การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 239 เทคนิคลับ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 239 เทคนิคลับ

 

 

 

กระบวนท่าสายฟ้า เทพอัสนีคำราม

 

ผมรู้จักเทคนิคลับดังกล่าวเพราะมันคือศาสตร์ของมายาดาบเดียวที่ผมเห็นตอนโกซุ ชิมะใช้ที่ป่าทีทิส

 

 

ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเทคนิคมันถึงเหมือนกับที่โกซุใช้แต่ที่แน่ๆ คือหลังจากรับการโจมตีนั้นไปแล้ว ผมมั่นใจว่ามันคือเทคนิคเดียวกันแน่ๆ นอกจากนี้พลังคิที่เธอปลดปล่อยออกมาจากเทคนิคดังกล่าวมันรุนแรงกว่าโกซุมาก

 

 

โชคดีที่อาภรณ์วิญญาณของผมอย่างโซลอีทเตอร์ช่วยดูดซับการโจมตีส่วนหนึ่งเข้ามาได้สำเร็จ ทว่าผลกระทบจากการโจมตีที่รุนแรงเบอร์นั้นก็ทำให้ร่างของผมกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง

 

 

 

 

 

「อุ……คึ……ก!!」

 

 

 

 

ผมส่งเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและตกใจออกมา

 

 

ร่างกายของผมสั่นสะท้านไปหมด กะโหลกของผมได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง ข้อต่อแขนขาก็บิดผิดรูป กระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บปวดแสนสาหัสได้แล่นไปทั่วร่าง

 

 

อธิบายมาขนาดนี้ สภาพคงดูไม่จืดนักแต่ก็ต้องขอบคุณโซลอีทเตอร์จริงๆ ที่ทำให้ผมยังหายใจอยู่ได้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดขนาดนี้

 

 

 

ให้ตายสิรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เลย

 

 

 

…ตอนที่สู้กับโดกะถึง 3 วัน 3 คืน ผมก็ได้รับความเจ็บปวดทำนองนี้มาหลายสิบหลายร้อยรอบแล้วเหมือนกัน ถึงจะบอกว่าชินกับการต้องรับความเจ็บปวดก็เถอะ แต่อะไรที่มันเจ็บไม่ว่ายังไงมันก็เจ็บอยู่ดี

 

 

สายตาผมตอนนี้ได้มองไปยังบนท้องฟ้า

 

 

แล้วก็เป็นภาพของสันตะปาปากำลังลอยอยู่ในอากาศด้วยปีกสีดำทั้ง 4 ที่กระพืออยู่ สายตาของอีกฝ่ายได้จ้องมองมายังผม ก่อนจะเริ่มยกเคียวในมือขึ้น

 

 

เมื่อเห็นการตั้งท่าเหมือนจะปลดปล่อยของอย่างเทพอัสนีคำรามหรือวายุคลั่ง เสียงเตือนภายในหัวของผมก็ดังลั่น

 

ผมพยายามฝืนพยุงร่างที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงของสันตะปาปาที่อยู่บนหัวผมพูดสิ่งนั้นออกมาอย่างชัดเจน

 

 

 

 

 

「มายาสังหาร กระบวนท่าเปลวไฟ เพลิงพิโรธ」

 

 

 

 

การโจมตีอันทรงพลังที่สันตะปาปาปล่อยออกมาคือเปลวเพลิงขนาดใหญ่สีน้ำเงินที่บ่งบอกว่ามันร้อนแรงขนาดไหน และไม่มีโอกาสจะหลบได้พ้นแน่

 

 

 

เปลวเพลิงสีน้ำเงินได้กลืนกินร่างของผมทันที จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดที่ดังขึ้น แผดเผาอากาศภายในคิไค

 

 

 

นอกจากนี้ความร้อนดังกล่าวยังแฝงไปด้วยพลังคิที่รุนแรงซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มันช่วยเสริมพลังทำลายได้เป็นอย่างดี อากาศที่เดือดอยู่นี้มันร้อนเสียจนหากเผลอหายใจเข้าไป ปอดคงได้ถูกเผาหมดแน่ ความร้อนที่เผาผืนดินก็ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมาอย่างรุนแรงจนแสบจมูก

 

 

หากผมเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ใช่แค่ถูกเผาหรอก แต่กระดูกก็คงไม่เหลือ ชั่วพริบตาเดียวด้วยเทคนิคอันทรงพลังของสันตะปาปา เธอสามารถเปลี่ยนพื้นที่ขนาดใหญ่ให้กลายเป็นนรกแห่งเปลวเพลิงได้

 

 

ด้วยการโจมตีเพียงสามครั้ง ทั้งพายุทอร์นาโด สายฟ้าฟาด และเปลวเพลิงแผดเผา เธอสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

 

 

แล้วดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ได้ปล่อยของมีที่มาให้ผมเห็นหมดเลย

 

 

「สวรรค์ หนองบึง ไฟ สายฟ้า ลม น้ำ ขุนเขา ผืนดิน สิ่งนี้คือทิศทั้งแปดที่แสดงถึงหลักการและความหมายของธรรมชาติ หรือที่เราเรียกกันว่าดาราแปดแฉก」

 

 

 

 

น้ำเสียงอันไพเราะของเธอมันทำให้ร่างของผมสั่นไปทั้งตัว ราวกับถูกมนต์สะกด

 

 

 

「เมื่อสวรรค์กับหนองน้ำผสานกันจะถือกำเนิดพลังหยางใหญ่ เปลวเพลิงกับสายฟ้าจะถือกำเนิดหยินเล็ก ลมกับนำจะถือกำเนิดหยางเล็ก ขุนเขาและผืนดินจะถือกำเนิดหยินใหญ่ มันคือการผสานกันของหลักการทางธรรมชาติและจักรวาลที่เรียกว่าภาพทั้ง 4 ค่ะ」

 

 

 

 

สันตะปาปาทะยานขึ้นไปสูงกว่าเดิมด้วยปีกของเธอก่อนจะหันกลับมาหาผมและพุ่งเลยมาด้วยความเร็วสูง

 

 

ระหว่างที่เธอกำลังพุ่งลงมาก็ได้เกิดความร้อนและกระแสพลังที่รุนแรงจนเกิดเปลวเพลิงสีน้ำเงิน ที่ทำให้ผมนึกถึงอุกกาบาต

 

 

 

「――มายาสังหาร กระบวนท่าผสานหยินเล็ก (เปลวไฟผสานสายฟ้า) คมดาบสีขาว」

 

 

 

 

เคียวในมือของสันตะปาปาส่องประกายเจิดจรัสก่อนจะเหวี่ยงมันแล้วเกิดเป็นประกายแสงสีน้ำเงินตามมา

 

 

วินาทีต่อมาหลังการปลดปล่อยพลังนั้น คิไคก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

 

――งานเข้าของจริง

 

 

「เป็นยังไงบ้างคะ ท่านชอบเทคนิคลับที่ฉันเชี่ยวชาญทั้ง 3 กระบวนท่าและกระบวนท่าผสานหรือเปล่า? 」

 

 

สันตะปาปาที่เพิ่งจะปลดปล่อยกระบวนท่าทลายสวรรค์ออกมา ยิ้มและถามผมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

ผมไม่สามารถตอบกลับไปได้ในทันทีก่อนจะถอนหายใจออกมา แขนที่รับการโจมตีเมื่อกี้ไปมันไม่เหลือความรู้สึกอะไรแล้ว ไม่สิไม่ใช่แค่แขนแต่ทั่วร่างของผมมันไม่เหลือความรู้สึกอะไรอีกแล้ว

 

 

ว่ากันตามตรงหากอีกฝ่ายลงมือต่อผมก็คงไม่มีทางเอาชีวิตรอดได้แน่ แต่ไม่รู้เพราะอะไรสันตะปาปาถึงไม่ทำอะไรต่อซะงั้น

 

 

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าอยากคุยผมก็พร้อมรับข้อเสนอเพื่อซื้อเวลาให้ร่างกายของผมฟื้นฟู

 

ดังนั้นผมจึงค่อยๆ พูดขึ้น

 

 

 

 

「ก็เรียกว่าเจ็บเจียนตายเลยแหละ」

 

 

「เทคนิคลับที่ถูกขัดเกลามาเป็นอย่างดีเพื่อสังหารทุกสิ่ง แต่ท่านกลับบอกเพียงว่าเจ็บเจียนตาย หากต้นตระกูลมิตสึรุกิมาได้ยินเข้าคงโมโหไม่น้อยนะคะ」

 

 

 

 

พอพูดจบสันตะปาปาก็แกล้งทำเป็นไหล่ตก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาต่อจากที่ค้างไว้

 

 

 

「เมื่อนำหยินใหญ่หยางเล็ก (สวรรค์) และหยางใหญ่หยินเล็ก (โลก) เข้ามาผสานกันการผสานนี้เราเรียกว่าเรียวกิ (พิธีกรรม 2 ประการ) ซึ่งคือหลักการแห่งโลกและสวรรค์ และเมื่อทั้งสองสิ่งหยินหยางที่บริสุทธิ์เข้ามาผสานกันก็จะได้เป็นไทเคียวคุ (จ้าวเหนือฟ้าโลกา) ธรรมชาติเราสร้างมาให้เป็นดังนี้ค่ะ และจุดสูงสุดของมายาสังหาร เทคนิคลับจะถูกแบ่งเป็น 8 กระบวนท่า 4 ผสาน 2 เรียวกิ 1 ไทเคียวคุ」

 

 

「มีถึง 15 เลยเหรอ….แต่ที่เธอแสดงให้เห็นเมื่อกี้คือ 3 กระบวนท่า กับ 1 ผสานเองนี่? 」

 

 

 

「ค่ะ น่าเสียดายแต่ฉันที่ไม่ใช่นักดาบคงมาได้เพียงเท่านี้」

 

 

 

 

สันตะปาปาพูดขณะที่ผืนแผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน มังกรที่ตั้งตระหง่านเหมือนหอคอยอยู่ข้างหลังเธอนั้นก็ส่งสัญญาณบางอย่างออกมา

 

ดวงตาของมันนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แม้ว่ามันจะถูกผนึกเอาไว้ แต่ครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นถึงตัวตนที่เกือบทำลายโลกใบนี้ได้ สายตาที่มันส่งออกมานั้นสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับผมและสันตะปาปา

 

 

เห็นได้ชัดว่ามันเองก็ไม่พอใจกับการกระทำของเธอ ทว่าสันตะปาปาก็ไม่ได้สนใจและพูดต่อ

 

 

「อย่างไรก็ตามหากจะให้พูดก็คงมีเพียง 3 คนเท่านั้นที่เชี่ยวชาญในศาสตร์มายาสังหาร แม้จะมีนักดาบมากฝีมือในกลุ่มเก็นโซ แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะบรรลุถึงขั้นของทั้ง 3 ได้ ดาบที่ใช้เพื่อสังหารมังกรย่อมมีค่าแลกเปลี่ยนที่เกินกว่ามนุษย์จะจินตนาการได้ ดังนั้นมายาดาบเดียวที่ตระกูลมิตสึรุกิถ่ายทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้ คือการดัดแปลงเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ด้อยกว่าแต่เรียนรู้ได้ง่ายกว่าค่ะ」

 

 

 

「ทำให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้นเหรอ ก็แปลว่าทั้งสองนั่น….」

 

 

「ใช่แล้วค่ะ ทั้งสองสำนักนั้นมีปลายทางที่ต้องการให้ท่านเชี่ยวชาญทั้ง 15 ศาสตร์ลับ เมื่อถึงตอนนั้นจะถือว่าท่านอยู่จุดสูงสุดของวิชาค่ะ」

 

 

 

 

คำพูดของสันตะปาปาทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมโกซุกับสันตะปาปาถึงใช้เทคนิคแบบเดียวกันได้

 

ส่วน 3 คนที่สันตะปาปาบอกว่าไปถึงจุดนั้นแล้วก็คงไม่ใช่ใครแต่เป็น มิตสึรุกิ จิน มิตสึรุกิ คาซึมะ และอาโทริแห่งคิจิน

 

 

เหตุผลที่คาซึมะสร้างสำนักมายาดาบเดียวขึ้นมาก็คงเพื่อให้คนในสำนักสามารถเรียนรู้เทคนิคของมายาสังหารให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

แน่นอนว่ามันก็จะเกิดคำถามว่าทำไมคาซึมะถึงไม่ใช้มายาสังหารไปเลยตั้งแต่แรก ทว่าในมุมมองของคาซึมะเขาคงคิดว่าสิ่งที่ตนมีก็ไม่ต่างอะไรกับของเลียนแบบที่น้องชายทิ้งเอาไว้ให้ จึงไม่อาจจะยอมใช้ชื่อนั้น

 

 

บางทีภายในตระกูลมิตสึรุกิก็คงจะมีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นว่า เมื่อผู้ที่เชี่ยวชาญศาสตร์มายาดาบเดียวไปถึงจุดสูงสุดได้ พวกเขาก็จะสามารถเรียกตัวเองว่าผู้ใช้ศาสตร์มายาสังหาร

 

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ สันตะปาปาก็เริ่มพูดต่อ

 

 

 

「การจะไปให้ถึงจุดสูงสุดได้นั้นผู้ฝึกฝนจะต้องผสานวิชาดาบกับพลังคิให้เป็นหนึ่งเดียวกันค่ะ ไม่ว่าท่านจะฝึกเหวี่ยงดาบมากสักเพียงใด แต่ถ้าพลังคิของท่านตามไม่ทันมันก็ไม่มีประโยชน์ กลับกันหากพลังคิของท่านไม่ได้สมดุลกับวิชาดาบที่ท่านมีมันก็ไร้ค่าค่ะ ในกรณีของท่าน ท่านพึ่งพาพลังคิมากเกินไปค่ะ ยิ่งได้อนิม่ามาช่วยฉุดลงไปอีก หากปล่อยเอาไว้ท่านคงไม่มีทางไปถึงจุดสูงสุดได้แน่」

 

 

 

「……」

 

 

ผมยอมรับคำพูดของเธออย่างเงียบๆ

 

 

 

ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่สงสัยคำพูดของอีกฝ่ายเลย แต่สิ่งที่เธอพูดส่วนมากมันก็ฟังดูมีเหตุผล

 

จะว่าไปมันก็แปลกๆ นะ คือที่ผมคุยกับเธอมาถึงตอนนี้ก็เพราะซื้อเวลาให้ร่างกายฟื้นตัว แต่สิ่งที่อีกฝ่ายบอกกับผมทั้งเรื่องเทคนิคลับเรื่องการพัฒนาตัวเองต่อจากนี้มันช่างห่างไกลกับการเป็นศัตรูเสียยิ่งกว่าอะไร

 

 

ผมจึงเปิดปากถามอย่างระมัดระวัง

 

 

 

 

「ก็อยากจะขอบคุณสำหรับการแนะนำหรอกนะ แต่เมื่อกี้เหมือนเธอจะโกรธมากเลยนี่ทำไมเปลี่ยนไปซะแล้วล่ะ」

 

 

「ให้เรียกว่าเป็นการแนะนำจากศิษย์พี่ถึงศิษย์น้องจะดีกว่าค่ะ ดังนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร แถมมังกรเองก็ดูจะดวงตาขุ่นมัวไปมากแล้ว」

 

 

 

「……เธอต้องการจะพูดอะไรกัน? 」

 

 

 

ทันใดนั้นแม้เธอจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแบบเดิม แต่ผมกลับรู้สึกเสียวสันหลังแบบบอกไม่ถูก

 

 

 

「ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว มีคำหนึ่งที่ฉันได้ยินอยู่ภายในหัวมาตลอดค่ะ นั่นคือ ฆ่า ฆ่า ฆ่ามังกรที่แสนน่ารังเกียจนั่นเสีย หากมังกรกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่าตอนนี้มังกรคงจะดวงตาขุ่นมัวไปมากแล้วเหรอคะ」

 

 

 

คำตอบที่เธอให้มานั้นไม่ได้ช่วยคลายความสงสัยของผมเลย แถมยังงงมากขึ้นกว่าเดิมอีก

 

 

 

สันตะปาปาที่ใช้เทคนิคอัญเชิญเทพสถิตนั้นคงจะสามารถทำให้เธอได้ยินเสียงของมังกรได้ และมังกรที่น่ารังเกียจก็คงจะหมายถึงโซลอีทเตอร์แน่นอน

 

 

โซลอีทเตอร์คงจะเป็นผู้ทรยศเผ่าพันธุ์ในตำนานที่สังหารมังกรไปเมื่อพันปีก่อนในยุคอาณาจักรทองคำ และอาจจะสถิตอยู่ในร่างของมิตสึรุกิ จินเมื่อ 300 ปีก่อนโดยมันมีส่วนร่วมในการผนึกมังกร

 

 

หากเป็นไปตามที่ผมคิดมังกรคงจะมองว่าโซลอีทเตอร์คือตัวอันตรายที่ควรกำจัดทิ้งไปทันที

 

 

จากนั้นสันตะปาปาก็พูดต่อโดยไม่รู้ว่าผมเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดไหม

 

 

 

「สิ่งที่ฉันเห็นตรงหน้านั้นมีเพียงมิตสึรุกิ โซระ หาใช่มังกรตนนั้นที่ท่านมังกรพูดถึงเลย 」

 

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

 

 

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน