การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 152.1 หนึ่งวันของนักบวชสาว

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 152.1 หนึ่งวันของนักบวชสาว

[เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้กันก่อนเนอะ]

 

เมื่อซาร่าปรบมือหนึ่งครั้ง เหมือนเป็นการส่งสัญญาณ เสียงหอบหายใจเฮือกใหญ่ก็ดังออกมาจากเบื้องหน้าของเธอ

 

มันคือเสียงของ 3 สาวอย่างมิโรสลาฟ ชีล และซูซูเมะ พวกเธอพยายามพูดขอบคุณสำหรับวันนี้ออกมา แต่ทว่าอากาศภายในปอดของพวกเธอมันไม่เพียงพอจะให้ทำเช่นนั้นได้

 

ทั้ง 3 ได้รับการสอนศาสตร์แห่งการต่อสู้ระยะประชิดจากนักบวชซาร่า เพราะหลังการต่อสู้กับพวกที่มาจากเกาะอสูรยักษ์ พวกเธอเข้าใจเป็นอย่างดีถึงจุดอ่อนของตัวเอง ก็เลยมาขอให้นักบวชซาร่าช่วย

 

ถึงตอนนี้เธอจะเป็นเพียงนักบวชของวิหารเทพแห่งกฏหมาย แต่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยอยู่ในปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ 4 ของกิลด์ สำหรับเทียบกับดาบฮายาบูสะที่ มิโรสลาฟเคยสังกัดอยู่ซึ่งเป็นปาร์ตี้ระดับ 6 ก็คงเพียงพอแล้วที่จะให้เทียบความสามารถ

 

 

แน่นอนว่านักบวชซาร่าก็ตอบรับคำขอของทั้ง 3 ที่เธอมาอิชกะก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของโซระที่เคยช่วยพวกชาวบ้านเมลเท ดังนั้นการช่วยเหลือดาบควันโคหิตก็คงไม่ต่างอะไรกับการช่วยโซระทางอ้อม

 

ถึงเธอจะห่างหายจากการต่อสู้ไปนาน แต่หากเป็นการฝึกสอน 3 สาวที่ไม่คุ้นเคยกับการต่อสู้ในระยะประชิดแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

นอกจากนี้ความสามารถของซาร่านั้นก็ทำให้รองหัวหน้าของภาคีอัศวินมังกรที่มาพบน้องสาวของเธออย่างคลอเดียมาทาบทามให้เธอเข้ามาในกองทัพของอาณาจักรคานาเรียด้วย

 

เอาเป็นว่าพอพวกสาวๆบอกว่าจะฝึก นักบวชซาร่าก็ไม่คิดจะให้พวกเธอผ่านไปด้วยอย่างสบายๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ต่อว่าตะโกนด้วยเสียงที่หยาบคาย แต่บรรยาการแห่งความตึงเครียก็ไม่ได้จางหายไปเลย สภาพของ 3 สาวหลังจบการฝึกจึงเต็มไปด้วยเหงื่อและหายใจไม่ทั่วท้อง

 

หลังจากปล่อยทั้ง 3 สาวไปพัก เธอก็เห็นว่าเด็กน้อยทั้ง 3 คนกำลังช่วยคลอเดียทำความสะอาดคอกมังกรอยู่

 

เพราะในบางครั้งเธอก็มักจะเดินทางไปที่วิหารเทพแห่งกฏหมายเพื่อรักษาผู้ป่วยฟรี วันนี้ก็เช่นกัน แต่เพราะเธอไม่อาจจะดูแลพวกเด็กๆขณะรักษาผู้ป่วยได้ เธอก็เลยขอให้คลอเดียดูแลพวกเขาระหว่างนี้แทน

 

เดิมที่การจะมาไหว้วานบุตรสาวคนที่ 2 ของดยุกให้ดูแลเด็กสามัญชน ก็อาจจะก่อปัญหาหลายๆอย่างขึ้นได้ แต่ก็เป็นทางคลอเดียเองที่บอกว่าไม่ต้องการจะถือตัวเอาฐานะอะไรมาสร้างความห่างเหิน นักบวชซาร่าที่เห็นก็ยอมรับและลองไหว้วานคลอเดียดู แน่นอนว่าเธอก็ตอบรับด้วยความยินดี

 

วิหารเทพเทพสงคราม วิหารแห่งโชคลาภ วิหารพระแม่แห่งผืนดิน —– ก็เรียกได้ว่าเมืองอิชกะเต็มไปด้วยเหล่าผู้ศรัทธาในเทพพระเจ้าที่หลากหลาย นักบวชซาร่าที่กำลังเดินทางไปยังวิหารเทพแห่งกฏหมายซึ่งเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองก็มองดูภาพในเมืองรอบๆไปด้วย พอไปถึงเธอก็ทำการรักษาผู้ป่วยตามที่วางแผนเอาไว้ ส่วนใหญ่แล้วก็ดำเนินไปได้ด้วยดี จะมีเคสหนักๆหน่อยก็คงจะเป็นเคสฉุกเฉินที่มีคนงานตกจากหลังคาระหว่างการก่อสร้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ออกมาในทิศทางที่ดี

 

เมื่อนักบวชซาร่าทำการร่ำลาหัวหน้านักบวชของทางวิหารซึ่งเป็นคนรู้จักเก่าแก่แล้วจะตรงกลับคฤหาสน์ แต่อีกฝ่ายกลับบอกให้เธอรอสักครู่ เพราะมีคนอยากจะพบกับเธอ

 

เธอเดินตามหัวหน้านักบวชไปยังห้องรับแขก ในขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเป็นใครนั้นเอง เธอก็พบว่าคนที่รอเธออยู่คือกิลด์มาสเตอร์ เอลการ์ด ควิส 

 

[เราไม่ได้พบกันมากี่ปีแล้วนะ? ดูเหมือจะยังสบายดีนะครับ นักบวชซาร่า]

 

[ท่านก็เช่นกันนะคะ ท่านเอลการ์ด]

 

นักบวชซาร่าโค้งคำนับอย่างสุภาพให้กับเอลการ์ด

 

หลังทักทายอะไรกันเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ค่อยๆนั่งลงไปยังโซฟา ภายในห้องนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากเอลการ์ดและซาร่า

 

บนโต๊ะตรงหน้าพวกเธอก็มีถ้วยชาสองถ้วยซึ่งไอของมันกำลังลอยขึ้นโชยไปทั่วห้อง เอลการ์ดได้หยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมาก่อนจะปัดไปมาเพื่อดื่มด่ำกับกลิ่นหอมของมัน แล้วค่อยดื่ม

 

นักบวชซาร่าก็ได้แต่มองดูเอลการ์ด ด้วยท่าทางที่สับสนเพราะเธอไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ เอลการ์ดที่เห็นก็เลยกล่าวขอโทษขึ้นมาก่อน

 

[ยังไงฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่เรียกตัวมากระทันหัน ตอนแรกฉันก็มาหาหัวหน้านักบวชเรื่องการเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์ที่คุ้มคลั่งน่ะ พอได้ยินว่าเธออยู่ที่นี่ก็เลยอยากจะชวนมาพูดคุยสักหน่อย]

 

 

[แบบนี้นี่เอง เหนื่อยหน่อยนะคะ]

 

ซาร่าและเอลการ์ดในอดีตก็เคยเป็นฝ่ายภาคสนามของกิลด์นักผจญภัย จะเรียกว่าเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็ได้ แน่นอนว่าทางหัวหน้านักบวก็เช่นกัน แต่บัดนี้ชายตรงหน้าเธอที่ในอดีตเคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความสง่างามและองอาจ มันไม่เหลืออยู่แล้ว จะมีก็แค่ร่อยรอยแห่งความเหนื่อยล้าจากการโหมงาน

 

 

แม้ว่าภัยคุกคามที่เข้ามาโจมตีเมืองอิชกะเมื่อไม่นานมานี้อย่างมอนสเตอร์คุ้มคลั่งกับไฮดราจะจบลงไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่ามันจะจบแค่นั้น เพราะทางเมืองยังต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟูสิ่งที่ถูกทำลายไป ยิ่งเป็นกิลด์นักผจญภัยที่มีหน้าที่ในการรับผิดชอบหลายๆเรื่องแล้วงานย่อมหนักขึ้นไปตาม

 

ภาระที่อยู่บนบ่าของกิลด์มาสเตอร์ย่อมสูงไปตามด้วย

 

ระหว่างนี้ซาร่าก็ได้นึกถึงวันเก่าๆในอดีต

 

อย่างที่บอกไปว่าซาร่ากับเอลการ์ดต่างก็เป็นนักผจญภัย และก็เป็นคู่แข่งในเวลาเดียวกัน เพราะอดีตปาร์ตี้ของเอลการ์ดและซาร่านั้นต่างก็มีความโดดเด่นมาก พวกเขาย่อมต้องรู้จักมักคุ้นกันอยู่แล้ว

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบที่ชื่อว่ากอร์ดอน ซึ่งเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ของซาร่า เขามองว่าเอลการ์ดคือคู่แข่งชั่วชีวิตของเขา หลังจากผ่านการผจญภัยด้วยกันมาเป็นเวลานานผ่านร้อนผ่านหนาวมา สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจแต่งงานกับกอร์ดอน

 

สามีของเธอมักจะชอบบ่นถึงเอลการ์ดอยู่เสมอ แต่ก็เพราะว่าเขายอมรับในตัวเอลการ์ดที่เป็นผู้นำในการแก้ไขเรื่องมอนสเตอร์คุ้มคลั่งบนเขาสกิมเมื่อ 20 ปีก่อน

 

ในเวลานั้น เมืองอิชกะไม่ได้มีกำแพงที่แข็งแกร่งหรือทรัพยากรให้ใช้งานมากเหมือนปัจจุบัน ทั้งตัวเธอและคนอื่นๆก็ถูกบังคับให้ต้องไปต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วน

 

หลายชีวิตต้องสูญเสียไป ไม่ว่าจะเป็น นักผจญภัย ทหาร กองกำลังช่วยเหลืออื่นๆ โชคดีที่ซาร่าและกอร์ดอนรอดชีวิตกลับมาได้ ทว่าสมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือของเธอได้ตายลงไปในสนามรบนั้นหมดแล้ว

 

ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง หลังจบเรื่องนี้ซาร่าและกอร์ดอนก็เลยตัดสินใจลาออกจากกิลด์แล้วกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของเธออย่างเมลเท

 

[หากตอนนี้เธอยังเป็นนักผจญภัยอยู่ก็คงจะดี…แต่ฉันก็เข้าใจว่าเรื่องคราวนั้นเธอสูญเสียไปมากจริงๆ]

 

ทางเอลการ์ดเองก็ไม่ต่างกันเพราะเขาก็สูญเสียสหายไปหลายคนจากเรื่องนั้น นักบวชซาร่าก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

สักพักความเงียบก็ได้ปกคลุมภายในห้อง

 

เอลการ์ดที่เห็นแบบนั้นก็เปิดปากพูดเพื่อทำลายบรรยากาศนั้น

 

[เอาเป็นว่ามาถึงหัวข้อที่ฉันอยากจะเจอเธอแล้วกัน]

 

แน่นอนอยู่แล้วว่าทางซาร่าไม่มีคิดหรอกว่า กิลด์มาสเตอร์อย่างเขาซึ่งงานรัดตัวจะต้องการพบเธอแค่เพราะคิดถึงวันเก่าๆ นอกจากนี้เธอมองว่าเรื่องที่เขาจะคุยด้วยคงเกี่ยวของกับคนรอบตัวเธอมากกว่า และแล้วสิ่งที่เขากำลังจะถามออกมาก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเธอคิดถูก

 

[ฉันได้ยินมาว่าเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของโซระนี่ ช่วยบอกทีสิว่าเธอเห็นชายคนนั้นเป็นคนแบบไหน]

 

เอลการ์ดถามแล้วยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆ

 

[อาจจะเหมือนฉันไปละลาบละล้วงโซระนะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายโซระหรือดาบควันโลหิตอยู่เลย เธอเองก็คงรู้อยู่แล้วว่าทางนั้นเกลียดฉัน ฉันก็เลยอยากจะลองหาทางทำอะไรให้มันดีขึ้นดูน่ะ]

 

เอลการ์ดก็รู้ตัวดีว่าสาเหตุของเรื่องพวกนี้มันก็มาจากตัวเขาเอง

 

เขาตั้งใจจะหาทางคืนดีกับโซระ แม้จะต้องก้มหัวให้ แต่ไม่รู้ว่าทางโซระจะยอมรับหรือเปล่านี่สิ เอลการ์ดก็เลยลองมาคุยๆกับคนรอบตัวเขาดูก่อน

 

พอเอลการ์ดบอกแบบนั้น ซาร่าก็ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบ

 

[ท่านเอลการ์ด ฉันก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าท่านไปมีเรื่องบาดหมางอะไรกับคุณโซระ แต่ต้องขออภัยด้วยที่ฉันคงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรท่านได้]

 

ช่างเป็นการตอบสนองที่ผิดไปจากที่เอลการ์ดคาดหวังจะได้ยินจากซาร่า

 

ทำไมเธอถึงจะพูดแบบนี้ออกมาทั้งที่เขาบอกว่าอยากจะคืนดีกับโซระกันนะ

 

เอลการ์ดคิดว่า การที่ซาร่าอาศัยอยู่กับโซระในคฤหาสน์เป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาอาจจะสามารถใช้เธอเป็นสะพานในการซ่อมแซมความสัมพันธ์ของเขากับโซระได้

 

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เลือกมามั่วๆ แต่เขาเลือกเพราะนิสัยและความคิดของซาร่าที่เป็นนักบวชคอยช่วยเหลือผู้คน ดังนั้นหากเป็นคำขอในคราวนี้เธอก็นับว่าตัวกลางที่เหมาะสมมาก

 

แถมเป็นไปไม่ได้หรอกที่ซาร่าจะไม่รู้ว่าโซระกับกิลด์มีเรื่องอะไรกัน ตราบใดที่เธออาศัยอยู่ในเมืองอิชกะ เธอย่อมได้ยินอะไรมาบ้างระดับหนึ่งอยู่แล้ว

 

เมืองอิชกะที่มีนักผจญภัยอยู่มากมาย คงจะเป็นเรื่องที่แย่มากจริงๆสำหรับโซระที่ต้องมีปัญหากับพวกเขา หากสามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายได้ โซระอาจจะดีใจ—–นั่นคือสิ่งที่ซาร่าคิด แต่ถึงเธอจะคิดแบบนั้นเธอก็ไม่มีความตั้งใจจะไปยุ่งอะไรด้วย

 

โซระได้ปฏิบัติตัวต่อซาร่า ลูกและคนรอบตัวของเขาด้วยความเมตตาอย่างหาที่สุดไม่ได้ เป็นความเมตตาที่ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรเลย เขาช่วยเหลือพวกเธอแม้จะไม่ร้องขอ แต่หากเธอเข้าไปยุ่งระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับกิลด์โดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ บางทีสายตาของโซระที่มองมายังเธออาจจะเปลี่ยนไปด้วยก็ได้

 

นอกจากที่โซระจะมีความสัมพันธ์กับเอลการ์ดแย่กว่าเดิมเพราะเธอ ดังนั้นเธอก็เลยเลือกที่จะปฏิเสธคำขอของเอลการ์ด

 

เมื่อสัมผัสได้แล้วว่า ซาร่าปฏิเสธคำขอของเขา เอลการ์ดก็พูดขึ้นมาจากใจจริง

 

[เห้อ ช่วยไม่ได้สินะ ถึงทางฉันอยากจะลองเปิดอกคุยกันแต่….แต่สำหรับโซระแล้ว ฉันก็คงเป็นแค่พวกหยิ่งยโส ผยองไม่สนใคร ขอโทษด้วย—–ไม่สิต้องขอขอบคุณจริงๆที่มาเสียสละเวลาฟังเรื่องของทางนี้]

 

จากนั้นเขาก็บอกลาซาร่าและออกจากวิหารไป ไม่ใช่เพราะว่าพอโดนปฏิเสธซาร่าก็หมดประโยชน์ แต่เป็นเพราะตารางงานของเขามันไม่เอื้ออำนวยจริงๆ

 

หลังจากเอลการ์ดออกไปแล้ว ซาร่าก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและวางมือไว้บนแก้มของเธอ เธอไม่ได่รู้สึกเสียใจที่ปฏิเสธคำขอของเอลการ์ต แต่เธอแค่เป็นกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโซระและกิลด์ ใจจริงเธอก็อยากให้เรื่องมันจบลงด้วยดีเหมือนกัน 

 

แล้วคำพูดของเอลการ์ดก็ผ่านหัวมาในหัวเธออีกครั้ง

 

[“ช่วยบอกทีสิว่าเธอเห็นชายคนนั้นเป็นคนแบบไหน”……]

 

พอมานึกดูเธอเห็นโซระเป็นคนแบบไหนกันนะ

 

แน่นอนว่าถึงเขาจะใจดีกับเธอและพวกเด็กๆ แต่เขาก็ไม่ใช่คนดี

 

ความไม่ลงรอยกันของราสและอิเรียหลังกลับมาที่หมู่บ้านต้องเกี่ยวข้องกับโซระแน่ๆ นอกจากนี้อดีตสมาชิกปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะทุกคนยกเว้นราวก็ออกมาเข้ากับแคลนดาบควันโลหิตกันหมด เห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรแปลกๆ

 

เวลาออกไปซื้อของหรือช่วยเหลือวิหาร เธอก็ย่อมได้ยินข่าวลือหลายๆอย่าง ซาร่าเข้าใจดีอยู่แล้วว่าโซระย่อมมีด้านมืดและด้านที่โหดร้ายอยู่

 

วีรบุรุษผู้ดึงดูดเอาทุกสายตาของคนในอาณาจักรคานาเรียตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันนะ

 

จะว่าไปแล้วบางครั้งที่เธอเข้าไปหยอกล้อโซระ เขาเองก็ดูเหมือนจะขวยเขินจนเมินหน้าหนีเหมือนกันทำให้ดูน่ารักสมเป็นวัยรุ่นดี แต่ในบางครั้งเธอก็แอบรู้สึกประหลาดใจกับสายตาที่โซระใช้มองมายังเธอเหมือนกัน มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนกับงูตัวหนึ่งกำลังจ้องจะกินเหยื่อของตนอยู่เลย

 

ซาร่าที่คอแห้งอยู่ก็เลยเลือกจะหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มดับกระหาย

 

[…..หืม?]

 

เสียงแห่งความสับสนออกมาจากปากเธอเพราะชาที่เธอดื่มนั้นมันเย็นชืดไปแล้ว จนทำให้รู้ว่าเธอได้นั่งคิดอะไรคนเดียวมาพักใหญ่ๆแล้ว จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมา

 

[เราคงคิดมากเกินไปเองนั่นแหละ ผู้หญิงรอบตัวคุณโซระก็มีแต่คนที่น่าดึงดูดใจตั้งเยอะ การที่เขาจะมาสนใจอะไรในตัวเราคงไม่มีทางเสียหรอก]

 

นั่นเป็นคำพูดที่เธอรู้สึกมาจากใจของเธอจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนการตอกย้ำด้วยว่าไม่ควรไปนึกถึงมันอีก

 

หลังจากนั้นเธอก็ออกมาจากวิหารแล้วกลับไปยังคฤหาสน์ด้วยย่างก้าวที่ดูหนักขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน