ตอนที่ 222 ดั่งเปลวเพลิง
ขณะที่เลือดของผมกำลังไหลออกจากร่างเรื่อยๆ ผมก็สัมผัสได้ถึงความร้อนภายในร่างที่ค่อยๆ จางหายไปทุกที
อาการชาเกิดขึ้นทั่วร่างของผม
นี่คงจะเป็นสิ่งที่ผู้คนรู้สักกันแน่ๆ หากถูกจับไปแช่น้ำในช่วงฤดูหนาวไม่ก็ถูกขังเอาไว้ในคุกเยือกแข็ง
อาการชาที่ไหลขึ้นมาจากแขนขา ค่อยๆ ลุกลามมาใกล้กับหัวใจ หากปล่อยไว้เป็นแบบนี้อีกไม่นานเจ้าของร่างนี้ก็คงจะสิ้นใจลงเป็นแน่――นั่นคือสิ่งที่เออซูร่าคิดภายในหัวราวกับกำลังมองร่างของคนอื่นอยู่
เหตุผลที่เธอไม่เหลือความหวาดกลัวกับความตายที่ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาเธอก็เป็นเพราะเธอรู้แล้วว่าทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วนั่นเอง
มันคือการโจมตีที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้แล้ว แต่มันก็แลกมากับบาดแผลตรงไหล่ซ้ายที่ศัตรูฟาดฟันมาด้วย เธอไม่อยากจะเสียใจกับสิ่งที่ทำไปอีกแล้วเพราะหากทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เธอไม่ยอมรับเส้นทางชีวิตของตัวเอง
กลับกันเธอประหลาดใจด้วยซ้ำที่ตัวเองยังหายใจได้อยู่
――ถึงโซระจะออกโรงมาปกป้องเธอเอาไว้แต่สุดท้ายเธอก็คงจะตายเพราะการใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า….บางทีไรกะอาจจะกำลังทำอะไรแปลกๆ โดยที่เธอไม่รู้ด้วยก็ได้
ทว่าถึงเธอจะถามไปก็ไม่มีคำตอบออกมาจากอนิม่าของเธอ เธอไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะตอบเธอหรือไม่เหลือพลังที่จะตอบเธอแล้วเหมือนกัน ทว่าถึงคำตอบจะเป็นแบบไหน ก็ไม่เปลี่ยนผลลัพธ์ที่เธอกำลังจะเผชิญได้
เออซูร่าถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เธอย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตนไม่ได้มีความเสียดายหรือเสียใจเลยสักนิดที่เลือกใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า
ประการแรกหากเธอไม่เลือกใช้มันในจังหวะนั้น คมดาบของอีกฝ่ายก็คงจะสังหารเธอทิ้งไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงคิดว่าตัวเองตัดสินใจได้ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าจะให้รู้สึกเสียใจกับอะไรสักเรื่องก็คงจะเป็นความอ่อนแอของตัวเองที่ขนาดใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าแล้วแต่ก็ไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้
แต่โชคดีในความโชคร้ายที่เธอได้เผชิญก็คือเธอสามารถแก้แค้นศัตรูของพ่อได้แม้จะต้องยืมมือของโซระต่อ นักดาบที่เรียกตัวเองว่าอูรุยนั้นมีทักษะที่น่ากลัวมาก แต่เธอคิดว่าเขาคงจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับโซระได้เต็มที่แน่เพราะบาดแผลที่ได้รับจากเธอ เออซูร่าเลยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
ใจจริงเธอก็อยากจะขอบคุณโซระก่อนจากไปอยู่หรอก ทั้งเรื่องแก้แค้นและเรื่องที่มาปกป้องเธอในตอนท้าย แต่คงไม่มีหวังแล้ว
สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงยอมจำนนต่อความตายไปพร้อมกับความเสียใจเล็กๆ ในช่วงท้าย――
「อุก?!」
วินาทีต่อมา ก็มีสิ่งแปลกปลอมถูกสอดเข้ามาภายในปากของเธอ จนทำให้เธอส่งเสียงร้องออกมา
สิ่งนั้นมันได้ทำการแผดเผาร่างของเธอ แต่กลับกันเธอก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาด้วย มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยพบมาก่อนจนทำให้รู้สึกสับสน
และนั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงได้กลืนของเหลวลึกลับซึ่งไหลเข้ามาในปากของเธอทั้งอย่างนั้น
「――อึก!!」
ความร้อนได้ปะทุขึ้นทั่วร่างของเออซูร่าราวกับกลืนเปลวไฟเข้าไปในร่าง
อาการชาและหนาวสั่นตามร่างกายที่ลุกลามไปถึงขั้วหัวใจถูกแทนที่ด้วยความร้อนอันรุนแรงเต็มอก หัวใจก็กลับมาเต้นแรง ลมหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเลือดภายในร่างสูบฉีด
กำลังแขนขาของเธอเริ่มกลับมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถขยับได้แม้กระทั่งนิ้วเดียวด้วยซ้ำ
ด้วยหัวใจที่เต้นอยู่มันทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายและจิตใจของเธอฟื้นคืนมาอีกครั้ง
ราวกับเธอถูกดึงกลับมาจากปากเหวแห่งความตาย
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เข้ามาภายในปากของเธอเมื่อครู่และถูกราดลงร่างของเธอมันช่วยทำให้เธอสามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง เธอเริ่มพยายามขยับลิ้นของเธอไปมาเหมือนร้องขอมันเพิ่ม
จากนั้นไม่นานนัก มันก็เริ่มไหลลงคอของเธออีกครั้ง เธอพยายามกลืนมันเข้าไปให้ได้มากที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากที่ทำแบบนั้นไปประมาณ 5 ครั้ง เออซูร่าก็ฟื้นตัวอย่างเต็มที่เรียบร้อยแล้ว
◆◆◆
「อูรุยหายไปเหรอ? ถามจริงโซระ? 」
หลังจากเกิดเรื่องต่างๆ มากมาย ในที่สุดสถานการณ์ทั้งหมดก็คลี่คลาย คาการิปรากฏตัวต่อหน้าผมแล้วก็เริ่มถามเกี่ยวกับตัวผู้บงการในคราวนี้ ซึ่งผมก็ตอบไปตามตรงว่าเป็นนักดาบที่สวมหน้ากากคิจินซึ่งเรียกตัวเองว่าอูรุย
ดูเหมือนว่าทางคาการิกับพวกนากายามะจะเป็นโจทก์เก่าของอูรุยอยู่แล้ว พอเจอเรื่องนี้เข้าไปอีกก็ไม่แปลกที่พวกเขาอยากจะจัดการกับทางอูรุย
ส่วนตัวผมก็มีคำถามมากมายที่จะถามหมอนั่นเหมือนกัน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องของพ่อเออซูร่าแต่ยังอยากรู้เรื่องที่เขาพูดชื่อพ่อของผมขณะสู้กันด้วย
คือผมก็ตั้งใจว่าจะจับหมอนั่นหลังจัดการเสร็จหรอกนะแต่ว่า――
「จริงจังสิ หลังจากที่ฉันจัดการหมอนั่นเสร็จ แถวๆ นี้มันยังเหลือเก็นโฮอีกบางส่วนแถมมีคนบาดเจ็บสาหัสด้วย ฉันก็เลยทิ้งหมอนั่นให้นอนเป็นผักไปก่อน แต่พอรู้ตัวอีกทีก็…ตามนั้น」
ผมพูดเสร็จแล้วก็ยักไหล่ให้คาการิ
ก็อาจจะเหมือนข้อแก้ตัวนะ แต่ผมระวังเขาจนกระทั่งมั่นใจว่าหมดสติไป พอรู้ว่าหมอนั่นเขาบาดเจ็บอยู่ พอรู้ตัวอีกทีเขาก็หายไปเสียแล้ว
เรื่องที่ผมบอกมันแค่ครู่เดียวหลังจากที่ไปช่วยเออซูร่าด้วยซ้ำ แถมเขาโดนผมระเบิดพลังคิอัดไปเต็มๆ จึงไม่น่าจะหนีไปได้ด้วยตัวเอง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเขามีคนมาช่วยพาหนีไป ไม่ก็ถูกเก็นโฮจับกินไปแล้ว
ยังไงก็เป็นตัวอูรุยเองด้วยที่พาพวกเก็นโฮมายังเขาไดโกะ พวกเก็นโฮก็เลยเล็งเป้าไปยังอูรุยเป็นพิเศษ แถมถึงจะไม่เป็นแบบนั้นแต่เหยื่อที่หมดสติก็เป็นอาหารชั้นดีของพวกมอนสเตอร์อยู่แล้ว
พอคาการิได้ยินแบบนั้น ก็เดาะลิ้นด้วยความเสียดาย จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดราวกับว่าช่วยไม่ได้
「เอาเถอะ ข้าก็ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันจะราบรื่นไปซะหมดหรอก ว่าแต่เมื่อกี้เหมือนข้าได้ยินเสียงของหญิงสาวกรีดร้องออกมาด้วยนี่ เกิดอะไรขึ้นกัน? 」
「…เธอบาดเจ็บสาหัสน่ะ พอเจออะไรมาหนักๆ เลยหมดสติไปแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษไม่ต้องห่วง」
ผมพูดตัดบทไปแค่นั้น
คาการิมองผมด้วยสีหน้าเหมือนอยากจะแหย่ผม แต่ก็ตัดสินใจว่าทำไปคงไม่ได้อะไรก็เลยหยุดแค่นี้
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code