ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ 91 อสูรกายทุกหย่อมหญ้าต้องสยบให้มีดทำครัวเล่มนี้
ตอนที่ 91 อสูรกายทุกหย่อมหญ้าต้องสยบใ…
ภายในหุบเขาที่หนาแน่นไปด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ กระแสน้ำสีขาวไหลเชี่ยวกรากส่งเสียงดังกระหึ่ม น้ำตกจากยอดผาส่งฟองสีขาวพร้อมไอน้ำกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ
ปู้ฟางและอีกสองคนกำลังยืนมองพื้นที่รอบตัวอยู่ในจุดที่ไม่ไกลจากน้ำตกนั้น
เสียงอสูรหอนคำรามดังตามมาติดๆ กันไม่ขาดสายจากภายในหุบเขา อสูรเวทตัวแล้วตัวเล่าปล่อยกระแสพลังปราณให้ระเบิดออกมาจากร่างกาย บรรยากาศน่าขนลุกอาบไล้ด้วยกลิ่นอายแห่งความตายเข้าปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา อสูรฝูงนี้มีอยู่อย่างน้อยหลายร้อยตัวด้วยกัน
ใบหน้าของถังอิ่นซีดเผือดเหมือนกระดาษ เขากวาดสายตามองบรรดาอสูรที่รายล้อม ดวงตาดูสิ้นหวังเหลือคณนา
เขาไม่ได้คาดคิด… ไม่ได้คาดคิดเลยว่าสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงตอนใกล้โตเต็มที่ จะมีพลังปราณที่ดึงดูดอสูรร้ายได้มากมายถึงเพียงนี้
ฝูงอสูรเวทตรงหน้ามีความแตกต่างด้านพลังปราณภายในหมู่พวกมันเองอยู่บ้าง ส่วนมากแล้วพวกมันมีปราณอยู่ที่ระดับห้า แต่ก็มีมากกว่าสิบตัวที่มีปราณระดับหก ฝูงอสูรลักษณะนี้แน่นอนว่าต่อให้มีถังอิ่นอีกสิบคนก็เอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้
“พี่… พี่สอง… เกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดจึงมีอสูรเวทมากมายถึงเพียงนี้ ข้า… ข้าไม่อยากตายที่นี่นะ!” ดวงตาของลู่เซียวเซียวกวาดมองฝูงอสูรที่รายล้อม ขาสองข้างเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
หากนางรู้แต่แรกว่าในหุบเขาปักษาเพลิงพ่ายมีอสูรเวทซ่อนตัวอยู่มากมายถึงเพียงนี้… นางคงไม่มาที่นี่อย่างแน่นอน!
แต่สีหน้าของปู้ฟางกลับไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เขาทำเพียงขมวดคิ้วขณะกวาดสายตามองอสูรเวทรอบกายด้วยความประหลาดใจเท่านั้น
“สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงมีพลังปราณสะสมอยู่หนาแน่นมาก จึงเป็นยาชั้นยอดที่จะช่วยให้อสูรเวทเหล่านี้พัฒนาขั้นปราณของตนเอง ด้วยเหตุนี้มันจึงดึงดูดอสูรเวทมาได้จำนวนมากถึงเพียงนี้” ถังอิ่นพูดด้วยน้ำเสียงขรึมขณะมองปู้ฟาง
“ศิษย์พี่ หากท่านหนีรอดออกไปได้ ช่วยนำข่าวไปบอกสำนักของพวกข้าได้หรือไม่ว่าพวกข้าตายอย่างไร” ชายหนุ่มตกอยู่ในสภาวะปลงตกเป็นที่เรียบร้อย น้ำเสียงของเขาดูอับจนหนทางที่จะเอาชีวิตรอดจริงๆ
ลู่เซียวเซียวลงไปนอนพังพาบอยู่ที่พื้น น้ำตาอาบสองแก้มเหมือนดอกไม้แรกแย้มยามเช้าที่มีน้ำค้างเกาะพร่างพราย นางรู้สึกว่าตนเองคิดผิดเป็นอย่างมากที่ตัดสินใจเข้าหุบเขานี้มา แต่จู่ๆ ก็ดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะคิดอะไรได้ จึงหันมามองปู้ฟางด้วยดวงตามีความหวัง ทั้งๆ ที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่
“ศิษย์พี่… ท่านเก่งกาจหาตัวจับยากนัก ท่านน่าจะมีวิธีช่วยพวกเราใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“พวกเจ้าเองก็หมายตาสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงด้วยเหมือนกันไม่ใช่รึ” ปู้ฟางถามนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ลูเซียวเซียวพลันสีหน้าแข็งทื่อ นางจ้องปู้ฟางด้วยสายตาว่างเปล่า เด็กหญิงมองไอสีเขียวที่ลอยออกจากมือของชายหนุ่ม จากนั้นมีดทำครัวหน้าตาไม่มีพิษภัยก็ปรากฏขึ้นในมือเขา
“อย่าคิดว่าข้าโง่ไม่รู้ภาษานะ เจ้าตั้งใจหลอกใช้ข้าตั้งแต่แรกแล้ว จริงอยู่ที่ที่นี่มีอสูรเวท แต่เจ้าเพียงต้องการยืมกำลังข้ากำจัดพวกมันเท่านั้น จะได้เก็บสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่”
มุมปากของปู้ฟางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ ดวงตาจับจองไปที่เด็กหญิงผู้ที่กำลังมีสีหน้าตกใจ
เมื่อถังอิ่นได้ยินคำพูดของปู้ฟาง เขาก็ถอนหายใจออกมา ชายหนุ่มตระหนักแล้วว่าปู้ฟางเข้าใจเจตนาของพวกเขาตั้งแต่แรก แต่อาจไม่ได้ใส่ใจอะไรเนื่องจากตนเองก็ต้องการจะมาล่าเนื้ออสูรเวทอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เมื่อพวกเขาตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ปู้ฟางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวมีมารยาทไว้หน้ากันอีกต่อไป
ตัวถังอิ่นเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ศิษย์น้องลู่เซียวเซียวของเขาคนนี้โดยเนื้อแท้มิใช่คนเลว เพียงแต่เป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายเท่านั้น หากอยู่ด้วยกันเองภายในสำนักก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อออกมาสู่โลกภายนอก นิสัยชอบวางกลลวงเช่นนี้อาจทำให้ผู้อื่นไม่ชอบใจได้…
“พวกเจ้ายังอยากได้สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงอยู่หรือไม่” ปู้ฟางถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ในอึดใจนั้น หัวใจของลู่เซียวเซียวก็แทบย้อนขึ้นมาเต้นตุบๆ อยู่ในปาก เมื่อได้ยินคำถามของปู้ฟาง นางก็รีบตอบพร้อมส่ายหน้าไหวๆ ทันที “ข้าไม่อยากได้แล้ว! ไม่อยากได้แล้วจริงๆ!”
หากต้องเลือกระหว่างชีวิตกับสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิง ลู่เซียวเซียวย่อมเลือกชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน
ถังอิ่นมีสีหน้าเหมือนต้องมนต์ไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นดีใจสุดขีด ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “นี่แปลว่าศิษย์พี่มีทางออกให้สถานการณ์แสนสิ้นหวังนี้ใช่หรือไม่”
สมแล้วที่เป็นศิษย์พี่ของพวกเรา… สถานการณ์เช่นนี้อาจเป็นหุบเหวที่สิ้นหวังสำหรับพวกเขาทั้งสอง แต่กับศิษย์พี่ปู้ฟางผู้ลึกลับแล้วกลับมิใช่เช่นนั้นแม้แต่น้อย
ปู้ฟางมองชายหนุ่มแล้วกำลังจะพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็จับได้เสียก่อนว่าอสูรเวทนับร้อยรอบกายเริ่มกระสับกระส่าย
โครม!
พื้นดินสั่นสะเทือนกระเพื่อมมาจากทั้งด้านขวาและซ้าย จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงต้นไม้โค่น ร่างยักษ์สองร่างเดินออกมาพร้อมด้วยพลังกดดันน่ากลัวที่เข้าปกคลุมทั้งหุบเขาเอาไว้อย่างไม่ปรานี
ใบหน้าของถังอิ่นซีดเหมือนคนตาย… ดวงตาจ้องอยู่ที่อสูรเวทหน้าใหม่ทั้งสอง ความหวังที่เบ่งบานขึ้นในใจเหือดหายไปอีกครั้งเหมือนสายธารแห้งผาก
“อสูรเวทระดับเจ็ดสองตัว… จบเห่แล้ว พวกเราเห็นทีคงต้องตายแน่ๆ”
ลู่เซียวเซียวร้องไห้จ้าอีกครั้ง ความหวังที่ผุดขึ้นชั่วครู่ถูกขยี้หายไปคาเท้าอสูรเวทระดับเจ็ดหน้าใหม่สองตัวนั้น ความผิดหวังทำให้นางสติหลุด
เมื่อปู้ฟางหันไปเห็นร่างของอสูรหน้าตาเหมือนวัวขนาดยักษ์ที่ทางด้านขวา ซึ่งมีร่างกายสว่างไสวด้วยเปลวเพลิงสีแดง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันที
“ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้… วัตถุดิบชนิดนี้ดีเสียยิ่งกว่าหมูวิญญาณเพลิงอัสนีอีก!”
เบื้องหน้าพวกเขามีอสูรเวทระดับเจ็ดสองตัวด้วยกัน ด้านขวาคืออสูรเวทวัวมังกรพเนจรระดับเจ็ดที่ร่างกายโอบล้อมด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์ หัวของมันเป็นวัวแต่หางเป็นหางมังกร เสียงลมหายใจดังสนั่นเหมือนสายฟ้าฟาด
อสูรเวทที่ฝั่งซ้ายเองก็มีระดับเจ็ดเช่นกัน มันคือวานรปราณขนาดยักษ์ที่มีขนสีทองอร่ามไปทั้งตัว
ถังอิ่นรู้ว่าในหุบเขาแห่งนี้มีวัวมังกรพเนจรระดับเจ็ดอยู่ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีวานรปราณอาศัยอยู่ด้วย หากชายหนุ่มรู้ว่ามีอสูรเวทระดับเจ็ดสองตัวเฝ้าหุบเขาไว้ เขาคงไม่มีวันย่างกรายเข้ามาในที่แห่งนี้ ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้สักร้อยเท่าก็ตาม
ต่อให้ศิษย์พี่คนนี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะจัดการอสูรเวทระดับเจ็ดสองตัวได้พร้อมๆ กัน แม้แต่ขั้นนักพรตยุทธการยังต้องหนีเปิดเปิงเมื่อเผชิญอสูรเวททั้งสองตัวนี้
ครืน!
วัวมังกรพเนจรอ้าปากร้องคำรามกึกก้องจนทำให้ทั้งหุบเขาสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว ส่วนวานรปราณเองก็แยกเขี้ยวกรีดร้องเสียงแหลมตอบรับไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน พลังปราณที่หลั่งไหลออกจากร่างของอสูรเวททั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันกลางอากาศด้วยความรุนแรงสูสีคู่คี่
สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงบนเนินเขาลู่ลมเร็วขึ้นอีก พลังปราณที่กระจายออกมาเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม จนดูเหมือนปักษาเพลิงที่กำลังกำเนิดขึ้นใหม่จากกองเถ้าถ่าน พร้อมที่จะโจนทะยานไปในท้องฟ้าอันไพศาล
สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงต้นนี้กำลังจะโตเต็มที่แล้ว
ถังอิ่นและลู่เซียวเซียวเองก็ใกล้หมดหวังเต็มทนเช่นกัน
ทั้งสองรู้ดีว่าหุบเขาแห่งนี้กำลังจะกลายสภาพไปเป็นสมรภูมิรบของอสูรเวทระดับเจ็ดทั้งสองตัวในอึดใจที่สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงโตเต็มที่ เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเขาย่อมถูกอสูรร้ายที่เกรี้ยวกราดฉีกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน
เสียงกระแสน้ำตกคำรามเงียบหายไป เสียงลมหายใจของวัวมังกรพเนจรก็เช่นกัน เสียงกรีดร้องของวานรปราณเองก็ดับไปจากโสตประสาท ทั้งหุบเขาดูเหมือนจะกลายสภาพไปเป็นดินแดนต้องห้ามของสรรพเสียง
ที่บนยอดเนิน สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงโบกสะบัดไปมา แสงสีแดงส่องสว่างออกจากภายใน ใบของมันเริ่มมีจุดสีแดงปรากฏขึ้น จุดสีแดงนั้นสว่างเจิดจ้าเหมือนโลหิตที่กำลังถูกเผาไหม้ร้อนแรง เสียงนกปักษาเพลิงร้องกู่ก้องดังสะท้อนไปทั่วหุบเขา หลังจากที่เสียงนกร้องหยุดไป สรรพเสียงก็กลับคืนสู่หุบเขานี้อีกครั้ง
สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิง… เติบโตอย่างสมบูรณ์แล้ว!
“มอ!!” วัวมังกรพเนจรคำรามร้อง ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน มันเตะกีบเท้ากับพื้นเพื่อกระโจนไปข้างหน้า พุ่งเข้าใส่สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงที่โตเต็มที่ หุบเขาสั่นสะท้านตามแรงกระโจน
อสูรเวทตัวอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหลังวัวมังกรพเนจรก็คำรามก้องด้วยความโกรธเกรี้ยวเช่นกัน พวกมันพุ่งทะยานตามวัวยักษ์ไปติดๆ
วานรปราณเอามือทุบหน้าอกตัวเองดังปัก มันกรีดร้องเสียงแหลมแล้วกระโจนเข้าใส่สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงเช่นกัน ฝูงอสูรเบื้องหลังเองก็พุ่งตามไปด้วย
ปู้ฟางและอีกสองคนติดอยู่ตรงกลางระหว่างกองทัพสัตว์ร้ายที่กำลังพุ่งเข้าใส่กัน พวกเขาเปรียบเสมือนเรือน้อยสร้างจากใบไม้เปราะบางที่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ ดูราวกับกำลังจะถูกเหยียบแบนเป็นเนื้อบดได้ทุกเมื่อ
ถังอิ่นและลู่เซียวเซียวปิดตาด้วยความสิ้นหวังไปเรียบร้อยแล้ว
ปู้ฟางกวาดตามองฝูงอสูรเวทที่กำลังพุ่งเข้าใส่พวกเขาจากทั้งสองฝั่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ยกมีดทำครัวกระดูกมังกรทองขึ้นเหนือศีรษะ พลังปราณภายในกายระเบิดออกมาและหลั่งไหลเข้าสู่มีดทำครัวกระดูกมังกรทองที่อยู่ในมือ
แสงสีทองเจิดจ้าเบ่งบานเหมือนพระอาทิตย์สว่างไสวจนแทบสู้สายตาไม่ได้ มีดทำครัวสีทองเล่มมหึมาลอยเด่นหราอยู่บนไหล่ของปู้ฟาง พลังกดดันไร้ขีดจำกัดของมังกรกระจายออกเป็นวงกว้างไปทั่วทุกสารทิศ โดยมีปู้ฟางเป็นศูนย์กลาง
อึดใจต่อมา ฝูงอสูรเวทที่กำลังกระโจนเข้าหากันก็หยุดชะงัก แล้วลดตัวลงหมอบกับพื้นด้วยความตระหนกตกใจ
อสูรกายทุกหย่อมหญ้าจำต้องสยบให้มีดทำครัวเล่มนี้!
มีดทำครัวกระดูกมังกรทองจากชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพนั้น… ทรงพลังเสียจนอสูรน้อยใหญ่ต้องศิโรราบ!
………………………
Related