ตอนที่ 219 กลืนกินนักบุญ
เซ็ตโตะ ฮิจิริบามิที่อูรูยใช้นั้นคือการผสานเอาเทคนิคฟันดาบและจองจำเข้าไปไว้ในดาบ
โดยปกติแล้วจองจำนั้นจะเอาตัวผู้ใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการใช้งานรอบๆบริเวณ แต่ในกรณีนี้อูรุยได้ทำการบีบอาณาเขตเข้ามาให้อยู่แค่รอบๆตัวดาบของเขาอย่างหนาแน่น
จึงทำให้เทคนิคดังกล่าวสามารถทลายเทคนิคอันทรงพลังที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาหรือสามารถทำลายบาเรียคิของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ข้อดีของมันก็คือสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังแพ้จองจำในด้านพื้นที่ที่แคบกว่า
แน่นอนว่าไมใช่สิ่งที่จะเรียนรู้ได้โดยง่าย
มันคือเทคนิคลับที่ต้องใช้เวลากว่า 10 ปีในการฝึกให้เชี่ยวชาญ แถมต้องมีพื้นฐานอย่างการใช้จองจำมาแล้วด้วย ความยากในการใช้งานให้เชี่ยวชาญจึงสูงกว่าหลายขุม
ยิ่งกว่านั้นมันก็ไม่ได้สร้างผลดีต่อตัวผู้ใช้เท่าไหร่นักเพราะกระบวนการในการเอาจองจำมาใส่ไว้ในดาบนั้นซับซ้อนมาก แถมยังไม่สามารถผนึกพลังหรือการใช้งานเทคนิคของอีกฝ่ายได้อีก
ถึงมันจะใช้งานได้เร็วแต่ถ้าพิจารณาจากปัจจัยหลายๆอย่าง ยังไงการใช้จองจำธรรมดาก็มีประสิทธิภาพมากกว่าในการต่อสู้
สิ่งแรกที่เหล่าผู้ใช้นานะชิกิต้องเชี่ยวชาญคือจองจำด้วย การจะใช้เซ็ตโตะ ฮิจิริบามินั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเจอศัตรูที่ไม่สามารถใช้จองจำผนึกเอาไว้ได้นั่นเอง
และเออซูร่าก็คือศัตรูที่เข้าข่ายเงื่อนไขนั้น อูรุยจึงไม่ลังเลที่จะใช้ไพ่ลับของตน
การโจมตีที่รวดเร็วจนไม่เห็นแม้กระทั่งการตวัดดาบ คมดาบได้ฟันเข้าไปที่แนวไหล่ซ้ายของเออซูร่าอย่างแม่นยำ มันทำการตัดผ่านบาเรียและเฉือนเอาเนื้อส่วนไหล่ กระดูกไหปลาร้า ตัวอย่างง่ายดาย โดยปลายทางนั้นคือหัวใจของอีกฝ่าย
การใช้ไพ่ลับในจังหวะที่เหมาะสม มันจึงทำให้เขารู้สึกมั่นใจในชัยชนะของตัวเอง
แต่ถึงเขาจะมั่นใจแล้วว่าชัยชนะตกเป็นของตน เขาก็ไม่ได้ลดการระวังตัวลงแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบสนองการเคลื่อนไหวของเออซูร่าที่ปลดปล่อยอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าออกมาได้ในทันที
ดาบสีแดงฉานของเออซูร่าได้ฟาดฟันมายังร่างของอูรุยโดยใช้เพียงแค่แขนขวาของเธอข้างเดียว การโจมตีของเธอเฉียบคมมากเสียจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่รับการโจมตีก่อนหน้านี้ไป อูรุยจึงกระโดดถอยไปด้านหลังแล้วโจมตีด้วยคลื่นดาบสวนกลับไป
นั่นควรจะเป็นจุดจบของเออซูร่า
ทว่าก็เกิดความร้อนแผดเผาร่างของอูรุยตั้งแต่ไหล่ซ้ายยาวไปจนถึงสะโพกด้านขวา
「คะ――คึก?!」
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้แล่นผ่านร่างเขา เลือดสีแดงสดได้กระอักออกมาจากปากก่อนที่เขาจะได้สงสัยอะไรต่อ
พอตระหนักได้แล้วว่าเขาถูกฟัน อูรุยก็ทำได้เพียงคิดภายในใจว่ามันเรื่องบ้าอะไรกัน เขาควรจะหลบการโจมตีและสวนกลับไปได้อย่างง่ายดายสิ
ในหมู่การโจมตีของมายาดาบเดียวนั้นมีการโจมตีที่รุนแรงอย่างวายุอยู่ แต่อูรุยรู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งนั้นแน่
เหตุผลก็คือชุดเกราะและเสื้อผ้าของเขาไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย การโจมตีของเออซูร่านั้นอยู่นอกระยะดาบของเธอ และมันตัดผ่านทุกอย่างแล้วเลือกเฉือนเพียงแค่ร่างกายของเป้าหมายเท่านั้น
อูรุยถึงกลับต้องส่งเสียงแห่วความเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง
อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าคือเทคนิคลับขั้นสุดท้ายของมายาดาบเดียว ที่จะทำการดึงพลังของอนิม่าออกมาอย่างถึงขีดสุด อูรุยที่เคยต่อสู้กับเหล่าผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณมามากย่อมรู้เรื่องนี้ดี แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ใช่อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าประเภทนี้
เพราะบางชนิดก็ทลายได้แม้จะเป็นภูเขา บางชนิดก็ล่มเมืองได้ในคราวเดียว บ้างก็
หากเปรียบเทียบกับอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าพวกนั้นแล้ว สิ่งที่เออซูร่าทำนั้นดูจะไม่ทรงพลังเท่าเลยสักนิด
ทว่า มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ กลับกันสิ่งที่เออซูร่าทำได้คือการฟาดฟันโดยพึ่งพาพลังของอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าเข้ามาเสริมจนทำให้ไม่สามารถหลบหลีกได้ มันอันตรายเสียยิ่งกว่าอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าที่เขาเคยสู้มาก่อนหน้าเป็นไหนๆ หากเธอไม่บาดเจ็บจากการโจมตีก่อนหน้า หัวใจของอูรุยอาจจะถูกทะลวงไปแล้วก็ได้
อูรุยครุ่นคิดอยู่ภายใต้หน้ากากคิจินของเขา
เมื่อพิจารณาจากการที่เธอไม่สามารถโจมตีต่อได้ในทันทีก็หมายความว่าเทคนิคดังกล่าวอาจจะมีข้อกำจัดอะไรบางอย่างอยู่ ในอดีตผู้ใช้มายาดาบเดียวบางคนหลังจากปลดปล่อยเทคนิคอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าเสร็จแล้วตายไปเลยก็มีเหมือนกัน
เออซูร่าตอนนี้ยังดูเด็กมากนัก เธออาจจะอายุยังไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ คาดไม่ถึงเลยจริงๆว่ายุคนี้จะมีเด็กที่สามารถควบคุมอนิม่าของตนได้ถึงขนาดนี้ การดึงพลังของมันออกมาใช้ก็น่าชื่นชม
หรือก็คือหากตัวเธออายุมากขึ้นกว่านี้และฝึกฝนมากกว่านี้ การโจมตีก่อนหน้านี้ที่เธอใช้จะยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม
เทคนิคดาบที่แสนร้ายกาจซึ่งเพิกเฉยต่อการป้องกันของศัตรูแถมยังโจมตีนอกระยะดาบได้อีก ก่อนจะทำการสร้างบาดแผลบนร่างของศัตรูอย่างแม่นยำ ไม่ใช่ร่างกายสิ อาจจะเป็นหัวใจด้วยซ้ำ มันคือเทคนิคขั้นสุดยอดที่แม้จะเป็นนักบุญดาบก็อาจจะพ่ายแพ้ได้
พอคิดได้แบบนี้อูรุยก็ถึงกับขนลุก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชื่นชมที่เขาได้เห็นกับหนุ่มสาวผู้มีอนาคตตรงหน้า หรือเป็นเพราะเขามีความสุขที่ได้เผชิญหน้ากับศัตรูคนนี้กันแน่
แต่ไม่ว่าจะทางไหน ศัตรูตรงหน้าของเขาก็ต้องตาย นั่นคือสิ่งที่อูรุยมั่นใจ มิเช่นนั้นในอนาคตเธอจะต้องกลายเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่คอยขัดขวางลัทธิแน่
ด้วยเหตุนี้เองอูรุยจึงพยายามทนกับความเจ็บปวดอันรุนแรงที่ตนได้รับ และกลืนเลือดตัวเองลงคอไปเพื่อพุ่งเข้าไปหาเออซูร่า
——-
Note 1 : สะ-สั้น!!
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code