่จะเพิ่มโอกาสที่ทำให้ซูซูเมะตกอยู่ในอันตรายกลับไปได้หรอก

 

 

――แถมนึกสภาพเธอสิ ถ้าผมเอาเขาของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตัวเองกลับไปให้เธอดูจะเป็นยังไง ไม่เอากลับไปน่ะดีแล้ว

 

 

 

เอาเป็นว่าตอนนี้โอเค็นก็ตายไปแล้ว เทพปีศาจผมก็กินแล้ว หลุมฝังศพของแม่ก็ไปเยี่ยมมาแล้ว เงื่อนไขของทางตระกูลในการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของผมก็ผ่านแล้ว ผมว่าผมน่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นบนเกาะหมดแล้วนะ เหตุผลที่จะอยู่ต่อก็ไม่มีแล้วด้วย กลับอิชกะเลยแล้วกัน

 

 

 

ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะไปร่ำลาท่านเอ็มมะก่อนกลับหรอก แต่คงจะไม่ดีนัก เพราะหากผมแสดงความเคารพรักต่อท่านเอ็มมะมากเกินไป เดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าคนที่ถูกเนรเทศออกเกาะไปดันหลงรักภรรยาของผู้นำตระกูลและวางแผนแปลกๆ เอาไว้ คือผมก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกนั้นจะคิดแบบไหน แต่ผมไม่อยากให้ท่านเอ็มมะเดือดร้อนไปด้วยน่ะสิ

 

 

นึกหน่อยซิๆ เหลืออะไรที่ต้องทำอีกไหมน้อ

 

 

พอผมคิดแบบนั้น ก็มีภาพใบหน้าของคิจินที่ผมเคยพูดด้วยเมื่อกี้ผ่านเข้ามา คาการิ ถึงแม้จะยังดูเด็ก แต่พลังนี่ของจริงเลย

 

 

 

คาการิถูกโอเค็นที่เป็นผู้นำของทางไทซานว่าท่าน ก็แปลว่าเขาต้องเป็นหัวหอกของทางฝั่งคิจินแน่ นอกจากนี้ทางคาการิก็บอกเองว่ารอบนี้ตัวเองมาแค่เป็นพยาน ไม่คิดจะสู้ ก็แปลว่าพวกคิจินน่าจะกำลังวางแผนอะไรกันอยู่

 

จากข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ พวกนั้นน่าจะวิเคราะห์ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลมิตสึรุกิได้มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแผนโจมตีเต็มรูปแบบในครั้งถัดไปแน่ๆ

 

ผมก็ไม่อยากจะให้เกาะที่แม่ของผมหลับใหลอยู่และเกาะที่ท่านเอ็มมะอาศัยอยู่ต้องวุ่นวายไปมากกว่านี้ด้วยสิ ดังนั้นผมเอาเรื่องนี้ไปเตือนทางตระกูลดีไหมนะ――ผมคิดแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาแทน เห้อ ไร้สาระน่า

 

 

สำหรับตระกูลมิตสึรุกิ การปกป้องประตูปีศาจคือหน้าที่ที่พวกเขาทำมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมาโดยตลอดช่วง 300 ตามคำสั่งของจักรพรรดิ ไร้เดียงสาชะมัดหากจะไปบอกให้พวกเขาเสริมการป้องกันประตูปีศาจเพิ่ม

 

 

 

สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรที่จำเป็นต้องทำบนเกาะแล้วจริงๆ ตอนนี้ก็ต้องกลับไปที่อิชกะตามแผนที่วางไว้ก่อน จากนั้นค่อยมุ่งหน้าไปเบลก้าเพื่อตามหาเบฮีมอธต่อ

 

 

ถ้าผมสร้างปัญหาอะไรที่นี่เพิ่มอีก มันก็มีความเป็นไปได้ที่ตระกูลจะมายุ่งอะไรกับคนของผมระหว่างที่ผมไม่อยู่เหมือนกัน แต่ผมคงไม่ต้องกังวลมั้ง

 

 

เพราะเมื่อผมได้เจอพ่อของผม พ่อก็ยังเป็นคนเดิม พ่อคนที่ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าคิดอะไรอยู่ในหัว แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยกลับคำของตัวเอง ตอนนี้ผมก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งให้เขาเห็นแล้ว เขาก็น่าจะไม่เปลี่ยนใจแล้วไปทำอะไรซูซูเมะอีก นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของประตูปีศาจ เขาคงไม่สามารถส่งพวกระดับสูงออกไปนอกเกาะได้หรอก

 

 

หลังจากคิดอะไรเสร็จหมดแล้ว ผมก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทางกลับ

 

 

――ทว่าก่อนจะได้ทำแบบนั้น อยู่ดีๆ ผมก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางกำลังจ้องมองผมอยู่ เลยหันกลับไปดู

 

 

 

สายตานั้นมันมาจากทางคฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิที่สร้างอยู่บนเนินเขา ผมไม่เห็นหรอกนะว่าเป็นใครเนื่องจากมันไกลมาก แต่ผมรู้ได้เลยว่าคนที่อยู่ตรงนั้นกำลังจ้องมองมาทางผมอยู่

 

 

ก็ไม่ได้มีความเป็นปรปักษ์มาจากสายตานั้นหรอกนะ แต่ใครมันจะไปชอบให้คนจ้องแบบนั้นกัน ผมพยายามจะเพ่งสมาธิเพื่อหาว่าสายตานั้นเป็นของใครกันแน่――แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร

 

 

หากลองคิดดูดีๆ แล้ว ขนาดพวกคิจินยังมีคนที่คอยจับตามองการกระทำของพวกตัวเอง คงไม่แปลกเท่าไหร่หากตระกูลมิตสึรุกิจะมีของแบบนั้นเหมือนกัน

 

 

 

 

ผมถอนหายใจออกมา แล้วหันหลังกลับเพื่อบอกว่าไม่ได้สนใจสายตานั้นแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเผยตัวของคนที่ทำหน้าที่สอดส่องให้ตระกูลด้วย คิดอะไรมากไปเกี่ยวกับเจ้าของสายตานั้นก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

 

 

ผมส่งแรงไปที่เท้าและเตะพื้นพุ่งออกไป โดยที่ยังสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองแผ่นหลังของผม

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

 

 

「――อึก?!」

 

 

 

ทันทีที่เขาได้สติ มิตสึรุกิ รากุนะก็ยกร่างท่อนบนของตัวเองขึ้นมาจากที่นอน ก่อนจะใช้มือซ้ายจับไปที่หน้าอกของตนแล้วหายใจหอบออกมา

 

 

 

 

「ท-ที่นี่…ที่ไหน…」

 

 

สายตาในตอนนี้ของเขาค่อนข้างพร่ามั่ว เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นรากุนะก็พยายามพยุงร่างของตัวเองขึ้นเพื่อสำรวจรอบๆ

 

 

 

 

อย่าได้หยุดเท้า ต้องก้าวต่อไป ไม่เช่นนั้น จะถูกมอนสเตอร์นั่นผ่าครึ่งเอาแน่ พอความคิดนั้นผ่านเข้ามาในหัว――รากุนะก็นึกถึงเรื่องภายในความทรงจำที่ดำมืดไปชั่วขณะของเขาได้ทันที

 

 

 

เขากำลังต่อสู้อยู่กับคิจินที่บุกมาในคฤหาสน์ของตระกูล เขาจำได้ว่าตอนนั้นอีกฝ่ายเรียกเทพปีศาจออกมา และเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของศัตรูได้ สุดท้ายเขาก็ถูกดาบขนาดยักษ์นั่นโจมตีเข้ามาที่หน้าอก――

 

 

 

 

 

「นี่เราหมดสติไปงั้นเหรอ…หึ…สภาพดูไม่ได้เลยวุ้ย….!」

 

 

 

รากุนะกัดฟันแล้วมองลงไปที่ร่างของตน ก่อนจะพบว่าทั้งร่างของเขาตอนนี้ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น

 

 

และหากลองมองดูให้ดีๆ จะเห็นว่าภายใต้ผ้าพันแผลนั้นมีร่องรอยของดาบขนาดใหญ่สลักลึกลงที่ร่างของเขา ซึ่งมันลากยาวตั้งแต่ไหล่ซ้ายไปจนถึงสะโพกขวา แน่นอนว่าบาดแผลมันปิดสนิทแล้วเสียจนน่าตกใจว่าทำไมถึงยังรอดจากการโจมตีระดับนั้นมาได้อีก ซึ่งก็ต้องขอบคุณในการตัดสินใจของตัวเองที่เลือกถอยหนีแทนที่จะรับการโจมตีนั้นด้วยดาบ

 

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่รักษาแผลของเขาเป็นผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณหรือทางตระกูลพาตัวนักบวชมากัน

 

 

 

แต่ไม่ว่าจะแบบไหน การที่เขาสามารถพักอยู่ภายในห้องของตัวเองได้แบบนี้ก็แปลว่าการคุกคามของเทพปีศาจได้จบลงไปแล้ว บางทีพ่อของเขาชิกิบุอาจจะเป็นคนออกไปจัดการเองก็ได้

 

 

 

ดังนั้นคงจะไม่มีประโยชน์อะไรหากรากุนะจะลุกจากเตียงแล้วจับดาบออกไปข้างนอก รากุนะก็เข้าใจดี แต่ด้วยความรับผิดชอบของทายาทตระกูลแล้ว เขาไม่สามารถนอนหลับสบายหลังจากโดนศัตรูฟันมาเฉยๆ ได้ เขายังสามารถออกไปค้นหาพวกคิจินที่เหลืออยู่ ไม่ก็จัดการกับพวกมอนสเตอร์ที่อยู่นอกกำแพง

 

 

เมื่อคิดได้แบบนั้น รากุนะก็เลือกจะออกจากห้องของตน แต่ความเจ็บปวดที่รุนแรงก็ส่งผ่านมาทางแผลที่หน้าอกของเขา

 

 

 

 

 

 

「เจ็บชะมัด……!」

 

 

 

แม้แผลจะปิดไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดไม่ได้จางลงไปเลย เมื่อเขาได้สติความรู้สึกของการถูกฝันก็แล่นเข้ามาที่ร่างของเขามากยิ่งขึ้น

 

 

ความเจ็บปวดนั้นมันมากพอจะทำให้เขาต้องคุกเข่าลงที่เตียง จากนั้นประตูเลื่อนของห้องก็ถูกเปิดขึ้นอย่างเงียบๆ

 

 

ตรงหน้าเขาคืออายากะที่ถือถังใส่น้ำขนาดเล็กเข้ามา พอเธอเห็นรากุนะแสดงความเจ็บปวดออกมาเธอก็รีบวิ่งเข้าไปดูอาการ

 

 

 

 

 

「รากุนะ นายไม่ควรจะรีบลุกตอนนี้นะ ทางที่ดีนอนพักต่อเถอะ」

 

 

ภายในถังน้ำนั้นมีผ้าสีขาวสำหรับใช้วางไว้บนหน้าผากของรากุนะอยู่ หากสังเกตให้ดีๆ ก็จะเห็นว่ามีผ้าสีขาวตกอยู่ใกล้ๆ หมอนของเขาอีกอันหนึ่งด้วย มันคงจะหล่นลงไปจากการที่รากุนะสะดุ้งตื่นขึ้น

 

 

 

รากุนะก็เลยรีบถามคู่หมั้นของตนที่แสดงความเป็นห่วงกับเขา

 

 

 

 

 

「อายากะ เทพปีศาจถูกจัดการไปแล้วเหรอ?!」

 

 

「อื้อ พวกมันพ่ายแพ้ไปหมดแล้ว รวมถึงพวกมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาในชูโตะด้วย ดังนั้นนายก็นอนพักผ่อนให้สบายเถอะ」

 

 

「ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ความเป็นไปได้ที่พวกคิจินที่รอดตายจะแทรกซึมเข้ามาก็มีอยู่ ฉันต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด」

 

 

 

ขณะที่รากุนะกำลังจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง อายากะก็เข้าไปกอดเขาอย่างอ่อนโยนราวกับเด็กน้อย

 

 

 

อายากะตบหลังของเขาเบาๆ เพื่อให้สงบลงและกระซิบที่ข้างหูของเขา

 

 

 

「เรื่องนั้นเดี๋ยวพวกนักรบแห่งผืนป่าจะรับผิดชอบเอง ตอนนี้งานของนายคือต้องพักฟื้นร่างกายก็พอแล้ว」

 

ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น เธอก็ค่อยๆ ยกร่างของรากุนะลงไปที่เตียงในชั่วพริบตา ความว่องไวของเธอทำให้รากุนะไม่สามารถตั้งตัวได้ทันและในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้อยากจะขัดขืนอะไรด้วยเขาก็เลยทำได้เพียงแสดงสีหน้าที่บูดบึ้งออกมา

 

「อายากะ นี่เธอ…」

 

「ท่านเอ็มมะก็เป็นห่วงนายนะ ถึงตอนนี้เธอจะกำลังพักผ่อนอยู่แล้วให้ฉันมาดูแลนายแทนก็เถอะ แต่ก่อนหน้านี้เธอก็เฝ้านายไม่ห่างไปไหนเลยนะ ดังนั้นก็รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นด้วยแล้วกันแล้วอย่าทำอะไรให้เธอต้องเป็นกังวลอีก」

 

ทันทีที่อายากะพูดแบบนั้น เธอก็เอาผ้าขาวชุบน้ำเย็นแล้วบิดออก ก่อนจะกดลงที่หน้าผากของรากุนะ

 

เขาไม่สามารถปล่อยให้แม่ของตัวเองต้องมาเป็นกังวลได้ รากุนะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มผ่อนคลายร่างของตนแล้วนอนแต่โดยดี

 

เมื่อเห็นแบบนั้นอายากะก็ยิ้มออกมาแล้วจัดผ้าปูที่นอนให้เป็นระเบียบ ก่อนจะหยิบผ้าสีขาวที่ตกข้างหมอนลงในถังน้ำ「รากุนะ นายหิวน้ำไหม? 」

 

「ก็คอแห้งอยู่เหมือนกัน…ที่สำคัญกว่านั้น อายากะ ช่วยบอกฉันทีสิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ฉันหมดสติไป」

 

ความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ทั้งที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของเทพปีศาจ ก็แปลว่าต้องมีคนเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขาออกมา อายากะก็หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินรากุนะถามถึงรายละเอียดเรื่องนั้นก็สมกับตัวรากุนะดี เพราะเขาเป็นพวกเกลียดการปลอบประโลมด้วยคำลวง ดังนั้นอายากะก็เลยเลือกที่จะเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

 

「หลังจากที่นายหมดสติไป ฉันก็อุ้มนายถอยออกมาจากตรงนั้นแล้วพวกนักรบของธงที่ 1 ก็มารับมือแทน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันก็หนักหนาจริงๆ 」

 

「มีใครเป็นอะไรไปบ้าง? 」

 

「ก็มีคนตายไป 13 คน แล้วก็บาดเจ็บอีก 20 กว่าคน」

 

ในแง่ของตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นอาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ธงที่ 1 ถือว่าเป็นหน่วยที่สุดยอดมากเพราะเป็นหน่วยที่มีผู้นำตระกูลดูแลโดยตรง นอกจากนี้พวกเขาก็เป็นผู้ใช้อาภรณ์ระดับสูงกันทั้งนั้น

 

ดังนั้นเขาจึงอดตกใจไม่ได้ที่ความเสียหายของพวกธงที่ 1 ซึ่งเกิดจากเทพปีศาจจะมากขนาดนี้เมื่อได้ยินแบบนั้นรากุนะก็ทำได้เพียงกัดฟันแล้วสบถออกมา ราวกับต้องการดูถูกตัวเอง หาใช่คนอื่น ความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันก็เพราะรากุนะไม่สามารถจัดการกับเทพปีศาจได้

 

หากเปลี่ยนเป็นชิกิบุ พ่อของเขา เขามั่นใจได้เลยว่าพ่อของเขาจะต้องฟันเทพปีศาจให้หายไปได้ในดาบเดียว และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอะไรขึ้น ทั้งที่นั่นคือสิ่งที่ผู้นำตระกูลมิตสึรุกิควรจะเป็น สำหรับรากุนะในฐานะทายาทผู้สืบทอดแล้ว เขาตระหนักได้ดีว่าตนบกพร่องมากขนาดไหน

 

ทั่วทั้งห้องตอนนี้ตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน

 

ทางอายากะเองก็จ้องมองรากุนะเงียบๆ โดยไม่ได้ทำการปลอบอะไรเขา เพราะรากุนะไม่ใช่คนแบบนั้น

 

รากุนะก็เลยเปิดปากพูดอีกครั้งเพื่อไม่ให้อายากะเป็นกังวลเพิ่ม

 

「แล้วใครเป็นคนโค่นเทพปีศาจลงกัน? ท่านพ่อหรือเปล่า? 」

 

「……เรื่องนั้น」

 

เสียงของอายากะที่ตอบคำถามอย่างลื่นไหลมาโดยตลอดกลับหยุดนิ่งไป รากุนะที่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ก็เลิกคิ้วขึ้นและเรียกอายากะอีกครั้งเหมือนกับต้องการคำตอบจริงๆ

 

อายากะก็เลยถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป

 

「โซระ เป็นคนจัดการกับเทพปีศาจน่ะ」

 

「……ว่ายังไงนะ? 」

 

「จากที่ฉันได้ยินมาเขาสามารถเอาชนะกับเทพปีศาจได้ด้วยการประจันหน้าตรงๆ 」

 

「ไอ้เจ้าบ้านั่น เป็นไปได้ยังไงกัน!」

 

รากุระแผดเสียงคำรามออกมาราวกับต้องการปฏิเสธคำตอบของอายากะ ร่างท่อนบนของเขาลุกออกจากเตียงในทันที ผ้าสีขาวที่วางไว้บนหน้าผากของเขาก็หลุดออกอีกครั้ง

 

รากุนะเริ่มรัวคำถามกับคู่หมั้นของตนที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่อทันที

 

「หมอนั่นจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน! ใคร ใครมันเป็นคนปล่อยข่าวลือพวกนี้?! ชิบะโกซุเหรอ หรือว่า――」

 

「ซิดนีย์กับท่านมอร์แกนก็อยู่ในเหตุการณ์นะ นอกจากนั้นท่านเอ็มมะก็อยู่ที่นั่นด้วย เธอเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเอง」

 

「หา――!? 」

 

รากุนะพูดอะไรไม่ออกทันทีเมื่อได้ยินว่าเป็นแม่ของเขาเองเพื่อตอบสนองต่อรากุนะที่แน่นิ่งไป อายากะพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง

 

「แน่นอนว่าพอฉันได้ฟังเรื่องนี้จากท่านเอ็มมะ ฉันก็ไปถามซิดนีย์กับคนอื่นๆ ดูด้วย แต่พวกเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ขนาดซาอิก็ยังยอมรับเลย นอกจากนี้พลังคิในวินาทีที่โซระปลดปล่อยออกมาเพื่อสังหารเทพปีศาจน่ะฉันก็สัมผัสมันได้นะ ไม่สิคนทั้งเกาะก็น่าจะสัมผัสมันได้แน่ๆ 」

 

 

ออร่าคิที่แข็งแกร่งจนทำให้คนบนเกาะอสูรยักษ์ตัวสั่นได้ ไม่ผิดแน่พลังนี้แหละที่ทำการกลืนกินร่างของเทพปีศาจเข้าไป

 

 

 

 

ทั้งรุนแรงและล้ำลึก――มันคือความรู้สึกสะอิดสะเอียนที่เกิดมาจากพลังของมังกร

 

 

อายากะได้เอามือเตะไปที่แขนของตัวเอง เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นร่างกายของเธอคงได้สั่นเป็นเจ้าเข้าแน่

 

 

ขณะที่เธอกำลังปลอบรากุนะที่หัวเสียอยู่ เธอก็คิดในใจ

 

 

ว่าเธอดีใจเป็นอย่างมากที่โซระออกจากเกาะไปแล้ว เพราะเธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเธอเองจะสามารถหยุดตัวเองไว้ได้ไหม หากต้องมาเจอกับโซระในตอนนี้

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน