ตอนที่ 158 – หุ่นเชิด
ชั่วขณะถัดมา ตอนที่เฉาเวยคุ้นเคยกับความคิดที่ว่าเด็กหนุ่มจะหลีกเลี่ยงวิถีมีดของตนเองแล้วค่อยโบกมีดตีโต้ต่อไป
แต่กลับเห็นอีกฝ่ายรุกแทนที่จะถอย
ในสถานที่ต้องห้ามยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์ที่อ่อนจางอย่างยิ่งสาดส่องลงมา
เฉาเวยเห็นสายตาที่เย็นยะเยือกของเด็กหนุ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เขาเลื่อนมือขวาไปทางซ้ายล่าง อยากจะควบคุมมีดปาดคอชิ่นเฉินทางหลังมือจากจิตใต้สำนึก
แต่ชิ่งเฉินกลับเร่งความเร็วเข้ามาใกล้อย่างปุบปับ ทางหนึ่งเปลี่ยนมีดไปที่มือซ้าย อีกทางหนึ่งใช้มือขวากดข้อมือและมีดที่อยากจะปาดด้วยหลังมือของเฉาเวย
ในขณะเดียวกัน มีดในมือซ้ายของเด็กหนุ่มก็แทงเข้าไปในม้ามของศัตรู
เฉาเวยตกตะลึง เขารู้ว่ามีดที่อยู่ในช่องท้องแทงไปที่ตรงไหน แล้วก็รู้ว่าตนเองจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา แต่เขาไม่เต็มใจจะตายไปเพียงแค่คนเดียว
ทันใดนั้น เฉาเวยใช้แรงเฮือกสุดท้ายอยากจะสะบัดมือขวาที่ถูกควบคุมไว้
แต่แขนของเขายังไม่ทันสลัดหลุด เด็กหนุ่มก็อ้าปากอย่างดุดันกัดไปบนข้อมือของเขาแล้ว กดข้อมือของเขาเอาไว้อีกครั้ง
ชิ่งเฉินพุ่งไปข้างหน้าใส่ศัตรูอย่างสุดกำลัง การกัดข้อมือข้างนั้นของเขาก็ดุร้ายผิดธรรมดา
เกิดเสียงดังโครม ร่างทั้งร่างของเฉาเวยถูกกระแทกไปบนต้นไม้ใหญ่ข้างหลัง
ทหารสหพันธรัฐนายนี้มองดูดวงตาที่อยู่ใกล้แค่คืบตรงหน้าคู่นั้นอย่างไร้กำลัง ดวงตาที่ดุร้ายราวสัตว์ป่ากำลังจ้องตนเองเขม็ง ใกล้มาก ๆ
จากนั้นสายตานั้นก็ค่อย ๆ สงบลง
บาดแผลบนข้อมือของเฉาเวยมีเลือดไหลออกมา เปรอะเปื้อนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
หลังผ่านไปสิบกว่าวินาที ชิ่งเฉินคลายมือออกช้า ๆ ปล่อยให้เฉาเวยล้มลงนั่งบนพื้น
เฉาเวยเงยหน้ามองเขาอย่างยากลำบาก แล้วก็มองไปยังส่วนลึกของสถานที่ต้องห้าม
ชิ่งเฉินจึงได้อธิบายว่า “มาฆ่าคุณก่อนเพราะกลัวคุณหนี ก่อนที่ผมจะมีความสามารถช่วยเหลือครู สถานะอัศวินของผมยังไม่สามารถถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ”
เฉาเวยพยักหน้าอย่างยากลำบากแสดงออกว่าตนเองเข้าใจแล้ว หลังจากเงียบงันไปนานเขาก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายถามว่า “ทิวทัศน์บนหน้าผาชิงซานสวยไหม”
ชิ่งเฉินคิดแล้วตอบว่า “สวย”
“ขอบคุณ” เฉาเวยหลับตาลง
จนกระทั่งขณะนี้ ชิ่งเฉินจึงได้ผ่อนลมหายใจที่กลั้นเอาไว้สิบกว่าชั่วโมงออกไปในที่สุด
ครั้งนี้ฆ่าแรงก์ C ยากเกินไปแล้วจริง ๆ
อันดับแรกคือให้อีกฝ่ายฝืนต้านทุ่นระเบิดต่อต้านทหารราบหนึ่งลูก แล้วอีกฝ่ายก็สูญเสียจิตใจต่อสู้เพราะเป็นพยานต่อการท้าทายของอัศวิน สุดท้ายชิ่งเฉินยังต้องใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมงเผาผลาญเรี่ยวแรงของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น
กุญแจสำคัญที่สุดในนี้ก็คือทุ่นระเบิดต่อต้านทหารราบลูกนั้น ถ้าไม่มีสิ่งของนี้มาทำให้เฉาเวยบาดเจ็บสาหัส ถึงชิ่งเฉินจะเผาผลาญก็เผาผลาญอีกฝ่ายไม่หมด
ขณะนี้ ชิ่งเฉินฆ่าคนแล้ว แต่เขาไม่ได้กระตุ้นกฎของสถานที่ต้องห้ามเลย
อันที่จริง พริบตาที่เขาปีนขึ้นไปบนยอดผาก็ตระหนักแล้วว่าที่นี่เป็นถิ่นของอัศวิน อัศวินย่อมอยากจะทำอะไรล้วนได้หมด
ดังนั้น ที่ครูคนนั้นของตนเองสามารถแนะนำกฎอย่างไร้ข้อจำกัดก็เป็นเพราะสถานะอัศวินของอีกฝ่าย
หลี่ซูถงเคยพูดว่า สถานที่ต้องห้ามทั้งหมดยังมีกฎชุดที่สอง
ตอนนั้นอีกฝ่ายไม่ได้พูดว่ากฎข้อนี้คืออะไร
แต่ตอนนี้ชิ่งเฉินเดาได้แล้ว นั่นก็คือตอนที่คุณตรงกับเงื่อนไขรองรับของสถานที่ต้องห้ามสักแห่ง สถานที่ต้องห้ามแห่งนั้นก็จะกลายเป็นถิ่นของคุณ
ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นเพียงผู้ที่มาจากภายนอก
เพียงแต่ว่าจุดนี้ทำยากเกินไป จนถึงขนาดที่ไม่มีคนไปลองพยายาม “รองรับ” สถานที่ต้องห้าม
ชิ่งเฉินนั่งลงข้าง ๆ เฉาเวยช้า ๆ การไล่ล่าที่กินเวลานานถึงสิบกว่าชั่วโมงนี้ก็ไม่ได้ง่ายดายสำหรับเขาเลย
……
นับถอยหลัง 24:00:00
“ครูครับ ท่านอยู่แถว ๆ นี้รึเปล่า” ชิ่งเฉินถามไปรอบด้านอย่างเหน็ดเหนื่อย “ผมมีคำถามบางอย่างอยากถาม”
“แค่ก ๆ ฉันอยู่นี่” หลี่ซูถงเดินออกมาจากในป่าไม้ทิศตะวันตกของหน้าผา ยังมีความขัดเขินอยู่บ้าง
พูดชัด ๆ ว่าเพียงเป็นเพื่อนชิ่งเฉินไประยะทางหนึ่ง ผลคือยังไม่ใช่แอบวิ่งมาอยู่ในป่าไม้เล็ก ๆ ด้านข้าง มองดูลูกศิษย์ของตนเองเงียบ ๆ
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สงบนิ่งอย่างที่แสดงออกเลย!
เรื่องนี้ถ้าให้เหยี่ยวชิงซานรู้เข้า ในใจจะต้องดูแคลนเขาแน่ ๆ
หลี่ซูถงมองไปทางชิ่งเฉิน “เธออยากถามอะไร”
“ผมอยากถามว่า หลังจากเปิดยีนล็อค DNA ของผมกับก่อนหน้านี้ยังเหมือนเดิมไหมครับ” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างใคร่รู้
“ย่อมไม่เหมือนเดิม” หลี่ซูถงส่ายหน้า “อัศวินทุกคน ตอนที่เปิดยีนล็อคทุก ๆ ชั้น DNA ล้วนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก”
“ยังอยู่ในจำพวกของมนุษย์ไหมครับ” ชิ่งเฉินครุ่นคิด
“แน่นอน ตอนนี้เธอแค่กำลังวิวัฒนาการยีนให้สมบูรณ์แบบขึ้นเท่านั้น ยังเป็นมนุษย์” หลี่ซูถงอธิบาย “หลังจากเปิดยีนล็อคชั้นที่หนึ่ง ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่คืออายุขัยที่ยาวขึ้น รวมทั้งซ่อมแซมยีนของโรคทางพันธุกรรม เปรียบเทียบอันนี้เถอะ อย่างเช่นผู้สูงอายุในครอบครัวเธอมียีนหัวล้าน งั้นเรื่องประเภทนี้จะไม่เกิดกับตัวเธอแล้ว ยีนจำพวกนี้ อันที่จริงแล้วยังมีมากมาย”
“ฟังดูค่อนข้างติดดิน ใช้ได้จริง” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างปลง ๆ อย่างน้อยที่สุดตนเองไม่ต้องกังวลใจเรื่องประเภทศีรษะล้านอีกต่อไปแล้ว
หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “ตอนนี้เธอเพิ่งเปิดยีนล็อคชั้นแรก ดังนั้นมีแค่กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งขึ้น รอจนตอนหลังปลดล็อคอีกถัดไปจะเป็นกระดูก ผิวหนัง อวัยวะภายใน จนถึงการเปิดยีนล็อคครั้งที่ห้าก็จะปรากฏปราณ……”
ขณะนี้ ครูท่านนี้ตระหนักแล้วว่าไม่ถูกต้อง เพราะว่าชิ่งเฉินยังไม่ทันเปิดยีนล็อคก็มีปราณแล้ว งั้นตอนนี้ยังสามารถเอาสามัญสำนึกมาประเมินลำดับการปลดล็อคของอีกฝ่ายได้หรือ
ชิ่งเฉินมองครูของตนเองกล่าวว่า “ครูครับ ผมรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากระดูก, ผิวหนัง, อวัยวะภายในของผมไม่เหมือนเดิมแล้ว แถมปราณก็แกร่งขึ้นมาก…… ท่านก็เห็นแล้ว ตอนนี้ผมสามารถเด็กใบไม้โปรยบุปผาได้แล้ว เพียงแต่ว่าจำนวนครั้งที่สามารถใช้ได้น้อยมาก พลังก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น”
หลี่ซูถงจับจ้องชิ่งเฉินอย่างจริงจัง จากนั้นเอื้อมมือไปบีบข้อมือของเด็กหนุ่ม สัมผัสกระดูกของอีกฝ่าย “แปลกพิลึก ไหงเธอถึงแปลกแยกได้ขนาดนี้กันนะ!”
ในน้ำเสียงของครูมีความประหลาดใจส่วนหนึ่ง และยังมีความไม่พอใจส่วนหนึ่ง……
พูดตามสัตย์ หลี่ซูถงในองค์กรอัศวินนับว่ามีพรสวรรค์สุด ๆ แล้ว ถึงอย่างไรหลังจากที่อัศวินทุกคนเปิดยีนล็อค ความแข็งแกร่งก็จะไม่เท่ากัน เขาอยู่ในพวกที่แกร่งที่สุดมาตลอด
แต่ตอนนี้ ศักยภาพที่ชิ่งเฉินแสดงออกมายิ่งใหญ่กว่าเขามาก
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้ยินว่ามีรุ่นก่อนคนไหนสามารถใช้มีดใบไม้สารทตอนยีนล็อคชั้นแรกได้เลย!
หลังจากที่ฉินเซิงสร้างวิชาหายใจก็ไม่เคยมีกรณีพิเศษอย่างนี้!
ตอนที่หลี่ซูถงกำลังขบคิด กลับได้ว่าเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงและรวดเร็วดังมาจากส่วนลึกของสถานที่ต้องห้าม
เสียงนั้นดังราวกับตีกลอง ยิ่งมายิ่งใกล้
ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ซูถง กลับค้นพบว่าบนใบหน้าอีกฝ่ายปรากฎแววประหลาดใจเศษเสี้ยว แต่ไร้ความเป็นศัตรู
ตรงที่เสียงดังมาเป็นชั้นในของสถานที่ต้องห้าม หรือว่ามีสัตว์ขนาดยักษ์อะไรแตกออกมา
ครู่ต่อมา บุรุษแข็งแแกร่งที่สูงสี่เมตรกว่าคนนี้ฝ่ายอดไม้มาอยู่ตรงหน้าทั้งสอง อีกฝ่ายผมเผ้ากระเซิง ใบหน้าสัตย์ซื่อเป็นพิเศษ
เพียงแต่ชิ่งเฉินค้นพบว่า ในเบ้าตาสองข้างของยักษ์ผู้สัตย์ซื่อนี้ถึงกับมีลูกตาสองอัน
ลูกตาซ้อน!
กลับได้ยินหลี่ซูถงเอ่ยกับยักษ์ตนนั้นอย่างอยากรู้ว่า “ติงตง? เธอวิ่งมาทำไมเหรอ”
ชิ่งเฉินประหลาดใจ ยักษ์สูงตระหง่านตนนี้ถึงกับมีชื่อที่ประณีตร่าเริงขนาดนี้เชียว!
เพียงแต่ติงตงผู้สัตย์ซื่อไม่ได้พูดจาเลย เขาย่อตัวลงช้า ๆ เบื้องหน้าชิ่งเฉิน แบมือที่ใหญ่ราวกับเก้าอี้ยื่นไปตรงหน้าเด็กหนุ่ม
ในฝ่ามือไม่มีอะไรทั้งนั้น
ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างสับสนว่า “ครูครับ นี่หมายความว่าอะไรครับ”
แต่หลี่ซูถงไม่ได้ตอบเขาเลย ทว่าถามใส่ความมืดที่อยู่ส่วนลึกของสถานที่ต้องห้ามด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนสีว่า “พวกคุณหมายความว่าอะไร ที่ผมไม่ได้ให้วัตถุต้องห้ามเขาเพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลา พวกคุณรีบให้อะไรกัน ดูพวกคุณโชว์ออฟสิ! มีวัตถุต้องห้ามนิดหน่อยมันเจ๋งเหรอ ผมก็มี! ผมพูดแล้วนะ ญาติผู้ใหญ่ห่างรุ่นจะสปอยล์เด็กน้อยได้ง่าย พวกคุณฟังไม่เข้าใจใช่ปะ!”
ชิ่งเฉินเบิกตาโตมองครูท่านนี้ของตนเอง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่ในยามปกติอ่อนโยนเป็นมิตร เหตุใดจู่ ๆ อารมณ์เสียมากขนาดนี้
อีกทั้งในฝ่ามือของยักษ์ตนนั้นก็ไม่มีอะไรทั้งนั้นนะ!
กลับเห็นติงตงยิ้มให้ชิ่งเฉิน ทำสัญญาณให้เขาแบมือออกด้วย
จากนั้นยักษ์ตนนี้เทเส้นไหมโปร่งใสหนึ่งก้อนลงบนฝ่ามือของลงไปในมือของชิ่งเฉินอย่างระมัดระวัง
“ครูครับ นี่คืออะไรครับ” ชิ่งเฉินถาม
หลี่ซูถงเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “วัตถุต้องห้าม ACE-019 หุ่นเชิด!”
…………………….
ตอนที่ 159 – แผ่นฟ้าเป็นผ้าห่ม ผืนดินเป็นเสื่อปูนอน