การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 260 กระหน่ำเทคนิคลับ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 260 กระหน่ำเทคนิคลับ

 

「มายาดาบเดียว กระบวนท่าประกายแสงดาบผ่าสรวงสวรรค์!」

 

ชิกิบุกระโดดขึ้นไปข้างบนแล้วเริ่มใช้เทคนิคลับโจมตีโซระ มันคือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดในบรรดากระบวนท่าทั้ง 8

 

ใช่แล้วมันคือเทคนิคเดียวกับที่รากุนะใช้ก่อนหน้านี้ แต่พลังและความเฉียบคมของมันคนละเรื่องเลย หากให้เทียบของรากุนะ โซระเพียงแค่ใช้พลังคิในการป้องกันโดยไม่จำเป็นต้องดึงอาภรณ์วิญญาณออกมา แต่สำหรับชิกิบุเขาต้องทุ่มกำลังทั้งหมดในการป้องกัน

 

 

ส่วนร่างแสงที่คล้ายกับมนุษย์ก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวโซระและเหวี่ยงดาบของตนในระยะใกล้ เปลวเพลิงสีน้ำเงินได้ลุกโชนขึ้นมา ความรุนแรงของมันคงจะสามารถแผดเผาทุกคนและคฤหาสน์ตระกูลมิตสึรุกิจนไม่เหลือซาก

 

 

 

 

 

 

『มายาดาบเดียว กระบวนท่าเปลวไฟ ดาบเพลิงสังหาร』

 

 

 

เสียงของเขาแตกต่างจากชิกิบุ ก็จริงว่ามันดูฉะฉานและไพเพราะแต่ก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆราวกับเป็นหุ่นกล

 

 

ก็อาจจะไม่แปลกอะไรเพราะสิ่งนั้นเป็นเพียงร่างอัตตาของชิกิบุ บัลเดอร์เทพแห่งแสง สำหรับเทพมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับหนอนแมลง

 

 

 

พอโซระได้ยินเสียงของบัลเดอร์ ใบหน้าของโซระก็บิดเบี้ยวทันที

 

ตอนนี้โซระกำลังพยายามป้องกันการโจมตีของชิกิบุอย่างเต็มที่ ย่อมไม่มีเวลาจะมาระวังบัลเดอร์ได้เลย ดังนั้นเขาคงไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ไปได้ เขาจึงเลือกรับมันเข้ามาแทน

 

 

 

 

「ชิ!」

 

 

โซระเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจก่อนจะปล่อยมือจากอาภรณ์วิญญาณที่รับการโจมตีของชิกิบุไว้เพื่อมารับดาบเพลิงของบัลเดอร์

 

 

หากเป็นลูเซียสกับรากุนะเขาก็คงจะสามารถกันได้ด้วยมือเปล่า แต่พลังระดับนี้เขาไม่ได้มั่นใจพอจะคิดแบบนั้น ทว่าถึงจะกันได้ไม่หมดแต่อย่างน้อยเขาก็ขอซื้อเวลาให้ได้สักไม่กี่วินาทีเพื่อลดแรงปะทะของมัน

 

 

 

 

ผลก็คือโซระประสบความสำเร็จในการป้องกันการโจมตีของบัลเดอร์ไว้ด้วย 2 วินาที ก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดว่าเก่งจนสามารถป้องกันได้ถึง 2 วิหรือโชคดีจริงๆที่กันได้ตั้ง 2 วิดี

 

「คึก…อุ!」

 

 

จากนั้นเปลวเพลิงสีน้ำเงินก็ทะลวงบาเรียเข้ามา นิ้วมือซ้ายของเขาระเหยไปในทันทีก่อนจากตามด้วยแขนซ้ายทั้งหมด ร่างของโซระกระเด็นไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

 

 

ตู้ม! เสียงพื้นดินแตกกระจายราวกับเกิดการระเบิด ฝุ่นได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ เพราะไม่สามารถต้านทานแรงกระแทกของโซระได้

 

 

ในขณะเดียวกันมันก็คือสิ่งที่โซระตั้งเป้าเอาไว้ เพราะหากเขาพยายามสร้างฝุ่นขึ้นมาเองมันคงจะไม่ทำให้เกิดฝุ่นควันได้ขนาดนี้หรอก ซึ่งจุดนี้น่าจะช่วยซื้อเวลาให้เขาได้สักครึ่งวินาที

 

 

เขาจะใช้จุดนี้ในการสังเกตว่าบัลเดอร์จะเคลื่อนไหวแบบไหนหากทัศนวิสัยเป็นเช่นนี้ หากบัลเดอร์ไม่ได้เคลื่อนไหวตามนักบุญดาบ แต่มีความคิดเป็นของตัวเองจริงๆก็หมายความว่ามันมีประสาทสัมผัสของตัวเองมัน และหากสามารถระบุตำแหน่งของโซระในฝุ่นควันได้อีกก็แปลว่ามันมีประสาทสัมผัสที่นอกเหนือจากการมองเห็นปกติแน่ๆ

 

 

ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่ แขนซ้ายของเขาที่ถูกเผาไปก็เริ่มฟื้นกลับคืนมา บาดแผลที่ถูกฟันบริเวณไหล่ขวาจนถึงอกก็หายดีแล้ว

 

ถ้าถามว่ามันมาจากไหนก็ต้องบอกว่ามันคือการโจมตีของชิกิบุ โซระที่สละมือซ้ายเพื่อป้องกันบัลเดอร์ มือขวาของเขาก็เลยต้องรับการโจมตีของชิกิบุที่ขนาดใช้มือ 2 ข้างกันยังรับมือยากแทน ผลก็คือเขาถูกดาบของชิกิบุโจมตีเข้าจังๆ

 

 

 

 

พอเห็นว่าบาดแผลของโซระถูกรักษาจนหายดีในชั่วพริบตา พวกธงแห่งผืนป่าก็ต่างตกใจ

 

 

 

หลายคนก็เคยเห็นโซระสู้กับโดกะมาแล้ว เขาจึงรู้ดีว่าโซระมีความสามารถในการรักษาตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเห็นว่าบาดแผลสาหัสที่พอจะฆ่าโซระได้หายไปในพริบตา

 

สำหรับพวกเขาพลังนี้มันเข้าไปสู่ขอบเขตของความเป็นอมตะไปแล้ว จะแปลกใจก็คงเป็นเรื่องปกติ

 

 

ทว่าทางโซระ เขาไม่ได้แปลกใจเลยที่ชิกิบุสามารถทะลวงบาเรียคิของเขาได้อย่างง่ายดาย ทางชิกิบุเองก็ไม่แปลกใจที่โซระยังรอดหลังรับ 2 กระบวนท่าไป

 

 

 

 

เขาก็ไม่รู้หรอกว่าโซระจะไปได้ถึงตรงไหน แต่เขาเชื่อว่าของแค่นี้ไม่น่าจะฆ่าโซระได้แน่ๆ

 

จากนั้นชิกิบุก็กระโดดเข้าไปในฝุ่นควันอย่างไม่รอช้าและสลัดฝุ่นควันทั้งหมดทิ้งไปในทันที แผนที่จะดูเชิงเสี่ยววิพังทลายลง

 

 

แล้วชิกิบุก็ใช้เทคนิคลับอีกครั้ง

 

ไม่สิไม่ใช่แค่ชิกิบ แต่เป็นบัลเดอร์ด้วย

 

 

 

 

「มายาดาบเดียว กระบวนท่าวายุ วายุคลั่ง」

 

 

 

『มายาดาบเดียว กระบวนท่าวายุ วายุคลั่ง』

 

 

 

เสียงทั้งสองประสานเรียกใช้กระบวนท่าเดียวกัน การโจมตีแบบเดียวกันสองครั้งจึงมุ่งตรงไปที่ร่างของโซระ

 

 

สายลมคลั่งได้ถูกปล่อยให้โซระในระยะใกล้จนทำให้เขากระเด็นออกไปตามสายลมเหมือนกิ่งไม้ที่แห้งตายแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

「ฮ่าๆๆๆ! ไอ้เวรเอ้ย แค่หนึ่งก็ปวดหัวพอแล้วนี่มาถึงสองเลยเหรอเห้ย!」

 

 

 

โซระหัวเราะออกมาเมื่อลอยขึ้นไปเหนือเมืองชูโตะเพราะลมพายุ

 

 

ก็จริงว่าหากเขาต้องการจะหยุดทรงตัวในอากาศก็สามารถทำได้ แต่โซระกลับปล่อยให้ร่างของเขาปลิวไปมา พื้นที่การต่อสู้ภายในคฤหาสน์มันเล็กเกินกว่าที่โซระกับสู้กับชิกิบุจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้มันลามไปถึงพื้นที่รอๆ ไม่อย่างงั้นคนคงได้ตายกันเป็นกองภูเขา

 

โซระอดหัวเราะออกมาไม่ได้จริงๆพอต้องมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้

 

ตอนที่เขาเข้ามาท้าทายชิกิบุ เขาก็พอจะมองเห็นโอกาสชนะอยู่บ้างและมองว่าหากเตรียมแผนมาสัก 10 แล้วไม่สำเร็จสัก 9 แต่ผ่านสัก 1 ไม่สิ ถึงจะล้มเหลวทั้งหมดแต่ก็ยังพอจะมองเห็นโอกาสเอาชนะชิกิบุได้

 

 

ทว่าพอต้องมาเจอกับบัลเดอร์ที่ชิกิบุสร้างขึ้นด้วยอาภรณ์วิญญาณแล้วมันคนละเรื่อง

 

 

ใครมันจะไปคิดกันล่ะว่าจะมีอีกตัวตนหนึ่งที่พลังและความสามารถจะเหมือนกับชิกิบุขนาดนี้ แถมยังไม่ใช่ภาพลวงตาหรือร่างไร้สำนึก โอกาสชนะแบบตัวต่อตัวมันได้สลายหายไปในอากาศแล้ว

 

สำหรับโซระที่ต้องการจะก้าวข้ามชิกิบุสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเผชิญความสิ้นหวัง

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่โซระแสดงออกมากลับมีแค่เสียงหัวเราะ

 

ก็ไม่ใช่ว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรืออะไร แต่ยิ่งชิกิบุแสดงให้เห็นว่าตนแข็งแกร่งขนาดไหน โซระก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นทุกครั้ง

 

ทำลายโอกาสที่โซระจะเอาชนะได้ทุกครั้งท่าโจมตีออกมา แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นนักบุญดาบที่ตนอยากจะก้าวข้าม

 

 

และราวกับว่าไม่ปล่อยให้โซระได้พัก ร่างแสงของบัลเดอร์ปรากฏขึ้นจากข้างบนแล้วโจมตีโซระอย่างรวดเร็วเหนือโซระ ก่อนจะปลดปล่อยการโจมตีต่อเนื่อง

 

 

 

 

『มายาดาบเดียว กระบวนท่าสายฟ้า เทพอัศนีคำราม』

 

 

 

ช่างเป็นท่าที่แสนคุ้นเคย โซระทำการต้านมันไว้ด้วยอาภรณ์วิญญาณในมือขวา แรงกระแทกของการโจมตีดันร่างเขาให้พุ่งลงไปกับพื้น

 

แน่นอนว่าเขาสามารถยืนหยันต้านมันเอาไว้กลางอากาศได้ แต่เขาก็เลือกจะปล่อยให้ร่างของเขาร่วงหล่นลงพื้น เพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีของชิกิบุต่อจากนี้แทน

 

ว่าแล้วการโจมตีของชิกิบุก็ตามมาจริงๆ

 

 

 

 

「มายาดาบเดียว กระบวนท่าผืนดิน หอกแห่งปฐพี」

 

 

 

ชิกิบุเหวี่ยงดาบของเขาคว้านพื้นดิน ทันใดนั้นเองก็มีหอกดินขนาดใหญ่ปลายแหลมปรากฏขึ้น และราวกับว่ามันมีความคิดเป็นของตัสเอง พวกมันพุ่งไปหาโซระด้วยความรวดเร็วจนยากจะมองทัน

 

 

 

สาเหตุที่ผืนดินเป็นสัญลักษณ์แห่งโลกาก็เพราะมันคือการสร้างสสารขึ้นมาจากโลกใบนี้จริงๆ

 

โซระสามารถรักษามือซ้ายที่ถูกเปลวเพลิงเผาได้ บาดแผลจากการโดนฟันก็รักษาได้ แต่ถ้าร่างกายถูกเสียบไว้ด้วยหอกดินคาเอาไว้ คงจะอีกเรื่องหนึ่ง

 

ส่วนเหตุผลที่ชิกิบุพัดร่างของโซระให้กระเด็นออกไปจากเมืองชูโตะก็น่าจะเป็นเพราะกระบวนท่าผืนดินมันกลืนกินพื้นที่ที่เป็นดินโดยรอบไป หากใช้มันที่คฤหาสน์มิตสึรุกิจะออกมาไม่สวยนัก

 

 

โซระจึงรีบตอบโต้กลับไปในทันที

 

 

 

 

「จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูข้า――องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง」

 

 

 

ก่อนที่เขาจะร่วงถึงพื้น โซระทำการยื่นมือซ้ายออกมาและใช้เวทมนตร์

 

ก็จริงว่ามันไม่ใช่เวทระดับสูงนัก แต่ด้วยพลังของคนใช้แล้วผลลัพธ์ย่อมต่างออกไปเสียจนขนาดโซระในอดีตก็เทียบกับเขาในตอนนี้ไม่ได้เลย

 

แขนแห่งเปลวเพลิงมากกว่า 10 แขนปรากฏขึ้น ขนาดของมันใหญ่มากหากเทียบกับของเก่าที่โซระเลยใช้ได้

 

 

แล้วก็เพราะการโจมตีดังกล่าวจึงทำให้หอกดินที่พุ่งเข้ามานั้นสูญเสียเป้าหมายหลักของตนไปและทำให้โซระรอดจากหอกนั้นไปได้

 

 

โซระถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะสร้างฐานยืนในอากาศเพื่อพักหายใจ

 

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยให้โซระให้หายใจ เพราะบัลเดอร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าปลดปล่อยการโจมตีครั้งถัดไปทันที

 

 

 

 

『มายาดาบเดียว กระบวนท่าน้ำ จ้าววารีกลืนกิน』

 

 

เสียงคำรามตามมาด้วยมวลน้ำมหาศาลที่รูปร่างเหมือนมังกร

 

 

ปริมาณน้ำนี้มันมากพอจะพัดเอาเมืองชูโตะให้ไหลตามไปได้ทั้งเมืองหลวง ไม่ต่างอะไรกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ หากรับไปตรงๆงานเข้าแน่

 

เพราะหากหายใจไม่ออกเมื่ออยู่ในน้ำ ความสามารถฟื้นตัวที่มีก็เปล่าประโยชน์

 

 

เป็นอีกครั้งที่โซระต้องพยายามหลบการโจมตีนี้ให้พ้น แต่ชิกิบุใช่ว่าจะปล่อยให้ทำได้

 

 

 

 

 

「มายาดาบเดียว กระบวนท่าหนองบึง ดวงตาสะกด」

 

 

เทคนิคนี้ต่างแตกจากเทคนิคก่อนหน้า เพราะมันไม่ได้ทำร้ายร่างกายของเขา

 

แต่ในแง่ของภัยคุกคามแล้วมันไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบวนท่าอื่นเลย ไม่สิอาจจะน่ากลัวมากกว่าพวกนั้นก็ได้

 

 

「เชี่ย?!」

 

 

 

โซระที่กำลังพยายามหลบการโจมตีของบัลเดอร์สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขากำลังถูกปกคลุมด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็น

 

 

 

ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย แต่มันช่างเชื่องช้าราวกับเขาพยายามแหวกว่ายผ่านบึงโคลน ยิ่งเขาพยายามดิ้นเท่าไหร่ สิ่งพันธนาการที่มองไม่เห็นก็ยิ่งพัวพันเขาหนักขึ้น

 

 

ราวกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดักนายพราน หรือแมลงที่พัวพันกับใยแมงมุม

 

 

จากนั้นการโจมตีของบัลเดอร์ก็กลื่นร่างของโซระให้หายไปพร้อมกับกระแสน้ำ

 

 

 

ตัวโซระที่ขยับตัวไปไหนไม่ได้ย่อมถูกกระบวนท่านี้อัดใส่เต็มๆ ร่างของเขากระแทกเข้ากับพื้น

 

ไม่เพียงเท่านั้น ร่างของเขายังถูกมวลน้ำจากบนผืนฟ้าตรึงเอาไว้กับพื้น หากเป็นธงแห่งผืนป่าคนอื่นที่ไม่ใช่โซระ ร่างกายคงได้แหลกสลายไปแล้ว

 

แม้โซระจะยังมีชีวิตอยู่แต่เขาก็ต้องทนรับความทรมานที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ การต้องมารับการโจมตีระดับสูงจากทั้งสองร่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกไม่นานโซระคงได้ถูกบดขยี้ตายเป็นแน่ ไม่สิบางทีอาจจะจบตรงจมน้ำตายจากกระบวนท่านี้เลยก็ได้

 

แน่นอนว่าโซระคงจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร แต่เขาก็ยังยิ้มออกมาได้โดยไม่เกรงกลัวกระแสน้ำนี้เลย

 

 

 

 

 ――สดชื่นจริงๆ เล่นเอาซะขยับมือหรือเท้าไม่ได้เลย

 

 

โซระไม่คิดว่าการฝึกฝนในคิไคก่อนหน้านี้จะเปล่าประโยชน์เลย แม้ยังห่างไกลกับชิกิบุ แต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นมันช่วยทำให้เขาเข้าใกล้ชิกิบุได้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ถึงต้องเผชิญกับความหนักหนาขั้นนี้โซระก็ยังหัวเราะออกมาได้

 

โซระเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัดขณะทนแรงดันของน้ำ

 

 

แล้วพึมพีมออกมาภายในใจ

 

 

 ――ชิโกะโนะอิจิ(จุดเริ่มแห่งวัฏจักร) 『กำเนิด』

 

มันคือเทคนิคของวัฏจักรทั้ง 4 ที่เขาได้เรียนรู้มาจากพวกคิจิน ไพ่ตายอีกหนึ่งใบที่เขาได้มาตอนอยู่คิไค

 

ทันใดนั้น พลังภายในร่างกายของโซระก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

 

 

 『กำเนิด』 มันคือเทคนิคลับของคิจินที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ใช้ได้ชั่วคราว โดยการกระตุ้นไปยังหัวใจของผู้ใช้โดยตรง แม้จะไม่ได้เพิ่มถึงขึ้นสองเท่าจากเดิม แต่ก็พอจะคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีได้

 

ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าดีขนาดนี้ ค่าตอบแทนย่อมสูงตาม

 

 

ถึงพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมามาก แต่ก็ใช่จะคุมได้หมด ยกตัวอย่างก็เหมือนการเร่งให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายแบบส่งๆทันที

 

ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเกิดขีดจำกัดของตนที่จะรับได้ จะสร้างภาระให้กับร่างกาย หากหัวใจต้องสูบฉีดเลือดหนักแบบนี้บ่อยๆ การจะกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมหลังใช้เทคนิคนี้ไปคงเป็นเรื่องยาก แถมถ้าพลาดก็ถึงตาย

 

 

เขามีพลังในการฟื้นฟูก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าผลของเทคนิคนี้จะปลอดภัยกับตัวเขา มันคือสิ่งที่เขาไม่ควรจะนำออกมาใช้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำแม้อีกฝ่ายจะเป็นนักบุญดาบก็ตาม

 

ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว ยิ่งต้องมาเจอชิกิบุพร้อมกับบัลเดอร์ที่โหมโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยไปเขาได้ตายจริงๆแน่

 

 

 

 

 

「โอ้วววววว!!」

 

 

 

 

โซระปลดปล่อยพลังออกมาพร้อมกับเสียงคำราม พันธนาการได้ถูกทำลายลง กระแสน้ำที่ร่วงหล่นลงมาก็เริ่มถูกต้านกลับไป

 

 

ในเวลาเดียวกัน ร่างของโซระตอนนี้ก็เกิดไอร้อนขึ้น เลือดของเขาได้ถูกสูบฉีดไปทั่วร่างราวกับถูกไฟแผดเผา มันคือสิ่งที่เขาต้องยอมแลกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากกว่าเดิม

 

ความเจ็บปวดนี้แสดงให้เห็นว่าเวลาในการต่อสู้ของเขาสำหรับเทคนิคนี้มันไม่ได้มีมากขนาดนั้น เขาต้องรีบจบมันให้เร็วที่สุด

 

พอโซระตัดสินใจได้แบบนี้แล้ว เขาก็พุ่งทะยานออกไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งสัตว์ร้าย

 

 

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท