ตอนที่ 13 – มีคน
เทียบกับความกระสับกระส่ายของการทะลุมิติครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ชิ่งเฉินสงบนิ่งลงไปมาก
เขารอโลกแตกสลายและรวมตัวขึ้นมาใหม่เหมือนกับรอตื่นจากความฝัน
ในห้องนอนเล็ก ๆ อันคับแคบ ชิ่งเฉินยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงในท่วงท่าก่อนที่ตนเองจะทะลุมิติ ข้างนอกเป็นเวลากลางคืน ส่วนมีดเลาะกระดูกที่เขาเคยถือเอาไว้…..ถึงกับยังคงอยู่ในมือ
ทุกสิ่งล้วนคล้ายกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ชิ่งเฉินขมวดคิ้ว เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากจากกระเป๋าแล้วดูเวลา
ปี 2022 วันที่ 28 เดือนกันยายน 12:00:01
ศูนย์นาฬิกาหนึ่งวินาที
เขาจดจำได้อย่างชัดเจนว่าวันที่ที่ตนเองทะลุมิติก็คือ วันที่ 28 เดือนกันยายน เวลาที่แน่นอนคือ 12:00:00
ก็แปลได้ว่าเขาใช้เวลาที่โลกนั้นไปสองวัน ทว่าในโลกมนุษย์นี้ถึงกับผ่านไปแค่หนึ่งวินาที
หลักเหตุผลเดียวกัน ตนเองกลับมาฝั่งนี้ รอจนถึงเวลากลับไปอีกครั้ง ฝั่งนั้นก็ผ่านไปแค่หนึ่งวินาทีไหม
ไม่รู้เพราะอะไร ชิ่งเฉินคิดถึงตรงนี้แล้วกลับโล่งอกขึ้นมา เป็นอย่างนี้เขาก็ไม่ต้องคิดหาวิธีการมาอธิบายกับคนอื่นแล้วว่าเหตุใดตนเองถึงมักจะหายตัวไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ชิ่งเฉินก้มหน้าลงมองแขน รอยช้ำสีม่วงที่ตนเองเพิ่งจะจงใจบิดออกมายังอยู่
ส่วนลายเส้นสีขาวบนท้องแขนเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกแล้ว นับถอยหลัง 47:59:45
นับถอยหลัง 47:59:44
ครั้งนี้เวลานับถอยหลังคือ 48 ชั่วโมง ก็คือเวลาสองวัน
มีเพียงสิ่งเหล่านี้ที่สามารถพิสูจน์กับเขาว่าทุกสิ่งที่ตนเองพบพานมาล้วนเป็นเรื่องจริง
เขาได้ไปยังอารยธรรมจักรกลจริง ๆ แล้วก็ได้พบกับคนชื่อหลี่ซูถงจริง ๆ ถูกคนชื่อหลินเสี่ยวเสี้ยวใช้ฝันร้ายมาทดสอบหนึ่งครั้ง ยังได้เจอกับเจ้าสุนัขจอมเลียที่ชื่อลู่ก่วงอี้
ที่นั่นมีเยี่ยหว่านผู้นิ่งสงบ ยังมีแมวใหญ่แปลก ๆ หนึ่งตัว
ตอนที่ชิ่งเฉินกำลังครุ่นคิด เสียงโทรศัพท์มือถือของเขากลับดังขึ้นมา หมายเลขโทรศัพท์แปลกหน้า
“สวัสดีครับ” ชิ่งเฉินกล่าว
“สวัสดีค่ะ ฉันโทรมาจากสถานีตำรวจถนนหวังเฉิง พ่อคุณรวมกลุ่มเล่นพนันแล้วถูกจับ ขอรบกวนให้คุณมาสักรอบ”
ชิ่งเฉินอึ้งไป คำนวณเวลาแล้วพ่อผีพนันของตัวเองคนนั้นน่าจะเพิ่งถูกจับได้ไม่นาน คิดไม่ถึงว่าสถานีตำรวจท้องที่จะโทรศัพท์มาถึงเขาแล้ว
“เอ่อ ผมไปทำอะไรครับ” ชิ่งเฉินถาม
“ตามกฎหมายลงโทษเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ เขาต้องถูกกุมขังและเสียค่าปรับ ขอให้คุณมาดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายด้วยค่ะ” คุณผู้หญิงที่เข้าเวรในสถานีตำรวจท้องที่กล่าวออกมา
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ไป เชิญคุณลงโทษเขาหนัก ๆ เลย ตามกฎหมายลงโทษเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ในสถานการณ์ที่ร้ายแรงจะต้องโทษกุมขังมากกว่าสิบวันแต่ไม่ถึงสิบห้าวัน รวมทั้งเสียค่าปรับสามพันหยวน รบกวนท่านลงโทษเขาในระดับสูงสุดเลยครับ ขอบคุณ” ชิ่งเฉินส่ายหน้ากล่าว
อีกฝ่ายขณะนี้ก็อึ้งไปแล้ว “คุณไม่ใช่ลูกของเขาเหรอคะ”
ชิ่งเฉินตอบกลับไปว่า “คดีก็เป็นผมที่แจ้งไป ผมไม่ใช่ลูกเขา ผมคืออาจารย์ชิ่งผู้ห่วงใยบ้านเมือง”
คุณผู้หญิงเข้าเวร “???”
ชิ่งเฉินวางสายโทรศัพท์โดยไม่ลังเลอีกแล้ว พ่อผีพนันของตัวเองจะถูกกุมขังอย่างน้อยที่สุด 10 วัน ก็หมายความว่าก่อนที่ตนเองจะทะลุมิติครั้งต่อไปไม่ต้องเห็นอีกฝ่ายแล้ว
แต่ว่า สำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง พ่อถูกกุมขัง แล้วยังถูกคนดุด่าเสียงดัง ความรู้สึกกระเภทนี้ไม่น่าสบายใจเลย
เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ตอนที่ยังเด็กล้วนจะเอาพ่อของตัวเองเป็นแบบอย่าง พอคุณพบว่าพ่อของตัวเองชื่อเสียโด่งดังแล้วยังไม่มีเกียรติ กำแพงรับน้ำหนักสักอันในใจตนเองก็จะพังทลายลงไปในทันใด
ชิ่งเฉินสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วนอนลงบนเตียงช้า ๆ เขาเปิดโทรศัพท์มือถือดูประวัติการสนทนาและวีแชตของตนเอง ก็ไม่เห็นว่ามีข้อความของแม่
ไม่รู้เพราะอะไร ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงขนาดอยากจะกลับไปในเรือนจำแห่งนั้นให้เร็วขึ้นไปอีก
ถึงแม้นั่นจะเป็นโลกที่ไม่รู้จักอีกทั้งอันตราย
เลยตีหนึ่งกว่ามาแล้ว ชิ่งเฉินไม่ง่วงสักนิด
ในห้องอันมืดสลัว มีเพียงหน้าจอโทรศัพท์มือถือสาดส่องแก้มของเขา บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นโน้ตเพลงแคนอนที่เขาเพิ่งจะเสิร์ชเจอ
สิ่งของนี้สำหรับหลี่ซูถงเป็นความเสียใจชั่วชีวิต แต่สำหรับชิ่งเฉินกลับเป็นสิ่งที่ไม่เปลืองเรี่ยวแรงสักนิดเดียว
บางทีนี่ก็คือความแตกต่างของโลกที่ไม่เหมือนกันเลย บนตัวอีกฝ่ายก็มีสิ่งของที่ชิ่งเฉินเฝ้าฝันถึงเช่นกัน
แต่ว่า ตนเองควรจะมอบโน้ตเพลงให้หลี่ซูถงไหม
ถ้าให้ ตนเองควรจะอธิบายที่มาของโน้ตเพลงนี้อย่างไรล่ะ
สุดท้าย เขายังไม่สามารถรอจนได้โทรศัพท์และข้อความของแม่
…………………………….
นับถอยหลังวันที่หนึ่ง เช้า 7 โมงครึ่ง
ชิ่งเฉินสวมชุดเครื่องแบบน้ำเงินสลับขาวออกจากประตู เดินพลางเคี้ยวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพลาง
โรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่วที่เขาอยู่มีระยะห่างจากบ้านของเขาเพียงเดินห้านาที แค่ต้องข้ามถนนเล็ก ๆ เส้นหนึ่งไปก็ถึงแล้ว
ระหว่างทางไปโรงเรียน แป้งทอดผสมไข่ของร้านแผงลอยอาหารเช้าส่งกลิ่นหอมออกมา เหล่าผู้สัญจรจะนั่งลงที่แผงลอยเล็ก ๆ กินเต้าฮวยทรงเครื่องหรือซุปพริกไทยร้อนสักชาม
ปาท่องโก๋ทอดใหม่ ๆ จนกรอบเป็นสีเหลืองทอง ไข่ต้มชาหลังจากปอกเปลือกแล้วเรียบเนียนแวววับ
แต่บนตัวชิ่งเฉินไม่มีเงินแล้ว เงินเก็บจำนวนไม่มากของเขาได้เอาไปซื้อสิ่งของเพื่อเตรียมตั้งรับต่อการนับถอยหลัง
มัธยมปลายปีสองห้อง 3 ในห้องเรียนกำลังมีนักเรียนที่รับผิดชอบเวรกำลังทำความสะอาดอยู่ กลิ่นน้ำเหม็น ๆ หลังจากถูห้องเรียนยังไม่จางหาย
ชิ่งเฉินนั่งแถวหลังสุด ตอนนี้เพียงเห็นเพื่อนร่วมโต๊ะหนานเกิงเฉินเดินเข้าห้องเรียนด้วยสีหน้ารีบร้อน ใบหน้ากระวนกระวาย
“เมื่อวานครูตู้เห็นฉันโดดเรียน ตอนหลังได้พูดอะไรรึเปล่า” ชิ่งเฉินถามเสียงต่ำ
ผลคือหนานเกิงเฉินจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคล้ายกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น “เอ๊ะ? ไรนะ?”
“ไม่มีอะไร” ชิ่งเฉินส่ายหน้า “ฉันว่านะ ทำไมนายดูกระวนกระวายอย่างนี้ล่ะ”
“กระวนกระวายเหรอ” หนานเกิงเฉินอึ้งไป “เปล่านะ”
ชิ่งเฉินไม่พูดแล้ว
เงียบอย่างนี้กันไปสักพัก หนานเกิงเฉินจู่ ๆ ลดน้ำเสียงลงถามว่า “ชิ่งเฉิน ถ้านายเจอกับเรื่องที่ประหลาดเป็นพิเศษ นายจะทำยังไง”
“งั้นก็แจ้งตำรวจ?” ชิ่งเฉินสายตาจับจ้องหนานเกิงเฉินเขม็ง
แต่เห็นหนานเกิงเฉินแววตาสว่างไสวขึ้นมา “จริงด้วย หาตำรวจ! ชิ่งเฉิน บ้านนายมีคนที่สถานีตำรวจไหม”
“มีสิ” ชิ่งเฉินคิด ๆ แล้วกล่าว “พ่อฉันเมื่อคืนเพิ่งจะถูกจับไปเพราะรวมกลุ่มตั้งวงพนัน”
หนานเกิงเฉิน “???”
………………………………….
ตอนที่ 14 – ถ้ารวยแล้วอย่าลืมกันนะ