การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 244 สั่นสะท้าน

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 244 สั่นสะท้าน

 

「แล้วตอนนี้นายคิดจะทำอะไรต่อล่ะ? 」

 

 

 

คลิมถามขณะที่พวกผมกำลังเดินทางด้วยรถม้าของคาการิไปยังไซโตะ

 

พูดให้ชัดก็คือหมอนี่ถามตอนที่ผมกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ ขณะให้กิเลนพัก

 

 

ผมก็เลยตอบกวนโอ้ยหมอนี่ไปสักหน่อย

 

 

 

「ทำอะไรของนาย? 」

 

 

「อย่ามาย้อนกันสิเห้ย ฉันถามว่านายวางแผนจะทำอะไรหลังจากจบเรื่องนี้ ตรงหน้าพวกเรายังเหลือการต่อสู้ของคิจินกับตระกูลมิตสึรุกินะ」

 

 

 

คลิมตอบกลับมาด้วยความหงุดหงิด ผมก็เลยตกใจนิดหน่อย

 

 

คือไม่ได้รู้สึกหัวเสียอะไรกับที่หมอนี่ถามหรอก แต่แค่ตกใจที่คลิมดันอยากได้ความเห็นของผม

 

มนุษย์ประเภทที่ไม่ฟังใครง่ายๆ แม้ว่าจะโดนอีกฝ่ายขอร้องหรือกระทืบ แต่ดันมาถามผมราวกับว่าผมคือผู้นำของกลุ่มที่จะช่วยกำหนดการกระทำของตนต่อจากนี้ได้

 

 

ตรงจุดนี้จะบอกว่าคลิมมันยอมรับผมแล้วก็ได้มั้ง

 

 

 

เพราะยังไงผมก็เป็นคนที่ถูกตระกูลขับไล่ออกมาแล้ว หากคลิมคิดจะติดตามตระกูลมิตสึรุกิต่อไป ก็คงไม่ถามเรื่องพวกนี้กับผมหรอก

 

 

ระหว่างคิดเรื่องนี้ผมก็มองไปรอบๆ รถม้า

 

 

คาการิกำลังป้อนน้ำกับอาหารให้กิเลนอยู่ไกลออกไปนิดหน่อย คนที่อยู่ใกล้ผมตอนนี้ก็มีคลิม ไคลอา เออซูร่า ส่วนซูโอมิก็อยู่ที่ลัทธิเพื่อจัดการความวุ่นวาย

 

 

 

ทุกคนที่เดินทางมาคราวนี้ได้รู้เรื่องของสันตะปาปาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไคลอากับเออซูร่าจึงจ้องมองมายังผมด้วยขณะที่คลิมถาม ราวกับต้องการรู้เหมือนกันว่าผมจะเคลื่อนไหวยังไงต่อ

 

 

ผมก็เลยตอบไปอย่างไม่ปิดบัง

 

 

 

 

「โดยรวมๆ แล้ว ฉันวางแผนว่าจะอยู่ฝังคิจินและเข้าเจรจากับตระกูลมิตสึรุกิ」

 

 

 

「เจรจาเหรอคะ? 」

 

ไคลอาเอียงคอด้วยความสับสน

 

 

ผมพยักหน้า ก่อนพูดต่อ

 

 

 

「หากยังปล่อยไว้แบบนี้ นากายามะได้โจมตีประตูปีศาจแน่และทางตระกูลมิตสึรุกิก็น่าจะใช้กำลังรบในการป้องกันประตู การต่อสู้คงจะยืดเยื้อนานมากจนคิไคสลายไปก่อนแน่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้หายนะแบบนั้นเกิดขึ้นฉันว่าเราควรจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน」

 

 

แม้จะเป็นเพียงการคาดเดาของสันตะปาปาเรื่องที่ว่าคิไคจะหายไปเพราะมันไม่มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจนนัก

 

 

 

อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นการคาดเดาแต่นากายามะคงไม่อยู่เฉยๆ แน่ หากรู้ว่าดินแดนของตัวเองจะหายไปในที่สุด อันที่จริงถึงไม่ใช่แบบนั้นยังไงพวกคิจินก็มีเป้าหมายที่จะออกจากโลกใบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สุดท้ายนากายามะก็จะมุ่งไปยังประตูปีศาจอยู่ดี

 

 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปลี่ยนใจพวกเขา คงไม่มีใครพยักหน้ารับหรอกหากมีคนไปบอกว่าช่วยใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นต่อไป แถมเมื่อรู้ว่าผืนดินที่ตัวเองอาศัยอยู่อาจจะหายไป แม้ทางระดับสูงของนากายามะจะช่วยควบคุมคนของตนให้แต่ยังไงก็ไม่ไหวแน่

 

 

ดังนั้นปัญหาตอนนี้จึงต้องไปแก้ที่ทางตระกูลมิตสึรุกิแทนไม่ใช่นากายามะ

 

แน่นอนว่ามันก็ไม่ง่ายหรอก แต่ตอนนี้ผมรู้ความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อนแล้ว ผมก็คงทำใจไปเข้าข้างพวกนั้นไม่ไหวหรอก

 

 

หลังบอกแนวคิดของผมไปคลิมก็ทำหน้าปั้นยากอย่างเห็นได้ชัด ส่วนไคลอาก็เหมือนจะลำบากใจพอสมควร ทางเออซูร่าก็ได้แต่ถอนหายใจ

 

 

พวกเขาทั้ง 3 คนรับใช้ตระกูลมิตสึรุกิในฐานะธงแห่งผืนป่ามานาน พวกเขาย่อมมีอารมณ์และความรู้สึกมากมายเกี่ยวกับตระกูลมิตสึรุกิหลังรู้ความจริง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้แย้งแนวคิดของผม

 

 

 

พอยืนยันจุดยืนทั้ง 3 คนเสร็จผมก็อธิบายต่อ

 

 

เรื่องหลักๆ ที่จะเจรจากับตระกูลก็คือ เปิดประตูให้กับคิจินของนากายามะ แล้วให้พวกเขาผ่านประตูปีศาจไป

 

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตระกูลมิตสึรุกิไม่ยอมรับง่ายๆ หรอก การเจรจาได้ล่มไม่เป็นท่าแน่ การเปิดเผยความจริงเมื่อ 300 ปีก่อนก็ไม่น่าจะมีผลอะไร แม้ว่าความขัดแย้งของตระกูลมิตสึรุกิกับคิจินจะถูกสร้างขึ้นโดยใครบางคน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ต่อสู้กันมานานกว่า 300 ปี ความแค้นและความเกลียดชังมันคงไม่หายไปง่ายๆ หรอก

 

 

ถึงผมจะไปบอกว่าทั้งหมดเป็นแผนของสันตะปาปาโซเฟียกับมังกร ก็ไม่มีใครเชื่อผมแน่ โดยเฉพาะตระกูลมิตสึรุกิ เพราะทุกคนต่างเชื่อว่านักบุญดาบคนแรกคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่มาก พวกเขาไม่ยอมรับเรื่องที่ผมจะบอกแน่ๆ

 

 

 

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ยังต้องเจรจา (จัดการ) กับตระกูลมิตสึรุกิ

 

 

 

 

แม้จะถูกปฏิเสธแต่ยังไงผมก็มีสายเลือดของมิตสึรุกิหน้าที่ในการตามเช็ดก้นของต้นตระกูลก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ ความรับผิดชอบที่ต้องหยุดการหลั่งเลือดของพวกคิจินกับตระกูลมิตสึรุกิหลังจากนี้

 

 

 

 

หากตระกูลมิตสึรุกิในปัจจุบันพยายามขัดขวางเส้นทางที่ผมจะเดิน มันก็เป็นความรับผิดชอบของผมที่จะจัดการกับพวกเขาให้หมดมันไม่ใช่การระบายความแค้นส่วนตัวจากเรื่องที่ผมเคยถูกเนรเทศนะเออ

 

 

ดังนั้นการใช้กำลังจึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่ผมจะใช้ด้วย

 

แต่ก็นั่นแหละอย่างที่ว่าไป มิตสึรุกิไม่ฟังผมดีๆ หรอก ในเมื่อพูดดีๆ ไม่ได้มันก็ต้องใช้คำที่รุนแรงและยั่วมือพวกเขาสักหน่อย อย่างเช่น――

 

 

 

นักบุญดาบคนแรกช่วยโลกใบนี้และผนึกเทพปีศาจเอาไว้เป็นเรื่องตอแหล!

 

 

 

กฎเหล็กของตระกูลมิตสึรุกิที่ทุกคนยึดถืออย่างภาคภูมิใจนั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเกราะกำบังที่ซ่อนการกระทำอันชั่วร้ายของคนในตระกูล!

 

เหล่าผู้สืบทอดผู้ทรยศซึ่งใช้ประโยชน์จากคิจินอาโทริและเสพสุขกับความสำเร็จอันจอมปลอม!

 

 

 

ผมมั่นใจว่าถ้าไม่พูดยั่วมือขนาดนี้ผมคงไม่สามารถคุยกับคนของตระกูลรู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าผมไม่ได้กะจะใช้เรื่องที่ผมรู้ในคราวนี้มาไล่บี้หรือคุกคามพวกคนในตระกูลที่เคยเย้ยหยันผมว่าเป็นพวกอ่อนแอเลยสักนิด ไม่เลยจริงๆ นะ

 

และหากพูดไปแล้วตระกูลมิตสึรุกิยังไม่ฟัง ผมก็คงต้องใช้กำลังเพื่อยุติความแค้นเมื่อ 300 ปีก่อน ของอย่างอารมณ์ส่วนตัวไม่มีเลยนะเอ้อ ผมมั่นใจว่าหากเป็นท่านเอ็มมะกับแม่ต้องเข้าใจแน่ๆ

 

 

 

――อันที่จริงก็แอบมีเรื่องที่กวนใจผมนิดหน่อย

 

จากที่ผมเจอกับโซเฟีย อาร์เซอร์ไรท์ผมว่าเธอคงไม่ได้โกหกเรื่องที่คิไคจะหายไปหรอก แต่ในขณะเดียวกันผมก็มองว่าโซเฟียไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดให้ผมฟัง

 

 

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโซเฟียทิ้งพินัยกรรมของเธอไว้กับซูโอมิตอนไหน แถมมังกรก็ใช่ว่าจะสูญสลายไปตลอดกาล ดังนั้นความเป็นไปได้ที่โซเฟียจะวางยาผมก็ไม่หมดไปโดยสมบูรณ์

 

 

ยกตัวอย่างเช่น ช่วงระยะเวลาก่อนที่คิไคจะหายไปอาจจะสั้นกว่าที่โซเฟียบอกไว้ก็ได้

 

ถึงเธอจะบอกว่ายังเหลือเวลาอีก 1-2ปี แต่ความจริงอาจจะไม่ถึงครึ่งปีก็ได้ ――ดังนั้นผมควรจะคำนึงถึงความเป็นไปได้นั้นด้วย

 

 

 

นอกจากนี้การที่โซเฟียไม่ได้บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังคิไคหายไปก็ควรเอามาคิดต่ออีก

 

 

คิจินที่เป็นผู้ศรัทธาของลัทธิแห่งแสงและพวกมอนสเตอร์ในคิไคจะหายไปพร้อมกับคิไคไหม หรือพวกเขาจะถูกดีดออกมาจากประตูปีศาจมาบนเกาะหรือเปล่าอันนี้ผมไม่มีทางรู้เลย

 

 

ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่ของอย่างสิ่งก่อสร้าง ป้อมปราการต่างๆ ภูเขาแม่น้ำล่ะ

 

 

เหนือสิ่งใดเลยคือ ――รังมังกรล่ะ

 

 

 

รังมังกรนั้นในอดีตเคยอยู่บนเกาะ แต่อาโทริได้ผนึกมันไปพร้อมกับมังกร ดังนั้นผมจะไม่แปลกใจเลยหากรังมังกรมันโผล่ขึ้นมาอีกครั้งบนเกราะหลังผนึกหายไป

 

 

 

ทันทีที่คิไคหายไป รังมังกรอาจจะโผล่ขึ้นมาตรงใจกลางชูโตะเลยก็ได้

 

 

 

พอพิจารณาจากขนาดของรังมังกรที่เห็น พื้นที่ทั้งหมดของชูโตะได้ถูกกลืนหายไปหมดแน่ หากไม่ใช่ธงแห่งผืนป่าที่วิ่งบนอากาศได้คงเอาชีวิตไม่รอดแน่

 

 

ท่านเอ็มมะก็เป็นหนึ่งในคนที่อาศัยในชูโตะ เจ้านักดาบตัวน้อยที่ผมสัญญาว่าจะกลับมาสู้กันใหม่ ที่สำคัญที่สุดก็คือหลุมฝังศพของแม่ผม ดังนั้นผมคงนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้หรอก

 

 

ตอนนี้ไม่มีวิธีจะหยุดไม่ให้คิไคหายไปได้ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะเลี่ยงความสูญเสียคราวนี้ก็คือต้องให้คนหนีจากเมืองชูโตะไปเสีย

 

 

 

แต่ที่แห่งเดียวบนเกาะที่สามารถอาศัยอยู่ได้ก็คือชูโตะ ดังนั้นการบอกให้หนีก็หมายถึงทุกคนต้องอพยพกันไปที่ทวีปหลัก ซึ่งตรงจุดนี้คงต้องได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิ แล้วอำนาจสั่งการคนในชูโตะก็ต้องเป็นผู้นำตระกูลมิตสึรุกิเท่านั้น

 

 

ส่วนตัวผมเดาว่าพอผมคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อนแล้วแน่ๆ ทั้งเรื่องที่คลิมถูกส่งไปคิไค เรื่องที่ไคลอาถูกบีบให้หนีจากเกาะ หรือเรื่องที่พ่อของเออซูร่าถูกฆ่า ทั้งหมดนั่นพอผมต้องมีส่วนรู้เห็นแน่ พูดตามตรงหากบอกว่าเขาเป็นคนที่อยู่เบื้อหลังทั้งหมดผมก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด

 

 

พ่อของผมจะทำยังไงกันนะหากผมปรากฏตัวอยู่ในฝ่ายคนเจรจาของคิจิน เหตุผลที่ผมเปิดด้วยการเจรจาก็เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของเขาด้วยตาตัวเองนี่แหละ

 

 

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านากายามะจะเห็นด้วยกับที่ผมเสนอไหม แต่ถึงแม้ทางนากายามะจะปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือเรื่องนี้ สิ่งที่ผมต้องทำก็ไม่เปลี่ยน ผมจะต้องเผชิญหน้ากับพ่อของผมอีกครั้ง

 

 

ถึงตอนนั้นมันจะเป็นยังไงกันนะ

 

 

ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมมั่นสั่นสู้ไปทั้งตัว ก่อนริมฝีปากของผมจะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย โดยที่ไคลอากับคนอื่นๆ ไม่สังเกตเห็นเลย

 

 

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน