ตอนที่ 241 บทสรุป
สันตะปาปาสังเกตเห็นถึงสีหน้าของผมที่เปลี่ยนไป ก่อนจะจ้องไปที่ดวงตาของผมและพูดขึ้น
「หากท่านไม่คลายคำสาปนั้น ท่านก็จะถูกมันฉุดรั้งเอาไว้ตลอดไปค่ะและท่านจะไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของท่านได้เลย นอกจากนี้――」
หลังจากสูดหายใจเข้าไปสักพัก สันตะปาปาก็เริ่มยิ้มออกมา
「ฉันคงไม่มีโอกาสชนะท่านได้อีกแล้ว หากท่านหลุดออกจากคำสาปนี้ได้ ดังนั้นฉันคงไม่สามารถปล่อยมันให้หลุดมือไปได้ค่ะ」
สายตาของสันตะปาปาสื่อมาถึงผมว่าหมดเวลาคุยแล้ว ตัวเธอที่เรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์พี่ของผมและคำพูดที่ชี้แนะผมทั้งหมด มันได้หายไปแล้ว
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันมาก แน่นอนว่าผมไม่ได้ลดการป้องกันตัวลงเลยตั้งแต่เมื่อครู่
แล้วการโจมตีของสิ่งนั้นก็เริ่มขึ้น
『โกร้วววววววววววววววววว!!』
เสียงคำรามอึกทึกดังขึ้นสะท้อนไปทั่วอากาศ
แรงกดดันมหาศาลได้ตกกระทบร่างของผม ราวกับว่ามันกำลังจะคว้านเอาหัวใจผมออกจากร่าง ความเจ็บปวดแสนรุนแรงได้ไหลเข้าไปที่หูซ้ายทะลุหูขวาเหมือนกับมีสว่านยักษ์มาทะลวง
「อึก?!」
ผมเผลอส่งเสียงร้องออกมา
มันเป็นการโจมตีที่คาดไม่ถึง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ชวนให้นึกถึงเรื่องในอดีต
เมื่อมันคำรามออกมา เสียงนั้นจะทะลวงไปถึงใบหู ยันแกนกลางสมอง และทำลายวิญญาณจนสิ้น ใช่แล้วมันคือมังกรคำราม ―― มันเป็นคำพูดที่ลูนามาเรียบอกกับผมตอนที่เจอไฮดรา
เสียงคำรามของไฮดรากับสิ่งที่ผมเจอตอนนี้มีผลแบบเดียวกัน แต่ความรุนแรงนั้นแตกต่างกันมาก หากจะให้เทียบแม้ไฮดราทุกหัวจะคำรามออกมาพร้อมกันมันก็ไม่รุนแรงเท่าเสียงคำรามตอนนี้เลย
คงไม่ต้องบอกมั้งว่าเป็นฝีมือของใคร
「เห้อ ไอ้นี่เองสินะที่เขาเรียกกันว่ามังกรคำราม」
ผมมองไปที่สันตะปาปาและมังกรที่รูปร่างเหมือนงูซึ่งอยู่หลังสันตะปาปา
ด้านหลังของผมตอนนี้คือฐานหลักของพวกลัทธิแห่งแสงซึ่งมีหลายชีวิตอาศัยอยู่
ขนาดเสียงคำรามของไฮดราที่ปล่อยมาจากป่าทีทิสยังทำให้เมืองอิชกะเกือบล่มสลายลงได้ ดังนั้นแม้แต่เด็กก็คงเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้นหลังได้สัมผัสกับเสียงคำรามนี้ในระยะใกล้เสียยิ่งกว่าไฮดราทำกับเมืองอิชกะ
「มาคำรามในที่แบบนี้จะดีเหรอ? พวกที่อยู่ในเมืองก็พวกพ้องเธอที่จะช่วยชำระล้างโลกนี่」
「ฉันมั่นใจว่าทุกคนคงจะยินดีหากเสียสละชีวิตของตนเพื่อเอาชนะมังกรที่แสนน่ารังเกียจได้ค่ะ」
ทุกอย่างจะเป็นไปตามประสงค์ของมังกร――ใบหน้าของเธอพูดขึ้นอย่างจริงจังสมกับเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง ผมละไม่อยากจะเชื่อว่าเธอคือคนเดียวกันกับที่ชี้นิ้วไปหามังกรแล้วบอกว่าสายตาของมันขุ่นมัว
ช่างเป็นการกระทำที่ยากจะคาดเดาได้จริงๆ
ไม่ใช่แค่สิ่งที่เธอทำกับมังกร เรื่องที่เธอทำกับผมก็เหมือนกัน ทั้งการเล่าอดีตเมื่อ 300 ปีก่อนให้ฟังและขอความร่วมมือจากผม แต่พอรู้ว่าผมไม่เล่นด้วยเธอก็จะฆ่าผมทิ้ง ก่อนจะมาบอกว่าตัวเองเป็นศิษย์พี่ของผมแล้วแนะนำเรื่องต่างๆ ด้วยความเป็นห่วง
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็รู้เลยว่าสติของเธอไม่ปกติเลยสักนิด
ผมไม่รู้หรอกว่าสันตะปาปา――โซเฟีย อาเซอร์ไรท์มีบุคลิกเช่นนี้อยู่แล้วเมื่อ 300 ก่อน หรือเพราะคิไคแห่งนี้ได้กันกินเธอจนบิดเบี้ยวไป แต่ผมก็มั่นใจแล้วว่าคงจะอันตรายมากหากต้องมาพยายามทำความเข้าใจเธอคนนี้
พอเจอแบบนี้ตัวเลือกของผมก็ไม่มีมากแล้ว
เมื่อผมเริ่มจับอาภรณ์วิญญาณของตัวเองเอาไว้แน่น สันตะปาปาก็ยิ้มออกมาและใช้เท้ากระแทกกับพื้น
――การต่อสู้ยกที่สองของผมได้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด
การโจมตีของสันตะปาปายังคงน่าเกรงขามเช่นเดิม และผมก็พบว่าตัวเองยังคงต้องดิ้นรนรับการโจมตีของเธอเหมือนเดิม การรุกและรับของเธอยังแข็งแกร่ง ทว่ามันก็เป็นข้อเสียเปรียบของเธอเช่นเดียวกัน เพราะเธอยังคงเป็นเช่นเดิมในขณะที่ผมยังไปได้ไกลกว่านี้ หากเป็นเมื่อก่อนผมคงคิดว่างานหยาบสุดๆ แต่ตอนนี้ผมมองว่าผมยังมีโอกาส
เคียวขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเทวภัณฑ์ที่สามารถแยกวิญญาณออกจากร่างได้นั้นน่ากลัวก็จริง นอกจากจะสร้างดาเมจทางกายแล้วยังสร้างภาระทางจิตอีกด้วย แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดฆ่าผมได้ในการโจมตีเดียว
เหตุผลที่ผมหมดสภาพไปในยกแรกนั้นก็เป็นเพราะ 3 กระบวนท่า และ 1 ประสาน ก็หมายความว่าหากผมระวังท่าพวกนั้นการต่อสู้ต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล หากอีกฝ่ายตั้งใจจะใช้มันผมก็แค่ต้องรีบขัดขวางไม่ให้เธอออกท่าได้
ดังนั้นแนวทางของผมตอนนี้จึงเน้นไปที่เกมรุกมากกว่ารอดูว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก การระวังศัตรูมากเกินไปในตอนแรกมันคือพิษร้ายที่ย้อนกลับมาทำร้ายผมจริงๆ ด้วยแฮะ
สิ่งที่สันตะปาปาบอกเมื่อกี้ คนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองมักจะดูถูกตัวเองและประเมินอีกฝ่ายสูงไป ว่ากันตามตรงจี้ใจผมสุดๆ เลย
――คำสาปที่ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเองสินะ
สิ่งที่เธอบอกมันไม่ได้ไร้ความหมายเลย ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงอย่างสิ่งที่ขัดขวางผมไม่ให้แกร่งไปมากกว่านี้ก็คือคำพูดของพ่อผม แต่ตัวผมในตอนนี้ก็ทำอะไรกับมันไม่ได้หรอก
เพื่อจะก้าวข้ามคำนั้นไป สิ่งเดียวที่ผมต้องทำก็คือเหนือกว่าพ่อผมให้ได้ และนั่นคือความตั้งใจตั้งแต่แรกของผม ยอดเขาสูงที่ผมได้เห็นตอนมายังเกาะ เพื่อจะไปถึงตรงนั้น ผมจำเป็นต้องกลืนกินมากกว่านี้
ดังนั้น ถึงจะมีเหตุผลที่จำเป็นต้องเหนือกว่าพ่อของตัวเองเพิ่มขึ้นอีกสักหนึ่งหรือสองมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก เพราะสิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้ไม่ใช่การเรียกความมั่นใจกลับมาหรือทำลายคำสาป แต่เป็นการเอาชนะศัตรูที่อยู่ตรงหน้าก็เท่านั้นเอง
ระหว่างที่กำลังรับมือกับเคียวของสันตะปาปาผมก็ แอบมองดูการเคลื่อนไหวของมังกรที่อยู่ด้านหลังเธอด้วย
มันไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษหลังส่งเสียงคำรามนั้นออกมา ไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะรอโอกาสหรือมีเหตุผลอะไรเหมือนกัน
พอมาคิดอย่างใจเย็นแล้ว หากมังกรมันมีพลังเหลือๆ มันก็คงทำลายบาเรียของอาโทริและออกไปบนเกาะแล้วสิ การที่มันทำแบบนั้นไม่ได้ก็แปลว่าบาดแผลที่มันได้รับเมื่อ 300 ปีก่อนจากพวกเก็นโซมันหนักมากจริงๆ
การที่มันไม่ลุกขึ้นมาเอง แต่กลับสั่งให้สันตะปาปาฆ่าศัตรูคู่อาฆาตของมันอย่างโซลอีทเตอร์ก็น่าจะเป็นเพราะมันไม่สามารถอยู่ในสภาพที่จะต่อสู้ได้อีกแล้วไม่ว่าจะดิ้นรนสักแค่ไหน มันตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว บางทีการคำรามนั่นอาจจะเป็นแรงเฮือกสุดท้ายของมันด้วยก็ได้
ผมยิ้มออกมาแล้วกับจะเลียนแบบท่าทางของสันตะปาปา
มันอาจจะดูเป็นการประมาทแต่ผมเริ่มเข้าใจบ้างแล้วจากที่โดนไปหลายดอก ก่อนหน้านี้ผมระวังตัวมากจนเกินไปเลยทำให้ตัวเองต้องลำบาก
บางทีอาจะเป็นเพราะสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของผม สันตะปาปาถึงกระโดดถอยออกไปเพื่อสร้างระยะห่าง
ก็เอาสิ ในเมือศิษย์พี่ของผมแสดงเทคนิคลับให้ผมได้เห็นถึง 4 อย่าง อย่างน้อยผมก็ควรจะแสดงพลังของผมให้เห็นบ้าง ไม่งั้นคงน่าเกลียดแย่
สิ่งที่ผมคิดจะใช้ในตอนนี้ก็คือเทคนิคทะลวงที่เจาะร่างของเบฮีมอธ มันคมดั่งหอก ละหมุนวนราวกับสกรู เน้นพลังทำลายล้างทะลวงศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า
หากอีกฝ่ายคิดจะหลบ การโจมตีก็จะไปโดนมังกรที่อยู่ด้านหลังแทน ดังนั้นสันตะปาปาคงไม่มีทางหลบมันแน่ ที่เหลือก็แค่ต้องใส่ให้สุด
「มายาสังหาร――วังวนทะลวง!」
ผมใช้พลังทั้งหมดในการปลดปล่อยการโจมตีนี้
คลื่นพลังที่ปล่อยออกมานั้นหมุนกันเป็นเกลียวและพุ่งเข้าไปหาร่างของสันตะปาปา โดยระหว่างทางมันก็ได้คว้านเอาพื้นรอบๆ ออกไปด้วย นอกจากนี้ยังทำให้อากาศโดยรอบส่งเสียงสั่นสะเทือนออกมา
พลังทำลายล้างของมันนั้นเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่ผมใช้ในทะเลทรายคาตาลาน หากเป็นพลังในตอนนี้ถึงจะเป็นลมหายใจแห่งดวงดาราของเบฮีมอธก็ไม่เหลือแน่
ทันใดนั้นเคียวของสันตะปาปากับวังวนของผมก็ปะทะกัน
พลังคิที่ถูกอัดแน่นปะทะกับเป้าหมาย สันตะปาปาพยายามเค้นพลังออกมาจนสุดเพื่อปัดป้องมันออกไป
การต่อสู้กันของขุมพลังทั้งสองฝั่งทำให้ผืนดินสั่นสะเทือน ทว่ามันก็เป็นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
สุดท้ายแล้วพลังของวันวงก็ไม่สามารถทะลวงการป้องกันของสันตะปาปาไปได้ มันถูกเบี่ยงวิถีออกไปชนเข้ากับภูเขาด้านหลังแทน ก่อนจะเกิดเสียงระเบิดขึ้น
เท่าที่ผมเห็น สันตะปาปาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มังกรที่อยู่ข้างหลังเธอก็ไม่ได้รับอันตราย เห็นได้ชัดว่าวังวนทะลวงไม่พอสำหรับการโค่นเธอ แต่ผมไม่หรอกหรอกเพราะเพียงไม่กี่วินาทีที่มันซื้อเวลาให้กับผม ก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว
ผมถีบพื้นเพื่อพุ่งเข้าไปหาสันตะปาปาทันทีหลังจากปลดปล่อยเทคนิควังวน จากนั้นก็อาศัยช่องว่างเพียงเสี้ยววินาทีนั้นในการทะลวงไปยังหน้าของของสันตะปาปา โดยปลายทางของดาบนั้นคือหัวใจ
แม้ดวงตาของอัสราเอลจะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของผม ปากจำนวนมากบนร่างของเธอเหมือนพยายามจะร่ายเวทบางอย่าง แต่ทั้งหมดนั้นมันก็ช้าจนเกินไป
เสี้ยววินาทีต่อมา ก็เกิดภาพที่ผมใช้ดาบแทงเข้าไปยังร่างของสันตะปาปาตรงกลางอก
ความรู้สึกที่แสนคุ้นเคย วิญญาณจำนวนมากได้หลั่งไหลเข้ามาในร่างผม เป็นข้อพิสูจน์ว่าการโจมตีคราวนี้สำเร็จ
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็พยายามจะจัดดอกต่อไปทันที ทว่าสันตะปาปากลับคว้ามือทั้งสองข้างของผมเอาไว้
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code