ตอนที่ 260 กระหน่ำเทคนิคลับ
「มายาดาบเดียว กระบวนท่าประกายแสงดาบผ่าสรวงสวรรค์!」
ชิกิบุกระโดดขึ้นไปข้างบนแล้วเริ่มใช้เทคนิคลับโจมตีโซระ มันคือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดในบรรดากระบวนท่าทั้ง 8
ใช่แล้วมันคือเทคนิคเดียวกับที่รากุนะใช้ก่อนหน้านี้ แต่พลังและความเฉียบคมของมันคนละเรื่องเลย หากให้เทียบของรากุนะ โซระเพียงแค่ใช้พลังคิในการป้องกันโดยไม่จำเป็นต้องดึงอาภรณ์วิญญาณออกมา แต่สำหรับชิกิบุเขาต้องทุ่มกำลังทั้งหมดในการป้องกัน
ส่วนร่างแสงที่คล้ายกับมนุษย์ก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวโซระและเหวี่ยงดาบของตนในระยะใกล้ เปลวเพลิงสีน้ำเงินได้ลุกโชนขึ้นมา ความรุนแรงของมันคงจะสามารถแผดเผาทุกคนและคฤหาสน์ตระกูลมิตสึรุกิจนไม่เหลือซาก
『มายาดาบเดียว กระบวนท่าเปลวไฟ ดาบเพลิงสังหาร』
เสียงของเขาแตกต่างจากชิกิบุ ก็จริงว่ามันดูฉะฉานและไพเพราะแต่ก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆราวกับเป็นหุ่นกล
ก็อาจจะไม่แปลกอะไรเพราะสิ่งนั้นเป็นเพียงร่างอัตตาของชิกิบุ บัลเดอร์เทพแห่งแสง สำหรับเทพมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับหนอนแมลง
พอโซระได้ยินเสียงของบัลเดอร์ ใบหน้าของโซระก็บิดเบี้ยวทันที
ตอนนี้โซระกำลังพยายามป้องกันการโจมตีของชิกิบุอย่างเต็มที่ ย่อมไม่มีเวลาจะมาระวังบัลเดอร์ได้เลย ดังนั้นเขาคงไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ไปได้ เขาจึงเลือกรับมันเข้ามาแทน
「ชิ!」
โซระเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจก่อนจะปล่อยมือจากอาภรณ์วิญญาณที่รับการโจมตีของชิกิบุไว้เพื่อมารับดาบเพลิงของบัลเดอร์
หากเป็นลูเซียสกับรากุนะเขาก็คงจะสามารถกันได้ด้วยมือเปล่า แต่พลังระดับนี้เขาไม่ได้มั่นใจพอจะคิดแบบนั้น ทว่าถึงจะกันได้ไม่หมดแต่อย่างน้อยเขาก็ขอซื้อเวลาให้ได้สักไม่กี่วินาทีเพื่อลดแรงปะทะของมัน
ผลก็คือโซระประสบความสำเร็จในการป้องกันการโจมตีของบัลเดอร์ไว้ด้วย 2 วินาที ก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดว่าเก่งจนสามารถป้องกันได้ถึง 2 วิหรือโชคดีจริงๆที่กันได้ตั้ง 2 วิดี
「คึก…อุ!」
จากนั้นเปลวเพลิงสีน้ำเงินก็ทะลวงบาเรียเข้ามา นิ้วมือซ้ายของเขาระเหยไปในทันทีก่อนจากตามด้วยแขนซ้ายทั้งหมด ร่างของโซระกระเด็นไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ตู้ม! เสียงพื้นดินแตกกระจายราวกับเกิดการระเบิด ฝุ่นได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ เพราะไม่สามารถต้านทานแรงกระแทกของโซระได้
ในขณะเดียวกันมันก็คือสิ่งที่โซระตั้งเป้าเอาไว้ เพราะหากเขาพยายามสร้างฝุ่นขึ้นมาเองมันคงจะไม่ทำให้เกิดฝุ่นควันได้ขนาดนี้หรอก ซึ่งจุดนี้น่าจะช่วยซื้อเวลาให้เขาได้สักครึ่งวินาที
เขาจะใช้จุดนี้ในการสังเกตว่าบัลเดอร์จะเคลื่อนไหวแบบไหนหากทัศนวิสัยเป็นเช่นนี้ หากบัลเดอร์ไม่ได้เคลื่อนไหวตามนักบุญดาบ แต่มีความคิดเป็นของตัวเองจริงๆก็หมายความว่ามันมีประสาทสัมผัสของตัวเองมัน และหากสามารถระบุตำแหน่งของโซระในฝุ่นควันได้อีกก็แปลว่ามันมีประสาทสัมผัสที่นอกเหนือจากการมองเห็นปกติแน่ๆ
ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่ แขนซ้ายของเขาที่ถูกเผาไปก็เริ่มฟื้นกลับคืนมา บาดแผลที่ถูกฟันบริเวณไหล่ขวาจนถึงอกก็หายดีแล้ว
ถ้าถามว่ามันมาจากไหนก็ต้องบอกว่ามันคือการโจมตีของชิกิบุ โซระที่สละมือซ้ายเพื่อป้องกันบัลเดอร์ มือขวาของเขาก็เลยต้องรับการโจมตีของชิกิบุที่ขนาดใช้มือ 2 ข้างกันยังรับมือยากแทน ผลก็คือเขาถูกดาบของชิกิบุโจมตีเข้าจังๆ
พอเห็นว่าบาดแผลของโซระถูกรักษาจนหายดีในชั่วพริบตา พวกธงแห่งผืนป่าก็ต่างตกใจ
หลายคนก็เคยเห็นโซระสู้กับโดกะมาแล้ว เขาจึงรู้ดีว่าโซระมีความสามารถในการรักษาตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเห็นว่าบาดแผลสาหัสที่พอจะฆ่าโซระได้หายไปในพริบตา
สำหรับพวกเขาพลังนี้มันเข้าไปสู่ขอบเขตของความเป็นอมตะไปแล้ว จะแปลกใจก็คงเป็นเรื่องปกติ
ทว่าทางโซระ เขาไม่ได้แปลกใจเลยที่ชิกิบุสามารถทะลวงบาเรียคิของเขาได้อย่างง่ายดาย ทางชิกิบุเองก็ไม่แปลกใจที่โซระยังรอดหลังรับ 2 กระบวนท่าไป
เขาก็ไม่รู้หรอกว่าโซระจะไปได้ถึงตรงไหน แต่เขาเชื่อว่าของแค่นี้ไม่น่าจะฆ่าโซระได้แน่ๆ
จากนั้นชิกิบุก็กระโดดเข้าไปในฝุ่นควันอย่างไม่รอช้าและสลัดฝุ่นควันทั้งหมดทิ้งไปในทันที แผนที่จะดูเชิงเสี่ยววิพังทลายลง
แล้วชิกิบุก็ใช้เทคนิคลับอีกครั้ง
ไม่สิไม่ใช่แค่ชิกิบ แต่เป็นบัลเดอร์ด้วย
「มายาดาบเดียว กระบวนท่าวายุ วายุคลั่ง」
『มายาดาบเดียว กระบวนท่าวายุ วายุคลั่ง』
เสียงทั้งสองประสานเรียกใช้กระบวนท่าเดียวกัน การโจมตีแบบเดียวกันสองครั้งจึงมุ่งตรงไปที่ร่างของโซระ
สายลมคลั่งได้ถูกปล่อยให้โซระในระยะใกล้จนทำให้เขากระเด็นออกไปตามสายลมเหมือนกิ่งไม้ที่แห้งตายแล้ว
「ฮ่าๆๆๆ! ไอ้เวรเอ้ย แค่หนึ่งก็ปวดหัวพอแล้วนี่มาถึงสองเลยเหรอเห้ย!」
โซระหัวเราะออกมาเมื่อลอยขึ้นไปเหนือเมืองชูโตะเพราะลมพายุ
ก็จริงว่าหากเขาต้องการจะหยุดทรงตัวในอากาศก็สามารถทำได้ แต่โซระกลับปล่อยให้ร่างของเขาปลิวไปมา พื้นที่การต่อสู้ภายในคฤหาสน์มันเล็กเกินกว่าที่โซระกับสู้กับชิกิบุจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้มันลามไปถึงพื้นที่รอๆ ไม่อย่างงั้นคนคงได้ตายกันเป็นกองภูเขา
โซระอดหัวเราะออกมาไม่ได้จริงๆพอต้องมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
ตอนที่เขาเข้ามาท้าทายชิกิบุ เขาก็พอจะมองเห็นโอกาสชนะอยู่บ้างและมองว่าหากเตรียมแผนมาสัก 10 แล้วไม่สำเร็จสัก 9 แต่ผ่านสัก 1 ไม่สิ ถึงจะล้มเหลวทั้งหมดแต่ก็ยังพอจะมองเห็นโอกาสเอาชนะชิกิบุได้
ทว่าพอต้องมาเจอกับบัลเดอร์ที่ชิกิบุสร้างขึ้นด้วยอาภรณ์วิญญาณแล้วมันคนละเรื่อง
ใครมันจะไปคิดกันล่ะว่าจะมีอีกตัวตนหนึ่งที่พลังและความสามารถจะเหมือนกับชิกิบุขนาดนี้ แถมยังไม่ใช่ภาพลวงตาหรือร่างไร้สำนึก โอกาสชนะแบบตัวต่อตัวมันได้สลายหายไปในอากาศแล้ว
สำหรับโซระที่ต้องการจะก้าวข้ามชิกิบุสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเผชิญความสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่โซระแสดงออกมากลับมีแค่เสียงหัวเราะ
ก็ไม่ใช่ว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรืออะไร แต่ยิ่งชิกิบุแสดงให้เห็นว่าตนแข็งแกร่งขนาดไหน โซระก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นทุกครั้ง
ทำลายโอกาสที่โซระจะเอาชนะได้ทุกครั้งท่าโจมตีออกมา แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นนักบุญดาบที่ตนอยากจะก้าวข้าม
และราวกับว่าไม่ปล่อยให้โซระได้พัก ร่างแสงของบัลเดอร์ปรากฏขึ้นจากข้างบนแล้วโจมตีโซระอย่างรวดเร็วเหนือโซระ ก่อนจะปลดปล่อยการโจมตีต่อเนื่อง
『มายาดาบเดียว กระบวนท่าสายฟ้า เทพอัศนีคำราม』
ช่างเป็นท่าที่แสนคุ้นเคย โซระทำการต้านมันไว้ด้วยอาภรณ์วิญญาณในมือขวา แรงกระแทกของการโจมตีดันร่างเขาให้พุ่งลงไปกับพื้น
แน่นอนว่าเขาสามารถยืนหยันต้านมันเอาไว้กลางอากาศได้ แต่เขาก็เลือกจะปล่อยให้ร่างของเขาร่วงหล่นลงพื้น เพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีของชิกิบุต่อจากนี้แทน
ว่าแล้วการโจมตีของชิกิบุก็ตามมาจริงๆ
「มายาดาบเดียว กระบวนท่าผืนดิน หอกแห่งปฐพี」
ชิกิบุเหวี่ยงดาบของเขาคว้านพื้นดิน ทันใดนั้นเองก็มีหอกดินขนาดใหญ่ปลายแหลมปรากฏขึ้น และราวกับว่ามันมีความคิดเป็นของตัสเอง พวกมันพุ่งไปหาโซระด้วยความรวดเร็วจนยากจะมองทัน
สาเหตุที่ผืนดินเป็นสัญลักษณ์แห่งโลกาก็เพราะมันคือการสร้างสสารขึ้นมาจากโลกใบนี้จริงๆ
โซระสามารถรักษามือซ้ายที่ถูกเปลวเพลิงเผาได้ บาดแผลจากการโดนฟันก็รักษาได้ แต่ถ้าร่างกายถูกเสียบไว้ด้วยหอกดินคาเอาไว้ คงจะอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนเหตุผลที่ชิกิบุพัดร่างของโซระให้กระเด็นออกไปจากเมืองชูโตะก็น่าจะเป็นเพราะกระบวนท่าผืนดินมันกลืนกินพื้นที่ที่เป็นดินโดยรอบไป หากใช้มันที่คฤหาสน์มิตสึรุกิจะออกมาไม่สวยนัก
โซระจึงรีบตอบโต้กลับไปในทันที
「จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูข้า――องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง」
ก่อนที่เขาจะร่วงถึงพื้น โซระทำการยื่นมือซ้ายออกมาและใช้เวทมนตร์
ก็จริงว่ามันไม่ใช่เวทระดับสูงนัก แต่ด้วยพลังของคนใช้แล้วผลลัพธ์ย่อมต่างออกไปเสียจนขนาดโซระในอดีตก็เทียบกับเขาในตอนนี้ไม่ได้เลย
แขนแห่งเปลวเพลิงมากกว่า 10 แขนปรากฏขึ้น ขนาดของมันใหญ่มากหากเทียบกับของเก่าที่โซระเลยใช้ได้
แล้วก็เพราะการโจมตีดังกล่าวจึงทำให้หอกดินที่พุ่งเข้ามานั้นสูญเสียเป้าหมายหลักของตนไปและทำให้โซระรอดจากหอกนั้นไปได้
โซระถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะสร้างฐานยืนในอากาศเพื่อพักหายใจ
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยให้โซระให้หายใจ เพราะบัลเดอร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าปลดปล่อยการโจมตีครั้งถัดไปทันที
『มายาดาบเดียว กระบวนท่าน้ำ จ้าววารีกลืนกิน』
เสียงคำรามตามมาด้วยมวลน้ำมหาศาลที่รูปร่างเหมือนมังกร
ปริมาณน้ำนี้มันมากพอจะพัดเอาเมืองชูโตะให้ไหลตามไปได้ทั้งเมืองหลวง ไม่ต่างอะไรกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ หากรับไปตรงๆงานเข้าแน่
เพราะหากหายใจไม่ออกเมื่ออยู่ในน้ำ ความสามารถฟื้นตัวที่มีก็เปล่าประโยชน์
เป็นอีกครั้งที่โซระต้องพยายามหลบการโจมตีนี้ให้พ้น แต่ชิกิบุใช่ว่าจะปล่อยให้ทำได้
「มายาดาบเดียว กระบวนท่าหนองบึง ดวงตาสะกด」
เทคนิคนี้ต่างแตกจากเทคนิคก่อนหน้า เพราะมันไม่ได้ทำร้ายร่างกายของเขา
แต่ในแง่ของภัยคุกคามแล้วมันไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบวนท่าอื่นเลย ไม่สิอาจจะน่ากลัวมากกว่าพวกนั้นก็ได้
「เชี่ย?!」
โซระที่กำลังพยายามหลบการโจมตีของบัลเดอร์สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขากำลังถูกปกคลุมด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็น
ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย แต่มันช่างเชื่องช้าราวกับเขาพยายามแหวกว่ายผ่านบึงโคลน ยิ่งเขาพยายามดิ้นเท่าไหร่ สิ่งพันธนาการที่มองไม่เห็นก็ยิ่งพัวพันเขาหนักขึ้น
ราวกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดักนายพราน หรือแมลงที่พัวพันกับใยแมงมุม
จากนั้นการโจมตีของบัลเดอร์ก็กลื่นร่างของโซระให้หายไปพร้อมกับกระแสน้ำ
ตัวโซระที่ขยับตัวไปไหนไม่ได้ย่อมถูกกระบวนท่านี้อัดใส่เต็มๆ ร่างของเขากระแทกเข้ากับพื้น
ไม่เพียงเท่านั้น ร่างของเขายังถูกมวลน้ำจากบนผืนฟ้าตรึงเอาไว้กับพื้น หากเป็นธงแห่งผืนป่าคนอื่นที่ไม่ใช่โซระ ร่างกายคงได้แหลกสลายไปแล้ว
แม้โซระจะยังมีชีวิตอยู่แต่เขาก็ต้องทนรับความทรมานที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ การต้องมารับการโจมตีระดับสูงจากทั้งสองร่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกไม่นานโซระคงได้ถูกบดขยี้ตายเป็นแน่ ไม่สิบางทีอาจจะจบตรงจมน้ำตายจากกระบวนท่านี้เลยก็ได้
แน่นอนว่าโซระคงจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร แต่เขาก็ยังยิ้มออกมาได้โดยไม่เกรงกลัวกระแสน้ำนี้เลย
――สดชื่นจริงๆ เล่นเอาซะขยับมือหรือเท้าไม่ได้เลย
โซระไม่คิดว่าการฝึกฝนในคิไคก่อนหน้านี้จะเปล่าประโยชน์เลย แม้ยังห่างไกลกับชิกิบุ แต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นมันช่วยทำให้เขาเข้าใกล้ชิกิบุได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงต้องเผชิญกับความหนักหนาขั้นนี้โซระก็ยังหัวเราะออกมาได้
โซระเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัดขณะทนแรงดันของน้ำ
แล้วพึมพีมออกมาภายในใจ
――ชิโกะโนะอิจิ(จุดเริ่มแห่งวัฏจักร) 『กำเนิด』
มันคือเทคนิคของวัฏจักรทั้ง 4 ที่เขาได้เรียนรู้มาจากพวกคิจิน ไพ่ตายอีกหนึ่งใบที่เขาได้มาตอนอยู่คิไค
ทันใดนั้น พลังภายในร่างกายของโซระก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
『กำเนิด』 มันคือเทคนิคลับของคิจินที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ใช้ได้ชั่วคราว โดยการกระตุ้นไปยังหัวใจของผู้ใช้โดยตรง แม้จะไม่ได้เพิ่มถึงขึ้นสองเท่าจากเดิม แต่ก็พอจะคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีได้
ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าดีขนาดนี้ ค่าตอบแทนย่อมสูงตาม
ถึงพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมามาก แต่ก็ใช่จะคุมได้หมด ยกตัวอย่างก็เหมือนการเร่งให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายแบบส่งๆทันที
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเกิดขีดจำกัดของตนที่จะรับได้ จะสร้างภาระให้กับร่างกาย หากหัวใจต้องสูบฉีดเลือดหนักแบบนี้บ่อยๆ การจะกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมหลังใช้เทคนิคนี้ไปคงเป็นเรื่องยาก แถมถ้าพลาดก็ถึงตาย
เขามีพลังในการฟื้นฟูก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าผลของเทคนิคนี้จะปลอดภัยกับตัวเขา มันคือสิ่งที่เขาไม่ควรจะนำออกมาใช้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำแม้อีกฝ่ายจะเป็นนักบุญดาบก็ตาม
ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว ยิ่งต้องมาเจอชิกิบุพร้อมกับบัลเดอร์ที่โหมโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยไปเขาได้ตายจริงๆแน่
「โอ้วววววว!!」
โซระปลดปล่อยพลังออกมาพร้อมกับเสียงคำราม พันธนาการได้ถูกทำลายลง กระแสน้ำที่ร่วงหล่นลงมาก็เริ่มถูกต้านกลับไป
ในเวลาเดียวกัน ร่างของโซระตอนนี้ก็เกิดไอร้อนขึ้น เลือดของเขาได้ถูกสูบฉีดไปทั่วร่างราวกับถูกไฟแผดเผา มันคือสิ่งที่เขาต้องยอมแลกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากกว่าเดิม
ความเจ็บปวดนี้แสดงให้เห็นว่าเวลาในการต่อสู้ของเขาสำหรับเทคนิคนี้มันไม่ได้มีมากขนาดนั้น เขาต้องรีบจบมันให้เร็วที่สุด
พอโซระตัดสินใจได้แบบนี้แล้ว เขาก็พุ่งทะยานออกไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งสัตว์ร้าย