ตอนที่ 145-2 ตัดสลับฉาก
ป่าที่ทิสในตอนนี้ช่างดูยุ่งเหยิงยิ่งกว่าเดิม
แต่เดิมสถานที่ดังกล่าวก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วในฐานะป่าที่มีมอนสเตอร์ทรงพลังอาศัยอยู่มากมาย แต่บัดนี้มันได้อันตรายกว่าเดิมไปหลายขุม
แน่นอนว่าสาเหตุก็มาจากไฮดรา แม้ว่ามันจะถูกปราบไปแล้ว แต่ความวุ่นวายก็ใช่ว่าจะหมดลง พิษของมันยังคงสร้างความเสียหายให้กับป่ามาถึงจนถึงตอนนี้ พวกมอนสเตอร์ในป่าก็ต้องถูกขับไล่ออกไปเพราะมันแล้วไปอาละวาดอยู่ข้างนอกป่าแทน
แต่หากให้เทียบกับช่วงที่วุ่นวายที่สุด ยังไงตอนนี้พวกมันที่หลุดออกไปจากป่าก็มีจำนวนที่ลดน้อยลงมากแล้ว
แล้วก็เป็นจังหวะนี้แหละที่มิโรสลาฟกับลูนามาเรียย่างเท้าเข้าไป
จุดประสงค์ก็คือการเพิ่มเลเวล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ในป่ามันอันตรายขนาดไห แต่กลับกันมันก็หมายความว่าพวกเธอสามารถหาคู่ต่อสู้ที่ตึงมือได้มากยิ่งขึ้น นี่แหละคือโอกาสอันดีที่จะได้รับค่าประสบการณ์เพื่อเพิ่มเลเวล――ลูนามาเรียที่ถูกมิโรสลาฟชวนเข้าป่ามาก็ตอบรับอย่างไม่ลังเล
หากเป็นตอนปกติละก็ เธอคงไม่มีทางจะมาสนใจคำชวนของอีกฝ่ายเป็นแน่
เพราะจนถึงตอนนี้ลูนามาเรียก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเลเวลของตัวเองมากนัก เลเวลของเธอไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่าผลลัพธ์ที่จะแสดงให้เห็นตอนยังเป็นนักผจญภัย แต่ตอนนี้มันไม่ได้สำคัญมากอะไรจนต้องเสี่ยงเพื่อเพิ่มเลเวลอีกแล้ว
ทว่าความเปลี่ยนแปลงมันก็ได้เกิดขึ้นกับความคิดดังกล่าว ในตอนนี้นักปราชญ์เอลฟ์ผู้ถูกคนจากทางเกาะเข้ามาโจมตีไม่สิต้องบอกว่าโดนจัดการอย่างหมดท่า จากคลิม เบิร์ช จนต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ทั้งศาสตร์การต่อสู้และเวทมนตร์ต่างก็ใช้กับเขาไม่ได้ผล หากคลิมต้องการจริงๆ หัวของเธอก็คงได้หลุดออกจากลำตัวไปนานแล้ว
จากที่เธอได้ยินมาดูเหมือนคลิมจะมีเลเวลอยู่ที่ 50
ทั้งที่เอลการ์ด ซึ่งเป็นกิลด์มาสเตอร์ผู้ทรงอิทธิพลของเมืองอิชกะแถมยังเป็นนักผจญภัยระดับ 1 เลเวลของเขาก็ยังแค่ 35 เอง ไม่สิแม้แต่ดยุกดรากูนอทที่ว่ากันว่าแกร่งที่สุดในอาณาจักรคานาเรีย เลเวลก็ไม่มีทางจะถึง 50 ได้หรอก
ดังนั้นเลเวล 50 จึงเป็นจุดแรกที่เธอต้องไปถึง
ทั้งที่ตัวคลิมก็มีอายุเท่ากับโซระ แต่เขาก็ยังสามารถไปถึงเลเวล 50 ได้ นอกจากนั้นพี่สาวของเขาอย่างไคลอาที่อายุไล่เลี่ยกันยังแข็งแกร่งกว่าตัวคลิมอีก ก็หมายความว่าเลเวลของเธอต้องเหนือไปกว่านั้น
และที่หนักไปกว่านั้นจนลูนามาเรียพูดไม่ออกก็คือพวกเขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อยในหมู่คนบนเกาะ
แถมตอนนี้โซระกับทางตระกูลมิตสึรุกิก็มีปัญหากัน จึงเป็นไปได้ว่าทางนั้จะส่งคนระดับคลิมหรือแข็งแกร่งกว่านั้นมาโจมตีอีกก็ได้
ตัวตนของเธอในปัจจุบันช่างไร้ประโยชน์ นั่นคือสิ่งที่เธอคิด เธอจึงต้องพยายามหาทางเพิ่มเลเวลตัวเองแม้จะต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงก็ตาม
แต่สุดท้ายการเพิ่มเลเวลมันก็มีขีดจำกัดของมัน ไม่ว่าเธอจะล่าาหรือจัดการมอนสเตอร์ไปสักกี่ตัว มันก็ไม่สามารถจะเพิ่มเลเวลของเธอเป็นสิบๆ เลเวลได้ในคราวเดียว ก็จริงว่าทางมิโรสลาฟสามารถเพิ่มเลเวลได้ 4 เลเวลในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนอยู่บนเขาสกิม แต่มันก็เป็นเพราะเธอใช้หินเวทมนตร์จำนวนมากในการช่วยฟาร์มมอนสเตอร์ กลับกันเธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้แต่จะมาให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ทางตระกูลมิตสึรุกิก็ใช่จะให้เวลาเธอมากขนาดนั้น
ความพยายามในตอนนี้ของเธอจึงไม่มีอะไรไปมากกว่าการกระทำที่ดูสูญเปล่า
แต่ถึงเธอจะรู้แบบนั้น เธอก็เลือกที่จะหาทางทำอะไรสักอย่างดีกว่าอยู่เฉยๆ นอกจากนี้เธอก็ได้คำใบ้อะไรบางอย่างมาจากมาสเตอร์ของเธอด้วย
「มาสเตอร์เคยบอกเอาไว้ว่า เทคนิคลับของมายาดาบเดียวนั้นก็คือการควบคุมอนิม่าที่อยู่ภายในร่างของตัวเองซึ่งเป็นตัวตนที่มีต้นกำเนิดเดียวกันกับเจ้าของร่าง และการเข้าใกล้รังมังกรนั่นอาจจะช่วยปลุกอนิม่าขึ้นมาก็ได้……」
แม้จะไม่ใช่คนของสำนักมายาดาบเดียวหรือของตระกูลมิตสึรุกิ แต่ก็สามารถรับรู้ถึงอนิม่าได้ นั่นคือการคาดเดาของลูนามาเรีย
เธอก็เคยคิดจะขอให้โซระพาเธอไปที่รังมังกรเพื่อทดสอบเรื่องนี้ แต่จากประสบการณ์ก่อนหน้าที่เขาเคยพาเธอไปมาหลายครั้งเห็นได้ชัดเลยว่า โซระไม่ถูกกับรังมังกรสักเท่าไหร่ เขาอาจจะคัดค้านความคิดเรื่องนี้ของลูนามาเรียด้วยก็ได้
ดังนั้นเธอก็เลยเลือกจะไปด้วยตัวเธอเอง
การเพิ่มเลเวลคือขั้นตอนแรกในการสะสมความแข็งแกร่งเพื่อให้เธอสามารถเดินทางไปถึงรังมังกรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโซระ
….ถึงเธอจะรีบสักแค่ไหน แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าความสามารถในตอนนี้ของเธอมันยากที่จะไปถึงตรงนั้นได้ ไม่สิแค่ส่วนลึกของป่ามันก็ยากสำหรับเธอแล้ว
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็เป็นหนทางเดียวที่เธอจะสามารถเข้าไปอยู่ในจุดที่คลิม ไคลอา และโซระอยู่ได้
ภาพที่ยังคงค้างอยู่ในจิตใจของเธอ มันคือภาพสีหน้าแห่งความสุขของโซระในระหว่างที่ซ้อมดาบกับไคลอานั่นเอง
ภายในดวงตาสีฟ้าของลูนามาเรีย มันได้สะท้อนความกระวนกระวายใจนั้นออกมาให้เห็น
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code