พลังปราณเที่ยงแท้ในกายของปู้ฟางกำลังจะเหือดแห้งลง ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือดทั้งยังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเต็มหน้าผาก
ซ่า…
กระแสประหลาดพุ่งออกจากซึ้ง ดวงตาของปู้ฟางเป็นประกายขึ้นทันที เขาชักมือออกจากฝาซึ้ง จากนั้นก็ถอนพลังปราณเที่ยงแท้ออกมา ชายหนุ่มก้าวไปข้างหลังหนึ่งก้าวพลางสูดหายใจเข้าลึก
“เสร็จเสียที พลังปราณเที่ยงแท้ในกายข้าแทบจะหมด อาหารจานนี้ใช้พลังในการทำมากเกินไปจริงๆ” ชายหนุ่มพึมพำ ตอนนี้เขามีพลังปราณอยู่เพียงขั้นราชันยุทธการเท่านั้น ซึ่งจัดว่าต่ำเกินไปมาก การใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการทำอาหารโดยเฉพาะกับวัตถุดิบคุณภาพสูง ทำให้ตัวเขาแทบหมดเรี่ยวแรงเลยทีเดียว
แต่ยังดีที่ปู้ฟางคาดการณ์เอาไว้แล้ว ว่าเร็วๆ นี้เขาจะทำยอดขายได้พอดีกับการบรรลุปราณขั้นจักรพรรดิยุทธการ ซึ่งแปลว่าขีดจำกัดของพลังปราณเที่ยงแท้จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้พลังปราณทำอาหาร เขาก็จะมีปัญหากับการจัดการวัตถุดิบคุณภาพสูงน้อยลง
ชายหนุ่มมองซึ้งที่เต็มไปด้วยพลังอุ่นๆ และมีกลิ่นหอมเข้มข้นลอยออกมา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก กลิ่นนี้ช่างหอมยั่วยวนใจนัก ทำให้ใครก็ตามที่สูดเข้าไปรู้สึกอยากกินขึ้นมา
ทันทีที่เปิดฝาซึ้ง ไอน้ำก็พวยพุ่งออกมาแล้วกระจายไปในอากาศ ไอน้ำนั้นมาพร้อมกลิ่นหอมของอาหาร และกระแสพลังที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่งต่อเนื่อง
เขาโบกมือไล่ไอน้ำในอากาศ ดวงตาจับจ้องไปยังของที่อยู่ในซึ้ง
ภายในซึ้งมีแสงเรืองรองส่องออกมา แสงนั้นไม่ได้สว่างแสบตา หากแต่อยู่ในระดับที่ไม่เข้มมาก
“อาหารที่ส่องประกายระยิบระยับ” ปู้ฟางยิ้มมุมปาก รู้สึกประสบความสำเร็จยิ่ง
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อาหารที่ยกออกจากซึ้งมานั้นยังคงร้อนอยู่ เขาวางอาหารลงบนเตาแล้วมันก็สะท้อนแสงไฟในห้องครัว ดูก็รู้ว่ายอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
จานกระเบื้องสีฟ้าขาวใส่ปลาตัวอ้วนซึ่งดูราวกับยังมีชีวิตอยู่ไว้ข้างใน พลังชีวิตที่แข็งแกร่งบวกกับกระแสพลังประหลาดไหลเวียนไปทั่วตัวปลา ยังมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยท่ามกลางไอร้อน ราวกับมันกำลังแหวกว่ายอยู่ในหมู่เมฆก็ไม่ปาน
กลุ่มควันรูปเมฆก่อตัวขึ้นเหนือจานอาหาร ปลาตัวนี้ดูราวกับมังกรผงาดที่ว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆในอากาศ
อาหารจานนี้ไม่ธรรมดา เป็นอาหารที่ปู้ฟางรู้สึกทึ่งในความเหนือธรรมชาติของมัน
ใครจะไปคาดคิดว่าเวทมนต์ของการทำอาหารจะทำให้เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นได้
“อาหารจานนี้…เกินกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้มาก ช่างสวยงามเหลือเกิน” ปู้ฟางกระซิบ จากนั้นเขาก็เริ่มคิดชื่ออาหารทันที
“ปลานึ่งแห่งการตื่นรู้ ไม่เอาดีกว่า…ดูตรงตัวเกินไป หรือว่าจะเป็นประตูมังกรทะยานดีนะ ฟังดูไม่เลวเลยทีเดียว”
ชายหนุ่มตัดสินใจเลือกใช้ชื่อประตูมังกรทะยานอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม ปลาตัวนี้ว่ายน้ำโจนทะยานผ่านประตูมังกรหลังจากที่ได้กินผลตื่นรู้ทั้งห้าสายเข้าไป ฟังดูเป็นสัญลักษณ์ของการบรรลุขั้นปราณดี
“ระบบ อาหารจานนี้ผ่านหรือไม่” ปู้ฟางถามด้วยความหวัง
คราวนี้ระบบไม่ได้ตอบทันที แต่กลับใช้เวลาคิดอยู่สักพักก่อนน้ำเสียงจริงจังจะดังขึ้นมา
“ชื่ออาหาร: ประตูมังกรทะยาน
พ่อครัว: นายท่านปู้ฟาง
พลังปราณภายในอาหารร้อยละ 90
พลังการสร้างสภาวะตื่นรู้ร้อยละ 90
ผลลัพธ์ที่ได้จากการกิน: หากผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการกินเข้าไป จะบรรลุขั้นปราณเป็นขั้นเทพแห่งสงครามได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นอาหารจานนี้จึงผ่านการประเมิน”
เป๊าะ!
ทันทีที่ระบบประกาศเสร็จปู้ฟางก็ยิ้มมุมปากแล้วดีดนิ้ว สีหน้าของเขาดูดีใจกับความสำเร็จนี้เป็นอันมาก
อาหารจานนี้ผ่านการประเมินจริงๆ เสียด้วย แม้กระบวนการทำประตูมังกรทะยานจะดูง่าย แต่ทุกขั้นตอนเป็นการวัดฝีมือของพ่อครัวอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเนื้อปลาในขั้นแรกเริ่ม ไปจนถึงการจัดการพลังปราณเที่ยงแท้ในขั้นตอนการนึ่ง
แต่ละขั้นตอนมีกระบวนการที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดไม่ขาดไม่เกิน และจะพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด หากทำผิดแม้แต่นิดเดียว ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาจะสูญเปล่าทันที
ปู้ฟางใช้วิธีการนึ่งในการควบคุมปริมาณพลังปราณในอาหาร กระบวนการนี้ทำให้ง่ายต่อการรักษาระดับพลังปราณในวัตถุดิบเอาไว้ ส่วนการเก็บรักษาคุณสมบัติการตื่นรู้นั้น ชายหนุ่มใช้วิธีทาน้ำผลไม้ให้ทั่วเนื้อปลา ซึ่งจะทำให้คุณสมบัติการตื่นรู้ถูกเก็บรักษาไว้ได้ระหว่างขั้นตอนการนึ่ง
เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมความรู้สึกยินดีในใจ
“ระบบ ในเมื่ออาหารจานนี้ผ่านการประเมินแล้ว แปลว่าภารกิจฉุกเฉินสำเร็จแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้น…ข้าก็เลือกที่จะขายอาหารจานนี้ได้สิ”
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ทำภารกิจฉุกเฉินสำเร็จทันเวลา ซึ่งก็คือภารกิจการใช้ผลตื่นรู้ทางห้าสายทำอาหารที่ผ่านเกณฑ์การประเมินของระบบ ระบบจะปล่อยของรางวัลเดี๋ยวนี้ และนายท่านยังสามารถเลือกขายอาหารจานนี้ได้ด้วย ระบบกำลังประเมินราคาอาหาร…”
คราวนี้ระบบไม่ได้ใช้เวลานานในการคิดคำนวณราคาอาหารที่เหมาะสม
“ประตูมังกรทะยาน อาหารโอสถทิพย์ ขายในราคา 5,550 ผลึก”
ปูฟังอึ้งไป ราคา 5,550 ผลึกสำหรับอาหารจานเดียวนั้นจัดว่าเป็นอาหารจานที่แพงที่สุดที่ระบบเคยประเมินให้เขาเลยทีเดียว
ปู้ฟางดีใจจนเนื้อเต้น หากเขาขายอาหารจานนี้สำเร็จ รายรับของร้านจะมากพอทำให้เขาบรรลุขั้นปราณได้ทันที
ปู้ฟางค่อยๆ ยกจานประตูมังกรทะยานขึ้นแล้วเดินออกจากห้องครัวไป
ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งกำลังค่อยๆ ก้าวออกมาท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องไปยังเงามืดของห้องครัว
ในมือทั้งสองข้างของปู้ฟางมีอาหารจานหนึ่งที่ส่องแสงโชติช่วงออกมา ทั้งยังร้อนกรุ่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมชวนฝัน อาหารจานนี้สวยงามมาก มีหน้าตาเหมือนเมฆหมอกจากสวรรค์ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนต้องมนต์ทันทีที่ได้มอง
จ่านคงและเปี้ยนฉางกงกำหมัดแน่นขณะเดินเข้าร้านมา ใบหน้าของทั้งสองดูสบายอกสบายใจที่ได้ระบายอารมณ์
พ่อครัวเงาที่นอนพังพาบอยู่ในตรอกรู้สึกอดสูเป็นอันมาก ศีรษะของเขาบวมปูดมากเสียจนดูเหมือนศีรษะหมูมากกว่าศีรษะคน เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุดหย่อน และเหมือนกำลังจะหยุดหายใจ
ดวงตาของชายชราบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แต่กลับถูกบดบังเอาไว้ด้วยความกลัวที่มีมากกว่า
ปู้ฟางวางอาหาลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมเข้มข้นกระจายเข้าปกคลุมทั่วทั้งร้าน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในนี้รู้สึกสบายกายสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
“เถ้าแก่ปู้…นี่คืออาหารที่ทำจากผลตื่นรู้ทางห้าสายเช่นนั้นหรือ”
ตาแก่ขี้เมาวางน้ำเต้าสุราลง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะมองไปยังจานอาหารตรงหน้า
ปู้ฟางพยักหน้าแล้วหันมามองทุกคน “อาหารจานนี้ทำมาจากผลตื่นรู้ทางห้าสาย และสามารถทำให้ขั้นนักพรตยุทธการบรรลุปราณเป็นขั้นเทพแห่งสงครามได้อย่างแน่นอน”
ว่าอย่างไรนะ!
ทันทีที่ปู้ฟางประกาศความจริงข้อนี้ออกมาทุกคนก็พากันอุทานด้วยความตกใจ แม้แต่การกินผลตื่นรู้ทางห้าสายยังอาจทำให้ขั้นนักพรตยุทธการบรรลุเป็นเทพแห่งสงครามไม่ได้ร้อยทั้งร้อยเลย แต่ปู้ฟางกลับกล้าบอกว่าอาหารจานนี้จานเดียวจะช่วยให้ขั้นนักพรตยุทธการบรรลุขั้นปราณได้…ใครจะไปเชื่อว่าเขาจะมั่นใจในตัวเองถึงเพียงนี้
“เถ้าแก่ปู้พูดเล่นใช่หรือไม่…อาหารอะไรมันจะวิเศษเหมือนมาจากสวรรค์ถึงเพียงนั้น” ตาแก่ขี้เมาไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย คนอื่นๆ เองก็คิดเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มลากเก้าอี้มานั่งพักหายใจหายคอ การทำประตูมังกรทะยานทำให้เขาสูญเสียพลังไปมาก
“อาหารจานนี้ข้าทำได้เพียงครั้งเดียว ต่อให้มีใครอยากซื้ออีกในอนาคตก็อาจไม่มีขายให้ได้กิน แปลว่ามันเป็นอาหารที่มีค่ามาก สำหรับประสิทธิภาพของอาหารนั้น ลองกินดูเดี๋ยวก็รู้เอง หากไม่ได้ผลแน่นอนว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องจ่าย”
เสียงของชายหนุ่มสงบนิ่งแต่มั่นใจเต็มเปี่ยม ความสงบนิ่งนี้มีที่มาจากความมั่นใจในอาหารจานที่เขาสรรสร้างขึ้นด้วยตัวเอง
ทุกคนหันไปมองประตูมังกรทะยานในจานอย่างพินิจพิเคราะห์เป็นตาเดียว
“ข้าขอทราบราคาขายของอาหารจานนี้ได้หรือไม่” จ่านคงถามพร้อมมุ่นคิ้ว
นี่ก็เป็นคำถามในใจของใครหลายๆ คนเช่นกัน พวกเขาต่างหันไปมองปู้ฟางเพื่อรอคำตอบ
ชายหนุ่มแตะมุมปากตนเองแล้วยกนิ้วขาวเรียวยาวชี้ไปที่รายการอาหารด้านหลัง
ทุกคนชะงักแล้วหันกลับไปมอง หลังจากที่อ่านจบก็พากันอุทานออกมาด้วยความตกใจเป็นล้นพ้น
“จานละ 5,550 ผลึก!”
“เทพไท้จงเป็นพยาน เหตุใดจึงแพงได้ถึงเพียงนี้!”
“เถ้าแก่ปู้ นี่มันรีดเลือดจากปูชัดๆ!”
……
ทุกคนรู้สึกกระอักกระอ่วนกับราคาแพงลิบลิ่วของประตูมังกรทะยานเป็นอันมาก 5,550 ผลึก ราคาอาหารจานนี้เทียบเท่าเงินทั้งหมดที่ขั้นนักพรตยุทธการคนหนึ่งมีเลยทีเดียว
แต่สำหรับคนที่แข็งแกร่งอย่างจ่านคง อาหารจานนี้ไม่ถือว่าแพงเกินไป อันที่จริงแล้วอาจจัดว่าถูกเลยก็เป็นได้หากมันช่วยให้ขั้นนักพรตยุทธการบรรลุไปเป็นขั้นเทพแห่งสงครามได้จริง
“มีอยู่จานเดียว ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็มีโอกาสตัดสินใจเพียงครั้งเดียว ร้านนี้จะไม่ทำอาหารจานนี้ขายอีกเป็นครั้งที่สอง” ปู้ฟางประกาศ
“เถ้าแก่ปู้ ข้าขอซื้อ” จ่านคงพูดอย่างไม่ลังเล เขาสัญญากับอู๋อวิ๋นไป่เอาไว้ว่าจะเอาผลตื่นรู้ทางห้าสายกลับไปให้นางให้ได้ ในเมื่อเอาผลไม้เป็นผลกลับไปไม่ได้ ก็ต้องแก้ปัญหาโดยการซื้ออาหารจานนี้ไปแทน
“ข้าเองก็ขอซื้อเช่นกัน” เปี้ยนฉางกงเอ่ย
ทั้งสองแข่งขันกันเพื่อครอบครองผลตื่นรู้ทางห้าสายมาตลอด และคราวนี้ก็หันมาแข่งกันที่ราคาแทนแล้ว
“เถ้าแก่ปู้…เซียวเหมิงคนนี้ก็ต้องการซื้ออาหารจานนี้เช่นกัน!” เซียวเหมิงตื่นเต้นเป็นอันมาก เขามองอาหารในจานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
ปู้ฟางไม่ได้เอ่ยตอบผู้ใด
ประตูมังกรทะยานมีอยู่จานเดียวแต่กลับเป็นที่ต้องการของใครหลายคน แปลว่าคนที่ได้ไปจะต้องเป็นคนที่ยอมจ่ายแพงที่สุด
ทุกคนเริ่มประมูลราคากันทันที
ชายชราขี้เมาดื่มสุราเข้าไปหนึ่งอึก จากนั้นก็หัวเราะร่าแล้วกระแทกน้ำเต้าลงบนโต๊ะ “ข้าขอซื้ออาหารจานนี้ในราคาหนึ่งหมื่นผลึก!”