ตอนที่ 148 หลุมพรางแห่งความเป็นอมตะ
พระสันตะปาปาโนอาห์ คาร์เนเลียส ผู้นำสูงสุดของศาสตร์จักรที่ปกครองนครศักดิ์สิทธิ์คาริตัส
ชื่อเสียงของเธอนั้นเป็นที่ยอมรับในหมู่ประชาชน
ไม่ว่าใครก็ต่างบอกว่าเธอคือเด็กสาวผู้อัจฉริยะ ส่วนอีกชื่อหนึ่งของเธอก็คือบุตรอันเป็นที่รักแห่งพระเจ้า
ไม่ก็――มิโกะตาเดียว (หญิงสาวผู้เชื่อมโยงกับทวยเทพ)
เดิมที่เธอไม่ได้เกิดที่นครศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นจักรวรรดิแอดแอสเทอร่า ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางตะวันออก เธอเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลคาร์เนเลียสหนึ่งในชนชั้นสูงระดับสูงของจักรวรรดิ อย่างพาราดิสและอาเซอร์ไรท์
พ่อของโนอาห์คือพระคาร์ดินัลของวิหารแห่งกฎหมายที่ทำหน้าที่ในการรับผิดชอบกิจการทางศาสนาของจักรวรรดิ เรียกได้ว่าอำนาจและอิทธิพลของเขาเหนือกว่าพระสันตะปาปาในขณะนั้นมาก
และโนอาห์ก็ได้เกิดมาเป็นลูกของเขาคนนั้น ก็ย่อมต้องกลายเป็นผู้ศรัทธาของวิหารแห่งกฎหมายและเดินไปในเส้นทางแห่งศาสนา
ทว่าตัวเธอในอดีตถึงแม้จะเป็นผู้ศรัทธาและอุทิศตนให้กับทวยเทพ แต่ความสามารถของเธอก็ไม่ได้เปล่งประกายออกมาเป็นพิเศษเหนือกว่าคนอื่นๆ จนทำให้โดดเด่น เธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดา
แต่เมื่อเธออายุได้ 6 ปี ทุกสิ่งมันก็ได้เปลี่ยนไป
ในปีนั้น เธอได้ถูกพ่อของเธอพาไปที่นครจักรศักดิ์สิทธิ์ โดยอ้างว่าตนได้รับวิวรณ์จากพระเจ้า แล้วทำการควักลูกตาของเธอไปถวายให้กับแท่นบูชา คงไม่ต้องถามว่ารอบข้างเกิดความโกลาหลขนาดไหน แต่ก็ช่างน่าแปลกที่เธอกลับไม่มีบาดแผลใดๆ เลย ลูกตาของเธอที่โดนควักออกไปก็กลับมาเป็นปกติราวกับได้รับการเยียวยาจากเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น โนอาห์ก็ได้ตื่นรู้ในเรื่องของเวทศักดิ์สิทธิ์ พลังของเธอได้แซงหน้าเหล่านักบวชจำนวนมากอย่างง่ายดาย และก็เป็นช่วงนั้นเองที่เธอถูกเรียกว่าอัจฉริยะ
ไม่กี่ปีต่อมา เธอก็กลายเป็นนักบวชที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ จากนั้นก็กลายเป็นบิชอปที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ คาร์ดินัลที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ จนสุดท้ายเธอก็สามารถกลายเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดทางศาสนา
ความเร็วในการเลื่อนขั้นของเธอเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ก็มีคนจำนวนไม่น้อยทั้งคนนอกและคนในที่คัดค้านในเรื่องนี้ ทว่าน้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ――เสียงส่วนมากของผู้คนมันได้กลบเสียงคัดค้านไปเสียจนหมด
เหตุผลที่เธอได้รับการสนับสนุนก็เป็นเพราะความสำเร็จของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคราวที่เธอได้กำจัดราชาอมตะได้ถึง 3 ตน นั่นถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในหมู่ความสำเร็จมากมายของเธอ
มอนสเตอร์ประเภทอันเดธคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกวัฏจักรแห่งชีวิต ไม่ว่าจะทำการทำลายหัวหรือหัวใจของพวกมันก็ไม่สามารถฆ่ามันได้ แถมยังมีบาดประเภทที่เป็นพวกไร้รูปร่างด้วย
ที่พวกมันถูกเรียกว่าอันเดธก็เป็นเพราะพวกมันยากที่จะเอาชนะและโค่นลงได้โดยง่าย พวกมันจำเป็นต้องถูกเวทศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชในการชำระล้าง เวทธาตุต่างๆ จากจอมเวท การโจมตีของสปิริต ไม่ก็อาวุธที่เคลือบพลังเวทเอาไว้
แต่ว่าหากพูดถึงในกรณีของราชาอมตะผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าอันเดธแล้ว วิธีการพวกนั้นก็ยากที่จะใช้ได้ผล
ไม่ใช่ว่าพลังพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรมันได้ แต่เพราะราชาอมตะส่วนใหญ่จะมีร่างที่แท้จริงอยู่ในโลกแห่งวิญญาณ ที่เรียกกันว่า คาคุริโยะ ร่างของพวกมันที่ปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับร่างเงา ถึงแม้เงาจะถูกทำลายไปสักกี่ครั้ง ถ้าหากร่างหลักยังคงอยู่พวกมันก็สามารถกลับมาได้เสมอ
ทว่าการที่เงาของพวกมันถูกทำลายไป พวกมันก็ยังต้องใช้เวลาในการสร้างเงาขึ้นมาใหม่อยู่ดี การทำลายมันได้จึงไม่ใช่ว่าจะเปล่าประโยชน์ไปเสียทั้งหมด แต่ถ้าถามว่าสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อราชาอมตะไหม ก็ต้องบอกว่าไม่
จุดสูงสุดของเหล่าอันเดธ สายพันธุ์ที่อยู่เหนือเหล่าอันเดธทั้งหมด ลิช
เพื่อที่จะทำลายมันลง มนุษย์จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่ทำการเก็บร่างหลักของมันเอาไว้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานง่ายและต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางไปยังโลกแห่งวิญญาณ ถึงแม้จะมีผู้ประสบความสำเร็จในการไปถึงตรงนั้นได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพิชิตราชาอมตะลงได้
การต่อสู้ในคาคุริโยะ โลกแห่งวิญญาณที่เหล่าภูตผีต่างก็ไร้รูปร่างทางกายภาพ เหล่าวิญญาณได้ถาโถมเข้ามาโจมตีเหล่าคนเป็น ความยากในการพิชิตของมันในที่แห่งนี้มันยากกว่าตอนสู้บนโลกมนุษย์หลายเท่านัก
แล้วการที่โนอาห์ คาร์เนเลียสเป็นผู้ที่สามารถผ่านความยากลำบากขนาดนั้นมาได้ถึง 3 หน การที่เธอจะได้รับการเคารพและบูชาทั้งจากในและนอกก็ไม่เป็นที่น่าสงสัย
――เพราะเธอได้ผ่านเรื่องพวกนี้มามาก เธอจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุการณ์ตรงหน้าของเธอมันคือสิ่งที่ผิดปกติ
――ความผิดปกติที่นักดาบเพียงคนเดียวสามารถต่อกรกับราชาอมตะตนนี้ได้
『คึก――บ้าน่า』
ชารามอนคร่ำครวญออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เสียงที่ส่งออกมามันช่างฟังคล้ายกับเหล็กที่มีสนิมเกรอะเสียดสีกัน หากเขายังมีใบหน้ากายเนื้อ สีหน้าของเขาคงจะบูดบึ้งเป็นแน่
『ทำไมถึงฟันข้าได้ ทำไมการโจมตีของเจ้าถึง… ร่างกายนี้คือเงาแห่งข้า แม้ว่าเจ้าจะฟันเงาของข้าไป ร่างกายของข้าก็ไม่ควรจะได้รับบาดเจ็บสิ ได้อย่างไรกัน』
การเคลื่อนไหวของชารามอนดูเชื่องช้าลงมาก มันก็คงไม่แปลกอะไรเพราะทั้งร่างของมันต่างก็มีร่องรอยการถูกฟันตั้งแต่ไหล่ซ้ายถึงสะโพกขวา
แม้ว่าบาดแผลแรกที่ถูกผ่าครึ่งร่างจะหายไปจนไม่เหลือร่องรอยแล้ว แต่ของหลังจากนั้นมันกลับไม่จางหายไปเลย
มันก็คงไม่แปลกอะไร เพราะแผลพวกนั้นไม่ได้เกิดเพียงแค่บนร่างเงาของมัน แต่มันส่งผลไปถึงร่างจริงของชารามอน
『คมดาบที่ฟาดฟันไปถึงคาคุริโยะ ดาบที่สามารถทะลวงมิติได้ ของแบบนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรกัน』
หากมันรู้จะว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตัวชารามอนคงไม่เลือกจะปะทะกับชายผู้นี้แน่
ก็จริงว่าการโจมตีครั้งแรกของมันที่ผ่าร่างของเขาได้มันรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่สำหรับชารามอนแล้วเขาไม่ได้รู้สึกคันเลยสักนิดจากการโจมตีนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจการโจมตีระลอกใหม่
หากฝ่ายตรงข้ามรู้ถึงวิธีการจัดการราชาอมตะ ก็คงไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ใช้มันในการลอบโจมตีชารามอนตั้งแต่แรก ใครมันจะไปโง่ถึงขนาดยอมเสียโอกาสในการกำจัดเขาผู้สร้างความวุ่นวายบนโลกมาแล้วมากมายกัน
หากคิดโดยใช้ตรรกะสักนิดไม่ว่าใครก็เห็นตรงกัน
ทว่าการโจมตีครั้งที่ 2 ของศัตรูกลับสามารถสร้างความเสียหายให้ร่างจริงของชารามอนได้ มันเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงพอจะฆ่าร่างจริงของเขา
ตอนนี้จิตใจของชารามอนเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ความโกรธนั้นไม่ใช่ความโกรธที่เขาจะถูกฆ่า แต่เป็นความโกรธที่ตนไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายที่ไร้ซึ่งตรรกะใดๆ
――ถ้าเจ้ามีอาวุธแบบนั้น….ทำไมไม่เอามันออกมาใช้ตั้งแต่แรก?! หากเจ้าทำแบบนั้นข้าคงได้พินาศไปนานแล้ว!
เขาได้ถามกับนักดาบคนนั้น ทว่านักดาบกลับขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะเหวี่ยงดาบสีดำของเขาฟันร่างของชารามอน
เสี้ยววินาที ที่ร่างของชารามอนจะรับการโจมตีนั้นเข้าไป ภาพเหตุการณ์ที่เขาอยู่ในยาไคก็ผ่านเข้ามาในหัว
「――ชารามอนคุง นายน่ะไม่ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม? 」
หลังงานพบเจอกันของยาไคสิ้นสุดลง ก็มีเงาตัวเล็กๆ ตะโกนเรียกเขา เธอคือหนึ่งในผู้บัญชาการของยาไค โซริ
นอกจากนี้เธอยังเป็นลิชที่มีนิสัยประหลาด ผู้ซึ่งสามารถสร้างสมาคมรวมเหล่าลิชให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่าง ยาไค
『ข้าจะฟังแค่เรื่องราวที่ควรค่าแก่การฟัง นอกเหนือจากนั้น ข้าหาต้องสนใจไม่』
ไม่ได้มีน้ำเสียงแห่งการให้เกียรติออกมาจากปากของชารามอนเลย ถึงแม้เธอจะเป็นคนที่มีตำแหน่งภายในนี้สูงกว่าเขาก็ตาม เขาก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเชื่อฟัง
แต่ถึงจะบอกแบบนั้น ตัวของชารามอนก็ให้ความเคารพเธอในระดับหนึ่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขายอมหยุดแล้วหันกลับมาฟังที่เธอพูด หากเป็นลิชตนอื่น พวกเขาคงจะเดินจากไปโดยไม่คิดสนใจแน่
「เรื่องที่ควรค่าแก่การฟังเหรอ? ฉันว่าเรื่องที่ฉันจะพูดค่อนข้างมีประโยชน์เลยนะ ก็เลยอยากจะเล่าให้ทุกคนฟัง」
『ก็คือ เมื่อต้องเดินทางไปแถวจักรวรรดิ จงระวังผู้พิทักษ์แห่งเกาะอสูรยักษ์และคนของที่นั่นให้ดี――พอได้ฟังมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีกายอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ เช่นเจ้าจริงนั่นแหละ แต่สำหรับข้ามันเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ เพราะร่างกายของข้าอยู่ในคาคุริโยะ』
นักรบผู้มากความสามารถ นักบวชระดับสูง จอมเวทหมื่นมนตรา ไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายชารามอนได้ แน่นอนว่าพวกกผู้พิทักษ์ประตูปีศาจที่เขาเคยได้ยินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทำไมเขาถึงต้องระวังคนพวกนั้นด้วยล่ะ
「ไม่คิดว่าจะมีคนที่เป็นข้อยกเว้นเหมือนสันตะปาปาโนอาห์บ้างหรือไง? 」
『ช่างน่าขัน』
เหล่ามนุษย์ได้ยกย่องสันตะปาปาโนอาห์ผู้สังหารราชาอมตะ 3 ตนลงได้สำเร็จ พวกมันคงจะคิดกันว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าสันตะปาปาพวกลิชก็เป็นเพียงพวกกระจอก แต่ในมุมของชารามอนแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องน่าขบขัน
พวกที่ถูกสันตะปาปาสังหารไปนั้นเป็นเพียงพวกระดับล่างต่างจากชารามอน แม้จะไม่ใช่ในคาคุริโยะ ชารามอนก็มั่นใจว่าตนสามารถเอาชนะเธอได้ และสักวันหนึ่งเขาจะแสดงมันให้โลกได้เห็นเอง――นั่นคือสิ่งที่ชารามอนคิด
『ข้าไม่ได้สนใจพวกมนุษย์ จะว่าไปทำไมเจ้ายังไม่เข้ามาที่คาคุริโยะกัน? 』
「ฉันก็ไม่ได้วางแผนจะไปที่นั่นตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ」
『หากเจ้าไม่ได้ต้องการความนิรันดร์ เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นลิชกันเล่า』
「เข้าใจผิดแล้ว ชารามอน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการความเป็นนิรันดร์ แต่ฉันไม่อยากสูญเสียความรู้สึกกลัวไปมากกว่า」
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอไม่ย้ายร่างตัวเองไปที่คาคุริโยะ
คำพูดนั้นช่างสร้างความงุนงงให้กับชารามอนจริงๆ
『ความกลัว』
「นายคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่สูญเสียความกลัวไปกันล่ะ ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือตัวนายเองนั่นแหละชารามอน แม้ว่าเมื่อวานจะไม่มีศัตรู แม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีศัตรู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะไม่มีสิ่งนั้น ความกลัวคือสิ่งที่มีไว้เพื่อเตรียมรับมือ กับเรื่องราวที่คาดไม่ถึง」
อีกฝ่ายพูดเหมือนกับกังวลอะไรบางอย่าง
จากนั้นเธอจึงค่อยๆ เปิดปากต่อ
「จงระวังตัวให้ดี ชารามอน การปราศจากความกลัว จะทำให้นายมองไม่เห็นสิ่งอื่นใด และกลายเป็นความผยองที่อาจจะสร้างหายนะให้กับนายได้ในตอนท้าย」
『นั่นถือเป็นคำทำนายงั้นเหรอ』
「คำแนะนำต่างหาก แม้ว่าเป้าหมายจะต่างกัน แต่นี่ก็เพื่อเหล่าพี่น้องผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์เดียวกัน」
เรื่องในตอนนั้นมันผ่านมากี่วัน กี่เดือน กี่ปีกันแล้วนะ
เพราะมีการพูดถึงสันตะปาปาโนอาห์ คงไม่น่าจะผ่านไปหลายปีนัก
――นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ภายในหัวของชารามอน
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code