ตอนที่ 173 วังวนทะลวงดวงดาว
หลังจากนับถึงสิบ ผมก็ให้สัญญาณวิสทีเรีย
「ตอนนี้แหละ!」
หลังจากเชื่อว่าคลื่นลมหายใจของเบฮีมอธน่าจะเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว ผมก็ปรับองศาของบาเรียเพื่อเบี่ยงการโจมตีช่วงสุดท้ายออกไป
ในเวลาเดียวกันผมก็ให้วิสทีเรียเริ่มทำตามที่คุยกันไว้ เอลฟ์ผิวสีแทนตอบรับคำพูดของผมแล้วขึ้นไปขี่คราว โซราสเพื่อบินกลับไปยังเลโลโอเอซิส
ระหว่างนี้ผมก็ต้องควบคุมบาเรียอย่างระมัดระวัง หากเบฮีมอธแสดงท่าทีว่าจะเบนวิถีเล็งไปทางวิสทีเรียผมก็ต้องรีบเข้าไปช่วยเธอทันที
โชคดีที่การโจมตีของมันไม่ได้เปลี่ยนวิถี
ไม่รู้เพราะอะไรแต่เหมือนอีกฝ่ายจะเล็งมาทางผมแค่คนเดียว ก็ไม่ได้จะบ่นอะไรหรอกนะ ดีด้วยซ้ำเพราะผมจะได้มีสมาธิกับการต่อสู้โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก
เพราะการโจมตีของศัตรู ทรายในทะเลทรายจึงหลอมละลายจนหมด พื้นตรงหน้าของผมตอนนี้ก็เหมือนกับพื้นบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ แต่คงไม่มีปัญหาอะไรหากใช้การย่างก้าวพุ่งไปมาบนฟ้าเหมือนตอนสู้กับปาซูซุ
เมื่อพิจารณาแล้วว่าวิสทีเรียอยู่ห่างจากตรงนี้พอสมควร ผมก็เริ่มตั้งท่าด้วยดาบในมือขวาส่วนมือซ้ายก็ใช้ในการสร้างบาเรียรับมือกับการโจมตีของเบฮีมอธ
หากผมสามารถโจมตีมันระยะนี้แล้วทำให้มันจอดได้เลยก็คงจะดี แต่คงเป็นไปไม่ได้สำหรับศัตรูที่สูงสุดฟ้าแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม ผมก็สามารถใช้จังหวะสั้นๆ หยุดลมหายใจของมันแล้วร่นระยะทันที
ตอนนี้คงต้องโฟกัสไปในการใช้เหล็ก (ทะลวง) เหมือนกับที่ใช้ในตอนสู้กับไฮดรา หากวายุคือเทคนิคในการกวาดระยะไกลเป็นวงกว้าง เหล็กก็คือการโจมตีแบบทะลวงระยะไกล
ลมหายใจของเบฮีมอธกำลังเริ่มอ่อนกำลังลงจนกลายเป็นเพียงคลื่นแสงเล็กๆ ในการสวนกลับไปจังหวะนี้การใช้เหล็กจะเหมาะสมกว่าวายุ
มายาดาบเดียว เหล็ก ก็เหมือนกับหอกทะลวง
แต่ตอนนี้ผมทำการสร้างภาพในหัวเป็นหอกที่ขนาดใหญ่ที่หมุนวน――วังวนที่คมกริบราวกับหอก หมุนวนเหมือนเกลียวตะปู ซึ่งสามารถทะลวง คว้านร่างของศัตรูให้ทะลุที่ระดับสูงยิ่งกว่านั้น
พลังคิที่ใช้ในการสร้างบาเรียถูกโอนถ่ายไปยังเทคนิคนี้ แน่นอนว่าพอพลังป้องกันลดลงร่างของผมจึงถูกการโจมตีของเบฮีมอธผลักกลับมา แต่ตอนนี้ไม่มีวิสทีเรียหรือคราว โซราสอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหา
ผมได้รีดเร้นเอาพลังคิมาใส่จนขีดสุดเพื่อปลดปล่อยทักษะดังกล่าวเพื่อทะลวงคลื่นแสงของมัน
「มายาดาบเดียว――วังวนทะลวง!」
◆◆◆
――คึก คึก คึก
『สิ่งนั้น』――เบฮีมอธส่งเสียงออกมา
ประหลาดใจ โกรธ เศร้า งุงงน น้ำเสียงซึ่งแฝงไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ลมหายใจของมันนั้นทรงพลังมากเสียจนแผดเผาสิ่งที่อยู่รอบข้างมันไปด้วย เหล่าเด็กๆ ของมันต่างก็กลายเป็นเศษเนื่อที่ถูกหลอมละลายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกสักพักแล้ว พวกที่คอยมากัดกินร่างของมันก็ค่อยๆ หายไปเพราะความร้อนจากลมหายใจที่ยาวนานด้วย
เบฮีมอธรู้สึกเศร้าโศกกับเรื่องนี้มากจึงต้องรีบหาทางจัดการกับศัตรู แต่อีกฝ่ายกลับไม่หายสิ้นลมไปเพราะการโจมตีของมัน คลื่นมรณะที่ทะลวงทุกสิ่ง มันคือของที่เบฮีมอธใช้ฆ่าศัตรูมาแล้วนับไม่ถ้วน
แต่คราวนี้กลับไม่ได้ผล ไม่สิห่างไกลกับคำว่าสร้างบาดแผลได้ด้วยซ้ำ――
――มันคือการปฏิเสธต่อการพิพากษาแห่งโลก มนุษย์ตัวจ้อยที่น่ารังเกียจ
ร่างของมันเริ่มสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีคนเข้าใกล้มันมากขึ้น ความเร็วในการพุ่งเข้ามาหานั้นสูงมากราวกับเขากำลังควบอาชาเหล็กข้ามผืนทราย
มันจึงพยายามจะใช้ลมหายใจอีกครั้ง แต่คราวนี้ศัตรูไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง การพุ่งไปมาหลายทิศทางระหว่างการร่นระยะทำให้มันเล็งได้ยากขึ้น
มันเองก็คิดจะใช้ลมหายใจในการกวาดศัตรูเหมือนกัน แต่การโจมตีก่อนหน้าก็พิสูจน์ได้แล้วว่าหากไม่รวมพลังไว้ตรงจุดเดียวคงไม่สามารถทำลายบาเรียของอีกฝ่ายได้
นอกจากนี้หากฝืนปล่อยลมหายใจต่อไป พวกเด็กๆ ของมันจะได้รับอันตรายไปด้วย
เนื่องจากผลกระทบของลมหายใจ ความร้อนที่สูงเกินจะทนไหวได้เกิดรอบตัวมัน มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ ตัวมันจึงถูกฆ่าตาย พวกที่กำลังเกาะตามลำตัว ขา หางก็เหมือนจะทรมานกับอุณหภูมิที่สูงนี้ไม่น้อย
หากยังฝืนใช้ไปมั่วกว่านี้ พวกที่เหลือคงจะไม่รอดด้วยเหมือนกัน
มันต้องใช้เวลานานสักเท่าไหร่กันถึงจะบ่มเพาะชีวิตนับไม่ถ้วนให้เกิดขึ้นมาจากทะเลทรายซึ่งขาดการอวยพรจากโลก ด้วยเหตุนี้เองการเสียสละพวกเด็กๆ ของมันในคราวเดียวให้กับศัตรูเพียงคนเดียวจึงเป็นนเรื่องที่มันรับไม่ได้ แม้ว่าจะฝ่ายจะมีกลิ่นของมังกรที่แสนน่ารังเกียจก็ตาม
มันคือความลังเลใจของมันในฐานะมารดาแห่งเหล่ามอนสเตอร์ นั่นจึงทำให้ระยะห่างของมันกับอีกฝ่ายน้อยลงไปอีก
ในช่วงเวลานี้ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายในตัวของมันก็ถือกำเนิดขึ้น มันคล้ายกับความโกรธ แต่ก็ไม่ใช่ความโกรธ
การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของมันคือลมหายใจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เกือบจะเป็นวิธีการโจมตีเดียวของมันด้วย
ปราการปืนใหญ่คลื่นทะลวงที่สามารถยิงได้จากระยะไกลมากๆ มันคือความสามารถเฉพาะตัวของเบฮีมอธ มันถูกสร้างมาเพื่อให้ร่างกายที่ใหญ่โตของมันใช้โดยเฉพาะ ปากคือปากกระบอกปืน ลำตัวคือปราการ ขาคือตัวค้ำยัน สิ่งอื่นใดล้วนไม่จำเป็นอีก
แต่ในขณะเดียวกันหากศัตรูสามารถเข้าใกล้ได้ การตอบสนองของมันก็จะอ่อนลง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวลขนาดนั้น
เพราะก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้จะไม่สามารถใช้ลมหายใจแต่ แต่มันก็ยังมีมือเท้าไว้คอยเหยียบย่ำอีกฝ่าย ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตนี้ย่อมได้เปรียบ นอกจากนี้ผิวหนังของมันก็หนาเสียยิ่งกว่ากำแพงของเบลก้า อาวุธของพวกมนุษย์สามารถสร้างได้เพียงแค่รอยข่วน จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีอะไรจะทำให้มันเข้าใกล้ความตายได้เลย
มันใช้เวลามากกว่าพันปีในผืนทะเลทรายนี้ มันคือผู้ปกครองดินแดนนี้มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน――เพราะไม่มีสิ่งใดโค่นล้มมันได้
นานมาแล้วตัวมันก็เคยมีพวกพ้องอยู่หลายตน
แต่ต้องขอบคุณพวกมอนสเตอร์ที่ช่วยทำให้มันในอดีตสามารถอยู่รอดมาได้ ในขณะที่พวกพ้องของมันต่างก็พ่ายแพ้ให้กับมนุษย์และดาร์คเอลฟ์ไปทีละตน
มอนสเตอร์สอนให้มันกัดกินและหล่อเลี่ยงชีวิตใหม่ด้วยเลือดเนื้อของมัน
ใช่แม้จะเป็นวันนี้ก็ตาม
และถึงจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็จะไม่เปลี่ยนไป ไม่สิมันไม่ควรจะมีอะไรมาเปลี่ยนความเป็นจริงนี้ได้
――ข้าคือคมเขี้ยวแห่งโลก ผู้ชำระล้างผืนดิน การต่อต้านข้าก็เหมือนกับการขัดขืนโลก เจ้ามนุษย์ เจ้าต้องหยุดบัดเดี๋ยวนี้
มันได้ส่งเสียงเตือน
จิตลวงตาของมันถักถอขึ้นมาเป็นค้อนที่มองไม่เห็นแล้วเข้าโจมตีร่างของมนุษย์ หากเป็นคนธรรมดา เพียงแค่สิ่งนี้ก็สามารถทำลายมนุษย์ไปจนถึงวิญญาณได้
ทว่าสิ่งนั้กลับไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย
「เออ ยินดีที่ได้เจอ ราชาแห่งสัตว์ร้ายเอ๋ย」
เสียงที่ดังมาจากบนฟากฟ้า
ในมือของอีกฝ่ายถือคาตานะสีดำและยืนอยู่บนท้องฟ้าในจุดที่มนุษย์ไม่ควรยืนอยู่ได้ ก่อนจะมองลงมาที่มันด้วยสายตาแสนจองหอง
「ไอ้เสียงแปลกๆ เมื่อกี้ที่ได้ยินนั่นเป็นการทักทายของเผ่าพันธุ์ในตำนานเหรอ? อะไรนะ คมเขี้ยวแห่งโลก เอาเถอะแต่แกไม่รู้หรือไงว่าการมาโจมตีชาวบ้านก่อนแล้วมาบอกให้อีกฝ่ายหยุดมันมีซะที่ไหนกัน」
อีกฝ่ายไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาเลย
พอพูดจบมนุษย์ก็ยกดาบสีดำของเขาด้วย
「หากคิดว่าตัวเองเป็นผู้พิทักษ์กฎแห่งโลกบ้าบออะไรนั่น ก็ทำตัวให้มันคู่ควรหน่อยละกัน อย่าได้คิดวิ่งหางจุกตูดเหมือนไฮดราซะล่ะ ราชาแห่งสัตว์ร้าย」
มันคือการประกาศสงครามกับมัน น้ำเสียงของมนุษย์เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในชัยชนะ
เหล่ามอนสเตอร์จำนวนมากกำลังส่งเสียงคำรามออกมาราวกับประณามความจองหองของอีกฝ่ายและหลังจากนั้นมอนเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ตามร่างกายของมันก็เริ่มออกมาเคลื่อนไหว
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code