ตอนที่ 179 พูดคุยต่อหน้า
การพบกันระหว่างผมกับเจ้าหญิงซากุยะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผมเดินทางไปถึงคฤหาสน์ของดยุกดรากูนอทที่อยู่เมืองหลวง ในวันเดียวกันนั้นเองผมก็ได้รับคำเชิญให้เข้าเฝ้าจากทางเจ้าหญิงทันที
ก็แอบประหลาดใจเหมือนกัน เพราะตอนแรกคิดไว้ว่าน่าจะต้องทำนั่นนี่รออีกสัก 2-3 วัน
พอถามกับทางดยุกดรากูนอท เขาก็บอกว่าเป็นคำสั่งของทางเจ้าหญิง หากว่าผมมาถึงให้รีบแจ้งกับเธอทันที
ขณะที่ผมเดินผ่านทางเดินของวังไปพร้อมกับดยุกดรากูนอท ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าเจ้าหญิงคงไม่มีทางเชิญผมมาเพราะสนใจชื่อเสียงของผมเฉยๆ แน่
ห้องที่ผมถูกพาไปนั้นคือห้องที่ผมกับคลอเดียได้เข้ามาไปกับกษัตริย์และทางรัชทายาทก่อนหน้านี้ ภายในนั้นก็มีทั้งเจ้าหญิงที่รออยู่แล้ว ส่วนข้างๆ ก็มีคลอเดียซึ่งทำงานอยู่ภายในวังในฐานะคนดูแลสันตะปาปา
ทางดยุกดรากูนอทเหมือนจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน พอเขาเข้ามาในห้องสีหน้าจึงแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย เจ้าหญิงที่เห็นก็ยิ้มแล้วเอาพัดขึ้นมาปิกปากตนไว้
「ฉันคงไม่สามารถมาพบกับชายหนุ่มที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วตามลำพังได้หรอกค่ะ ท่านปาสคาล」
หลังจากเรียกชื่อของดยุกดรากูนอทเสร็จ เจ้าหญิงก็มองมาทางผมแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
「ยินดีที่ได้พบค่ะ ดราก้อนสเลเยอร์ ฉันซากุยะขอขอบคุณจริงๆ ที่ท่านตอนรับคำเชิญของฉันทันที」
คำพูดที่ดูสงบนิ่งของเธอชวนให้ผมประหลาดใจ
จากที่คลอเดียบอกผมวันก่อน เจ้าชายเอซ่าเหมือนจะไม่ชอบทัศนคติที่เย่อหยิ่งของซากุยะเป็นอย่างมากเมื่อได้เจอตัวจริงตอนไปจักรวรรดิ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขาอยากจะกลับมาขอคืนดีกับคลอเดีย
ภาพในหัวของผมมันก็เลยจะเป็นประมาณเจ้าหญิงที่เอาแต่ใจชอบแสดงความยิ่งใหญ่ออกมาให้คนอื่นเห็น
หลังจากได้ยินที่ดยุกดรากูนอทบอกในตอนหลังว่าท่าทางของเธอที่แสดงออกมาตอนอยู่ในวังมันไม่ใช่แบบนั้น ผมก็เลยพอเบาใจลงแต่ยังไงก็ไม่ปักใจเชื่อซะหมด
แต่พอมาได้เจอตัวจริงที่แสดงความอ่อนโยนและสุภาพออกมาเช่นนี้ พร้อมกับใบหน้าที่งดงามสมเป็นเจ้าหญิง มันก็เลยทำให้นึกไม่ออกว่าท่าทางที่รัชทายาทเอซ่าเห็นมันของจริงเหรอ
จากนั้นผมก็ทำการโค้งคำนับเธอ
「ยินดีที่ได้พบครับ เจ้าหญิง」
ผมก้มหัวของสุภาพโดยสัมผัสได้ว่าสายตาของเธอจ้องผมอย่างไม่ลดละเลย แถมมีอยู่ครู่หนึ่งที่เหมือนเห็นแสงวาบบางอย่างออกมาจากตาของเธอด้วย แต่ก่อนที่จะได้ยืนยันว่าคิดไปเองไหม เจ้าหญิงก็ชิงพูดขึ้นก่อน
「ทั้งทางท่านดราก้อนสเลเยอร์กับท่านปาลคาลเชิญนั่นก่อนเถอะค่ะ เนื่องจากมีเวลาอยู่ไม่มากนัก แต่ฉันก็อยากจะฟังเรื่องราวของท่านดังนั้นอย่าเสียเวลาพิธีการอะไรอีกเลยね」
ด้วยเหตุนี้เองผมจึงได้ทำการพูดคุยกับเจ้าหญิง ดยุกดรากูนอทและคลอเดีย
แต่ถึงจะบอกว่าเป็นการพูดคุย ผมที่ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์การพูดคุยกับเจ้าหญิงทำนองนี้มาก่อน ก็เลยตกเป็นฝ่ายฟังแทนถาม
โดยยกให้เจ้าหญิงเป็นคนนำการพูดคุย เธอทำการพูดคุยกับผม ดยุกดรากูนอท และคลอเดียด้วยรอยยิ้มอย่างช่ำช่อง
เนื้อหาที่คุยกันก็ไม่ใช่เรื่องชวนปวดหัวอะไร ไม่มีเรื่องเชิงกิจการภายในของจักรวรรดิ เรื่องพวกพ้องของผม หรือแนวทางอนาคตของอาณาจักรคานาเรีย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะพูดคุยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างไร้เดียงสาเสียทีเดียว จากที่ผมเห็น ดูเหมือนเธอจะค่อยๆ สืบหาความสัมพันธ์ระหว่างพวกผม 3 คน
ก่อนหน้านี้ผมกับคลอเดียก็ได้เข้าวังมาเพื่อแสดงการเกี้ยวพาราสีต่อหน้ากษัตริย์และองค์รัชทายาท ก็จริงว่าในห้องนั้นไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเรา แต่ระหว่างทางที่ไปผมกับคลอเดียก็ได้เดินจับมือกันตลอด หากความสัมพันธ์ระหว่างดราก้อนสเลเยอร์และบุตรสาวแห่งดยุกดรากูนอทจะเป็นประเด็นร้อนขึ้นภายในวังก็ไม่แปลก
เจ้าหญิงคงอยากจะได้ข้อมูลเพิ่มเต็มในส่วนนี้
ในขณะเดียวกันมันก็แสดงให้เห็นถึงการประเมินความสนิทสนมระหว่างผมกับดยุกดรากูนอท ในฐานะว่าที่ราชินีแห่งคานาเรียแล้ว เธอย่อมต้องรู้ความสัมพันธ์ดังกล่าวเอาไว้ก่อน
ถึงจะไม่รู้ว่าในอนาคต จะต้องเป็นมิตรหรือศัตรูกันแต่หากมีข้อมูลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ผมสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจากการพูดคุยของเธอ
อย่างที่คิด….ผมพูดกับตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนที่มีดีแค่หน้าตา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในหัวของเธอต้องมีแผนการอยู่มากมาย เธอรู้จักวิธีการใช้คำพูด รู้จักการวางตัวโดยเอาคลอเดียมาด้วยเพื่อไม่ให้เกิดข้อเข้าใจผิดอะไรขึ้น เข้าใจในตัวของมนุษย์
ก็ถือว่าเป็นคนที่มีเหตุผลซึ่งสามารถคุยได้รู้เรื่องระดับหนึ่งเลย
ไม่แปลกใจที่ทำไมดยุกดรากูนอทถึงถูกอกถูกใจเจ้าหญิงองค์นี้
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถึงในอนาคตแม้ว่าเธอต้องการจะยึดอำนาจของอาณาจักรมาทางฝั่งตนและกลายเป็นศัตรูกับดยุก แต่เธอก็คงจะฟังคำพูดของฝ่ายตรงข้ามอย่างมีเหตุมีผล
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางจะเกิดขึ้นกับองค์รัชทายาทเอซ่าได้แน่ ในความคิดของเขาคงมีเพียงฟังเสียงพวกพ้องล้างบ้างศัตรู คำพูดของอีกฝ่ายคงส่งไปไม่ถึงแน่
จากมุมของดยุกแล้ว เขาคงอดห่วงไม่ได้จริงๆ ถึงเรื่องของคลอเดียที่สร้างความร้าวฉานระหว่างดยุกกับราชวงศ์ หากองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์มีอำนาจเต็ม รอยร้าวดังกล่าวคงใหญ่และกว้างขึ้น
ในขณะที่พยายามหาทางออก พอเห็นเจ้าหญิงที่เข้าใจในเรื่องราวเกมการเมืองปรากฏตัวขึ้นในฐานะคู่ครองขององค์รัชทายาท เขาจะดีใจก็ไม่แปลก
ก็จริงว่าจักรวรรดิต้องการจะกำจัดคลอเดียทิ้ง แต่มันก็จินตนาการได้ยากว่าเจ้าหญิงวัยเพียง 14 15 ปีนี้หรือจะมีส่วนสมรู้ร่วมคิดเรื่องนี้ พอคิดว่าจินโบได้แฝงตัวเข้ามานานกว่า 1 ปีแล้วด้วย ความเป็นไปได้ก็ยิ่งน้อยกว่าเดิม
เอาเป็นว่าความกังวลในตอนแรกเกี่ยวกับนิสัยของเธอที่ได้ยินมาจากฝั่งรัชทายาท ผมก็เบาใจไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เธอไม่น่าจะประเภทหาเรื่องคนที่เจอกันตั้งแต่ครั้งแรกด้วย หรือถึงจะเป็นพวกพ้อง คนที่ต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตก็น่าจะไม่ทำอะไรแย่ๆ ใส่โดยไม่มีเหตุผล
ดังนั้นการกระทำแย่ๆ ของเธอในตอนแรกที่เจอกับองค์รัชทายาท เธอน่าจะทำไปเพื่อทดสอบความสามารถของเขาหรือไม่ก็อยากเปิดอกให้ได้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับตน――ระหว่างที่คิด ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้น โดยคนที่เข้ามานั้นเป็นหนึ่งในข้ารับใช้ซึ่งแจ้งว่าทางกษัตริย์กำลังเรียกเจ้าหญิงให้เข้าเฝ้า
พอได้ยินแบบนั้น เจ้าหญิงก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยความผิดหวังและมองมาทางผม
「ดูเหมือนว่าจะคุยกันได้แค่นี้นะคะ เสียใจจริงๆ ทั้งที่เชิญท่านดราก้อนสเลเยอร์มาเองแท้ๆ 」
「แค่กระหม่อมได้เห็นใบหน้าของพระองค์ก็เป็นเกียรติแล้ว อย่าห่วงเลยพ่ะย่ะค่ะ」
ระหว่างที่ผมกำลังพูดสำนวนที่ไม่คุ้ยเคยกับปากตัวเอง เจ้าหญิงก็ทำการปิดปากตัวเองด้วยพัดและพูดต่อ
「ไม่จำเป็นต้องฝืนพูดทางการอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ใช่คนใจแคบถึงขนาดไม่ยอมปล่อยผ่านคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ด้วย」
「ฮ่ะ ถ้าเช่นนั้นผมจะจำไว้」
「นอกจากนี้ฉันก็อยากจะสานสัมพันธ์อันดีกับท่านดราก้อนสเลเยอร์ต่อไปด้วย ถ้ายังไงในพิธีแต่งงานครั้งนี้ ท่านสะดวกมาร่วมด้วยหรือเปล่าคะ? 」
แล้วใครมันจะไปพูดปฏิเสธต่อหน้าเจ้าหญิงได้กันล่ะ สุดท้ายก็เลยต้องยอมไป นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคลอเดียให้คนอื่นได้รู้ด้วย การร่วมงานจึงไม่เสียหายอะไร
วิสทีเรียก็กำลังพยายามประสานกับอนิม่าของตัวเองให้ได้ในป่าทีทิส ก็จริงว่าผมคงอยู่เมืองหลวงนานไม่ได้นัก แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอมีพัฒนาการที่ดีจนสามารถทนปาซูซุไว้ได้ระดับหนึ่งแล้ว เวลาที่ผมกับเธอต้องห่างกันจึงมีมากขึ้น
ถ้าพูดให้ชัดก็คือตอนนี้ปาซูซุไม่สามารถครองร่างของเธอได้แล้ว แม้ว่าจะยังดึงพลังของอนิม่าออกมาไม่ได้ แต่หากได้ฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ โดยใช้รังของราชาแมลงวันเป็นจุดพักก็น่าไม่จะมีปัญหา
หลังจากได้ยินการตอบรับของผม เจ้าหญิงก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วกล่าวต่อท้าย
「ท่านดราก้อน――ไม่สิ ท่านโซระ หากท่านมีปัญหาอะไรอย่าลังเลที่จะเข้ามาพูดคุยกับฉันนะคะ ฉันพร้อมช่วยท่านเสมอ」
「ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับความเมตตา หากถึงเวลานั้นจริงผมคงต้องขอพึ่งใบบุญท่านเสียแล้ว」
ผมก้มหัวให้กับเธอ
แน่นอนว่าก็เป็นพูดไปตามมารยาท ยังไงตอนนี้ผมก็สามารถจัดการทุกเรื่องได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว และถึงจะไม่เป็นแบบนั้นผมก็ไม่คิดจะติดหนี้พวกราชวงศ์หรอก เอาเป็นว่าก็ได้รู้แล้วว่าเธอต่างจากที่ได้ยินมา―― ในตอนนั้นผมคิดเพียงแค่นี้จริงๆ
โดยไม่รู้เลยว่าผมจะต้องมาขอพึ่งพาพลังของเธอหลังจากนั้นไม่ถึง 3 วัน
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code