ตอนที่ 183 สายสัมพันธ์ลับ
หลังจากได้ยินเรื่องราวของไคลอา ผมก็มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองหลวงฮอรัส
หากผมไม่อยากจะก้มหัวให้กับตระกูลและไม่อยากใช้กำลังในการฝ่าเข้าไป มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเจรจากับตระกูล
โดยผ่านจักรวรรดิแอด แอสเทร่าหรือจักรพรรดิผู้ปกครองจักรวรรดิ
ตระกูลมิตสึรุกินั้นได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิในการทำหน้าที่ปกป้องประตูปีศาจและพวกเขาคงไม่สามารถยุ่งกับคนที่จักรพรรดิดูแลได้ หากผมได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิ ผมก็น่าจะสามารถเดินผ่านเข้าไปข้างในได้สบาย
ปัญหาต่อมามันก็ตกอยู่ที่――ผมจะไปเจอเขาได้ยังไง
เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะเดินเข้าวังไปตรงๆ แล้วบอกว่าอยากพบเขา ก็จริงว่าเกือบ 10 กว่าปีก่อนผมก็เคยได้พบเขาในงานเลี้ยงของจักรวรรดิในนามของพ่อผมดังนั้นจะพูดว่าไม่รู้จักกันเลยก็ไม่ใช่…แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่ได้อยากจะหวังเข้าพบได้ด้วยเรื่องแค่นี้หรอก
ตอนแรกก็คิดว่าจะใช้ฉายาดราก้อนสเลเยอร์ของตัวเองประโคมชื่อภายในจักรวรรดิ ยิ่งรวมเข้ากับการใช้เทคนิคมายาดาบเดียวเข้ากำจัดพวกมอนสเตอร์มากมาย ความโดดเด่นคงจะได้มามากพอสมควร นอกจากนี้งานประลองการแข่งขันหลายๆ อย่างในจักรวรรดิหากผมเข้าร่วมก็น่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก
เมื่อชื่อเสียงภายในจักรวรรดิของผมมากพอสมควรแล้ว โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิก็น่าจะมากตามไปด้วย
ทว่าวิธีดังกล่าวมันขาดความแน่นอนและใช้เวลามากจนเกินไป เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่คลิมเจอกับความรู้สึกของไคลอาแล้ว ยังไงก็ต้องรีบหาทางผ่านเข้าไปในประตูปีศาจให้เร็วที่สุด
หลังจากคิดได้ดังนี้ผมก็สรุปได้ว่าควรจะใช้สายสัมพันธ์ลับเข้าชาวย
สายสัมพันธ์ที่จะนำพาผมเข้าถึงตัวจักรพรรดิได้ โดยสายสัมพันธ์ที่ว่าก็มีอยู่ด้วยกัน 2 อย่าง
อย่างแรกก็คือใช้เจ้าหญิงซากุยะซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของจักรพรรดิ อีกอย่างก็คือพระสันตะปาปาโนอาห์ของวิหารเทพแห่งกฎหมาย
เจ้าหญิงจะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับจักรพรรดิ ส่วนสันตะปาปามีความสัมพันธ์ในเชิงการเมืองและให้ความช่วยเหลือจักรวรรดิมาช้านาน หากใช้ 1 ใน 2 ทางเลือกนี้ผมน่าจะเข้าพบจักรพรรดิได้ในเวลาอันสั้น
แน่นอนว่าไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าทั้งสองคนจะตอบรับคำขอของผม นอกจากนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งสองคนนั้นจะเจอผมได้หรือเปล่าเนื่องจากต้องจัดการงานแต่ง
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมรีบกลับมายังเมืองหลวงและเข้าพบดยุกดรากูนอท จากที่ผมคำนวณเจ้าหญิงหรือสันตะปาปาไม่มีทางปฏิเสธคำขอของทางดยุกได้แน่แม้ว่าตนจะยุ่งขนาดไหน
ก็อยากจะขอโทษเขาอยู่เหมือนกันแต่มันเป็นกรณีฉุกเฉินจริงๆ แน่นอนว่าผมพร้อมจะตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้อย่างเต็มที่
ทว่าโชคไม่ดีเมื่อผมเดินทางไปถึงคฤหาสน์ของเขา ดยุกกลับไม่อยู่ที่นั่นแต่อย่างน้อยก็โชคดีที่ลูกสาวคนโตของเขา แอสทริดยังอยู่ในคฤหาสน์ เมื่อแอสทริดได้ยินสถานการณ์ทั้งหมดจากปากของผม เธอก็ตอบรับคำขอแล้วรีบเข้าไปที่วังทันที
ทว่าถึงอีกฝ่ายจะรับฟังคำขอของผมแล้ว ผมก็ยังนั่งชิลๆ อย่างสบายใจไม่ได้
ในที่สุดหลังจากแอสทริดได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ดยุกดรากูนอทที่อยู่ในวังฟัง การประสานงานให้ผมกับเจ้าหญิงพบเจอกันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อแอสทริดได้มาแจ้งผลการพูดคุยให้ผมฟังพร้อมรอยยิ้ม ผมก็ทำได้เพียงก้มหัวขอบคุณเธอ
◆◆
「ไม่ได้พบกันมาสักพักเลยนะคะ ท่านโซระตั้งแต่การพูดคุยกันเมื่อคราวก่อน」
เจ้าหญิงซากุยะกล่าวออกมาขณะมองมายังผมด้วยความสนอกสนใจ
ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงความไม่พึงพอใจออกมา แต่ผมก็รู้ดีว่าทุกวินาทีของเธอมีค่าราวกับผงทองคำ เพราะเธอคือตัวหลักงานพิธีแต่งงานในครั้งนี้
ก่อนอื่นคงต้องขอโทษเธอที่ฝืนใช้อำนาจของดยุกมาพบเธอ
「เนื่องจากเป็นเหตุฉุกเฉินผมเลยต้องรีบมาพบท่านเช่นนี้ ดังนั้นต้องขออภัยในความหยาบคายคราวนี้ด้วย」
「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทางฉันก็เป็นคนบอกท่านเองว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ」
พอพูดจบ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นโหมดจริงจัง
「ดูจากสีหน้าของท่านแล้วคงเป็นเรื่องด่วนมากจริงๆ เชิญกล่าวธุระมาได้เลยค่ะ」
「ฮ่ะ ถ้าเช่นนั้นผมจะขอเล่าจาก――」
ด้วยเหตุนี้ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอได้ฟัง ทั้งความสัมพันธ์ของผมกับไคลอา ผมกับตระกูลมิตสึรุกิ ทว่าใบหน้าของเจ้าหญิงที่ฟังเรื่องพวกนี้กลับสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ
ก็แอบคิดไว้แล้วเหมือนกันว่า ระดับเธอคงไปสืบค้นประวัติของผมอย่างละเอียดก่อนแล้ว เหตุผลที่ผมไม่ได้คุยเรื่องพวกนี้ในการพบเจอกันครั้งแรกเพราะไม่มีเวลาแล้วก็มองว่าไม่จำเป็นด้วย
เอาง่ายๆ ก็คือการเจอกันครั้งแรกหากจะคุยไปถึงตรงนั้นเลยมันก็แปลกเกินไปหน่อย นอกจากนี้เจ้าหญิงก็คงจะรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว หากผมจะข้ามคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ออกไปบ้างก็คงไม่มีปัญหา
ต้องขอบคุณที่เธอสืบเรื่องของผมมาจริงๆ เพราะมันช่วยให้ผมสามารถอธิบายเรื่องราวได้ง่ายขึ้น โดยไม่ใช้เวลามากจนเกินไป
หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเธอก็วางมือเอาไว้ใต้คางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็หันมาจ้องมองผมด้วยดวงตาสีดำชวนนึกถึงคริสทัล แล้วปิดปากออกมา
「ท่านโซระต้องการจะพบท่านพ่อเพื่อขออนุญาตเข้าไปในประตูปีศาจ เพื่อการนั้นจึงได้ขอความช่วยเหลือจากฉันให้เป็นตัวกลาง――ฉันเข้าใจถูกสินะคะ? 」
「ฮ่ะ เป็นอย่างที่ท่านได้พูด」
「ได้สิคะ ฉันจะขอรับคำขอนี้ไว้เอง」
เจ้าหญิงพยักหน้าตอบ มันช่างง่ายดายเหมือนกับตอนที่ผมตอบรับคำขอของไคลอา
พอเจอแบบนี้เข้าไปเล่นเอาผมกะพริบตาปริบๆ เหมือนกับไม่เข้าใจ
「พอได้เห็นสีหน้าประหลาดใจของท่านดราก้อนสเลเยอร์นี่ก็สนุกไปอีกแบบ ทว่าคงไม่ได้คาดหวังว่าทางฉันจะช่วยโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทนสินะคะ? 」
「ฮ่ะ เรื่องนั้น…หากท่านต้องการสิ่งใดก็บอกมาได้เลย」
「ฟุฟุ แน่นอนสิคะ มันเรียกว่าการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม」
เจ้าหญิงหัวเราะออกมา ก่อนจะเปิดเผยใจจริงของเธอให้ผมฟัง
「แต่ว่า ท่านโซระเองก็ตอบรับคำเชิญของฉันด้วยความรวดเร็ว ฉันเองก็เป็นฝ่ายบอกให้ท่านพึ่งพาฉันได้หากเกิดปัญหา ดังนั้นหากฉันใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ปัจจุบันของท่าน มันก็คงจะกลายเป็นที่น่าสงสัยถึงบทบาทของฉันในฐานะราชวงศ์แห่งจักรวรรดิ ความไว้วางใจคือรากฐานของผู้นำ ผู้ที่มีอำนาจไม่ควรหลงลืมและรักษาคำพูดของตนเองอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ」
คำพูดและการแสดงออกของเธอนั้นหมายถึงการที่เธอคงไม่อยากจะสร้างบุญคุณแล้วขอสิ่งตอบแทนกับผมในตอนนี้ ด้วยฐานะที่ตนเป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ
ผมสัมผัสได้ถึงความสง่างามซึ่งออกมาจากเจ้าหญิงที่อยู่ตรงหน้าของผมจริงๆ มันคือความยิ่งใหญ่ของคนจากราชวงศ์ที่ปกครองทวีปมากว่า 300 ปี
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็ทำให้เพียงก้มหัวขอบคุณ จากนั้นเจ้าหญิงก็พูดต่อ
「อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียงแค่ให้ท่านโซระเข้าพบกันท่านพ่อเท่านั้น ส่วนการตัดสินใจเกี่ยวกับการเข้าไปยังประตูปีศาจทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขององค์จักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว หากเขาไม่ต้องการให้ท่านเข้าไปฉันคงทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นโปรดทำใจไว้ด้วยว่าสุดท้ายสิ่งที่ท่านพยายามอาจจะสูญเปล่า」
「เรื่องนั้นผมจะจำไว้」
ผมพยักหน้ารับอย่างจริงใจ ยังไงผมก็ไม่อยากจะขอยืมแรงเธอไปมากกว่านี้แล้วด้วย
ทว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อจากนี้ กลับทำให้ผมตกใจเสียยิ่งกว่าก่อนหน้าทั้งหมด
「นอกจากนี้ คงจะเป็นการดีหากท่านหลีกเลี่ยงการยืมมือสันตะปาปาโนอาห์ในเรื่องนี้นะคะ」
「….เรื่องนั้น พอจะบอกเหตุผลได้ไหมครับ? 」
ก็เคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าวิหารเทพแห่งกฎหมายเป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิ ความสัมพันธ์ของพวกเขากับราชวงศ์ย่อมใกล้ชิดกันมาก
แล้วอะไรกันที่เป็นสาเหตุที่ทำเจ้าหญิงซากุยะซึ่งก็เป็นสมาชิกของราชวงศ์ บอกให้ผมหลีกเลี่ยงการขอความช่วยเหลือจากสันตะปาปาโนอาห์
เธอก็ได้ตอบกลับมาว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวสันตะปาปาเสียทีเดียว
「อย่างที่ท่านโซระได้ทราบ พระสันตะปาปานั้นเป็นคนของตระกูลคาร์เนเลียส และสำหรับจักรวรรดิแล้ว คาร์เนเลียสซึ่งเป็นตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ขุมพลังแห่งจักรวรรดิที่จักรพรรดิก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้โดยง่าย」
ดังนั้นการพึ่งพาสันตะปาปาโนอาห์ก็ไม่ต่างอะไรกับการพึ่งพาตระกูลคาร์เนเลียส และเมื่อมีตระกูลนี้หนุนหลัง มันก็คงจะสร้างความกดดันให้กับฝั่งจักรพรรดิพอสมควร ถึงแม้ผมหรือตระกูลคาร์เนเลียสจะไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น แต่ทางจักรพรรดิอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น――เจ้าหญิงซากุยะพูดก่อนจะถอนหายใจออกมา
เมื่อมองดูสีหน้าของเธอผมก็พอจะเดาสถานการณ์ได้
แม้จะเป็นจักรพรรดิที่ปกครองจักรวรรดิมาช้านาน ก็มักจะปวดหัวตลอดกับการต้องคานอำนาจของพวกตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ หากไม่จัดการอะไรให้ดีอาจจะเกิดการแตกหักกันขึ้นด้วยก็ได้
การที่ผมจะพึ่งพาสันตะปาปาโนอาห์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับตระกูลนั้นก็คงจะเหมือนหยิบมีดไปแทงจักรพรรดิ เจ้าหญิงก็เลยแนะนำว่าไม่ควรทำ
ผมก็พอจะเข้าใจบ้างแล้ว การจะไปขอร้องเขาโดยที่ทำให้เขาไม่พอใจมันก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากนี้ผมก็ไม่อยากจะติดหนี้สันตะปาปาโนอาห์มากกว่านี้แล้วด้วย ดังนั้นแค่ความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงก็น่าจะเพียงพอแล้ว
หลังจากนั้นผมก็นึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะมองไปยังเจ้าหญิงอีกที
ถ้าจำไม่ผิด แม่ของเจ้าหญิงก็มาจาก 1 ใน 4 ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดินี่นา เท่าที่รู้ก็จะมีตระกูล คาร์เนเลียส พาราดิส อาเซอร์ไรท์ โดยอ้างอิงมาจากข้อมูลที่มิโรสลาฟรวบรวมมาได้ แต่อีกตระกูลนี่อะไรกันนะ
เมื่อคิดได้แบบนั้น ผมก็เลยถามเจ้าหญิงด้วยความสงสัยไปว่าตระกูลทั้ง 4 มีตระกูลไหนบ้าง
พอเธอได้ยินว่าผมรู้แค่ 3 ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะส่งยิ้มกลับมาอย่างเจ้าเล่ห์
「อย่างที่ท่านโซระกล่าว 3 ตระกูลนั้นก็คือตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ค่ะ แต่ท่านอย่าลืมสิคะว่าตระกูลที่ยิ่งใหญ่อีกตระกูลหนึ่งก็คือมิตสึรุกิ ถึงแม้ว่าทางนั้นจะไม่ได้มีส่วนในการบริหารประเทศเหมือนตระกูลอื่นก็ตามที จึงไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะบ่อยนัก แล้วก็อย่างที่ท่านเห็นภรรยาของผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็มาจากบุตรสาวคนโตของดยุกพาราดิส ส่วนภรรยาของผู้สืบทอดตระกูลคนถัดไปก็มาจากตระกูลดยุกอาเซอร์ไรท์ จะบอกว่ามันเป็นธรรมเนียมพิเศษที่ทั้ง 3 ตระกูลจะส่งทายาทสายตรงของพวกเขาไปให้ตระกูลมิตสึรุกิก็ว่าได้ค่ะ ดังนั้นคงจะไม่มีตระกูลไหนพิเศษไปกว่ามิตสึรุกิอีกแล้ว」
ทว่าสาเหตุที่ปัจจุบัน ตระกูลคาร์เนเลียสไม่ได้ส่งบุตรสาวไปเหมือนกับอีก 2 ตระกูลก็เพราะพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับทางนครศักดิ์สิทธิ์อยู่มากแล้ว ดยุกคาร์เนเลียสเองก็เป็นพ่อของสันตะปาปาโนอาห์――หากยังจะไปเกี่ยวข้องกับทางตระกูลมิตสึรุกิที่มีกำลังทหารระดับสูงอีก สมดุลของอำนาจภายในจักรวรรดิมันจะสั่นคลอนเอาได้
อธิบายง่ายๆ ก็คือตอนนี้ตระกูลพาราดิสกับอาเซอร์ไรท์กำลังช่วยถ่วงดุลอำนาจของคาร์เนเลียสเอาไว้อยู่
…..นี่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมเลยนะที่รู้ว่าตระกูลมิตสึรุกิก็อยู่ในระดับเดียวกับตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3
สิ่งที่ผมเข้าใจในตอนแรกมีเพียงแค่ตระกูลเป็นหนึ่งในตระกูลนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิเท่านั้น คงจะคิดน้อยไปจริงๆ สินะ
จะพ่อหรือโกซุก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังซะด้วยสิ
พ่อของผมสนใจแต่เรื่องดาบกับพวกปีศาจ โกซุเองก็ยุ่งอยู่กับการหาทางสั่งสอนผมที่ไม่เอาไหน จากมุมของสองคนนั้น ความสัมพันธ์ของตระกูลกับจักรวรรดิมันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผมจะต้องรู้ เลยไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟังเลย
――จะว่าไปทางอายากะก็ไม่ค่อยจะพูดถึงเรื่องบ้านเกิดเธอนัก
ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้ เสียงของเจ้าหญิงก็ดังขึ้น
「ถ้าอย่างงั้น ฉันจะทำการส่งจดหมายไปให้ท่านพ่อก่อนนะคะ โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่」
「ฮ่ะ ขอบพระคุณมากครับ! สักวันหนึ่งผมจะต้องตอบแทนน้ำใจและความเมตตาของท่านในคราวนี้แน่นอน」
หลังจากได้ยินคำพูดของผม ทางเจ้าหญิงก็ยิ้มและหันหลังเดินออกจากห้องไป
พอเธอหันและเดินจากไป ผมก็ทำการก้มหัวทำความเคารพเธออีกครั้ง
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code