ตอนที่ 233 กบฏ
….ครั้งหนึ่งในอดีตเคยมีเมืองที่ถูกเรียกว่าอาณาจักรทองคำ
มันเป็นประเทศขนาดใหญ่ที่ขยายอาณาเขตไปจนสุดทวีปและว่ากันว่าความเจริญรุ่งเรืองของมันจะแผ่ขยายแสงสีทองไปทั่วโลก
โดยแหล่งที่มาของพลังอาณาจักรแห่งนี้ที่ทำให้พวกเขาสามารถพิชิตยอดเขาสูง ห้วงมหาสมุทร ใต้ดินอันลึกล้ำ และท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับมนุษย์ธรรมดาก็คือพลังเวทอันไร้ขีดจำกัดที่ไหลผ่านผืนโลก หรือก็คือชีพจรมังกรที่ทางอาณาจักรทองคำคิดค้นเทคโนโลยีในการดึงพลังของมันออกมาแล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นคริสทัล
ภายหลังเหมือนคริสทัลดังกล่าวจะถูกเรียกกันว่าศิลานักปราชญ์ ที่มีพลังเวทบริสุทธิ์สูงจนสามารถนำมาใช้ดูแลชีวิตของประชากรนับล้านได้ด้วยคริสทัลขนาดเท่ากำปั้น อีกทั้งกำลังในการผลิตคริสทัลดังกล่าวของอาณาจักรยังสูงมากเสียจนทำออกมาเป็นแสนๆ ก้อนได้ ดังนั้นหากจะบอกว่ามันคืออาณาจักรที่ไม่มีใครบนโลกนี้เทียบเคียงได้ก็ไม่แปลก
ขุมพลังเวทอันไร้ขีดจำกัด จะมีประเทศไหนทำได้อีก
ผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในอาณาจักรทองคำก็เชื่อว่าความรุ่งโรจน์และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศจะคงอยู่ตลอดไป
――แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าตอนนี้มันไม่มีสิ่งนั้นอยู่แล้ว
แม้ว่าสำหรับมนุษย์มันอาจจะดูไม่มีวันสิ้นสุด ทว่าพลังของชีพจรมังกรก็มีขีดจำกัดของมัน หากยิ่งใช้มากเกินขีดจำกัดเท่าใด พลังของมันก็ยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็จะหมดลง
พลังของชีพจรมังกรก็คือพลังของผืนโลก หากพลังดังกล่าวหมดลงไป โลกก็จะกลายเป็นดินแดนรกร้างที่ไม่เหลือแม้กระทั่งต้นหญ้าให้เติบโต ชีวิตจะสูญสิ้น ท้องทะเลทรายจะเข้ามาปกคลุมผืนดินแทน ไม่มีชีวิตใดจะดำรงอยู่ได้แม้จะผ่านไปหลายสิบหรือร้อยปี
หากสปิริตอาศัยอยู่ภายในภูเขา แม่ใน ต้นไม้ โดยถูกแบ่งออกเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟฉันใด สปิริตที่อาศัยอยู่ภายในผืนโลกก็ย่อมมีฉันนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่สปิริตดินอย่างพวกโนมส์ มันคือสปิริตแห่งดวงดารา
โดยความสามารถและอำนาจการดำรงอยู่ของสปิริตแห่งดวงดารานั้นมากเสียจนสปิริตประเภทอื่นเทียบเคียงไม่ได้ ไม่ว่าผู้ใช้สปิริตจะมีความสามารถสักเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถใช้พลังของสปิริตแห่งดวงดาราได้ นอกจากนี้ผู้ใช้สปิริตแม้จะเก่งสักแค่ไหนแต่คนที่ได้ยินเสียงของพวกมันก็มีแทบนับนิ้วได้
แล้วพวกเขาก็พยายามเตือนให้ผู้คนรู้ถึงผลกระทบของการฝืนใช้ชีพจรมังกรต่อไป
หากพลังของชีพจรมังกรหมดลง ทุกชีวิตบนโลกก็จะสูญสิ้น การแสวงหาผลประโยชน์จากมันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
ทว่าคำเตือนเหล่านั้นก็ไม่เป็นผล
แม้พวกสปิริตแห่งดวงดาราจะเตือนพวกผู้ใช้สปิริตระดับสูง แน่นอนว่าบางคนก็ให้ความร่วมมือในการกระจายข้อมูล ทว่าก็มีเสียงต่อต้านไม่น้อยโดยมักจะอ้างว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นผลมาจากการสะสมพลังของชีพจรมังกรที่มากเกินไป
จนสุดท้ายการกระทำของพวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าจะหยุดลง ไม่สิมันไม่สามารถหยุดได้มากกว่า
วิถีชีวิตของผู้คนในตอนนี้พึ่งพาชีพจรมังกรมากจนเกินไป การสละพลังนั้นทิ้งไปก็ไม่ต่างอะไรกับการทำลายอารยธรรมของตน แล้วมันจะมีสักกี่คนเชียวที่จะยอมทิ้งวิถีชีวิตปัจจุบันกลับไปสู่สิ่งที่ตนไม่รู้จัก
มนุษย์ในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรเลยกับปรสิตที่คอยกัดกินโลก ตามใจอยาก
――หากลองนึกว่าโลกคือร่างกายมนุษย์ แล้วเรารู้ว่ามีปรสิตอยู่ภายในร่างเรา มีหรือจะลังเลที่จะกำจัดมันออกไป?
◆◆
「――คึก?!」
ระหว่างที่สันตะปาปาชี้ไปยังสิ่งที่เธอเรียกว่ามังกร ความรู้สึกแปลกๆ ก็ส่งผ่านเข้ามาภายในหัวของผม
ก็จริงว่าบางครั้งโซลอีทเตอร์มักจะแสดงภาพในอดีตให้ผมเห็น แต่ทุกครั้งที่ทำแบบนั้นความทรมานที่ผ่านเข้ามาในหัวก็สูงขึ้นด้วย ยิ่งเป็นคราวนี้เหมือนจะหนักกว่าครั้งก่อนอีก
ทำเอาซะผมอยากจะอ้วกออกมา ก็เลยรีบเอามือปิดปากไว้
「อ..อะไรกัน ทำไมต้องตอนนี้…? 」
พอผมพึมพำออกมา สันตะปาปาที่จ้องมองผมมาถึงตอนนี้ก็เริ่มพูดต่อด้วยเสียงอันแผ่วเบา
「สาเหตุที่สปิริตแห่งดวงดาราเริ่มพิโรธ สาเหตุที่มังกรเกลียดมนุษย์ สาเหตุที่ลัทธิแห่งแสงบูชาเผ่าพันธุ์ในตำนาน แล้วสาเหตุที่พวกมันไม่ได้โจมตีมนุษย์มั่วซั่ว ก็เพราะพวกมันคือบาปซึ่งเกิดมาจากพวกมนุษย์ผู้โง่เขลา และการกระทำของพวกมันก็เหมือนกับการชำระล้างบาปบนโลกนี้」
「……มุ」
ผมเม้มปากเอาไว้แน่น
ว่ากันตามตรงผมก็ไม่ได้รู้สึกเห็นด้วยกับแนวติดของลัทธิหรือสันตะปาปาหรอกนะ แต่ภาพที่ผมเห็นมันก็ยากจะตำหนิการกระทำของโลกที่เกลียดชังมนุษย์ได้จริงๆ
บางทีมันก็คงจะเหมือนความรู้สึกตอนที่ถูกพวกหนอนในถ้ำราชาแมลงวันชอนไชมั้ง ใครมันจะไปยอมทนให้ตัวเองโดนกินกัน หากเป็นไปได้ผมก็ต้องฆ่าพวกมัน
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเต็มไปถูกมังกรหรือเจ้าพวกนั้นฆ่าเฉยๆ นะ ก็จริงว่าคนของอาณาจักรทองคำมันทำเกินไปหน่อย การล่มสลายจึงตามมาจากผลกรรม ทว่าคนที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวนี่
พอผมอธิบายไปแบบนั้น สันตะปาปาก็พยักหน้าให้
「นั่นก็จริงค่ะ หากบาปถูกชำระล้างไปแล้ว การให้อภัยก็จะถือกำเนิด ทว่าบาปที่อาณาจักรทองคำทำไว้มันไม่ได้ถูกชำระล้างค่ะ พวกเขาได้ทำการระดมกำลังทั้งประเทศเข้าต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ในตำนาน รวมถึงพวกมังกร แล้วก็เป็นที่น่าเสียดายแต่อาณาจักรเป็นฝ่ายชนะค่ะ」
สันตะปาปากล่าวว่าแต่เดิม อาณาจักรทองคำไม่มีทางจะเอาชนะโลกได้เลย ถึงแม้พวกเขาจะมีอาวุธโบราณที่แสนทันสมัยซึ่งสร้างมาจากชีพจรมังกร แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับพลังที่หยิบยืมมา
มีหรือมันจะเทียบเคียงกับมังกรหรือเผ่าพันธุ์ในตำนานซึ่งถือครองพลังจากชีพจรมังกรอย่างแท้จริงไหว สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นมีเพียงแค่ภาพของอาณาจักรพยายามต้านการบุกรุกของพวกเผ่าพันธุ์ในตำนาน ผลลัพธ์แห่งความพ่ายแพ้ของพวกเขาอยู่ไม่ไกล
ทว่าสุดท้ายอาณาจักรทองคำกลับเป็นฝ่ายชนะเพราะเผ่าพันธุ์ในตำนานบางตัวได้แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับมนุษย์――พอได้เห็นดวงตาของสันตะปาปาที่เล่าเรื่องนี้แล้วก็รู้ได้เลยว่าเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนมาก
「ไม่สิคะ――ต้องพูดว่าตัวแปรที่สำคัญซึ่งทำให้สงครามพลิกผันมีเพียงแค่เผ่าพันธุ์ในตำนานตัวนั้นตัวเดียวจากในหมู่ผู้แปรพักตร์ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมมันถึงกบฏต่อมังกร และไม่อยากจะรับรู้ด้วยซ้ำ แต่มันก็คือความจริง มันได้ทำการฆ่าพวกพ้องของตัวเองไปมากมายและสุดท้ายมันก็สังหารมังกรโดยแลกกับชีวิตของมันเอง เมื่อพวกมันสูญสิ้นไปจนหมด ก็เหลือเพียงมนุษย์จากอาณาจักรทองคำเท่านั้นที่คงอยู่」
อย่างไรก็ตามอาณาจักรทองคำที่ได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่หลงเหลือพลังมากพอเหมือนดั่งอดีต
พวกเขาเห็นถึงความร้ายแรงของชีพจรมังกรและได้ผนึกมันเอาไว้ จนอาณาจักรทองคำค่อยๆ ล่มสลาย แม้แต่ชื่อก็ไม่หลงเหลืออยู่ในหน้าประวัติศาสตร์
แม้ทุกอย่างเหมือนจะจบลงได้ด้วยดี แต่ความโกรธของโลกที่มีต่อพวกแมลงร้ายซึ่งเคยกัดกินมันก็ใช่จะหายไป
แม้มันจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ความเป็นปรปักษ์ต่อมนุษย์ยังคงคุกรุ่นอยู่ใต้ผนึกที่ถูกปิดตายไว้ก็กำลังค่อยๆ สะสมเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วพอผ่านไปได้ 700 ปี เปลวไฟแห่งความแค้นที่อยู่ภายใต้ผนึกนั้นก็พร้อมจะปะทุออกมาอีกครั้งจากรังมังกร
——–
Note 1 : ปูมาขนาดนี้ก็ต้องโซลอีทเตอร์ละแหละ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code