การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 261 คงกระพัน

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 261 คงกระพัน           

ทันทีที่แรงดันของน้ำถูกดันกลับไป เปลวเพลิงแห่งขุมนรกก็ส่องประกายเข้าไปโจมตีพ่อของผมกับบัลเดอร์จนเกิดการระเบิดขึ้นหลายครั้ง

 

มันคือการโจมตีจากเวทที่ผมปล่อยออกมา ซึ่งผมสามารถควมคุมมือแต่ละมือในการเข้าไปโจมตีได้แล้ว

 

 

แต่ก็นั่นแหละแค่เวทระดับ 5 ยังไงก็ไม่น่าสามารถสร้างความเสียหายให้กับพ่อของผมหรือบัลเดอร์ได้ สิ่งที่ผมทำเป็นเพียงการซื้อเวลาครู่หนึ่ง

 

ในวินาทีต่อมาผมทำการเข้าประชิดพ่อของผมหลังเกิดแรงระเบิดขึ้น แล้วฟันอย่างเต็มแรง

 

 

 

เหตุผลที่ผมทำการเข้ามาโจมตีในระยะประชิดแทนก็เพราะเลี่ยงที่จะต้องมาเจอท่าโจมตีระยะไกลที่กำลังโดนมาเมื่อกี้ หากเปิดโอกาสให้ทั้งสองร่างโจมตีแบบนั้นอีกคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี แถมตอนนี้ร่างกายผมก็ถูกเสริมพลังด้วย『กำเนิด』 พลังคิของผมจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนสามารถรับมือกับเขาไหว

 

 

 

 

「ย้าก!!」

 

 

เสียงตะโกนแห่งจิตวิญญาณของผมดังขึ้น

 

 

 

 

 

นักบุญดาบหลบคมดาบสีดำของโซลอีทเตอร์ได้อย่างฉิวเฉียดจนระยะแทบจะบอกว่าหายใจรดต้นคอ

 

 

การตอบสนองของเขาช่างดูเป็นธรรมชาติ พ่อของผมหลบการโจมตีที่แสนอันตรายของผมได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

ขณะที่ผมกำลังมุ่งไปที่การโถมโจมตีพ่อของผม ผมก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องหันกลับไป

 

 

นั่นก็คือบัลเดอร์ที่พุ่งเข้ามาหาผมจากด้านหลัง ผมเลยต้องหยุดโจมตีพ่อของผมแล้วหันไปรับมือกับมัน

 

 

 

ดาบสีดำและดาบแห่งแสงเข้าปะทะกัน ประกายแสงเกิดขึ้นจนเหมือนจะเผาไหม้ดวงตาของผมได้เลย เสียงของดาบก็เสียดสีกันเสียจนแสบแก้วหูไปหมด

 

 

 

ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าผมต้องรับมือกับ ซาซาโนะยูกิและดาบแห่งแสงของบัลเดอร์ ดาบทั้งสามได้ต้านกันไปมา ถอยออก เข้าปะทะ สลับเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน

 

 

 

บางครั้งก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรุนแรง บางครั้งก็มีท่วงทำนองที่เฉียบคมเป็นพิเศษ แต่ทุกการโจมตีนั้นหมายถึงการสังหารที่จะพลาดไม่ได้แม้เพียงเสี้ยววิ มันคือการโจมตีที่คนนอกไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ ผมพยายามปัดป้องและโจมตีกลับไปซ้ำๆ ราวกับมันจะไม่มีวันหมดสิ้น

 

 

ในสายตาของคนนอกแล้ว ภาพที่เห็นตอนนี้คงเหมือนพวกผมกำลังเต้นรำสลับตำแหน่งกันไปมาในอากาศที่มีเพลงดาบเป็นท่วงทำนอง

 

 

การที่ยังพอสามารถคุมพลังที่ได้จาก『กำเนิด』ก็เพราะการฝึกฝนภายในคิไค แล้วมันก็กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมสามารถรับมือกับพวกเขาได้

 

ผมไม่จำเป็นต้องถูกกดดันอยู่ฝ่ายเดียวจากเทคนิคลับของอีกฝ่าย ก็เรียกได้ว่าไพ่ตายใบนี้คุ้มจริงๆที่เลือกเอามาใช้

 

 

 

 

แต่มันก็แค่ของชั่วคราวเท่านั้น เวลาในการใช้『กำเนิด』 ของผมมันมีจำกัดหากปล่อยไว้นานกว่านี้ผมก็จะถูกต้อนให้จนมุมอยู่ดี

 

ผมจำเป็นต้องรีบหาทางปิดให้ได้

 

หรือก็คือผมต้องเอาชนะบัลเดอร์ไม่ก็นักบุญดาบให้ได้สักคนหนึ่งก่อน

 

 

หากผล『กำเนิด』ยังอยู่ผมก็สามารถจัดการกับใครคนใดคนหนึ่งได้แน่นอน แต่พอพยายามจะบุกทะลวงไปทำแบบนั้นอีกร่างก็จะเข้ามาช่วยไว้แล้วดึงสมดุลภายในการต่อสู้กลับมา

 

อีกฝ่ายคงพอจะเดาเรื่องที่ผมมีเวลาจำกัดได้แล้วแน่ๆ

 

เขาคงรู้ว่าพลังที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นเป็นดาบสองคมและตั้งใจจะถ่วงเวลาให้ผมพ่ายแพ้ไปเอง

 

หากเป็นไปตามนี้จริงสุดท้ายผมคงต้องจนมุมอย่างที่เขาต้องการแน่ สภาวะนี้คงไม่ได้ขยับไปไหนอีกสักพักเลย ทั้งที่พลังตอนนี้ผมน่าจะเหนือกว่าเขาแล้วแท้ๆ

 

 

หากรูปแบบการต่อสู้ที่ต้อนให้ศัตรูจนมุมด้วยพลังที่ท้วมท้นคือการกระหน่ำเทคนิคลับซ้ำๆ รูปแบบที่หาจุดอ่อนของศัตรูก่อนจะค่อยๆบีบให้จนมุมไปทีละนิดก็คงจะเป็นเทคนิคการใช้มันสมอง

 

 

 

ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งแต่ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ เพราะแบบนี้แหละนะ นักบุญดาบถึงได้เป็นนักบุญดาบ

 

สุดท้ายแล้วหากผมไม่สามารถจัดการกับร่างไหนให้ได้สักร่างหนึ่งก่อน ผมก็แพ้

 

ปัญหาต่อมาก็อยู่ตรงที่จะเอาชนะร่างไหนก่อนดี หากคิดง่ายๆก็คงจะเป็นนักบุญดาบเพราะบัลเดอร์คืออนิม่าของเขา หากจัดการเขาได้บัลเดอร์ก็คงหายไปด้วย

 

 

 

ยังไงดาบที่นักบุญดาบใช้ก็เป็นเพียงซาซาโนะยูกิ ดาบธรรมดาที่แตกต่างกับโซลอีทเตอร์อย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังของผมแล้วน่าจะพอทำให้ดาบเล่มนั้นแตกสลายไปได้

 

 

 

 ――แต่ในช่วงเวลาที่ผมคิดแบนั้น ตัวดาบของซาซาโนะยูกิก็ได้กลายเป็นสีดำไปราวกับอ่านใจผมออก มันเป็นสีดำแบบเดียวกับของโซลอีทเตอร์เลย

 

ผมสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นของพลังภายในดาบเล่มนั้น พลังที่เหนือกว่าเทคนิคกระบวนท่าทั้ง 7 ที่เขาสาดออกมาก่อนหน้านี้ที่ผมพอจะรับมือไหว

 

 

 

มันคือการโจมตีที่ทะลวงการป้องกันของผมได้อย่างสมบูรณ์แน่

 

 

「มายาดาบเดียว ผสานจันทรา(หยินเล็ก) คมดาบสีขาว(ดวงจันทร์ในคืนเดือนมืด)」

 

 

มันคือ1ในเทคนิคผสานทั้งที่ 4 คล้ายกับคมดาบสีขาวของโซเฟีย อาเซอร์ไรท์ หรือดาบเพลิงสีชาดของเซน่อน

 

 

แต่พลังทำลายล้างของมันเรียกว่าสองอันก่อนหน้าเทียบไม่ติด

 

 

 

 

 

 

 

「คึก?!」

 

 

มีเงาขนาดใหญ่ที่เหมือนกำแพงปราสาทเกิดขึ้นตรงหน้าผม แค่มองเพียงครู่เดียวก็รู้ว่างานเข้าแล้ว

 

ความกดดันอันมหาศาลที่แผ่เข้ามาในร่างของผมซึ่งรับการเสริมพลังจาก 『กำเนิด』

 

 

 

 

 

「ชิ!」

 

 

ผมเดาะลิ้นออกมาขณะทำการต้านมันเอาไว้ แต่ความหนักหน่วงของมันไม่ใช่เล่นๆเลย หากเสียสมาธิไปเพียงวิเดียวผมโดยถูกมันฉีกออกเป็นชิ้นๆแน่

 

 

 

การโจมตีของนักบุญดาบบ้านี่อย่างกับมีความคิดเป็นของตัวเองเลย เหมือนมันพร้อมจะบดขยี้กับผมโซลอีทเตอร์ไปพร้อมๆกัน ทั้งที่ผมพยายามใช้โซลอีทเตอร์กลืนกินพลังของมันเข้ามาด้วยแท้ๆ แต่พอมันเป็นเทคนิคอันสุดประณีตของนักบุญดาบก็แทบไม่ได้ผลเลยสักนิด

 

 

แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไม ดวงตาของจึงเห็นเต่าสีดำที่มีขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กๆลูกหนึ่งโผล่ขึ้นมาได้ ใช่แล้วมันคือเก็นบุ(เต่าดำ) ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งทิศทั้ง 4 

 

 

ภาพลวงตาเหรอ? บางทีมันอาจะโผล่มาเพราะผมถูกแรงกดดันอีกฝ่ายสะกดเอาไว้อยู่ หรือมันคือรูปร่างที่แท้จริงของเทคนิคที่นักบุญดาบเท่านั้นจะไปถึงใช้ได้

 

 

เพราะของพวกนี้ในตอนที่ผมสู้กับโซเฟีย หรือเซน่อนมันไม่ได้โผล่มาให้เห็นเลยสักนิด ก็หมายความว่าคุณค่าที่แท้จริงของเทคนิคลับพวกนี้ จะเฉิดฉายออกมาได้ก็ต่อเมื่อเป็นนักบุญดาบสินะ

 

 

 

 

「หึหึ」

 

 

ผมแอบขำออกมานิดหน่อยขณะต้านการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง

 

 

 

การต่อสู้ที่ต้องใช้หัวคิด วิเคราะห์อีกฝ่ายแล้วค่อยๆไล่บี้ให้อีกฝ่ายจนมุมในที่สุดงั้นเหรอ? ก็เชี่ยแล้ว ตั้งแต่เริ่มพ่อของผมคงคิดจะเอาชนะผมด้วยการบดขยี้ให้สิ้นซาก ผมมั่นใจว่าทรงนี้พ่อของผมคงไม่ได้นึกถึงวิธีต่อสู้ที่ถ่วงเวลาเพื่อให้ชนะหรอก

 

 

ส่วนเหตุผลที่เขายังไม่รุกหนักในตอนแรกก็เพราะอยากจะประเมินพลังของ『กำเนิด』ที่ผมใช้ พอประเมินได้แล้วก็ได้เวลาปล่อยของบ้าง ให้ตายสิ

 

 

งั้นก็หมายความว่าการโจมตีของสิ่งนั้นก็น่าจะตามมาด้วย

 

 

 

 

 

『มายาดาบเดียว ผสานวารี(หยางเล็ก) คมดาบสีน้ำเงิน(จ้าวแห่งนภาสีน้ำเงิน)』

 

 

การโจมตีที่รุนแรงพอๆกับที่พ่อของผมใช้ได้ตรงเข้ามาทางด้านหลังผม

 

 

 

 

แม้ผมจะไม่ได้หันกลับไปมองเพราะผมรับมือกับการโจมตีของพ่ออยู่ แต่นิมิตของผมกลับเห็นมังกรฟ้ากำลังพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างชัดเจน

 

 

ไม่ว่าจะสีดำหรือสีน้ำเงิน หากผมฝืนกลืนกินพลังพวกนี้เข้าไปร่างกายของผมได้สลายหายไปผุยผงแน่ จะบาเรียคิหรือพลังฟื้นฟูก็คงไม่พอ

 

 

แล้วจะให้หลบการโจมตีทั้งสองในเวลาเดียวกันก็ทำไม่ได้อีก จะปัดให้พ้นตัวก็ยากจะหาทาง

 

ดังนั้นก็มีแต่ต้องรับแล้วทนให้ไหว

 

 

 

「ชิโกะโนะนิ――『ปราการ』」

 

 

 

 

หลังสิ้นเสียงนั้น คมดาบสีน้ำเงินก็ได้ปะทะกับร่างของผมทันที

 

 

 

ผมกระทบของมันคงไม่ต้องบอกว่าเหนือกว่าการโดนฟันธรรมดาเป็นไหนๆ จะว่าไปสันตะปาปาโซเฟียก็เคยบอกไว้นี่นะว่า การผสานระหว่างน้ำกับลมจะนำพาไปสู่หยางเล็ก สายลมแห่งความบ้าคลั่งและผืนน้ำที่สุดจะหยั่งถึง แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงได้เบอร์นี้เลย

 

 

พอต้องมาโดนด้วยตัวเองตรงๆ ก็เรียกว่าแทบทรุดทันที ทั้งคมดาบสีขาวตรงหน้ากับคมดาบสีน้ำเงินข้างหลัง ไม่ตายไปในทันทีก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

 

เทคนิคผสานทั้งสองทรงพลังมากเสียจนผมคิดว่ามันน่าจะเก็บพวกเผ่าพันธุ์ในตำนานได้ในท่าเดียวแน่ๆ แล้วตอนนี้ผมก็ต้องมาทนรับไอ้ของอย่างว่าพร้อมกันทั้งสองทาง

 

เสียงระเบิดเกิดขึ้นพร้อมกับพื้นที่ที่บิดเบี้ยวไป ความร้อนบริเวณโดยรอบมันร้อนมากเสียจนคนธรรมดาได้ละลายไปจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกในเสี้ยววิแน่

 

 

นอกจากนี้ก็ไม่มีทางเลยที่ผมซึ่งเป็นศูนย์กลางที่รับการโจมตีนี้ไปจะรอดได้โดยไม่ได้รับบาดแผลใดๆ ถึงจะมีพลังในการฟื้นฟูตัวเองก็ตาม

 

 

 

 ――บัลเดอร์ก็คงคิดแบบนั้น

 

เพราะหมอนั่นทำเพียงแค่ยืนดูท่าทีของผมแทนที่จะตั้งท่ารับมือกับผมต่อ แตกต่างจากพ่อของผม

 

 

ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าบัลเดอร์มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะถึงจะสายไปบ้าง อย่างน้อยผมก็ได้รู้เรื่องที่อยากรู้สักที

 

 

 

จากนั้นผมก็กระโดดถอยออกมาจากจุดศูนย์กลางของแรงระเบิด พร้อมกับแผนที่พอจะจัดการกับนักบุญดาบที่มีบัลเดอร์อยู่ด้วยแล้ว

 

 

หาก กำเนิด ที่กระบวนท่าแรกที่เพิ่มพลังโจมตีให้กับผมมหาศาล ปราการ ซึ่งเป็นประบวนท่าที่สองก็คือการเพิ่มพลังป้องกันให้กับผมทันที แต่มันก็แค่ชั่วคราวเพราะความเสียหายทั้งหมดนั้นยังคงหมุนเวียนวนไปมาภายในร่างของผมและสะสมมันเอาไว้ก่อนจะระเบิดออกมา

 

 

ดังนั้นคงจะเรียกว่าเป็นป้องกันโดยสมบูรณ์ที่ปราศจากข้อเสียคงไม่ได้ หากมันเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้เมื่อไหร่ก็คือจบเกม อันที่จริงตั้งแต่รับการโจมตีนี้เข้าไป หลังกับหน้าอกของผมก็ถูกสลักเอาไว้ด้วยรอยบาดแผลลึกที่เห็นได้ชัดเลย

 

ลึกลงไปถึงผิวหนัง ยันคว้านเนื้อ ทลายกระดูก และอวัยวะภายในที่พร้อมจะทะลักออกมา มองมุมไหนก็เรียกว่าไม่น่ารอดหากเป็นคนทั่วไป ไม่สิถึงเป็นผมก็ยังหนักหนาพอตัว

 

ที่ยังไม่ตายก็คงต้องขอบคุณพลังในการฟื้นฟู

 

 

 

สรุปคือที่ผมรอดมาได้จากการโจมตีผสานจาก 2 ใน 4 ท่าก็เพราะไพ่ตายอย่างปราการและพลังฟื้นฟูตัวเองของโซลอีทเตอร์

 

เอาเป็นว่าในจังหวะที่บัลเดอร์กำลังประมาทนี่แหละ ผมต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้ เพราะโอกาศแบบนี้ใช่ว่าจะมาอีกครั้ง

 

 

 

「มายาสังหาร กระบวนท่าสายฟ้า เทพอัสนีคำราม」

 

 

ดาบสีดำของโซลอีทเตอร์ปลดปล่อยสายฟ้าที่รุนแรงออกไปตรงหน้า มันคือเทคนิคลับแรกที่ผมเคยเห็นและเป็นเทคนิคลับแรกที่ผมสามารถใช้ได้ด้วย

 

 

 

เทพอัสนีคำรามที่ผมเคยเห็นโกซุใช้ เทพอัสนีคำรามที่ผมเคยเห็นโซเฟียใช้ พอได้เห็นถึงสองครั้งแล้วผมก็เลยตัดสินใจจะขัดเกลามันให้ไปถึงจุดที่สามารถใช้ได้จริงๆตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือน จนในที่สุดผมก็พอจะใช้มันเป็นอีกหนึ่งในไพ่ตายได้

 

 

ถึงจะเทียบไม่ได้กับท่าที่พ่อของผมและบัลเดอร์ปล่อยออกมาก็เถอะ แต่ในแง่ของพลังแล้วมันเป็นเทคนิคที่รุนแรงที่สุดที่ผมมีในตอนนี้แล้ว

 

สายฟ้าสีดำได้ลงมาฟาดเข้ากับหัวของบัลเดอร์ทันที ผมเชื่อว่านั่นน่าจะมากพอในการโค่นมันลงได้

 

 

 

 ――เปรี้ยงงงง! เสียงคำรามของสายฟ้าได้ดังกึกก้อง 

 

หากเป็นคู่ต่อสู้ธรรมดาการโจมตีนี้น่าจะทำลายกระโหลกของอีกฝ่ายให้เหลือแต่เถ้าถ่านไปแล้ว มันคือการโจมตีที่ผมมั่นใจพอสมควรเลย

 

ทว่า

 

 

 

 

 

「――เชี่ย!」

 

 

 

ับัลเดอร์กลับถูกห้อมล้อมไว้ด้วยแสงบางอย่างและไม่ได้ถูกจัดการในการโจมตีครั้งนี้ กลับกันทันทีที่รับการโจมตีของผมเข้าไป อีกฝ่ายก็เหมือนตั้งท่าจะสวนกลับทันที

 

 

บัลเดอร์ที่ถูกแสงปกคลุมทั้งร่างจนแยกไม่ออกว่าใบหน้าของเขาเป็นเช่นไรนั้นจะไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยจริงๆหรือ ไม่สิถึงจะได้รับผลกระทบบ้างแต่ผมว่าไม่น่าจะถึงขั้นสาหัสแน่นอน

 

 

 

ทั้งที่เป็นในจังหวะที่อีกฝ่ายประมาท ผมก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายให้ได้งั้นเหรอ เวรเอ้ย ผมกดฟันแล้วพยายามโจมตีต่อก่อนที่ศัตรูที่โต้กลับมา

 

 

 

 

「มายาสังหาร กระบวนท่าเปลวไฟ เพลิงพิโรธ」

 

 

 

การโจมตีที่สันตะปาปาโซเฟียเคยใช้ กระบวนท่าที่สองซึ่งผมเลือกใช้โจมตีต่อทันทีที่รู้ว่าสายฟ้าไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ก็คือไฟ

 

 

ทว่ามันก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี ว่ากันตามตรงมันทำได้เพียงให้บัลเดอร์เสียสมดุลเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าความสามารถของอีกฝ่ายคืออะไรกันแน่ แต่ดาบของผมไม่สามารถทะลวงร่างของเขาได้ ผมจึงต้องรีบโจมตีต่อทันที ราวกับว่าการโจมตีครั้งที่ 3 เป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้รับ

 

 

「ชิโกะโนะซัง――『ทลาย』!」

 

 

การโจมตีที่ส่งพลังเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายเพื่อทำการบดขยี้จากภายในไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ทุกสิ่งล้วนทลายจนดับสูญ

 

 

กำเนิดคือเพิ่มพลัง ปราการคือป้องกัน ทลายคือโจมตี

 

ถึงจะป้องกันกระบวนท่าของผมได้ แต่ผมมั่นใจว่าบัลเดอร์ไม่น่าจะสามารถป้องกัน ทลาย ได้แน่นอน

 

 

หากโดนดอกนี้เข้าไปแล้วยังนิ่งได้อีก ผมก็นึกภาพไม่ออกแล้วจริงๆว่าอะไรจะสามารถฆ่าบัลเดอร์ได้อีก

 

 

 

 

 ――แล้วสิ่งที่ผมคิดก็ปรากฏขึ้นจริงในวินาทีถัดมา

 

ทลาย ที่ผมปล่อยใส่อีกฝ่ายนั้นไม่เกิดผลใดๆขึ้นเลย บัลเดอร์ อนิม่าแห่งนักบุญดาบยังคงส่องแสงอยู่ตรงหน้าผม

 

 

โอกาสที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในการใช้การโจมตีที่ดีที่สุดถึง 3 อย่างใส่อีกฝ่าย ทว่ามันกลับไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย ก็ไม่ได้อยากอวดนะแต่การโจมตีพวกนี้มันฆ่าเผ่าพันธุ์ในตำนานได้ในดอกเดียวเลยนะเห้ย

 

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าหลบได้หรือมีความลับอะไรอยู่แต่ที่แน่ๆ คือบัลเดอร์ไม่เป็นอะไรเลย

 

 

 

ผมก็ได้แค่หัวเราะแห้งๆออกมา

 

 

 

 

「เป็นอมตะหรืออะไรกันวะเนี่ย」

 

 

 

พอเจอแบบนี้เข้าไป ผมก็เริ่มนึกถึงตำนานเกี่ยวกับบัลเดอร์เทพแห่งแสงออก

 

 

บัลเดอร์นั้นได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้มีปัญญา ความงดงาม และเป็นที่รักของเหล่าเทพทั้งหลาย

 

ทว่ามีวันหนึ่งบัลเดอร์ได้เกิดความฝันว่าตนกำลังจะตายลง

 

 

ด้วยความเป็นกังวลเรื่องนี้องค์เทพีผู้เป็นแม่ของบัลเดอร์จึงบันดาลให้ไม่มีสิ่งใดบนโลกใบนี้สามารถทำอันตรายต่อบัลเดอร์ได้เลย บัลเดอร์จึงกลายเป็นเทพเจ้าที่การโจมตีทุกประเภทไม่สามารถทำอะไรเขาได้――ถ้าตามตำนานก็ประมาณนี้แหละนะ

 

ผมน่าจะนึกมันให้ออกเร็วกว่านี้หน่อยน้อ แต่ความสามารถของบัลเดอร์ที่เป็นอนิม่ากับบัลเดอร์ในตำนานนั่นก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสมอไปนี่หว่า เอาเถอะถึงผมจะนึกออกก่อนหน้านี้ยังไงผมก็ต้องพิสูจน์มันด้วยการกระหน่ำโจมตีอีกฝ่ายอยู่ดีนี่เนอะ

 

 

เอาเป็นว่าทีนี้ก็ยืนยันแล้วว่าบัลเดอร์ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของผมเลยสักนิด ทำให้ผมต้องเล็งเป้าไปยังนักบุญดาบเท่านั้นสินะ

 

 

ไพ่ตายที่ผมมีก็แสดงให้อีกฝ่ายเห็นจนหมดแล้วด้วย พูดให้ชัดก็คือมันก็ยังเหลือคมดาบสีขาวที่สันตะปาปาโซเฟียแสดงให้เห็นอยู่หรอก แต่มันยังไม่สมบูรณ์พอจะงัดออกมาใช้กับพ่อของผมได้ ดีไม่ดีจะถูกป้องกันได้สบายๆเลยด้วยซ้ำ

 

 

ก็จริงว่ามันของอย่างชิโกะโนะชิ『ว่างเปล่า』หรือที่พวก อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าอยู่ ทว่าด้วยเวลาเพียงหนึ่งเดือนในคิไค ผมไม่สามารถนำมันออกมาใช้งานได้ดังนั้นจึงไม่นับว่าเป็นไพ่ตาย

 

 

กลับกันพ่อของผมยังเหลือของให้ใช้อกประมาณ 6 ท่าจากทั้งหมด 15 ท่า ( 8 กระบวนท่า 4 ผสาน 2 พิธีกรรม 1 ไทเคียวคุ) แถมยังใช้ได้พร้อมกับอนิม่าของเขาอีก เท่านั้นยังไม่พออนิม่าของเขายังมีความคิดเป็นของตัวเองและไม่มีวันตาย

 

 

แล้วพอผมจะตั้งเป้าเข้าไปโจมตีที่พ่อของผมคนเดียว อีกฝ่ายก็คงจะหาทางรับมือได้สบายแน่ พอรู้ถึงสถานการณ์ของผม

 

 

สุดท้ายผมก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ผมใช้ไพ่ตายไปจนหมดแล้วแต่ผมก็ยังไม่สามารถทำอะไรพ่อของผมได้ แล้วผมยังจำเป็นต้องฝืนสู้ต่อไปอีกเหรอ ความคิดพวกนี้มันได้โผล่ขึ้นมาในหัวผม

 

 

 

 ――แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ถอยหรอกนะเออ

 

 

แม้จะใช้ไพ่ตายไปจนหมดมือแล้ว และต้องเจอความจริงที่ว่าผมของผมยังสบายดีอยู่

 

 

ทว่าความจริงที่พ่อของผมถึงขั้นต้องงัดอาภรณ์วิญญาณออกมาใช้ และใช้เทคนิคลับไปถึง 9 ท่าจากทั้งหมด 15 โดยที่ผมยังรอดไม่ได้นี่ก็นับว่าดูดีไม่น้อย

 

ตัวผมที่ครั้งหนึ่งเคยแพ้ให้กับของอย่างนักรบเขี้ยวมังกร ตอนนี้กลับต่อสู้กับนักบุญดาบได้เป็นเวลานาน ความสำเร็จแสนยิ่งใหญ่ที่ผมไม่ควรรู้สึกละอายใจเลย อย่างน้อยก็กับตัวของผมเอง

 

ผมได้รู้จักตัวเองและเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง หรือก็คือได้รับความมั่นใจกลับมาแล้ว

 

 

มันคือสิ่งที่โซเฟีย อาเซอร์ไรท์เคยบอกกับผมว่าผมขาดมันไป แต่ตอนนี้ผมได้มันกลับมาแล้ว และผมก็จะไม่มีวันเสียมันไปอีก เพราะจิตใจส่วนลึกของผมมันส่งเสียงออกมาว่าให้ลุยต่อ พลังงานลึกลับภายในร่างของผมก็ค่อยๆแผ่ออกมาราวกับโซ่ที่ถูกปลดทีละน้อย

 

 

 

แน่นอนว่านักบุญดาบไม่ใช่ของที่จะจัดการลงได้ด้วยความมั่นใจเพียงอย่างเดียว ผลของท่ากำเนิดก็ใกล้หมดลงทุกที ต่อให้พลังใจสูงแค่ไหน แต่ถ้าพลังกายมันไม่ทันก็จบกัน

 

 

ดังนั้นผมต้องทุ่มสุดตัวให้กับการต่อสู้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มันจะเป็นโอกาสครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่จะได้สู้กับพ่อของผม ผมต้องใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด

 

 

พอตัดสินใจได้แบบนี้แล้ว ผมก็จับโซลอีทเตอร์เอาไว้แน่นและยิ้มออกมา

 

แล้วตรงหน้าของผม ผมก็ได้เห็นคนเป็นพ่อกำลังยิ้มออกมาเช่นกัน

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน