การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 235.5 ฉากหลัง

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 235.5 ฉากหลัง

 

「ท่านคาซึมะได้โปรดรออยู่บนเรือด้วยครับ! จากนี้ไปข้าจะทำการลงไปตรวจสอบล่วงหน้าเอง!」

 

 

เมื่อมิตสึรุกิ คาซึมะเดินทางมาถึงท่าเรือของเกาะแห่งผืนป่าและกำลังจะลงจากเรือ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นข้ารับใช้ของเขาก็ได้หยุดเขาไว้

 

ทางคาซึมะที่เห็นก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

 

 

「ไม่เห็นจำเป็นเลย การที่ฉันเลือกกลับมายังเกาะก็เพราะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนี่」

 

 

 

「ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ทว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับท่านคาซึมะ ข้าคงไม่มีทางไปพบหน้าท่านจินได้แน่――!」

 

ชายหนุ่มพยายามโน้มนาวอย่างหนัก จนสุดท้ายคาซึมะก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงริมฝีปากเขา

 

ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็หยุดพูดทันที

 

 

จิน น้องชายของมิตสึรุกิ คาซึมะได้ตายลงไปแล้วเมื่อวันก่อน ในระหว่างที่เขาออกไปปราบพวกก็อบลิน เขาก็พลาดถูกพวกมันฆ่าและเผาทั้งเป็น คาซึมะทำการรายงานเรื่องนี้ให้ทางตระกูลโฮโซได้ฟัง เนื่องจากความโมโหที่น้องชายของตนต้องมาตายเพราะมอนสเตอร์กระจอกเขาจึงทำการลบชื่อของจินออกจากบันทึกตระกูลและประกาศให้ทุกคนทราบว่าตนไม่มีน้องชายที่ถูกพวกก็อบลินกระจอกฆ๋าตาย

 

 

 

โชคดีที่เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าจินนั้นไม่ชอบฝึกฝนศาสตร์นานะชิกิและมันก่อปัญหาหนักใจให้พ่อกับพี่ชายตน ดังนั้นผู้คนจึงไม่ได้คิดสงสัยเรื่องราวของเขานัก

 

 

ทว่ามันก็กลายเป็นจุดด้อยให้ตระกูลโฮโซเยาะเย้ย ผู้นำตระกูลมิตสึรุกิและข้ารับใช้ ด้วยเหตุนี้ชื่อของจินจึงเป็นคำต้องห้ามที่แม้แต่คนในตระกูลก็ไม่ควรเอ่ยถึง

 

 

นอกจากตัวคาซึมะแล้ว คนที่รู้ว่าจินนั้นแกล้งตายมีเพียงคนสนิทของคาซึมะที่ติดตามเขามาด้วยเพียงคนเดียว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นการกระทำของจินก็เหมือนบ่งบอกว่าไม่ควรพูดเรื่องของจินไม่ว่าจะที่ไหน

 

 

ชายหนุ่มจากตระกูลคุมอนที่รู้สึกตัวก็กัมหัวและละอายใจกับตัวเอง

 

 

「ต้องขออภัยด้วยครับ!」

 

 

ไม่เป็นไรหรอกตราบใดที่นายยังเข้าใจ

 

「หากนายเข้าใจก็ดีแล้ว ก็จริงว่าพวกผู้อาวุโสของโฮโซหนีไปยังทวีปหลักหมดแล้ว เรื่องที่เราพูดกันตรงนี้พวกนั้นคงไม่รู้ แต่ก็อย่าได้ประมาทเลย ควรจำไว้เสมอว่าสิ่งนี้คือความลับสุดยอดที่นายต้องพามันลงหลุมไปพร้อมนาย」

 

 

 

「รับบัญชา」

 

 

 

 

ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันผู้นำตระกูลมิตสึรุกิกับข้ารับใช้ของเขาก็ลงจากเรือมายังผืนดินของเกาะ

 

 

 

เมื่อวันก่อนนักรบจากกองกำลังเก็นโซและพวกพ้องได้ทำการเดินทางมายังเกาะเพื่อต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ในตำนานที่มีหน้าคล้ายมนุษย์มีร่างกายเป็นงูซึ่งตื่นขึ้นมาจากรังมังกร

 

หลังจากยืนยันว่าคนบนเกาะแห่งผืนป่าอพยพกันไปหมดแล้ว การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มขึ้น

 

 

ความรุนแรงของการต่อสู้ทั้งก้องไปถึงทวีปหลัง เสียงคำรามและแรงสั่นสะเทือนดำเนินอย่างยาวนาน จนใครๆ ต่างก็คิดว่ามันคือจุดจบของโลกใบนี้

 

 

แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา เสียงดังกล่าวก็สงบลงเกาะแห่งผืนป่าไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก ร่างขนาดมหึมาของเผ่าพันธุ์ในตำนานที่เห็นชัดจากทวีปหลักก็หายไป ดังนั้นคาซึมะจึงอยากจะมายืนยันด้วยสายตาตัวเองว่าเก็นโซได้รับชัยชนะ….แต่ถึงพวกเขาจะเอาชนะมันได้ ก็ใช่ว่าการต่อสู้จะจบแล้วจริงๆ

 

ดังนั้นทางตระกูลโฮโซที่หนีไปยังทวีปหลักจึงได้ส่งคนมาสำรวจและคาซึมะก็อาสารับหน้าที่ดังกล่าว

 

เอาง่ายๆ ก็คือพวกโฮโซไม่ยอมให้คนของตัวเองเข้ามาเสี่ยงและโยนหน้าที่ไปให้กับมิตสึรุกิ แต่คาซึมะก็เต็มใจรับมัน

 

 

เดิมทีคาซึมะก็ตั้งใจจะร่วมการต่อสู้ครั้งสุดท้ายด้วย เนื่องจากตัวเขาเองก็ฝึกฝนจนได้รับอาภรณ์วิญญาณแล้วผ่านการติดต่อลับๆ จากจินจนสามารถต่อกรกับพวกเก่งๆ ไหว

 

 

อย่างไรก็ตามคาซึมะกลับถูกปฏิเสธ

 

 

หากสองพี่น้องตายไปพร้อมกันทั้งคู่ ตระกูลมิตสึรุกิคงจะจบสิ้น ดังนั้นจินจึงขอร้องให้พี่ชายของเขาช่วยดูแลตระกูลต่อไป

 

 

 

น้องชายที่เสียสละทุกอย่างเพื่อตระกูลพูดขนาดนี้มีหรือคาซึมะจะขัดขืน

 

 

ด้วยเหตุนี้เองคาซึมะจึงรีบกลับมายังบ้านเกิดทันทีที่การต่อสู้จบลง

 

 

หลังจากคาซึมะสำรวจรอบๆ เกาะเสร็จก็ยืนยันได้แล้วว่าการต่อสู้จบลงแล้ว แต่จินและพวกเก็นโซคนอื่นๆ กลับไม่มีแม้แต่เงา

 

 

ตรงจุดนี้คาซึมะก็พอคาดเดาและทำใจได้บ้างแล้ว แต่ปัญหาคือรังมังกรที่เป็นสาเหตุของการปรากฏตัวของเผ่าพันธุ์ในตำนานยังหายไปอีก

 

แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนกลับเป็นบางสิ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเวท และใหญ่โตจนบิดเบือนพื้นที่โดยรอบของจุดที่รังมังกรเคยอยู่

 

 

เพื่อจะให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วิธีที่เร็วที่สุดก็คือเข้าไปตรวจสอบสิ่งนั้น

 

ขณะที่คาซึมะกำลังจะปรึกษากับข้ารับใช้ที่มีความรู้เชิงเวทมนตร์มากกว่าตน

 

 

 

 

「นั่นใครกัน?!」

 

 

ข้ารับใช้ของเขาตะโกนออกมาและวางมือไว้บนด้ามดาบ

 

 

คาซึมะจึงหันไปในทิศทางที่เสียงถูกส่งไป แล้วพบกับหญิงสาวที่สวมชุดนักบวชกำลังยืนอยู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแท้ๆ

 

 

 

「ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ――ท่านคาซึมะ」

 

 

 

นักบวชสาวพูดขึ้นโดยไม่ได้สนใจข้ารับใช้ของคาซึมะที่ตั้งท่าระวัง แน่นอนว่าคาซึมะเองก็รู้จักเธอ

 

 

หญิงสาวคนนี้คือ 1 ใน 2 หญืงสาวที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันกับจินเพื่อพบคาซึมะอย่างลับๆ ก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้าย คราวก่อนเธอบอกว่าพ่อของเธอเพิ่งเสียไป รู้สึกว่าชื่อของเธอจะคือ…

 

 

 

 

「ไม่พบได้กันนานเลยนะ ท่านโซเฟีย」

 

 

 

โซเฟีย อาเซอร์ไรท์ ยิ้มและตอบสนองกับเสียงของคาซึมะ มันช่างดูงดงามราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง จนทำให้ข้ารับใช้ของเขาถึงกับชะงักไป

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สายตาของคาซึมะกลับเต็มไปด้วยความสงสัย

 

 

 

เขาเคยพบกันโซเฟียเพียงครั้งเดียว แต่โซเฟียที่อยู่กับจินตอนนั้นดูจะเงียบขรึมมากกว่านี้ จะได้ว่าใบหน้าของเธอดูมืดมนมากเหมือนติดค้างอะไรภายในใจ บางทีอาจจะเป็นเพราะพ่อของเธอเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานก็ได้

 

 

แต่คราวนี้เธอกลับยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผล คาซึมะจึงระวังตัวมากยิ่งขึ้น

 

 

「ท่านโซเฟีย ผลการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ในตำนานเป็นอย่างไรบ้าง? จินกับท่านอาโทริแล้วคนอื่นๆ ละ ปลอดภัยดีหรือเปล่า? 」

 

 

 

 

พอได้ยินแบบนั้นโซเฟียก็ยิ้มให้เขาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันสงบนิ่ง

 

 

「การต่อสู้กับมังกรจบลงแล้วค่ะ อาโทริได้ทุ่มสุดตัวเพื่อผนึกมันเอาไว้อีกโลกหนึ่ง」

 

 

「มังกร? นั่นเป็นชื่อของมันเหรอครับ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ผมเดาว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นสินะครับ? 」

 

 

「ใช่ค่ะ หากท่านก้าวเข้าไปภายในนั้น ท่านก็จะพบกันโลกที่แตกต่างจากโลกของเรา เหล่าผู้รอดชีวิตทุกคนอยู่ภายในนั้นค่ะ ส่วนฉันรับหน้าที่มาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายนอก」

 

 

หลังพูดจบท่าทางของโซเฟียก็ดูมืดมนลง

 

 

 

「ท่านคาซึมะ ฉันเสียใจที่ต้องแจ้งให้ทราบ ทว่าท่านจินได้เสียชีวิตลงขณะต่อสู้กับมังกรค่ะ」

 

 

 

「………………ไม่จริงน่า」

 

 

เมื่อคาซึมะได้ยินข่าวการเสียชีวิตของน้องชายเขา เขาก็หลับตาแน่น ทางข้ารับใช้ก็คร่ำครวญออกมาด้วยความเสียใจ

 

ตอนที่เขาเดินมาส่งน้องชายออกไปในสนามรบครั้งสุดท้าย เขาก็ทำใจเอาไว้บ้างแล้ว ทว่าความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาภายในจิตใจก็ยังมากเกินกว่าคาซึมะจะทนไหวจริงๆ

 

 

 

――พอเป็นแบบนี้แล้วคาซึมะก็จะกลายเป็นสมาชิกของตระกูลมิตสึรุกิที่เหลือรอดคนสุดท้าย

 

 

ระหว่างที่เขากำลังบ่นกับตัวเองอยู่ภายในใจ โซเฟียก็ปรบมือของเธอหนึ่งครั้ง

 

ทันใดนั้นเอง ข้ารับใช้เพียงคนเดียวที่คอยปกป้องคาซึมะ อยู่ดีๆ ก็ล้มลงไปกับพื้นราวกับตุ๊กตาหุ่นเชิดที่ถูกตัดเชือกให้ขาด

 

 

ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่คาซึมะกับโซเฟียสองต่อสอง

 

 

 

 

 

「――ท่านโซเฟียนี่มันอะไรกัน」

 

 

「ฉันไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นนอกจากท่านคาซึมะได้ยินเรื่องที่จะพูดต่อจากนี้ได้้ค่ะ」

 

 

 

「งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ขอฟังหน่อยสิ」

 

 

แม้ว่าเสียงของเขาจะสงบนิ่ง แต่คาซึมะก็พร้อมแล้วสำหรับการต่อสู้

 

 

 

โซเฟียจึงพูดต่ออย่างสบายๆ จนไม่รู้ว่าเธอสนใจสิ่งที่คาซึมะตั้งใจทำจากนี้ไหม

 

 

「ท่านคาซึมะคะ ท่านคิดว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์กับคิจินต่อจากนี้จะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนคะ? จนถึงตอนนี้ มนุษย์ก็ยังหวาดกลัวรูปร่างและความสามารถอันสุดจะหยั่งถึงของคิจินและพยายามเลี่ยงการติดต่อพวกมัน ทางคิจินเองก็เช่นกันพวกเขาเองก็มีความแค้นกับมนุษย์อยู่ไม่น้อย ทว่าหลังจากต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ในตำนาน ทั้งสองเผ่าพันธุ์ที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก็คงจะเอาชนะความบาดหมางในอดีตและก้าวเดินไปด้วยกันได้แน่นอนค่ะ」

 

 

เรื่องนี้ควรจะมองว่าเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมหลังการต่อสู้จริงๆ

 

 

ทว่านั่นมันก็แค่ในกรณีที่ดีที่สุด เหตุผลที่ทั้งสองฝ่ายจับมือกันก็เพราะเจอศัตรูที่ทรงพลังอย่างเผ่าพันธุ์ในตำนาน พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากวางเรื่องในอดีตทิ้งไปก่อนและร่วมมือกัน

 

มนุษย์กับคิจินไม่ได้คินดีกันจริงๆ แน่นอนว่าก็มีคนอย่างจินกับอาโทริที่พัฒนาความสัมพันธ์กันจนเป็นพวกพ้องจริงๆ ทว่ามันก็เป็นแค่เรี่องของรายบุคคลเท่านั้น หากมองมุมของเผ่าพันธุ์ก็คงห่างไกล

 

 

ตอนนี้เมื่อราชาแห่งเผ่าพันธุ์ในตำนานถูกผนึกลง ศัตรูที่ต้องเจอก็หายไป เหตุผลที่จะจับมือกันก็หายไปด้วย

 

ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายอาจจะกลับมาอีกครั้ง

 

 

「เห็นได้ชัดว่ากองกำลังหลักของเก็นโซก็คือคิจินที่สามารถใช้อาภรณ์วิญญาณได้ อาโทริที่เป็นผู้นำของกลุ่มคิจินก็สามารถผนึกและจบการต่อสู้นี้ลงสำเร็จ ไม่ว่ามองจากมุมไหนคิจินก็คงได้รับความดีความชอบมากกว่ามนุษย์ สิทธิ อำนาจ ความสำเร็จหลังการต่อสู้ก็คงจะตกไปอยู่ที่พวกเขาจนเกือบหมด มนุษย์คงจะไม่เหลือจุดยืนมากนับจากนี้แน่ ก็คงเรียกได้ว่าจุดยืนทั้งสองฝ่ายกลับกันแล้วค่ะ」

 

 

 

หรือก็คือตระกูลโฮโซที่มีความแค้นกับคิจินและกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับพวกนั้นก็คงโดนหางเลขไปด้วยแน่ๆ

 

จากมุมของพวกคิจินแล้วไม่มีเหตุผลเลยที่พวกเขาจะเก็บกลุ่มคนที่สร้างเทคนิคสำหรับสังหารคิจินอย่างนานะชิกิเอาไว้ ทางตระกูลโฮโซเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะขออภัยกับสิ่งที่ตนทำลงไปในอดีตเลย

 

 

การต่อสู้ระหว่างคิจินกับตระกูลโฮโซก็คงเริ่มขึ้นหลังจบเรื่องนี้แน่

 

 

คำถามต่อมาก็คือมนุษย์จะทำเช่นไรกับเรื่องนี้

 

 

ส่วนใหญ่ก็คงจะตัดสินใจเลือกเฝ้าดู เพื่อสังเกตพลังของคิจินที่เอาชนะเผ่าพันธุ์ในตำนานลงได้ และความน่าเกรงขามของอาภรณ์วิญญาณว่าเป็นเช่นไร

 

 

 

หากเป็นพวกที่เล่นเกมการเมืองเก่งๆ หน่อยก็คงจะพยายามสานสัมพันธ์กับพวกคิจินหลังเรื่องนี้จบลงแน่ และพวกเขาคงไม่สนใจเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยตระกูลไร้ชื่ออย่างโฮโซหรอก

 

 

ถ้าแค่นั้นก็ยังไม่เป็นไร แต่สิ่งที่หนักใจหน่อยก็คือความเป็นไปได้ที่มนุษย์บางกลุ่มจะช่วยคิจินเพื่อจัดการกับตระกูลโฮโซนี่แหละ

 

 

 

ส่วนเป้าหมายของพวกเขาก็คงจะเป็นการตอกย้ำว่าตระกูลโฮโซเป็นฝ่ายผิด และเป็นการบอกกับพวกคิจินว่าตนไม่คิดเป็นศัตรูแน่ๆ

 

 

ตระกูลโฮโซจะกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองฝ่ายให้คืนดีกัน ――พอได้ยินการคาดเดาของโซเฟียแล้ว รอยย่นที่คิ้วของคาซึมะซึ่งมีมากอยู่แล้วก็ย่นลึกขึ้นกว่าเก่า

 

 

มีความเป็นไปได้สูงมากเลยทีเดียว

 

ถ้าพูดให้เจาะจงมากขึ้น คาซึมะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่โซเฟียจะพูดซะอีก แถมเขาพยายามหาทางออกสำหรับกรณีเลวร้ายสุดด้วย

 

ทว่าศัตรูของเขาคราวนี้แข็งแกร่งมากเกินไป การเคลื่อนไหวหลังสงครามคราวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผลลัพธ์ก็เลยยังไม่เป็นรูปร่าง

 

 

อันที่จริงมันก็มีทางเลือกอย่างการใช้จินเป็นเครื่องสานสัมพันธ์สำหรับตระกูลมิตสึรุกิ แต่มันก็จบลงที่ความคิดเฉยๆ

 

 

พวกระดับสูงของโฮโซไม่ใช่คนโง่ หากคาซึมะเลือกทางนั้นการมีอยู่ของจินก็จะหลุดออกไปภายนอกได้

 

 

เขาไม่อยากจะสร้างภาระให้กับน้องชายที่ตายไปและตระกูลอีก

 

 

ไม่ว่าจะทางไหนตอนนี้โซเฟียก็ได้มาตอกย้ำความกังวลของเขาแล้ว

 

คาซึมะหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะมองนักบวชสาวตรงหน้า

 

 

 

 

「ดูเหมือนท่านจะพูดอ้อมค้อมไปเยอะเลยนะ เพราะเท่าที่ฟังมาเหมือนไม่จำเป็นต้องมีแค่เราสองคนสักหน่อย ดังนั้นบอกมาตามตรงเถอะว่าท่านต้องการอะไร」

 

 

 

「นั่นสินะคะ งั้นฉันขอพูดตามตรงเลยแล้วกัน」

 

 

 

 

โซเฟียสูดหายใจเข้าออกหนึ่งครั้งก่อนจะพูดต่อ

 

 

「เรามาช่วยกันขับไล่คิจินออกจากทวีปหลักเถอะค่ะท่านคาซึมะ ไม่ใช่แค่พวกนั้น แต่รวมไปถึงตระกูลโฮโซที่สร้างความน่ารำคาญให้กับท่านด้วย แล้วมาทำให้ชื่อของตระกูลมิตสึรุกิกลายเป็นตำนาน แม้ว่าจะไม่คู่ควรแต่ฉันก็อยากจะช่วยท่านจนเส้นสุดทางนี้ค่ะ」

 

 

โซเฟียก้มหัวให้กับเขาราวกับเป็นข้ารับใช้อีกคน

 

แน่นอนว่าคาซึมะไม่คิดจะยอมรับโดยง่าย

 

 

「ดูนิสัยเสียเกินคาดนะครับ หากท่านคิดว่าผมจะหลงผิดตามที่ท่านเสนอมา ก็คงจะดูถูกกันเกินไปหน่อยนะครับ」

 

 

「หากพวกเราไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ ตระกูลมิตสึรุกิจะถูกทำลายล้างในไม่ช้านี้โดยพวกคิจินไม่ก็มนุษย์ค่ะ แต่ไม่ว่าจะทางไหนชะตากรรมของตระกูลท่าน ข้ารับใช้ของท่าน และท่านคาซึมะก็จะจบลง หวังว่าท่านจะเข้าใจนะคะ」

 

 

 

 

 

「ก็ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นแล้วเสียหน่อย」

 

 

 

ตรงกันข้ามกับโซเฟียที่เหมือนจะถลำลึกยิ่งกว่าเก่า คาซึมะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 

ภายในใจของเขาตอนนี้มีแต่ความสงสัยมากขึ้นทุกวินาที และตอนนี้มันเกิดจะควบคุมแล้ว นักบวชคนนี้สติหลุดไปเรียบร้อย ตาซึมะค่อยๆ พูดก่อนตั้งท่าระวังตัว

 

 

「เรื่องนี้มันต่างจากเผ่าพันธุ์ในตำนาน มนุษย์กับคิจินนั้นสามารถพูดคุยกันได้ แม้ว่าทั้งสองจะมีเรื่องกันในอดีต แต่พวกเราก็จะก้าวข้ามมันไปได้ด้วยการพูดคุย ดั่งที่จินกับท่านอาโทริทำ นอกจากพวกเขาแล้วก็ยังมีคนอีกไม่น้อยที่เข้าใจซึ่งกันและกัน」

 

 

คาซึมะก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ในหัวของเขากลับผุดเรื่องของอาโทริและจินขึ้นมา

 

 

 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ จากที่เขาเห็นทั้งคู่เหมือนจะมีความรู้สึกดีๆ ให้กันเสียด้วย มันจึงทำให้จินเผลอพูดออกไป ราวกับเห็นความหวังระหว่างสองฝ่าย

 

 

――ทว่าเขากลับได้รับปฏิกิริยาตอบกลับที่แสนรุนแรง

 

 

พลังเวทอันรุนแรงได้พวยพุ่งออกมาจากร่างอันบอบบางของโซเฟีย คาซึมะต้องเผชิญกับคลื่นพลังเวทที่ยากจะเชื่อว่าเป็นของมนุษย์ จนชักดาบออกมาฟันอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ

 

 

มายาสังหาร(ดาบสังหารเผ่าพันธุ์ในตำนาน) วายุ มันคือเทคนิคแรกที่คาซึมะได้เรียนรู้จากจิน 

 

 

จังหวะเท้า การชักดาบ แล้วฟาดฟันออกไปเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

 

การโจมตีของคาซึมะรุนแรงเท่าที่ขีดจำกัดของมนุษย์จะทำได้ ไม่มีทางเลยที่อีกฝ่ายจะสามารถหลบหลีกหรือสังเกตเห็นการโจมตีได้ทัน

 

ทว่าโซเฟียสามารถหยุดทักษะของเขาเอาไว้ได้ ใช้แล้วเธอไม่ได้หลบมันแต่เธอก้ามมาข้างหน้าและใช้มือเปล่าคว้าซาซาโนะซึยุของคาซึมะเอาไว้

 

 

คาซึมะที่ตกใจอยู่พยายามจะดึงดาบของเขากลับมา แต่ดาบกลับไม่ขยับเลยสักนิด

 

 

โซเฟียยิ้มออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

 

 

 

「ช่างเป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยมแต่ก็เปล่าประโยชน์ หากท่านจินคืออัจฉริยะที่เรียน 1 ได้ถึง 10 ท่านก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่เรียน 1 ได้เพียง 1 แม้จะเป็นเทคนิคที่ท่านจินสร้างขึ้นแต่ถ้าผู้ใช้มือไม่ถึงก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ」

 

 

 

「――คึ!」

 

 

 

คาซึมะไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดของอีกฝ่าย แต่พยามเพิ่มแรงดึงดาบกลับทว่าก็ไม่เป็นผล

 

 

อันที่จริงคาซึมะก็พยายามจะใช้อาภรณ์วิญญาณของเขาเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่จินทำได้ คงไม่สามารถจัดการศัตรูตรงหน้าได้แน่ เขารู้ตัวดีอยู่แล้วถึงความต่างระหว่างตนกับน้องชายโดยไม่ต้องให้ใครมาบอก

 

แล้วโซเฟียก็เริ่มพูดต่อ

 

 

「นั่นสิคะ ในฐานะนักดาบถึงท่านจะไม่เก่งเท่าท่านจิน แต่สำหรับพวกฟัง 1 ได้เพียง 1 หากทำมันสัก 10 ครั้งก็จะกลายเป็น 10 เช่นกัน ท่านจินเคยบอกไว้ด้วยสิคะว่าสักวันหนึ่งท่านคงสามารถไปถึงจุดที่เขา อาโทริ และฉันอยู่ได้ พอฉันได้เห็นการแกว่งดาบของท่านแล้วก็คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ 」

 

 

 

「ให้ตายสิ งั้นก็มาทำให้มันจบๆ ไปเลยดีกว่า」

 

 

「คงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณสามารถเรียนรู้เทคนิคที่ท่านจินคิดขึ้นมาด้วยพรสวรรค์ให้กลายเป็นบทเรียนอย่างมีหลักการได้ ท่านสามารถสร้างมันขัดเกลาและสอนอย่างมีระบบให้ผู้อื่นได้ แม้ว่าท่านจะไม่สามารถเทียบเท่าท่านจินได้ในฐานะนักดาบ แต่พรสวรรค์ในการสั่งสอนผู้อื่นของท่านถือว่าสูงกว่าท่านจินค่ะ และฉันต้องการสิ่งนั้น」

 

 

 

พอพูดจบ โซเฟียก็ปล่อยดาบ

 

 

 

คาซึมะรีบกระโดดถอยเว้นระยะกับโซเฟียทันที เม็ดเหงื่อไหลอยู่เต็มหน้าผากเขา บ่งบอกว่าคาซึมะเหนื่อยล้ามากแม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ

 

 

กลับกันโซเฟียไม่ได้แสดงความเหนื่อยล้าใดๆ ออกมาเลย ก่อนจะเผยแผนของเธอต่อ

 

「แม้ว่าท่านจินจะจากไปแล้ว….ไม่สิเพราะเขาจากไปแล้ว เราจึงจำเป็นต้องส่งต่อสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาให้สืบต่อไปค่ะ และมีเพียงท่านคาซึมะเท่านั้นที่ทำได้จากนี้ไปฉันจะสร้างข้ออ้างว่าต้องการช่วยเหลืออาโทริ พวกคิจิน และหลอกให้พวกที่เหลือในทวีปหลักเข้ามายังอีกโลกหนึ่งก่อนจะกักขังเอาไว้ภายในนั้น สุดท้ายพวกที่เหลืออยู่ก็จะมีเพียง เด็ก ผู้หญิง คนแก่ ที่ไม่สามารถใช้พลังของอาภรณ์วิญญาณได้ ซึ่งมนุษย์น่าจะกัดการพวกมันได้ไม่ยาก」

 

 

 

「ไม่มีทางที่คนอื่นจะเห็นด้วยหรอก」

 

 

「แม้แต่ในหมู่มนุษย์ก็ย่อมมีคนจำนวนมากที่เกรงกลัวคิจิน แค่ได้ยินชื่ออาโทริทุกคนก็ตัวสั่นกันหมดแล้ว นั่นสินะคะ เธอคงไม่ต่างอะไรกับเทพปีศาจที่พวกคิจินบูชา ดังนั้นนางจะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกคิจินคลั่งและท่านที่ค้นพบความจริงนี้ก็ทำการปิดผนึกเทพปีศาจเอาไว้ได้สำเร็จ จากนั้นก็ทำการกวาดล้างพวกคิจินไปหมดจนทวีปและสร้างหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ ภายใต้นามมิตสึรุกิ」

 

 

 

「….แล้วถ้าฉันไม่ทำตามที่เธอบอกล่ะ」

 

 

 

「หากเป็นแบบนั้นฉันก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฆ่าเขาค่ะ」

 

 

 

 

โซเฟียมองไปยังข้ารับใช้ของคาซึมะที่หมดสติ

 

 

「และหากยังไม่พอเปลี่ยนใจท่าน ฉันก็จะฆ่าคนที่เหลือในทวีป หากไม่พอฉันก็จะฆ่าคนในตระกูลของท่านต่อ แล้วจะหาทางต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าท่านจะตกลงค่ะ แม้ว่าท่านคิดจะฆ่าตัวตายฉันก็จะไม่เปลี่ยนแนวทางนี้ค่ะ เพราะการที่ฉันนำมันมาบอกกับท่านก่อนก็เพื่อเป็นเกียรติกับท่านที่คู่ควรที่สุดในหมู่มนุษย์ อย่าลืมสิคะว่ายังมีคนอีกมากที่ต้องการจะกลายเป็นผู้กล้ากอบกู้โลกใบนี้เอาไว้」

 

 

 

「เป็นความคิดที่ดีเลยไม่ใช่เหรอคะ การส่งต่อสิ่งที่ท่านจินสร้างขึ้นให้กับคนรุ่นหลัง? 」

 

 

「อย่างน้อยก็ลองดูก่อนสิคะ หากท่านทำไม่ไหวจะยอมแพ้ฉันก็ไม่ว่าหรอกค่ะ」

 

 

 

 

ลิ้นของโซเฟียไม่หยุดที่จะพ่นคำต่างๆ ออกมา

 

 

ทั้งตัวตนของมังกร ทั้งลัทธิแห่งแสง ทั้งแนวทางที่เขาควรจะเดิน วิธีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ทวีปนับจากนี้

 

 

 

ระหว่างที่คาซึมะกำลังฟังเรื่องราวพวกนี้เขาก็พยายามจะหาช่องว่างของโซเฟีย แต่ก็ไม่พบเลยสักนิด กลับกันคาซึมะนี่แหละเป็นฝ่ายที่ต้องกัดฟันทนต่อแรงกดดันของพลังที่โซเฟียปลดปล่อยออกมาเรื่อยๆ

 

 

สิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเขาคือมนุษย์อย่างแน่นอน ทว่าความรู้สึกและแรงกดดันนั้นไม่ใช่เลยสักนิด ต้องยอมรับจริงๆ ว่าคาซึมะเทียบโซเฟียไม่ได้เลย

 

 

แม้ว่าจะสู้แบบถวายหัวก็คงไม่สามารถทำอะไรเธอได้ นอกจากนี้คนของเขาก็จะเดือดร้อนไปได้ มนุษย์บนทวีปหลักก็เช่นกัน เพราะนั่นคือสิ่งที่โซเฟียบอกเอง

 

 

การจะทำให้ตระกูลมิตสึรุกิที่จินเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องและสั่งสอนเทคนิคการต่อสู้สุดล้ำลึกต้องหายไปนั้น

 

――คือสิ่งที่คาซึมะซึ่งเป็นผู้นำตระกูลและพี่ชายของเขาไม่สามารถละทิ้งได้

 

 

คาซึมะกำหมัดแน่นจนมีเลือดไหลออกมา

 

ทันทีที่เขาจับมือเดินไปพร้อมกับโซเฟียก็ไม่ต่างอะไรกับตระกูลมิตสึรุกิต้องด่ำดิ่งไปในความมืดมิดตลอดกาล

 

 

คนขี้ขลาดที่รักตัวกลัวตาย คนขี้ขลาดที่ขโมยเอาความสำเร็จของผู้อื่น ผู้ทรยศที่แทงพวกพ้องจากด้านหลัง ฆาตกรที่เหยียบย่ำชีวิตที่บริสุทธิ์ และอื่นๆ อีกมากมาย

 

 

แต่กลับกัน เขาก็ได้รับการยกย่องจากผู้คนว่าเป็นวีรบุรุษที่กอบกู้โลกใบนี้ไว้ ทว่าสำหรับผู้ที่รู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ ก็ไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็น คาซึมะไม่สามารถมีความสุขในฐานะมนุษย์ได้อีกต่อไป

 

 

อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่เลือกทางนี้ตระกูลมิตสึรุกิก็จะหายไปตลอดกาล

 

 

คาซึมะกัดฟันแน่นและมองไปยังโซเฟียที่พ่นเรื่องต่างๆ ออกมาด้วยความร่าเริง

 

โซเฟียอยากจะเขาคาซึมะเป็นผู้กล้า และขับไล่พวกคิจินไปยังอีกโลกหนึ่ง

 

 

แต่มันก็มีเรื่องแปลกที่เขายังไม่เข้าใจ หากเธอต้องการจัดการพวกคิจินและกองกำลังเก็นโซจริง คนที่พอจะมีพลังสู้เธอไหวก็คงแทบไม่เหลือแล้ว แค่ตัวเธอในตอนนี้ก็น่าจะจัดการพวกเขาได้ไม่ยาก

 

แถมยังมีวิธีการการวางยาพิษโดยรวมพวกคิจินมางานเลี้ยงฉลองแล้วเชือดในคราวเดียวเหมือนกัน

 

 

การที่โซเฟียไม่ทำแบบนั้นและเลือกจะกักขังพวกเขาเอาไว้อีกโลกหนึ่งแทน สำหรับคาซึมะแล้ว เขามองว่าโซเฟียคงจะวางแผนอะไรบางอย่างเอาไว้อีก โดยเริ่มจากการสร้างรอยร้าวระหว่างตระกูลมิตสึรุกิกับคิจิน

 

อะไรคือเหตุผลที่เธอต้องการสร้างรอยร้าวระหว่างมิตสึรุกิที่จินปกป้องกับคิจินที่อาโทริพยายามปกป้องกัน

 

 

 

หากจิตอาฆาตของมังกรซึ่งอาโทริผนึกเอาไว้เข้ามาสิงร่างโซเฟียมันก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันอยากจะแก้แค้นอาโทริและจิน

 

 

แล้วหากไม่ใช่แบบนั้นล่ะ

 

 

จะเป็นอย่างไรหากนั่นคือสิ่งที่โซเฟียตัดสินใจทำเอง ก่อนหน้านี้พอเขาพูดถึงเรื่องจินกับอาโทริแล้วเหมือนโซเฟียจะไม่พอใจมากซะด้วย

 

 

ดังนั้นการจะบอกว่าเธอต้องการสร้างความขัดแย้งระหว่างตระกูลมิตสึรุกิกับพวกคิจินน่าจะเป็นเพราะความบิดเบี้ยวภายในใจของเธอเอง

 

 

 

――ถึงจะไม่อยากคิดก็เถอะ แต่อย่าบอกนะว่าที่จินตายนั่นเป็นเพราะ…..

 

คาซึมะคิดถึงความเป็นไปได้นั้น แต่ก๋รีบส่ายหัวสลัดมันออกไป

 

 

หากเขายอมรับมันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้กับโซเฟียเพื่อแก้แค้น แต่ตัวเขาที่ต้องการจะเดินในเส้นทางที่น่าสมเพชนับจากนี้ ไม่ควรจะนึกถึงเรื่องนี้อีก

 

สิ่งที่เขาต้องคิดต่อจากนี้ก็คือจะส่งต่อสิ่งที่จินทิ้งเอาไว้ให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้อย่างไร แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว…..

 

——–

Note 1 : เรื่องทั้งหมดเกิดจากสาวยันโรคจิตที่ดันเก่งคนนึงสินะ

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน