ตอนที่ 150 ความกลัวของสันตะปาปา
――ส่วนชื่อจริงของท่านคือ มิตสึรุกิ โซระ ถูกต้องหรือเปล่าคะ?
ผมเบิกตากว้างทันทีที่พระสันตะปาปาเอ่ยคำนั้นออกมา คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะได้ยินชื่อตระกูลในที่แบบนี้
ผมก็ไม่ได้รู้เจตนาของอีกฝ่ายหรอกว่าต้องการอะไร แต่เพราะอาการของผมหลังเจอคำถามนี้มันก็เหมือนเป็นการบอกแล้วว่าเธอคิดถูก ดังนั้นคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปฏิเสธหรือโกหกอีก
ก็จริงอยู่ว่ายังพอสามารถหาทางบอกปัดไปได้ แต่อย่างน้อยผมก็ต้องรู้เจตนาจริงๆ ของพวกเขาก่อน หรือก็คือผมอยากจะรู้ว่าพระสันตะปาปาจะทำอย่างไรถ้ารู้ว่าผมคือมิตสึรุกิ โซระจริงๆ
ผมก็เลยต้องเลือกคำตอบจากนี้ไปให้ดีก่อนจะพูด
พอคิดได้แล้วก็เปิดปากพูด
「ใช่แล้วครับ จริงอยู่ว่าผมเป็นคือมิตสึรุกิ โซระคนนั้น แต่เนื่องจากผมถูกขับไล่ออกจากตระกูลมาแล้ว จึงไม่อาจใช้ชื่อของตระกูลได้อีก」
พอเธอได้ยินแบบนั้น พระสันตะปาปาก็ขมวดคิ้วทันที
「แต่มิตสึรุกิ โซระที่ฉันได้ยินมา เขาเป็นเพียงคนที่ไร้ความสามารถและไม่สามารถขึ้นเป็นทายาทสืบทอดตระกูลได้ ก่อนจะถูกขับไล่จากตระกูล เป็นไปได้เหรอคะที่เขาจะเป็นคนคนเดียวกันกับผู้กล้าแห่งยุคผู้สามารถปราบมังกรลงได้สำเร็จ รู้สึกเหมือนจะมีอะไรแปลกๆ นะคะ」
「…คือว่า ท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่ครับ? 」
ผมถามเธอกลับไป
ที่ผมสงสัยก็คือทำไมเธอถึงได้รู้เรื่องราวของผมได้กัน แน่นอนว่าผมไม่ได้ถามไปตรงๆ ยังไงบ้านเกิดของเธอก็คือจักรวรรดิ เธอเป็นคนของตระกูลคาร์เนเลียสซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลพาราดิสของท่านเอ็มมะ และตระกูลอาเซอร์ไรท์ของอายากะ นอกจากนี้บนเกาะยังมีวิหารของเทพแห่งกฎหมายอยู่ด้วย ผมเลยเดาว่าเธอคงได้ข้อมูลนี้มาไม่จากทางใดก็ทางหนึ่งในทั้งหมดท่าว่ามา
「ตระกูลมิตสึรุกิคือตระกูลที่ไม่เหมือนใครและมีอำนาจทางการทหารสูงเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งในจักรวรรดิเอง ดังนั้นหากคนของพวกเขาเคลื่อนไหวนอกพื้นที่ทำการก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าทางนครศักดิ์สิทธิ์และวิหารเทพของเราไม่สามารถเฝ้ามองดูเฉยๆ ได้」
「ถึงจะบอกแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมคือคนที่ตระกูลขับไล่ออกมาแล้วมาลงเอยที่เมืองอิชกะเฉยๆ เองครับ….」
「แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงนี่คะ ความเป็นไปได้ที่ท่านกับตระกูลจะรวมหัวกันยังไม่เป็นศูนย์」
「――――รวมหัวกันงั้นเหรอ? 」
น้ำเสียงที่ผมเปล่งออกมามันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างไม่รู้ตัว ใครมันจะไปอยากถูกบอกว่ารวมหัวกับตระกูลแบบนั้นกัน
เธอก็คงจะเห็นว่าผมโกรธจริงๆ แน่ แต่สัญญาณแห่งวคามกระวนกระวายใจภายในดวงตาสีเขียวของเธอกลับไม่มีเลยสักนิด ก่อนที่เธอจะพูดต่อ
「ความจริงมันก็เป็นอะไรที่เรียบง่ายมากค่ะ สายเลือดที่ไหลผ่านอยู่ในตัวท่านและดาบที่ท่านถืออยู่ ทุกสิ่งคือของที่มาจากตระกูลมิตสึรุกิ ฉันเห็นมันผ่านการต่อสู่เมื่อครู่นี้หมดแล้วค่ะ」
「คึก」
เพราะก่อนหน้านี้ผมทำการจัดการสเกลตันนั่นด้วยอาภรณ์วิญญาณและเทคนิคดัดแปลง
ก็จริงอยู่ว่าอาภรณ์วิญญาณเป็นศาสตร์ลับแห่งมายาดาบเดียว เทคนิคที่ผมใช้ก็ได้ปรับเปลี่ยนมันให้เป็นของผมโดยเฉพาะ แต่ความจริงที่ว่ารากฐานเดิมของมันมาจากตระกูลก็ปฏิเสธไม่ได้
ความจริงที่ว่าผมคือลูกชายของมิตสึรุกิ ชิกิบุ และ มิตสึรุกิ ชิซึยะก็เหมือนกันไม่ว่าผมจะพยายามปฏิเสธสักแค่ไหน แต่ความจริงที่ผมเกี่ยวข้องกับตระกูลนั้นก็ไม่ได้จางหายไป――นั่นคือสิ่งที่เธออยากจะพูด
การแสดงออกของผมคงทำให้เธอรู้ว่าผมเข้าใจที่เธอจะบอกแล้ว ก่อนจะพูดต่อ
「ท่านได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่จักรวรรดิ และชื่อเสียงของท่านก็กระจายไปทั่วอาณาจักรคานาเรีย คนมากมายต่างก็ชื่นชมท่าน ในหมู่คนพวกนั้นก็มีทั้งเหล่าอัศวินและชนชั้นสูงของประเทศด้วย หากรวมเข้ากับอิทธิพลที่ท่านกลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์ด้วยแล้ว อำนาจของท่านที่มีในขณะนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับราชวงศ์เลย」
พอพูดจบเธอก็ถอนหายใจออกมา
แล้วเริ่มพูดต่อ
「ท่านที่สืบสายเลือดของตระกูลมิตสึรุกิและใช้เทคนิคของตระกูลได้ บัดนี้ท่านกำลังมีอำนาจเป็นอย่างมากภายในอาณาจักรคานาเรีย ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งอดกังวลไม่ได้ค่ะ」
「….ตระกูลมิตสึรุกิใช้ผมในการขยายอิทธิพลไปประเทศข้างเคียง นั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกสินะ」
「ค่ะ ควมจริงที่ท่านถูกตระกูลขับไล่ออกมาเพราะอ่อนแอ แต่พอ 5 ปีผ่านไปทำกลับกลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์คิดยังไงมันก็แปลกๆ ไม่ใช่เหรอคะ」
ความสงสัยของเธอสรุปได้ว่า เธอมองว่ามิตสึรุกิ โซระนั้นแข็งแกร่งแต่แรกอยู่แล้ว และที่เขาออกมาจากเกาะก็เพราะทางตระกูลต้องการขยายฐานอำนาจไปนอกจักรวรรดิ
แต่หากจะบอกว่าไม่มีมูลให้สงสัยเลยก็ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ
เพราะหากเป็นผม ผมก็คงสงสัยเหมือนกัน ถึงจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่คนที่ไม่สามารถสู้ได้แม้แต่นักรบเขี้ยวมังกร แต่พอเวลา 5 ปีผ่านไปกลับสามารถฆ่ามังกรได้ ดูยังไงมันก็เป็นเรื่องไร้สาระชัดๆ
หื้ม ผมกอดอกพลางคิด
ก็จริงว่าอีกฝ่ายคงไม่มีหลักฐานที่จะมากล่าวอ้างว่าผมทำแบบนั้นจริงๆ ――แต่หากคิดแบบใช้เหตุผลสักหน่อย ไม่ว่าใครก็น่าจะเข้าใจได้ว่าหากทางตระกูลที่บอกว่าตนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกต้องการจะขยายอำนาจของตน คงไม่มีวิธีการไหนจะเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว
ดังนั้นหากข่าวลือนี้ถูกแพร่ออกไป ถึงจะเป็นแค่การกล่าวหาลอยๆ คนอื่นก็น่าจะคล้อยตามได้ไม่ยาก หรือก็คือความสงสัยของเธอสามารถทำให้ผมตกอยู่ในที่นั่งลำบากได้สบาย
พอคิดแล้วก็เผลอขมวดคิ้วออกมา แต่หญิงสาวตรงหน้าผมกลับแสดงที่หน้าที่ดูผ่อนคลายออกมา
「ยังไงทุกสิ่งที่กล่าวมามันก็แค่ความสงสัยค่ะ สำหรับท่านแล้วถึงจะได้พบกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันก็พอจะรับรู้ได้ว่า การกระทำของท่านที่เอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงทั้งหมดก็เพื่อคนที่ท่านห่วงใย ท่านที่กล้าเข้าไปเผชิญหน้ากับลิชเพื่อปกป้องสหายของท่าน ฉันเชื่อว่าท่านไม่ใช่คนที่ต้องการจะทำให้ตระกูลมิตสึรุกิขยายอำนาจแน่นอนค่ะ」
แต่เรื่องราวที่กล่าวมามันก็มากพอจะให้รู้สึกสงสัยจริงๆ
ถ้าผมไม่ได้กลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์ แต่เป็นเพียงมิตสึรุกิ โซระเฉยๆ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก เมื่อมีทั้งสองสิ่งมาทับซ้อนกัน ตัวตนของผมก็เลยกลายเป็นสิ่งที่สร้างความสั่นคลอนให้กับประเทศได้แทน
「นั่นอาจจะทำให้บางคนในประเทศนี้มองว่าการมีอยู่ของท่านคือสิ่งที่อันตรายและพยายามจะกำจัดท่านให้ฐานะคนของตระกูลมิตสึรุกิ ข้ออ้างที่หมดที่ฉันพูดไปมันสามารถใช้เป็นดาบในการทิ่มแทงท่านได้ทั้งสิ้นค่ะ」
ที่เธอต้องการจะบอกก็คือ เรื่องพวกนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเอามาใช้เป็นข้ออ้างในการกำจัดผมได้ แม้ว่าผมจะเกี่ยวข้องหรือไม่กับตระกูลก็ตาม
ถึงก่อนหน้านี้หลายคนจะยังไม่ได้สนใจอะไรผมนัก แต่เหตุการณ์ล่าสุดที่ทางองค์รัชทายาทเชื่อว่าท่านได้ครอบครองท่านคลอเดียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจจะทำให้พวกชนชั้นสูงรู้สึกระวังผมมากขึ้น เพราะทางตระกูลดรากูนอทตอนนี้ได้ครอบครองดราก้อนสเลเยอร์ไปเรียบร้อยแล้ว
และพวกนั้นก็จะใช้ข้ออ้างอย่างการที่ผมอาจจะเป็นสายลับของทางจักรวรรดิที่เข้ามากลืนกินประเทศนี้ก็เป็นได้
จะว่าไปแล้วทางตระกูลมิตสึรุกิก็สามารถใช้แผนนี้ได้เหมือนกัน พวกเขาสามารถเผยตัวตนของผมให้ทั่วทั้งประเทศรู้ เพื่อให้ผมไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปได้ แน่นอนว่าถึงผมจะย้ายไปประเทศอื่นพวกเขาก็จะทำเช่นเดิม จนทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถอาศัยอยู่ในที่ไหนได้อีกนอกเสียจากบนเกาะ
ผมก็ไม่ได้คิดหรอกว่าทุกปัญหามันจะถูกแก้ไขไปแล้วในตอนที่ผมกลับไปยังเกาะ แถมยังมีเรื่องที่ผมสามารถฆ่าเทพปีศาจได้อีก พวกบนเกาะคงไม่อยากปล่อยให้ผมอยู่สบายๆ แน่
พอคิดดูแล้วสิ่งที่เธอพูดมันก็เหมือนจะเป็นการบอกว่าผมคือต้นตอแห่งความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นภายในอาณาจักรคานาเรียและจักรวรรดิแอด แอสเทอร่า และหากเกิดขึ้นจริง นครศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ติดกันก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เหล่าผู้ศรัทธาของวิหารแห่งกฎหมายก็จะได้รับความเดือดร้อน
คงไม่แปลกอะไรหากเธอผู้เป็นถึงพระสันตะปาปาแห่งนครศักดิ์สิทธิ์และวิหารแห่งกฎหมาย จะไม่สบายใจในตัวผม
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่เธอพูดมาตอนนี้มันเป็นคำเตือนหรือคำแนะนำ แต่ก็ขอขอบคุณจากใจจริง ที่เธอบอกให้ผมได้รู้ถึงสิ่งที่ผมพลาดไป ดังนั้นผมก็เลยกล่าวขอบคุณเธอในตอนท้าย
◆◆◆
แม้ว่ามิตสึรุกิ โซระจะออกจากห้องไปแล้ว แต่ทางโนอาห์กลับไม่ได้ลุกจากที่นั่งเลย สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปตรงเก้าอี้ที่โซระเคยนั่งอยู่
ในการสนทนาก่อนหน้านี้ โนอาห์ไม่ได้เปิดเผยความคิดภายในหัวของเธอทั้งหมด สิ่งที่เธอบอกกับเขามีเพียงส่วนเล็กน้อยภายในหัวเธอเท่านั้น
ภายในห้องที่ไร้ซึ่งผู้ใด โนอาห์ได้ทบทวนคำพูดที่เธอคุยกับโซระซ้ำไปซ้ำมา ความถึงความตั้งใจจริงที่แอบแฝงอยู่ด้วย
「ท่านจะต้องเป็นคนที่สามารถกระโจนเข้าไปในกองไฟเพื่อคนสำคัญของคุณได้แน่นอนค่ะ และยังสามารถเป็นศัตรูกับทั้งโลกได้เพื่อคุณที่คุณรัก…พอได้เห็นคิจินสาวที่หลงรักท่านแล้ว….ฉันเชื่อนะคะ」
เมื่อโซระกับคนอื่นๆ กลับมาจากป่าทีทิส หนึ่งในสองสาวที่รีบวิ่งเข้ามาทักทายพวกเขาก็คือคิจิน แม้จะมองจากห่างๆ ก็เห็นได้ชัดเลยว่าเธอห่วงใยโซระขนาดไหน สิ่งนั้นทำให้ความคิดของโนอาห์เปลี่ยนไป
มนุษย์ที่มาจากตระกูลมิตสึรุกิน่ะเหรอจะเป็นที่รักของคิจินได้ โนอาห์รู้ดีว่านั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ส่วนตัวแล้วเธอรู้สึกชอบนิสัยใจคอของโซระ แต่ในฐานะผู้นำประเทศแล้วโซระถือว่าเป็นคนที่น่ากลัว
ในฐานะผู้นำแล้ว บางครั้งเธอก็ต้องสละส่วนน้อยเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ในอนาคตหากทางวิหารเทพแห่งกฎหมายหรือนครศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อโซระหรือพวกพ้องของเขาจนทำให้เขากลายเป็นฝ่ายตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เธอก็เชื่อเลยว่าโซระก็พร้อมจะงัดเขี้ยวเล็บทั้งหมดเพื่อต่อต้านฝ่ายที่เหนือกว่าอย่างไม่ลังเล
และโนอาห์คงไม่สามารถหยุดเขาได้แน่
กระทั่งมังกรยังไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ แล้วมนุษย์อย่างเธอจะไปทำอะไรได้กัน
เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องราวทั้งหมดเธอจึงจำเป็นต้องทำให้พวกของโซระไม่เจอสถานการณ์เช่นนั้น แต่ปัญหาตอนนี้ของเธอก็คือเธอไม่รู้ว่าโซระห่วงใยหรือสนใจใครบ้าง
ดังนั้นเธอจึงอยากจะรู้จักมิตสึรุกิ โซระให้มากขึ้น เพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร
ไม่นานนัก โนอาห์ก็ลุกขึ้นยืนหลังคิดเรื่องต่างๆ เสร็จ
แววตาข้างขวาของเธอที่ส่องแสงสีเขียวเป็นประกายออกมาทำให้รู้สึกถึงการตัดสินใจที่เฉียบคม
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code