นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 156 สลับบทบาท

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 156 – สลับบทบาท

 

  ใต้หน้าผา 

  เฉาเวยมองดูเด็กหนุ่มพลิกตัวข้ามยอดผาหายไป     

  เขารู้สึกว่าไม่ว่าใครที่ได้เห็นเส้นทางการปีนเขาของเด็กหนุ่มกับตา ในใจก็จะต้องเกิดความรู้สึกนับถือ 

  แม้แต่เขาที่เป็นศัตรูคนนี้ยังได้แต่ทอดถอนชมเชย

  เฉาเวยหมุนตัววิ่งเข้าไปในป่าไม้โดยไม่มีอารมณ์มากไปกว่านี้ เขาไม่ได้วางแผนจะไปรวมตัวกับชิ่งไฮว ทว่าเตรียมที่จะหนีออกจากสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 แห่งนี้ตรง ๆ 

  หนีช้าเกรงว่าทุกคนจะอาจต้องตายด้วยกัน 

  เฉาเวยรู้ว่าตนเองไม่อาจกลับไปที่สหพันธรัฐแล้ว ไม่ว่าครั้งนี้ชิ่งไฮวจะตายหรือไม่ตาย เขาก็กลับไปไม่ได้ 28

  แต่ถึงจะเป็นชาวป่าอยู่ในป่าก็ยังดีกว่าเป็นคนตาย 

  เพียงแต่……ระหว่างทางที่กำลังหลบหนีจู่ ๆ เขาหวนคิดถึงเมื่อครู่นี้อย่างเจ็บใจเล็กน้อย     

  เขามองดูเด็กหนุ่มปีนเข้าไปในราตรีมืดมิด ปีนเข้าไปในท้องนภา 

  ภายหลัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเขาที่มีสายตาซึ่งได้รับการปรับปรุงจากยาแปลงพันธุกรรมก็มองเห็นไม่ชัดเจนอยู่บ้าง         

  เฉาเวยรอให้อีกฝ่ายร่วงลงมาอยู่ตลอด แต่พริบตาที่รุ่งอรุณฉายแสง เขากลับเห็นอีกฝ่ายใช้มือเดียวแขวนอยู่บนยอดผา 

  ก็เป็นในขณะนั้นเอง ถึงเฉาเวยจะทราบอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเด็กหนุ่มคนนี้ท้าทายสำเร็จก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของตนเอง เขากลับยังคงสูญเสียความกล้าที่จะปะทะกับอีกฝ่าย 

  นั่นเป็นอีกฝั่งฝันที่เขาเคยไม่อาจเอื้อมถึง มีคนทำสำเร็จต่อหน้าเขาแล้ว 

  ……

  บนยอดผาของหน้าผาชิงซาน ชิ่งเฉินมองดูเบื้องหน้าเงียบ ๆ         

  เขาเคยจินตนาการว่าทิวทัศน์ของยอดเขานี้น่าจะงดงามมากตระการตามาก แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือ ที่แท้สิ่งที่สั่นไหวจิตใจคนที่สุดคือถ้อยคำที่ถูกคนสลักไว้ที่นี่ 

  ทุก ๆ ประโยคล้วนเป็น “มีเพียงศรัทธาและสุริยันจันทราที่ไม่ดับสูญชั่วกัปชั่วกัลป์” 

  และหลังทุก ๆ ประโยคนี้ล้วนลงชื่อที่แตกต่างกัน     

  จางชิงซี, หลี่อิ้งอวิ่น, เริ่นเสี่ยวซู่, หยางเสี่ยวจิ่น, จ้าวหย่งอี, หลี่อิ้งอวิ่น, เฉินเจียจาง, หวังเสียวจิ่ว……

  ชิ่งเฉินนับดู ชื่อบนยอดผานี้มี 81 คน ทุก ๆ ชื่อล้วนเป็นรุ่นก่อนของเขา 

  เพียงแต่ เขาเคยเห็นชื่อ 123 ชื่อบนหน้าผา 

  นี่หมายความใช่หรือไม่ว่า เคยมีคน 42 คนจากโลกนี้ไปตอนที่ท้าทายหน้าผาแห่งนี้ หรือว่ามีรุ่นก่อนที่ยังไม่ทันจะทิ้งชื่อเอาไว้ก็ล้มลงหน้าด่านเป็นตายด่านนี้

  ชิ่งเฉินเงียบงันไป     

  คนนับร้อยผ่านพ้นนับพันปี ทุ่มเทชีวิตมายังที่นี่ เพียงเพื่อสละชีวิตไล่ตามความฝัน 

  ไม่ว่าจะเป็นฉินเซิงที่สร้างวิชาหายใจ หรือว่ารุ่นก่อนที่ทิ้ง ‘รอยเท้า’ ผงแมกนีเซียมไว้บนหน้าผาเหล่านั้น ล้วนทุ่มเทชีวิตเพื่อเปิดเส้นทางสู่สวรรค์สายนี้ให้ผู้สืบทอด

  ชิ่งเฉินมองดูเบื้องหน้าทีละประโยค กลับค้นพบว่าด้านบนสุดของถ้อยคำทั้งหมดนี้มีคนสลักตัวอักษรขนาดใหญ่ไว้สี่ตัวแต่ไม่ได้ลงชื่อ

  ”หนุ่มสาวตลอดกาล”

  มีเพียงสี่คำนี้ที่ไม่เหมือนกับคำอื่นโดยสิ้งเชิง แต่คล้ายจะมีพลังเวทมนตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของน่าอัศจรรย์ชนิดหนึ่ง 

  หนุ่มสาวตลอดกาล

  จริงใจตลอดกาล

  หนุ่มสาวตลอดกาล กระหายการย่างก้าวไปบนการเดินทางใหม่ ๆ ตลอดกาล 

  คำสี่คำนี้เป็นความมุ่งหวังอันเป็นเอกลักษณ์ชนิดหนึ่ง อีกฝ่ายหวังว่าผู้สืบทอดของอัศวินทุกคนล้วนสามารถรักษาชีวิตอันรุ่งโรจน์เข้มข้นเอาไว้ได้ตลอดกาล ไม่หันหน้ากลับไป     

  ชีวิตของคนหนุ่มสาวไม่จำเป็นต้องหันหน้ากลับ เพียงต้องการความกล้าที่จะลงหมากโดยไม่เสียใจ 

  ชิ่งเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สุดท้ายล้วงมีดของตนเองออกมาจากเอว สลักคำพูดของตนเองเอาตรงปลายสุดของชะง่อนผา “มีเพียงศรัทธาและสุริยันจันทราที่ไม่ดับสูญชั่วกัปชั่วกัลป์ ……ชิ่งเฉิน”

  อาจจะเป็นในขณะนี้เองที่เขาจึงนับได้ว่ากลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของอัศวินอย่างแท้จริง   

  ไม่ใช่ว่ามีค่าพลังยุทธ์ก็จะสามารถกลายเป็นอัศวิน ทว่าเขาจะต้องเดินผ่านเส้นทางอย่างนี้ หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์กลุ่มหนึ่ง มีศรัทธาอันไม่ดับสูญและความตั้งใจอันแน่วแน่เหมือนกัน จึงจะสามารถได้รับการเรียกขานว่าอัศวิน

  ชิ่งเฉินสัมผัสได้ถึงพลังราวกับได้เกิดใหม่ในร่างกายของตน ถัดจากนั้น ร่างกาย, โครงกระดูก, โลหิต, ยีน ล้วนมีการเปลี่ยนแปลง     

  นอกจากนี้ เวลานี้จู่ ๆ เขาค้นพบเรื่องหนึ่ง หลังจากที่เปิดยีนล็อคครั้งนี้ ปราณขุมนั้นที่อยู่ในร่างกายตนเองก็ขยายขนาดขึ้นเป็นเท่าตัว 

  ก่อนหน้านี้ปราณที่โคจรไปกับพลังยังไม่ได้ชัดเจนนัก แต่พลังที่พลุ่งพล่านค่อย ๆ หยุดลง ปราณขุมนั้นสะสมอยู่ในกล้ามเนื้อของสองแขน 

  ท่ามกลางสายลมแห่งขุนเขา ในป่าไม้อันห่างไกลมีใบไม้แห้งถูกพัดมาทางหน้าผาด้านนี้ ใบไม้หลายสิบใบเฉียดผ่านชิ่งเฉินต้อนรับรุ่งอรุณ   

  เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปหยิบหนึ่งใบจากกลางอากาศ เขาถ่ายทอดปราณขุมนั้นใส่ใบไม้แห้งราวกับใช้สัญชาตญาณ     

  ปราณนั้นไหลไปตามนิ้วของเขา ไหลตามเส้นใยใบไม้เติมเต็มทุก ๆ มุมของใบไม้

  ทันใดนั้น ใบไม้แห้งที่เดิมทีม้วนงอไม่สม่ำเสมอกลับเหยียดตรงดุจมีด 

  ชิ่งเฉินมองดูใบไม้แห้งในมือเงียบ ๆ นี่ก็คือชีวิตที่หลุดพ้นวิถีปุถุชนหรือ

  ในที่สุดเขาก็ได้รับมาแล้ว

  ตอนนี้ควรจะทำอะไรล่ะ ชิ่งเฉินครุ่นคิด     

  ใช่ ควรจะไปฆ่าคนแล้ว 

  ถ้าไม่ฆ่าอีก ศัตรูก็จะหนีไปไกลแล้ว

  คิดถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มหมุนตัวเดินไปยังป่าไม้ที่อยู่ด้านหลังหน้าผา   

  ……

  นับถอยหลัง 36:00:00

  ในสถานที่ต้องห้าม เฉาเวยวิ่งโซซัดโซเซอย่างบ้าคลั่งไปทางทิศเหนือ 

  เขามุ่งหน้าไปตามเส้นทางในใจอย่างเคร่งครัด ทุก ๆ สิบวินาทียังต้องยืนยันตำแหน่งของตนเองหนึ่งครั้ง

  แต่ว่าตามแผนการของเฉาเวย เดิมที 5 ชั่วโมงเขาก็ควรจะออกจากชายขอบของสถานที่ต้องห้ามและกลับไปถึงป่าไม้นอกสถานที่ต้องห้ามอีกครั้งแล้ว

  ตอนนี้ผ่านไปหกชั่วโมงแล้ว เขากลับไม่สามารถมองเห็นชายขอบของสถานที่ต้องห้ามตั้งแต่ต้นจนจบ! 

  เขาถูกขังอยู่ที่นี่แล้ว     

  เขาถูกสถานที่ต้องห้ามขังไว้ที่นี่ 

  เฉาเวยมั่นใจเป็นพิเศษว่าวิธีประเมินทิศทางของตนเองไม่ผิดพลาดเด็ดขาด อย่างนั้นสิ่งที่ผิดพลาดจะต้องเป็นสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้         

  พูดให้แม่นยำคือ ไม่ใช่ว่าสถานที่ต้องห้ามเกิดความผิดพลาด ทว่าสถานที่ต้องห้ามที่ราวกับมีชีวิตแห่งนี้ไม่อยากให้เขาออกไป 

  ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวและยิ่งใหญ่นี้อยากเก็บตนเองไว้ให้เด็กหนุ่มคนนั้น   

  ชั่วขณะหนึ่ง เฉาเวยถึงขนาดระแวงว่าเด็กหนุ่มกำลังตามอยู่ข้างหลังตนเองช้า ๆ แต่ไม่ว่าเขาจะหันหน้ากลับไปเสาะหา, รับฟังอย่างไร กลับไม่อาจค้นพบร่องรอยของอีกฝ่ายได้เลย         

  เนื่องจากเขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่ตลอด ก็เลยดมกลิ่นที่อยู่ข้างหลังได้ยากมาก     

  เฉาเวยชะงักร่างอย่างกะทันหัน เขาหมุนตัวจับจ้องไปข้างหลังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

  ไม่มีเสียงฝีเท้า แล้วก็ไม่มีวีแววของเด็กหนุ่มนั่น

  แต่เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีคนกำลังตามตนเอง หรือว่าจะเป็นผีสาง?! 

  เวลานี้ กลิ่นเลือดอันคุ้นเคยถูกลมหอบหนึ่งพัดมา เฉาเวยจิตใจสั่นไหว เด็กหนุ่มนั่นไล่ตามมาแล้วจริง ๆ!     

  อีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่เหนือลม แอบอยู่ในเงามืดสักที่     

  บทบาทของเหยื่อกับผู้ล่าสลับกันแล้ว     

  เฉาเวยหมุนตัวหนีเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่งต่อไป แต่สลัดความรู้สึกว่าถูกคนตามรอยชนิดนั้นไม่หลุดตั้งแต่ต้นจนจบ

  เขาหยุดลงอีกครั้ง

  “คุณไม่ได้มาฆ่าผมเหรอ” เฉาเวยหอบหายใจกล่าว “ในเมื่อกลายเป็นอัศวินแล้ว มีความแข็งแกร่ง ทำไมยังหลุบหัวหลุบหางล่ะ นี่ก็คือสไตล์ของอัศวินเหรอ”

  เขากระตือรือร้นที่จะต่อสู้ 

  ก่อนหน้านี้แรงระเบิดของทุ่นระเบิดต่อต้านทหารราบได้ทำร้ายอวัยวะภายในของเฉาเวยไปแล้ว ถ้าหากฟื้นตัวทันท่วงที เขาอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งของยอดฝีมือแรงก์ C ย่อมไม่เป็นไร         

  แต่ว่าตอนนี้เขาเหน็ดเหนื่อยหนีเอาชีวิตรอดตลอดเวลา อาการบาดเจ็บไม่เพียงไม่ดีขึ้น กลับสาหัสขึ้นไปเรื่อย ๆ นี่ก็คือผลลัพธ์ที่เด็กหนุ่มนั่นต้องการ

  สิ่งที่ทำให้คนคิดไม่ถึงคือ         

  ก่อนหน้านี้ เป็นเฉาเวยที่ใช้กลยุทธ์ฝูงสุนัขป่าล่าเหยื่อมาโดยตลอด อยากจะลากจนเด็กหนุ่มคนนี้ล้ม 

  แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากสลับบทบาทกันแล้ว กลยุทธ์ที่อีกฝ่ายใช้ล้วนเป็นสิ่งที่เฉาเวยเคยใช้มาก่อน 

  อย่างที่ตัวเขาเองเคยพูดเอาไว้ สุนัขป่าเป็นสัตว์ที่รอบคอบมาก พวกมันไม่เต็มใจจะรับบาดเจ็บโดยง่ายเพื่อล่าเหยื่อ ยิ่งไม่เต็มใจที่จะให้เหยื่อมีโอกาสสู้เอาตัวรอดใด ๆ 

………………………………………….

 

ตอนที่ 157 – มีดใบไม้สารท

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท