การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 242 ฉันไม่ปล่อยให้คุณหนีไปได้หรอกค่ะ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 242 ฉันไม่ปล่อยให้คุณหนีไปได้หรอกค่ะ

 

 

สันตะปาปาได้ปล่อยเคียวของตัวเองทิ้งไปและใช้มือทั้งสองข้างจับมือขวาและซ้ายของผมไว้แน่น

 

 

แม้ว่าผมจะพยายามสลัดมันออกไป แต่ก็ถูกตรึงเอาไว้ด้วยพลังกายที่แกร่งจนน่าตกใจ

 

หรือนี่จะเป็นกับดัก คำนี้โผล่ขึ้นมาในหัวผม การที่เธอแสดงช่องว่างให้เห็นเมื่อกี้อาจจะเป็นการหลอกล่อให้ผมเข้ามาในระยะประชิด ซึ่งก็หมายความว่าผมหลงกลเธอเข้าให้แล้ว

 

 

ขณะที่ผมคิดแบบนั้น ผมก็อดเดาะลิ้นออกมาด้วยความไม่พอใจไม่ได้ จากนั้นปากของสันตะปาปาก็เริ่มเปิดออก

 

 

 

「เทคนิคที่ท่านใช้เมื่อครู่――วังวนทะลวงสินะคะ? 」

 

 

 

「……อ้า ก็ตามนั้นแหละ」

 

 

 

 

「ไม่เห็นจำได้ว่ามีเทคนิคดังกล่าวในมายาดาบเดียวเลยนะคะ ไม่สิถึงจะเป็นมายาสังหารก็เช่นกัน ฉันเดาว่าคงเป็นเทคนิคที่ท่านคิดขึ้นมาเองสินะคะ」

 

 

 

สันตะปาปายังคงพูดออกมาอย่างใจเย็น แม้ว่าหัวใจของเธอจะถูกทะลวงไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นร่อยรอยความเจ็บปวดบนใบหน้าเธอเลย

 

 

มีแวบหนึ่งที่ผมคิดว่าสันตะปาปาตรงหน้าคือภาพลวงตา แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้เพราะวิญญาณของเธอยังคงหลั่งไหลเข้ามาภายในร่างผม ผ่านอาภรณ์วิญญาณ

 

 

ตราบใดที่ผมยังกินวิญญาณได้ก็แปลว่าสันตะปาปาตรงหน้าคือของจริง และพอพิจารณาจากปริมาณของมันที่พอๆ กับเผ่าพันธุ์ในตำนานแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นตัวปลอม

 

 

อย่างไรก็ตามทั้งคำพูดและการกระทำของเธอมันกวนใจผมจริงๆ จนผมไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไงต่อดี

 

 

「มันไม่ใช่พลังที่คนซึ่งไม่สามารถผสานเทคนิคดาบ จิตใจ และร่างกายของตัวเองจะทำขึ้นมาได้ง่ายๆ เลยนะคะ แต่การที่ท่านสามารถสร้างมันออกมาให้เป็นรูปร่างได้ฉันคงพูดได้คำเดียวว่าน่าชื่นชมค่ะ」

 

 

 

「จะบอกว่าเป็นการเพิ่มพลังทำลายล้างของเทคนิคที่เคยมีก็ได้มั้ง」

 

สำหรับคนทั่วไปแล้วการจะบังคับเพิ่มพลังของเทคนิคเดิมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ

 

「สำหรับคนทั่วไป การฝืนเพิ่มพลังคิเข้าไปในเทคนิคที่มีอยู่คือเรื่องที่ยากค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นการจะควบคุมพลังของมังกรที่น่ารังเกียจนั่นให้อยู่มือได้ยิ่งแล้วใหญ่ มันก็เหมือนกับการทอดไข่ให้สุกกำลังดีด้วยลมหายใจมังกรนั่นแหละค่ะ」

 

ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าสันตะปาปาชมผมโดยยกเรื่องทำกับข้าวมาเป็นตัวอย่าง เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้เหมือนว่าสันตะปาปาของลัทธิแห่งแสงจะมีความคิดและอารมณ์ขันแปลกๆ แฮะ

 

 

แน่นอนว่าถึงเธอจะพูดล้อเล่นออกมาขนาดนี้แต่แรงที่จับผมเอาไว้ก็ไม่ได้ลดลงเลย ส่วนวิญญาณของเธอก็ยังคงไหลเข้ามาในร่างของผมไม่หยุด

 

เหตุผลที่ผมยังคุยกับเธอต่อก็เพราะอยากซื้อเวลารอให้วิญญาณของเธอเข้ามาจนหมด

 

