การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 210 เผชิญหน้ากับอาซึมะ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

 ตอนที่ 210 เผชิญหน้ากับอาซึมะ

 

――อะไรกัน?

 

 

อยู่ดีๆ ภาพตรงหน้าของผมก็มืดมิดไปเสียหมด ก่อนจะเกิดความเงียบงันขึ้นอย่างไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกมาล่วงหน้า ราวกับผมโดนความมืดกลืนกิน

 

ผมพยายามมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังแต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งได้ เสียงก็ไม่ได้ยิน กระทั่งสัมผัสที่ผมเคยถือโซลอีทเตอร์เอาไว้ก็หายไปด้วย

 

ความผิดปกติที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อน เรื่องนี้ไม่มีทางจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้แน่ มันน่าจะเป็นเทคนิคหรือไอเทมอะไรบางอย่างที่สร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมา ว่าแล้วผมก็ลองพยายามใช้พลังของผมผ่ามันดู

 

 

 

ทว่ามันกลับไม่เกิดอะไรขึ้นเลยจนผมต้องขมวดคิ้ว――จะแปลกเกินไปแล้วนี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน

 

ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของโดกะที่สร้างบาเรียแห่งความมืดขึ้นมา แต่ถ้าเขาสามารถทำแบบนี้ได้ เขาคงงัดมันมาใช้นานแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดหากเป็นฝีมือโดกะจริงเขาคงไม่ปล่อยให้ผมเวลาคิดขนาดนี้หรอก ร่างของผมคงเละเป็นเศษเนื้อไปนานแล้วตั้งแต่ที่โดนไอ้นี่เข้าไป

 

 

ดังนั้นผมจึงมองว่าไม่ใช่ฝีมือของโดกะ

 

 

เอาจริงๆ ชักแอบคิดแล้วสิว่าเป็นโลกหลังความตายหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นงั้นจริงก็คงพออธิบายได้ว่าสัมผัสทุกอย่างของผมมันหายไปจนหมด

 

แต่ก็นั่นแหละคงไม่มีทางหรอก เพราะถึงประสาทสัมผัสของผมจะหายไปแต่ความรู้สึกของพลังชีวิตภายในร่างยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่หายไปไหน

 

 

――ร่างของมังกรดำที่ล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่ากำลังส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

 

สาเหตุก็คงมาจากการที่ถูกขัดการต่อสู้ที่มันโหยหามานาน ในขณะเดียวกันมันก็คงไม่พอใจที่ตัวเองไม่สามารถเอาชนะศัตรูระดับนั้นได้เสียที――ขนาดว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้งัดอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าออกมาใช้เลยแท้ๆ

 

 

ให้ตายสิน่าหงุดหงิดจริงๆ ในสถานการณ์แบบนี้

 

 

 

ผมยังอยากจะสู้มากกว่านี้ อยากจะกลืนกินมากกว่านี้ ถ้าไม่ทำแบบนั้นผมคงไม่มีวันไปถึงยอดเขาที่เห็นในวันนั้นได้แน่…!

 

 

 

ความคิดที่ปนเปกันอยู่ภายในหัวมันไม่ใช่สิ่งที่โซลอีทเตอร์อนิม่าของผมเป็นคนคิดเสียหมด แต่ส่วนหนึ่งมันเป็นของผม โซระ มิตสึรุกิ

 

 

ทันทีที่ตระหนักเรื่องนี้ได้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ภายในร่างก็เริ่มพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง

 

 

 

ผมไม่มีเวลามาพักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคหรีอไอเทมอะไรแต่ไม่มีทางจะผนึกผมไปได้ตลอดหรอก

 

 

หากเป็นระดับนักบุญดาบผมแน่ใจว่าเขาคงสามารถก้าวข้ามสิ่งนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ไม่สิเขาคงไม่ติดอยู่ในวังวนนี้ด้วยซ้ำ

 

 

 

เทียบกันแล้วผมนี่เด็กน้อยจริงๆ เส้นทางสู่ยอดเขายังอีกยาวไกล

 

ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของผมลดน้อยลงไปเลยสักนิด กลับกันมันจุดไฟแห่งการต่อสู้ให้กับผมยิ่งกว่าเก่า

 

 

คนที่ไม่สามารถผ่านสถานการณ์ในตอนนี้ได้จะเผชิญหน้ากับนักบุญดาบได้อย่างไรกัน มันคือสิ่งที่คอยผลักดันผมเสนอมาเพื่อให้ตัวเองแกร่งขึ้น

 

 

 

「…………หือ!?」

 

 

จากนั้นภาพตรงหน้าของผมก็ส่องแสงจ้าขึ้น พื้นที่โดยรอบกลับมามีสีสันอีกครั้ง ก่อนที่จะรู้สึกตัวภาพตรงหน้าก็กลายเป็นพื้นที่รกร้างที่ไม่มีหญ้าขึ้นสักต้น

 

 

 

สภาพพื้นดินโดยรอบเกิดหลุมบ่อขึ้นราวกับโดนระเบิดลง เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้ที่แสนดุเดือดขึ้น ขณะที่ผมคิด สติของผมก็เริ่มพร่ามัวเล็กน้อย เข่าของผมเริ่มหมดแรงลง

 

 

 

ผมพยายามจะลุกขึ้นยืมให้มั่นอีกครั้งแต่แรงที่ขามันไม่เหลือเลย ไม่ว่าจะลองสักกี่ที ผลที่ได้ก็คือผมล้มตัวลงกับพื้นในสภาพคว่ำหน้าปากจูบดินที่เต็มไปด้วยทรายและก้อนกรวด

 

 

จะบอกว่าโชคดีในโชคร้ายก็ได้มั้ง เพราะแรงกระทบนั่นมันดึงสติผมกลับมาได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสู้กับโดกะอยู่ ผมก็เลยต้องฝืนลุกขึ้นยืนอีกที

 

ทว่าร่างกายของผมมันไม่ยอมทำตามเลยสักนิด มือ เท้า ไปจนถึงปลยนิ้วขยับไม่ได้ดั่งใจคิด แค่พยายามจะพูดเสียงยังไม่สามารถส่งออกมาได้เลย คงเป็นสิ่งที่ต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้สุดกำลังติดต่อกันขนาดนี้ละมั้ง

 

 

ผลกระทบย้อนกลับมันส่งเข้ามายังร่างของผม จนทำให้ความเจ็บปวดจำนวนมากโถมเข้ามา กล้ามเนื้อและอวัยวะทุกส่วนหมดสภาพราวกับผ้าขี้ริ้ว หากปากของผมยังพอมีแรงเหลือคงจะกรีดร้องออกมาเพราะความเจ็บแล้ว

 

 

 

 

「……! …………คุ!」

 

 

 

ผมไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ออกมาได้แม้กระทั่งเสียงแห่งความเจ็บ

 

 

 

สภาพนี้อย่าว่าแต่สู้กับโดกะต่อเลยแค่พวกปลายแถวผมยังไม่สามารถทำอะไรได้แล้วแน่ๆ ระหว่างนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของผมด้วยความตื่นตระหนก

 

 

 

 

 

 

「คุณโซระ! ปลอดภัยดีหรือเปล่าคะ?!」

 

 

 

มันเป็นเสียงของไคลอา เบิร์ช ตอนนี้เธอรีบวิ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วสูง

 

 

ด้วยสภาพของผมตอนนี้มันไม่มีแรงเหลือพอจะตอบกลับไปจริงๆ ทว่าทางไคลอาก็เริ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบโพชั่นที่ผมเอาให้เธอเก็บเอาไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา

 

 

จากนั้นเธอก็ทำการดื่มโพชั่นนั้นเข้าไปในปากของเธอทันที ก่อนจะเอาริมฝีปากของตัวเองมาประกบเข้ากับผมอย่างไม่ลังเล

 

 

――แม้ว่าร่างกายของผมจะร้อนรุ่มไปเสียหมด แต่ก็ยังพอสัมผัสถึงความเย็นรอบริมฝีปากของอีกฝ่ายได้บ้าง ไม่นานนักของเหลวอุ่นๆ ก็ไหลเข้ามาเต็มปากของผม

 

 

ผมก็ดื่นโพชั่นนี้มาหลายครั้งแล้วนะ แต่ทำไมรอบนี้ถึงได้รู้สึกว่ามันหวานกว่าครั้งไหนๆ กันน้อ

 

 

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ผมไม่มีแรงเหลือจะกลืนโพชั่นเข้าไป จึงทำให้โพชั่นที่ไคลอาส่งมาให้ผมกำลังจะล้นออกมาจากริมฝีปาก

 

เมื่อเธอรู้สึกตัวแล้วว่าไม่ได้ผล เธอเลยกดริมฝีปากของเธอให้แรงขึ้นเพื่อไม่ให้โพชั่นล้นออกมา ก่อนจะเอามือขวาของเธอประคองหัวผมไว้แล้วใช้มือซ้ายโอบหลังของผมเพื่อยกร่างท่อนบนขึ้น จากนั้นก็ปรับให้ผมอยู่ในท่าทีเหมาะกับการกลืนยา

 

 

 

เธอพยายามรักษาท่านั้นไว้ก่อนที่โพชั่นจะค่อยๆ ไหลลงคอผมไปทีนะนิด

 

 

 

หลังจากไคลอาแน่ใจแล้วว่าผมดื่มโพชั่นไปจนหมด เธอก็ปล่อยริมฝีปากของตัวเองออก ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ที่ทำให้ผมเริ่มขยับได้บ้างแล้ว

 

 

 

 

「ฟู่ว……ช่วยได้เยอะเลย ขอบใจ」

 

 

 

 

ปกติก็คงจะต้องทำให้เป็นกิจจะลักษณะกว่านี้แต่ตอนนี้เวลาคงไม่เหลือแล้ว

 

 

ผมพยายามสั่งแขนขาของลุกขึ้น ทางไคลอาที่เห็นก็พยายามยื่นมือมาช่วยผมเอาไว้ก่อนจะถามด้วยความเป็นกังวล

 

 

 

「ไหวหรือเปล่าคะ? 」

 

 

 

「ก็ไม่ค่อยหรอก แต่จะให้นอนเป็นผักอยู่ตรงนี้ต่อไปก็ไม่ได้นี่สิ」

 

 

 

หลังจากพูดจบ ผมก็มองไปทางโดกะที่ยืนดูผมอยู่ ข้างๆ ของเขามีคิจินที่ดูทำท่าทางสบายๆ อยู่ด้วย ไม่เคยเห็นหน้าหมอนี่มาก่อนเลยวุ้ย

 

 

 

ด้วยลักษณะของร่างกายที่เห็นอยู่ภายใต้ชุดคลุมนั่นกับท่าทีที่ดูผ่อนคลายแล้ว น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา

 

 

สภาพของโดกะก็คงไม่ต่างอะไรจากผมนักเพราะตอนนี้เขาก็ยืมไหล่ของคนที่อยู่ข้างๆ ช่วงประคองร่างเอาไว้อยู่ แต่คงจะฝืนแสร้งทำเป็นไม่เหนื่อย

 

 

คิจินที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ผมสัมผัสถึงจิตสังหารจากอีกฝ่ายไม่ได้เลย ทว่าพวกคิจินที่อยู่รอบข้างเขาก็มองเขาเหมือนกำลังรอคำสั่ง

 

 

สถานการณ์ตอนนี้ก็คือเออซูร่ากำลังถูกพวกคิจินล้อมไว้อยู่ กรณีเลวร้ายสุดถ้าคิจินตนนั้นออกคำสั่งพวกที่เหลือคงพร้อมจะรุมโจมตีทันทีแน่ ก็จริงว่าเออซูร่ากับไคลอาน่าจะพอเอาตัวรอดกันไปได้ แต่สำหรับผมไม่น่าจะรอดแถมจะให้ไคลอาแบกผมหนีอีกก็คงไม่ไหว

 

 

จะถอยได้ไหมนะ

 

นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ถ้ารีบถอยเร็วเกินไปก็อาจจะไปกระตุ้นอีกฝ่ายแทน ตอนนี้ชักลำบากละสิ

 

เหตุผลที่พวกผมยังไม่ถูกล้อมโดยสมบูรณ์ก็เป็นเพราะพวกคิจินยังน่าจะระวังพวกผมอยู่ แล้วคิดว่ากำลังเสริมจากป้อมอาจจะส่งมาช่วยพวกผมได้ด้วย

 

 

พวกคิจินไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของผมกับตระกูลมิตสึรุกิ ดังนั้นพวกมันจะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลก แต่ถ้าพวกผมรีบถอยกันทันทีได้ความแตกแน่

 

 

 

 

「โซระ ไหวไหม? เดี๋ยวทางผมรับช่วงต่อให้เอง」

 

 

เออซูร่าได้มายืนอยู่ตรงหน้าของผมกับไคลอาแล้วส่งเสียงออกมา อาจจะเพราะเธอพิจารณาแล้วว่าตอนนี้ผมไม่น่าจะพร้อมรับมือกับพวกคิจินทั้งหมดตรงนี้

 

 

หรือก็คือเธอตั้งใจว่าจะรับมือกับศัตรูทั้งหมดเพียงคนเดียวแล้ว พยายามซื้อเวลาให้ผมกับไคลอาถอย

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังจะตอบ ฝั่งคิจินก็เริ่มเคลื่อนไหว โดยคิจินที่สวมชุดคลุมสบายๆ นั่นเดินออกมาข้างหน้าโดยปราศจากอาวุธใดๆ

 

 

ไคลอาที่เห็นแบบนั้นก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

 

 

 

 

 

「คุณโซระ ระวังตัวด้วยนะคะ คิจินตนนี้แหละค่ะที่ทำให้เกิดเรื่องเมื่อกี้ขึ้น」

 

 

 

เพราะผมหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้เลยไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งรอบข้าง ชักเสียใจแล้วสิที่หมกมุ่นเกินไปแบบนี้

 

 

จากที่เธอพูดเหมือนทางเธอก็ได้รับผลกระทบนั่นเหมือนกัน

 

 

 

「พวกเธอก็โดนเหรอ ถ้างั้นทำไมพวกเรายังมีชีวิตอยู่ล่ะ――พลังที่เลือกเป้าไม่ได้สินะ」

 

 

 

ถ้าคิจินตนนั้นตั้งใจจะช่วงชิ่งประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของอีกฝ่ายและสังหารพวกผมก็คงตายไปแล้ว แต่การที่เขาไม่ทำแบบนั้นคงเพราะเทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ทุกคนในระยะได้ผลกระทบจึงใช้อย่างไม่คิดไม่ได้ ไม่ก็มันไม่มีผลถึงตายแต่แรก

 

สุดท้ายผมก็สรุปได้ว่าพวกคิจินตนอื่นน่าจะได้รับผลกระทบนี้ไปด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้หากหมอนั่นต้องการ พวกผมคงตายกันไปนานแล้ว

 

 

 

ก็หมายความว่าพลังที่เขาใช้นั้นมีเหตุผลแค่ต้องการหยุดการต่อสู้ของพวกผมเอาไว้เท่านั่น

 

 

 

จุดประสงค์ของเขาที่ต้องการจากการกระทำนี้คืออะไรกันล่ะ ผมจ้องมองไปยังอีกฝ่าย

 

 

 

「ฉันอาซึมะ กษัตริย์แห่งนากายามะ ท่านโซระ เรามาคุยกันสักหน่อยดีไหม」

 

 

——-

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท