ตอนที่ 243 พินัยกรรม
「ท่านโซระ!」
「โซระ!」
มีสองเสียงกำลังเรียกชื่อผมอยู่
พอผมมองไปยังทิศทางที่เสียงส่งมาก็พบว่าไปไคลอากับเออซูร่าอย่างที่คิด
「ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันมาช่วยท่านช้าเกินไป!」
ไคลอารีบวิ่งเข้ามาหาผม ก่อนจะก้มหัวพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ดูซีดเซียว ถัดจากไคลอาก็เป็นเออซุร่าที่ทำหน้าเสียแล้วบอกว่า โทษทีนะ
ร่างของสันตะปาปาได้สลายกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว ร่างของมังกรยักษ์ก็โดนรังมังกรดูดกลับไป แต่ถ้าเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามและเสียงอื่นๆ มากมายพอมาถึงจุดนี้แล้วเห็นหลุมขนาดใหญ่ และร่องรอยการต่อสู้มากมายยังไงก็ต้องรับรู้ได้ว่าผิดปกติ
ทั้งสองสาวคงจะเสียใจมากที่มาช่วยผมสู้ไม่ทัน
แน่นอนว่าผมก็ไม่โทษพวกเธอหรอก จริงๆ แอบโล่งใจด้วยซ้ำที่มาไม่ทัน คือผมไม่ได้จะดูถูกความสามารถพวกเธอนะ แต่ผมไม่อยากจะให้เธอมารับมือกับสนัตะปาปาหรือมังกรเลยสักนิด แถมบางทีเรื่องราวมันอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้
แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะบอกกับพวกเธอทั้งสอง พวกเธอเป็นธงแห่งผืนป่าที่ผ่านสนามรบมามาก ความภูมิใจในฐานะนักรบก็มีสูง หากพวกเธอรู้ว่าผมปฏิบัติกับพวกเธอเหมือนหญิงสาวผู้ไร้ความสามารถคงโดนโกรธไม่น้อย
「ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า แต่ที่มาช้าขนาดนี้คงเพราะโดนสันตะปาปาเล่นพิเรนทร์ใส่สินะ? 」
จุดนี้ผมพอจะเดาได้บ้างแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิด
เส้นทางที่ผมกับสันตะปาปาเดินเข้ามานั้นอยู่ดีๆ ก็ถูกปิดตายไปซะอย่างงั้น แถมทำลายไม่ได้ด้วย ทว่าการที่ทั้งสองสามารถตามมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะร่องรอยของพลังเวทที่ปิดทางเอาไว้สลายไป
น่าจะเป็นจังหวะที่สันตะปาปาหายไปแล้วแน่ๆ หากสันตะปาปาใช้พลังอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกับชีวิตของเธอ ก็ไม่แปลกใจหรอกที่ไคลอากับคนอื่นๆ จะทำลายมันลงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด――ทว่านอกจากเรื่องของเส้นทางที่ถูกปิดแล้วเหมือนไคลอาจะเจอปัญหาอื่นที่ทำให้ตามมาไม่ได้ง่ายๆ ด้วย
ไม่นานนักปัญหาที่ว่าก็มาถึง
สิ่งที่ปรากฎตัวออกมาให้ผมเห็นคืชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่ง ฝั่งผู้ชายคือคิจินที่ผมคุ้นหน้า――คาการิ แต่สีหน้าของเขาดูเหมือนจะลำบากใจเพราะเรื่องอะไรบางอย่าง
ส่วนอีกคนหนึ่งคือหญิงสาว ที่มีใบหน้าอันสงบนิ่ง จนไม่สามารถอ่านอารมณ์ของเธอได้เลย
เธอคนนั้นมีชื่อว่าซูโอมิ หญิงสาวผมสีเงินที่ผูกผมหางม้ามาพร้อมกับดวงตาสีทอง ซึ่งจ้องมองมายังผมโดยในมือถือดาบยาวเอาไว้ ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอคงจะเป็นคนของลัทธิ
ซูโอมิเดินเข้ามาหาผมโดยไม่พูดจาอะไร ส่วนเหตุผลที่ผมอยู่เฉยๆ แล้วรอดูอีกฝ่ายถืออาวุธเดินเข้ามาใกล้เพราะประเมินแล้วว่าผมรับมือกับเธอไหว แม้ว่าอีกฝ่ายจะคิดไม่ซื่อ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือผมจำดาบที่อยู่ในมือเธอได้
เมื่อผมมองไปยังดาบยาวเล่มนั้นซูโอมิก็เปิดปากพูด
「นี่เป็นข้อความจากสันตะปาปาค่ะ แด่มิตสึรุกิ ท่านต้องการจะคืนมรดกของตระกูลนี้ให้กับท่าน โดยมอบหมายผ่านฉันค่ะ」
ดาบยาวที่ยื่นมาให้ผมนั้นก็ไม่ใช่สิ่งใดแต่เป็นซาซาโนะซึยุ ที่ผมเคยเห็นมาแล้วหนึ่งครั้งในความทรงจำของโซลอีทเตอร์
หลังจากรับมันมาแล้ว ผมก็ได้คุยอะไรกับซูโอมิอีกนิดหน่อย
เธอบอกว่าเธอเป็นคนของลัทธิแห่งแส่ง ซึ่งอันนี้ก็ชัดตั้งแต่การแต่งตัวแล้ว อยู่ในตำแหน่งข้ารับใช้คนสนิทของลัทธิแห่งแสงที่ดูแลโซเฟีย อาร์เซอร์ไรท์ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังเป็นว่าที่สันตะปาปาคนถัดไปของลัทธิอีกด้วย เห็นได้ชัดจากการที่โซเฟียฝากฝังกับเธอเอาไว้ว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับตน เธอจะได้กลายเป็นสันตะปาปาคนถัดไปเพื่อคอยชี้นำลัทธิ
「แม้ว่าท่านจะบอกให้ฉันเป็นสันตะปาปาคนถัดไป แต่อายุขัยของท่านก็เป็นนิรันดร์ ตำแหน่งนั้นย่อมไม่ควรมาถึงฉันเป็นแน่แท้……」
เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยๆ ทว่าผมก็สังเกตเห็นอยู่ครู่หนึ่งว่าเธอมีความรู้สึกเกลียดชังต่อตัวผม ก็ไม่แปลกมั้งเพราะผมเป็นคงสังหารคนที่เธอเคารพรักนี่นะ ยิ่งไปกว่านั้นการที่ผมจัดการมังกรซึ่งเป็นสิ่งบูชาของลัทธิทิ้งไป หากจะโดนเกลียดผมก็ไม่คิดอะไรมากหรอก
ถึงจะเป็นแบบนั้นซูโอมิก็ไม่คิดต่อต้านผม ไม่รู้หรอกนะว่าเธอรู้ตัวว่าไม่มีโอกาสเอาชนะผมได้หรือเป็นเพราะเธอต้องทำตามเจตจำนงของโซเฟีย
แต่ไม่ว่าจะทางไหน หากอีกฝ่ายไม่เปิดก่อน ผมก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูหรอก
ระหว่างนั้นผมก็มองไปทางคาการิ
「หื้ม ดูจากสถานการณ์แล้ว เหมือนเจ้าชายจากไซโตะกับลัทธิแห่งแสงจะร่วมมือกันขวางไม่ให้ไคลอากับคนอื่นๆ ตามมานะ นี่มันยังไงกัน? 」
แน่นอนว่าคาการิกับพวกไคลอาไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลใดๆ บางทีคงจะไม่ถึงขั้นลงไม่ลงมือหรอก
แต่ไม่ว่ายังไงก็คงเป็นคาการิกับซูโอมิแน่ๆ ที่ขวางพวกไคลอาเอาไว้ เห็นได้จากสีหน้าของหมอนั่นที่เหมือนอยากจะขอโทษผมเลย
คาการิเมื่อถูกจ้องราวกับต้องการคำอธิบาย สุดท้ายเขาก็ยกมือขึ้นราวกับขอยอมแพ้
「อ้า…ข้าขอโทษจริงๆ! แต่เพราะซูโอมิเป็นหลานของตาเฒ่าโซไซน่ะ ก็ไม่ได้คิดจะช่วยลัทธิที่ทรยศต่อนากายามะหรอก แต่จะปล่อยให้ซูโอมิบาดเจ็บมันก็…นั่นแหละไม่ได้จริงๆ 」
「หลานของท่านโซไซเหรอ? งั้นเหรอ เข้าใจละ」
ผมมองไปยังไคลอากับคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าให้
โซไซเป็นหมอของนากายามะ ที่เคยช่วยคลิมเอาไว้ จากมุมของไคลอาแล้วเขาคือผู้มีพระคุณที่ช่วยน้องชายเธอ เออซูร่าเองก็ติดหนี้ที่เขาช่วยรักษาเธอไว้ตอนที่ใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า
ในฐานะที่เด็กคนนี้เป็นถึงหลานของโซไซ สำหรับทั้งสองคงจะเป็นเรื่องยากที่จะแตะต้อง ยิ่งเป็นซูโอมิที่ดูเหมือนจะสู้อะไรใครไม่ไหว ยังไงก็คงไม่กล้าทำอะไรหรอก
เป็นผมเองก็คงทำไม่ลงหรอก
เพราะโซไซคอยดูแลผมหลายเรื่องเหมือนกัน แถมสิ่งที่ซูโอมิทำมันก็เป็นเพียงการทำตามคำสั่งของโซเฟียซึ่งอยู่สูงกว่าเธอ ตอนนี้ผมจัดการโซเฟียและเอาชนะมังกรได้แล้ว ลัทธิแห่งแสงก็ไม่น่าจะมีภัยคุกคามอะไรกับเธอได้อีก นอกจากนี้ผมก็ไม่อยากจะทำให้คาการิเป็นศัตรูกับผมด้วย
หากเป็นแบบนั้นนากายามะก็จะกลายเป็นศัตรูกับผมโดยอัตโนมัติ ยังไงผมกับนากายามะก็ถูกลัทธิแห่งแสงหลอกกันทั้งคู่ คงจะเป็นเรื่องโง่เง่าน่าดูหากจะมามีเรื่องกันทั้งที่เป็นผู้เสียหายกันทั้งคู่
――อีกทั้งพวกเขาอาจจะเป็นกำลังให้กับผมตอนสู้กับตระกูลมิตสึรุกิในอนาคตก็ได้
ด้วยเหตุนี้ผมจึงทิ้งตัวเลือกอย่างการสังหารซูโอมิทิ้งไปทันที แน่นอนว่าหากซูโอมิคิดจะล้างแค้นที่ผมฆ่าสันตะปาปา มันก็อีกเรื่อง
ก็ไม่รู้ว่าเธออ่านใจผมได้หรืออะไร แต่ซูโอมิก็เปิดปากพูดขึ้น
「เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด อย่างที่พี่คาการิบอกฉันเป็นหลานของปู่โซไซแต่ในเวลาเดียวกันฉันก็เป็นหลานของปู่อูรุยด้วย แม้ฉันจะเคารพสันตะปาปาอย่างสุดซึ้ง แต่ฉันก็ไม่สามารถให้อภัยสันตะปาปาที่เป็นผู้กว้างล้างตระกูลโฮโซไปได้หรอกค่ะ」
พอได้ยินแบบนี้ผมก็อดประหลาดใจไม่ได้ พอมองไปยังเออซูร่าก็จะเห็นว่าสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อูรุย คือนักดาบที่เก่งกาจซึ่งเคยต่อสู้ด้วยที่เขาไดโกะ สำหรับเออซูร่าเขาคือศัตรูที่ฆ่าพ่อของเธอ ซึ่งหมอนั่นถูกสันตะปาปาสั่งเก็บเพราะเรื่องที่ทำพลาดไปตอนเขาไดโกะก่อนจะส่งหัวแช่เกลือมายังไซโตะ การที่เด็กคนนี้คือหลานสาวของหมอนั่น เธอจะกลายเป็นเป้าหมาของเออซูร่าไหมนะ
หลานของโซไซ หลานของอูรุย และว่าที่สันตะปาปาลัทธิแห่งแสงคนถัดไป
เธอแค้นผมที่ฆ่าสันตะปาปา แต่เธอก็ไม่สามารถให้อภัยสันตะปาปาที่ฆ่าปู่เธอได้ ตรงจุดนี้คืออาจจะสื่อว่าไม่คิดจะแก้แค้นอะไรผมต่อก็ได้
ก็จริงว่ามีความเป็นไปได้ที่อยากจะให้ผมลดการระวังตัวลง แต่ถึงเป็นแบบนั้นจริงเธอก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมจึงพยักหน้าให้กับซูโอมิ
หญิงสาวดวงตาสีทองจ้องมายังผม ก่อนก้มหัวให้กับผมโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
หลังจากนั้นพวกผมก็ออกจากเมืองฮอนเทนอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจความสับสนอลหม่านของคนในเมืองหลังรับผลกระทบจากมังกรคำรามไป
เอาง่ายๆ ก็คือรีบเผ่นก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากกว่านี้ ไม่มีเหตุผลต้องให้อยู่ต่อด้วย
ยังไงพวกผมก็ไม่มีพันธะผูกมัดหรือต้องแสดงความรับผิดชอบต่อลัทธิ แถมการที่พวกผมมาเมืองนี้ก็เป็นแผนของทางนั้นที่ล่อพวกผมมาเพื่อลอบโจมตี ดังนั้นการที่ผมรีบกลับทันทีทางนั้นไม่มีสิทธิ์บ่นหรอกนะเออ
อย่างไรก็ตามมันก็มีเหตุผลที่พวกผมต้องรีบกลับไซโตะด้วยแหละ
ซาซาโนะซึยุไม่ใช่สิ่งเดยวที่สันตะปาปามอบให้กับผมผ่านซูโอมิ สิ่งที่สำคัญซึ่งเธอมอบให้กับผมก็คือเรื่องของคิไค
หลังผมจัดการกับมังกร อิทธิพลของไอพิษในคิไคก็ลดลงไปเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่มีตัวปล่อยแล้ว ตรงจุดนี้การอาศัยอยู่ภายในคิไคคงสบายขึ้นเยอะ ในอนาคตการเพาะปลูกก็น่าจะมีความหวังมากขึ้น
ตรงจุดนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับโอกาสที่พวกคิจินและลัทธิแห่งแสงจะอาศัยอยู่ภายในโลกที่สดใสยิ่งขึ้น ทว่าปัญหามันก็คืออายุของคิไคแห่งนี้นี่แหละ
คิไคคือมิติที่อาโทริสร้างขึ้นมาเพื่อผนึกมังกรเอาไว้
แต่ผมได้จัดการกับมังกรไปแล้ว พอมันหายไปผนึกที่มีไว้ก็สูญเสียหน้าที่ของมันไป ดังนั้นอีกไม่นานคิไคแห่งนี้ก็จะหายไป
ผนึกที่อาโทริสร้างขึ้นมาถือว่าเป็นของระดับสูงมากจริงๆ เห็นว่าได้เทพปีศาจช่วยเอาไว้ด้วย จึงไม่สามารถทำซ้ำได้อีกแน่นอน ทว่าผนึกมันก็อ่อนแอลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อ 300 ปีก่อน
สุดท้ายคิไคก็คงหายไป แน่นอนว่าไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่เป็นอีกสิบหรือยี่สิบปีต่อจากนี้ก็ไม่แน่
――นั่นคือพินัยกรรมอีกอย่างที่โซเฟีย อาร์เซอร์ไรท์ทิ้งเอาไว้
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code