แต่หากเป็นคนระดับเธอก็น่าจะรู้ตัวเหมือนกันนี่นา ไม่มีทางหรอกที่จะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโดนกินวิญญาณอยู่ ทว่าเธอก็ยังคงจับมือของผมเอาไว้แน่นและพูดเรื่องไร้สาระออกมา

 

 

――จริงๆ แล้วเธอคิดอะไรอยู่กันนะ ผมเดาไม่ออกเลยสักนิด แต่ก็ไม่คิดจะทำอะไรเพิ่มนอกจากนี้

 

เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ต้องมาหัวหมุนเพราะเธอ

 

 

 

วิญญาณที่ผมกลืนกินเข้ามามันมากกว่าไฮดราไปแล้ว และอีกไม่นานคงจะถึงระดับเบฮีมอธ แม้ว่าจะได้ส่วนของอัสราเอลเข้ามาด้วยแต่อีกไม่นานวิญญาณก็น่าจะไม่เหลือให้กินแล้ว

 

 

ทว่าผมกลับคิดผิด เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แรงในการจับของสันตะปาปาดันไม่ลดลงเลยสักนิด วิญญาณที่ผมกินเข้ามาได้ก็ดันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมซะอีก

 

เหตุผลที่ผมคิดได้มีเพียงอย่างเดียวก็คือมังกรด้านหลังนั่น

 

ผมสัมผัสได้ว่าพลังจำนวนมากจากมังกรกำลังไหลเข้ามาในร่างของสันตะปาปามากกว่าที่ควร

 

 

ผมเดาะลิ้นออกมา

 

 

ผมไม่รู้หรอกนะว่ามังกรมันมีวิญญาณมากขนาดไหน แต่พิจารณาจากท่าทางของสันตะปาปาแล้วคงจะเหลืออีกเยอะ มือทั้งสองของเธอยังคงจับไว้ไม่ยอมปล่อย พอผมพยายามจะสลัดมือของเธอให้หลุด――ก็เป็นไปตามคาด ไม่ขยับเลยสักนิด

 

พอเห็นแบบนี้แล้ว สันตะปาปาก็ยิ้มออกมา

 

 

 

「ฉันไม่ปล่อยให้คุณหนีไปได้หรอกค่ะ ก็ฉันรอมากว่า 300 ปีแล้วนี่นา」

 

 

 

มังกรส่งเสียงคำรามออกมาราวกับตอบสนองต่อคำพูดนั้น นี่จึงเป็นการคำรามครั้งที่ 2 ของมัน

 

ผมพยายามกัดฟันทนต่อเสียงคำรามนั้นในขณะเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของสันตะปาปาไปด้วย ไม่ว่าวิญญาณของมันจะมีมากขนาดไหน แต่หากมีอาภรณ์วิญญาณของผมคาอกสันตะปาปาไว้อยู่ อีกไม่นานมังกรก็จะอ่อนแอลงและผมจะแข็งแกร่งขึ้นแทน

 

 

ดังนั้นสันตะปาปาน่าจะต้องเคลื่อนไหวแล้วสิ ผมจึงระวังตัวแล้วรอดูจังหวะเพื่อสวนกลับไป

 

 

ผมทำการเฝ้ารอ

 

 

ดาบยังคงอยู่ที่เดิม สันตะปาปาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร

 

 

 

ทางผมก็รอและกลืนกินวิญญาณของมังกรต่อไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

แล้วมังกรที่ไม่สามารถขยับตัวได้ก็คำรามออกมาเป็นรอบที่ 3

 

มังกรที่ถูกกลืนกินวิญญาณเข้ามาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่สันตะปาปาก็ไม่เคลื่อนไหว

 

 

ทางผมเองที่กินวิญญาณเข้ามาจนเลเวลเพิ่มขึ้นมาถึง 2 เลเวลก็ยังรอเช่นเดิม

 

 

 

แม้ว่าจากเสียงคำรามของมังกรจะกลายเป็นเสียงกรีดร้องแล้ว ผมก็ยังไม่ทำอะไรและรอให้สันตะปาปาเคลื่อไหว

 

 

――ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม

 

 

 

 

พอมาถึงจุดนี้ผมก็ได้เข้าใจอะไรบางอย่าง

 

 

บางทีเป้าหมายของสันตะปาปาอาจจะไม่ใช่ผม แต่เป็นมังกรนั่น คำพูดที่บอกว่าฉันไม่ปล่อยให้คุณหนีไปได้หรอกค่ะ อาจจะพูดกับมังกรไม่ใช่ผม

 

สันตะปาปาเชื่อมต่อกับมังกรผ่านเทพสถิต และตรามใดที่ทั้งสองเชื่อมโยงกัน การโจมตีไปยังสันตะปาปาก็หมายถึงการโจมตีไปยังมังกรด้วย

 

 

เหตุผลที่สันตะปาปาจับมือของผมเอาไว้แน่นก็คงเป็นเพราะตั้งใจจะฝังตัวเองไปพร้อมกับมังกร หากคิดตามนี้มันก็จะอธิบายถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอได้ทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตามหากผมเชื่อว่าสิ่งนี้คือเรื่องจริง มันก็จะกลายเป็นว่าคนที่ผมคิดว่าเป็นศัตรูแต่สุดท้ายดันเป็นมิตรซะงั้น โลกเรานี่มันก็มีเรื่องให้แปลกใจอยู่เยอะจริงๆ แต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าสันตะปาปาหลอกให้ผมคิดแบบนั้น

 

 

ผมก็เลยไม่พูดอะไรและกินวิญญาณต่อไป

 

จนถึงตอนนี้บนอกของเธอก็ยังคงถูกแทงไว้ด้วยอาภรณ์วิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือลิชแต่การโดนของแบบนี้ข้าไปแล้วยังไม่ตายสักทีก็แปลกจริงๆ

 

 

การที่เธอยังมีชีวิตอยู่ได้คงเพราะพลังจากมังกรนั่นแหละ ทว่าการที่เธอไม่สามารถตายได้จนกว่ามังกรจะสิ้นพลังไป มันก็หมายถึงการที่เธอต้องทนรับความเจ็บปวดมากมายจากบาดแผลนี้ แม้อยากจะตายก็ไม่สามารถตายได้

 

 

แต่สีหน้าของเธอกลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ผมไม่สามารถดึงหน้ากากที่เธอสวมอยู่ออกได้ ไม่สิผมไม่อยากจะทำด้วยแหละ เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ ดูได้จากมือที่เธอจับผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

 

ไม่นานนัก ดวงตา หู และปากที่อยู่บนร่างของเธอก็เริ่มหายไป ปีกสีดำทั้ง 4 ที่อยู่บนหลังของเธอก็สลายไป เป็นสัญญาณว่าพลังของอัสราเอลสูญสิ้นไปแล้วจากร่างของเธอ

 

 

 

 

 

 

「นี่เธอ――ไม่สิ นี่คุณ….……」

 

 

 

ในขณะที่เผชิญหน้ากันในระยะหายใจรดต้นคอ ผมก็พูดกับสันตะปาปาด้วยเสียงที่ดูสับสน

 

 

ตอนนี้พลังของเผ่าพันธุ์ในตำนานได้หายไปแล้ว สันตะปาปาไม่มีพลังเหลือจะสู้กับผมแล้วแน่ๆ ความเป็นไปได้ที่บอกว่านี่คือกับดักก็หายไปด้วย

 

 

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดและเลือกจะเปิดปากพูด อะไรคือสิ่งที่เธอต้องการจากคนที่กำลังจะฆ่าเธอกันล่ะ ผมตั้งใจจะถามมันออกไปแต่ก็หยุดมันเอาไว้ก่อน

 

 

 

ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากรู้ แต่เป็นทางสันตะปาปาที่พูดออกมาก่อน

 

 

 

「ก็อย่างที่ฉันได้บอกท่านไปก่อนหน้าค่ะ――ท่านเป็นคนที่วิเศษมาก ดาบแห่งการต่อต้านที่ท่านจินคิดค้นขึ้นและท่านคาซึมะที่ช่วยสานต่อนั้นมันกำลังไหลเวียนอยู่ในตัวท่านอย่างแน่นอนค่ะ ทั้งสองท่านคงจะรู้สึกยินดีที่ท่านได้ถือกำเนิดขึ้นมา ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปได้ แล้วก็เสียใจจริงๆ ที่ต้องบังคับให้ท่านมาทนทุกข์ทรมานต่อจากพวกเรา」

 

 

 

ผมอดแปลกใจไม่ได้กับสิ่งที่เธอพูดออกมา เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่าจากสันตะปาปาคนที่ผมเคยต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่ทั้งคนที่มักจะบอกว่าตนคือศิษย์พี่ของผมด้วย

 

 

เสียงอันแผ่วเบาแต่ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น ดวงตาของเธอไม่ได้ชวนให้เห็นถึงห้วงลึกใดๆ แต่เป็นดวงตาที่ส่องประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรีที่ดึงดูดใจผู้คน

 

 

ผมคิดว่านี่แหละคือตัวเธอจริงๆ

 

 

 

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมตอนนี้คือ โซเฟีย อาเซอร์ไรท์ คนเดียวกันกับที่เข้าต่อสู้ในฐานะเก็นโซเมื่อ 300 ปีก่อน

 

 

ก่อนที่ผมจะได้ถามว่าที่เธอพูดมานั่นเรื่องจริงหรือเปล่าสันตะปาปา――โซเฟียก็พยายมพูดต่ออย่างเร่งรีบ ราวกับตระหนักว่าตนคงเหลือเวลาไม่มากแล้ว

 

 

「ท่านโซระ ได้โปรดอย่าได้ลดการระวังตัวลงนะคะ สิ่งที่ท่านเอาชนะได้ในคราวนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำลายเศษซากความแค้นเมื่อ 300 ก่อน การทำลายล้างครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วซึ่งมันมาพร้อมกับบุตรแห่งพระผู้เป็นเจ้าคนใหม่」

 

 

 

「หมายความว่างะ――」

 

 

 

พอผมกำลังจะถามต่อว่าอีกฝ่ายคือใคร ก็สังเกตว่าร่างของโซเฟียกำลังค่อยๆ สลายไป

 

 

 

เหมือนกับลิชที่ผมเอาชนะมันได้ก่อนหน้านี้ ร่างของมันได้สลายหายไปในอากาศ ชะตากรรมของโซเฟียก็คงไม่ต่างกันนัก

 

ดังนั้นผมก็ควรจะให้ความสำคัญกับคำสั่งลาของอีกฝ่ายมากกว่าจะไปถามเธอไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ยังไงผมก็คือคนที่ฆ่าเธอ ดังนั้นมันก็ควรจะเป็นหน้าที่ของผมที่จะได้ยินคำพูดของเหล่าเก็นโซที่ฝากฝังมากว่า 300 ปี

 

 

「ได้โปรดรักษาสุขภาพท่านให้แข็งแรง ขอให้ท่านได้อยู่กับผู้หญิงที่ท่านรัก มีลูกหลาน แก่เฒ่าก่อนจะกลับไปสู่ผืนดินอย่างสงบสุข โปรดใช้ชีวิตต่อไปในฐานะมนุษย์และอย่าได้จบชีวิตลงด้วยการต่อสู้หรือพิษร้าย สุดท้ายนี้ฉันก็อยากจะให้ท่านใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ถูกมังกรกลืนกินไปเสียก่อนนะคะ ……」

 

 

 

 

ทันทีที่เธอพูดจบ ร่างของโซเฟียก็สลายหายไปในอากาศ ไม่รู้ว่าเป็นเพียงจินตนาการของผมไหมแต่ความรู้สึกอาฆาตพยาบาลของโลกใบนี้ให้สลายหายไปพร้อมกับโซเฟีย อาเซอร์ไรท์ราวกับมันไม่มีตัวตนอยู่มาตั้งแต่แรก

 

 

 

ไม่รู้ว่าพฤติกรรมแปลกๆ ของโซเฟียนั้นเกิดมาจากมังกรหรืออะไร แต่เพราะการกระทำนั้นจึงทำให้อีกฝ่ายที่ถูกเรียกว่าพระเจ้าไม่สังเกตเห็นถึงใจคิดคดทรยศของโซเฟีย และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่โซเฟียสามารถทำหน้าที่ของเก็นโซได้ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต

 

 

――ที่เธอรอดมาได้เพราะเลือกให้จิตใจเธอแตกสลาย หรือเป็นเพราะจิตใจเธอแตกสลายไปแล้วจึงรอดมาได้กันนะ

 

 

ในเวลาเดียวกันกับที่โซเฟียสลายไป ร่างของมังกรก็ได้สูญสิ้นไปด้วย

 

 

แต่มันไม่ได้สลายไปเหมือนกับโซเฟีย ร่างขนาดมหึมาของมันกำลังถูกรังมังกรดูดกลืนเข้าไป ไม่รู้ว่ามันกำลังกลับไปยังที่ที่มันมา หรือถูกที่แห่งนั้นกลืนกินกันแน่

 

แล้วเสียงร้องครั้งสุดท้ายของมังกรนั้นเองที่เป็นสัญญาณถึงการสิ้นสุดเรื่องทั้งหมดคราวนี้

 

——–

Note 1 : เอ้า โซเฟีย!!!!

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท