“เจ้าหนูหนี่ เอาเลย กินอาหารจานนั้นเสียสิ เจ้าโม้ทุกวันว่าตัวเองจะบรรลุขั้นเทพแห่งสงครามให้ได้ แต่ก็ไม่เห็นจะทำได้สักที” ตาแก่ขี้เมาหันไปพูดกับหนี่หยันพร้อมซดสุราในน้ำเต้าไปด้วย
หนี่หยันชะงักไป นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าตาแก่ขี้เมาจะซื้ออาหารจานนี้ให้นาง ปู้ฟางที่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เจ้าจะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินข้ากินเองนะ” ตาแก่ขี้เมาพูดพร้อมหัวเราะร่า หากผลตื่นรู้ทางห้าสายไม่ได้ถูกนำมาใช้ทำอาหารไปแล้ว เขาอาจไม่มอบมันให้หนี่หยันก็เป็นได้ เนื่องจากต้องการนำมาใช้หมักสุราของตนเอง
แต่ในเมื่อตอนนี้ผลตื่นรู้ทางห้าสายถูกปู้ฟางนำมาทำเป็นอาหารไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงนำไปใช้หมักสุราไม่ได้อีก ดังนั้นการที่ชายชราอุตส่าห์ลงทุนซื้ออาหารจานที่สามารถทำให้บรรลุขั้นปราณได้ แน่นอนว่าก็ต้องเพื่อหนี่หยันอยู่แล้ว
หนี่หยันรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอันมาก แม้นางกับตาแก่ขี้เมาจะทะเลาะกันทุกวัน และบางครั้งนางก็ขโมยลมหายใจมังกรของเขามาดื่ม แต่ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
หนี่หยันไม่คิดพูดพร่ำทำเพลงไร้สาระแต่หันไปกล่าวกับปูฟ่างทันที “เถ้าแก่ปู โปรดนำสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งมาให้เขาหนึ่งจอกด้วย”
แม้สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งจะไม่แพงเท่าอาหารจานนี้ แต่สำหรับชายชราตรงหน้า การตอบแทนด้วยสุรานั้นถือเป็นวิธีแสดงคำขอบคุณที่ดีที่สุดแล้ว
สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งเช่นนั้นรึ ตาแก่ขี้เมาอึ้งไปทันที
ปู้ฟางมองหนี่หยันแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพลางเดินเข้าครัวไป
ปู้ฟางเดินออกจากครัวมาพร้อมเหยือกสีฟ้าอ่อนที่มีสุราบรรจุอยู่ภายใน กลิ่นหอมของสุราไหลเข้าท่วมบริเวณ ทำให้หลายคนเริ่มรู้สึกมึนเมาขึ้นมาเล็กน้อย
“กลิ่น…กลิ่นสุรานี้มัน!” ตาแก่ขี้เมาจ้องเหยือกตาเขม็ง หัวใจรู้สึกตื่นเต้นไปกับความเป็นไปได้ที่จะได้ลิ้มรสสุราชั้นเลิศ
“เจ้าหนู เดี๋ยวนี้หัดโป้ปดมดเท็จกับข้ารึ! เจ้าไม่เห็นเคยบอกข้าเลยว่ามีสุราชั้นเลิศขนาดนี้อยู่ด้วย!” ตาแก่ขี้เมานั้นมีนิสัยสมชื่อเป็นที่สุด นั่นคือหมกมุ่นกับทุกสิ่งที่เป็นสุราเสียจนเรียกได้ว่าคลั่งเลยทีเดียว สำหรับเขาสุราชั้นเลิศหนึ่งจอกนั้นเลิศล้ำยิ่งกว่าสาวงามเสียอีก
หนี่หยันยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งนั้นเป็นสุราชนิดใหม่ที่เพิ่งวางขาย แม้ก่อนหน้านี้นางจะไม่ได้บอก แต่บอกตอนนี้ก็ไม่จัดว่าสายไปนัก
ตาแก่ขี้เมารับจอกที่ปู้ฟางยื่นให้พลางหลับตาลง ก่อนไปหลบมุมเพื่อลิ้มรสสุรา
ส่วนหนี่หยันก็จ้องไปที่ประตูมังกรทะยานไม่วางตา
ครีบปลาในจานแตะลงบนจานกระเบื้องแผ่วเบาราวกับมีชีวิต ส่วนม่านหมอกที่โอบล้อมจานอยู่ก็ทำให้อาหารจานนี้ดูลึกลับเป็นอย่างมาก
นางหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงข้ามปู้ฟาง เมื่ออยู่ท่ามกลางม่านหมอกใบหน้าสวยงามชวนหลงใหลก็ดูเหมือนนางฟ้าที่มาจากสวรรค์ไม่มีผิด
ปู้ฟางมองใบหน้าของหนี่หยันผ่านม่านหมอกเหล่านั้นแล้วก็ต้องตะลึงกับความงามของนาง ช่างเป็นสตรีที่งดงามเกินบรรยายจริงๆ
กลิ่นของประตูมังกรทะยานไม่ได้เข้มมากเมื่อเทียบกับอาหารจานอื่นที่ปู้ฟางเคยทำ อาหารจานนี้จัดว่ากลิ่นบางเบา แต่ราคาของมันกลับแพงยิ่งกว่าจานใดๆ
ลำพังแค่วัตถุดิบก็เหนือชั้นแซงหน้าอาหารจานอื่นไปไกลแล้ว
นางเอาตะเกียบจิ้มหนังปลาเบาๆ แล้วฉีกหนังปลาออก เผยให้เห็นเนื้อปลาสีขาวที่อยู่ภายใน ไอน้ำโชยออกจากเนื้อปลาขาวอ่อนนุ่ม ทำให้เนื้อนั้นดูเหมือนอัญมณีสีสว่างสดใสไม่มีผิด
เนื้อปลาร้อนกรุ่นส่งกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของปลาสดใหม่ หลังจากที่ปู้ฟางใช้ทักษะพิเศษของตัวเอง ความคาวของปลาก็หายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เนื้อปลาในจานหลงเหลืออยู่เพียงกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนน้ำนมเท่านั้น
หนี่หยันคีบเนื้อปลาขึ้นมา เนื้อชุ่มฉ่ำสั่นเล็กน้อยขณะหลุดออกมาจากตัวปลา ไอน้ำรูปเมฆลอยขึ้นมาโอบล้อมเนื้อปลาชิ้นนั้นเอาไว้ ดูสวยงามเหมือนภาพวาดของจิตรกรไม่มีผิด
ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รายรอบละสายตาไปไม่ได้ หลายคนท้องร้องดังลั่นเพราะรู้สึกอยากกินเนื้อปลาชิ้นนี้
ใบหน้าขาวผ่องของหนี่หยันเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อเมื่อเจอเข้ากับความร้อนจากเนื้อปลา ทำให้นางดูงดงามมากขึ้นไปอีก หญิงสาวเผยอริมฝีปากสีแดงเผยให้เห็นฟันสวยขาวสะอาด ช่างเป็นภาพที่ละสายตาไปไม่ได้จริงๆ
ทันทีที่เนื้อปลาเข้าปาก นางก็รู้สึกเต็มตื้นกับรสชาติของมัน เนื้อปลานั้นอ่อนนุ่มเสียจนละลายในปาก พอกลืนลงไปนางก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นของเนื้อในท้อง
รสชาติของเนื้อปลายังคงหลงเหลืออยู่ในปาก ลมหายใจที่สูดเข้าไปก็เต็มไปด้วยกลิ่นปลาหอมหวน
“อืม…อืม…” หนี่หยันส่งเสียงร้องแผ่วเบาพลางดื่มด่ำรสชาติอร่อยล้ำของปลา นางแลบลิ้นเล็กน่ารักออกมาเลียริมฝีปากสีแดงเรื่อเบาๆ เพื่อลิ้มรสชาติอร่อยของเนื้อปลาชุ่มฉ่ำที่ยังเหลืออยู่บนริมฝีปาก ช่างเป็น…ภาพที่สวยงามเกินบรรยายอะไรเช่นนี้
บรรดาผู้คนรายรอบต่างจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความประทับใจ บอกไม่ถูกเลยว่าตนเองสนใจอาหารน่ากินหรือสาวงามหยดย้อยมากกว่ากันกันแน่
ปู้ฟางเองก็ต้องเอามือขึ้นมาหยิกจมูกตัวเอง แม่นางผู้นี้…ช่วยทรงเสน่ห์ให้น้อยลงหน่อยจะได้หรือไม่
“อร่อยมาก!” หนี่หยันดึงสติตนเองกลับมาได้แล้วอุทานออกมาด้วยความตกใจ! นางคีบปลาอีกชิ้นเข้าปาก สีหน้าดูดื่มด่ำกับรสชาติแสนอร่อยของอาหารเป็นอันมาก
รสชาติของปลานึ่งนั้นมาจากรสชาติที่เลิศล้ำของวัตถุดิบ มันไม่ได้มีรสที่จับความสนใจได้อยู่หมัดเหมือนปลาต้มรสเผ็ด หรือมีกลิ่นสุราแรงเหมือนปลาดองเหล้า แต่เป็นรสหวานมันจากไขมันในปลา
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ปู้ฟางเลือกใช้ปลาตัวอ้วนไขมันเยอะในการประกอบอาหาร แม้ระดับของปลาที่มาจากหนองน้ำปราณมายาตัวนี้จะไม่สูง แต่หากดูในแง่ของคุณภาพแล้วจัดว่ายอดเยี่ยมพอตัวเลยทีเดียว
อวี่เฟิงที่มาจากหนองน้ำปราณมายาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อมองไปที่ปลาตัวนั้น เขากินปลาชนิดนี้มานานหลายปีดีดักจนมองออกทันทีว่ามันคือปลาที่มาจากบ้านเกิดของเขา แต่เจ้านี่จะอร่อยได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
ลำคอของมนุษย์อสรพิษสั่นเล็กน้อยเพราะความรู้สึกอยากกิน
ใครก็ตามที่ได้เริ่มกินอาหารฝีมือปู้ฟางเข้าไป ก็ยากที่จะหยุดตัวเองได้ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าอาหารจานนั้นจะเป็นข้าวผัดไข่ ซี่โครงเปรี้ยวหวาน หรือประตูมังกรทะยานก็ตาม
หนี่หยันใช้ตะเกียบคีบปลาชิ้นต่อไปเข้าปากทันที นางยื่นตะเกียบไปคีบเนื้อปลาเข้าปากไม่ขาดระยะ เว้นก็แต่ตอนที่มัวดื่มด่ำกับรสชาติแสนอร่อยของปลาเท่านั้น
ไม่นานนักเนื้อปลาก็หายไปหมดจนเหลือเพียงก้าง จากนั้นเป้าหมายของหนี่หยันก็เปลี่ยนไป คราวนี้นางกำลังจะกินผลตื่นรู้ทางห้าสายในปากปลา
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายขึ้นทันที พวกเขาต่างรู้ว่าสิ่งนี้คือพระเอกของเรื่อง เหตุผลที่ทุกคนจ้องอาหารจานนี้ไม่วางตาก็เป็นเพราะผลไม้นี้ ผลไม้ล้ำค่าที่ทำให้บรรลุขั้นปราณได้
แต่เมื่อนำมาทำเป็นอาหารแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะยังได้ผลอยู่หรือเปล่า
กร็อบ!
หนี่หยันคีบผลไม้ขึ้นมาแล้วใช้ฟันกัด น่าประหลาดไม่น้อยที่เนื้อผลไม้ไม่ได้นิ่มลงจากการนำไปประกอบอาหาร แต่กลับยังคงความกรอบสดใหม่ของผลไม้เอาไว้ได้ ผลตื่นรู้ทางห้าสายมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยและหวานเหมือนลูกพลับ ทำให้รู้สึกน้ำลายสอขึ้นมาทันที
หนี่หยันกลืนผลไม้ลงท้องแล้วคีบอีกชิ้นเข้าปาก แก่นพลังปราณในกายเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว พลังงานปั่นป่วนบ้าคลั่งเหมือนเตาไฟที่กำลังคุกรุ่นโหมกระหน่ำ พลังปราณเที่ยงแท้ในกายเริ่มทำงานเร็วจี๋จนทำให้เส้นปราณร้อนระอุขึ้น
นางสูดหายใจเข้า กลืนผลไม้คำสุดท้ายลงคอ ใบหน้าแดงก่ำ พลางกัดริมฝีปากล่างของตนเอง ดวงตาดูพร่ามัวเล็กน้อย
ตอนนี้นางไม่ได้ยินเสียงจากโลกภายนอกโดยทั้งสิ้น เนื่องจากภายในหูมีแต่ท่วงทำนองของการตื่นรู้ที่ฟาดกระหน่ำลงมาเหมือนสายฟ้าพิโรธ เสียงนี้เปรียบเหมือนตัวโน้ตดนตรีที่หมุนวนโอบล้อมร่างกายของนางเอาไว้ ทำให้เห็นภาพหนึ่งในมโนจิต
ทุกครั้งที่กระแสแห่งท่วงทำนองนี้ก้องออกมา นางจะรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังก้าวเข้าไปใกล้ขั้นเทพแห่งสงครามอีกขั้นแล้ว จนท้ายที่สุดนางก็มายืนอยู่ในจุดที่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ปู้ฟางมองกระแสพลังปราณปริมาณมหาศาลและบรรยากาศประหลาดรอบตัวหนี่หยัน แล้วก็รู้ได้ทันที…ว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังตกอยู่ในสภาวะตื่นรู้ ทันทีที่เดินมาอยู่ตรงจุดนี้ นางก็เข้าใกล้การบรรลุมากเสียจนเรียกได้ว่าห่างเพียงปลายจมูกเท่านั้น
ในเมื่อนางอยู่ในสภาวะตื่นรู้แล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่บรรลุขั้นปราณ
การตื่นรู้…เป็นสิ่งที่ทุกคนเฝ้าถวิลหา แต่กลับมีหลายคนที่ไม่เคยเดินมาถึงจุดนี้ตลอดชีวิต
เซียวเหมิงมองหนี่หยันด้วยความอิจฉาขณะที่นางกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในสภาวะตื่นรู้ เขารู้ดีว่าอาหารฝีมือปู้ฟางนั้นได้ผล และอยากให้เป็นตัวเองที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วได้กินประตูมังกรทะยานเข้าไป
หลายคนอาจเคลือบแคลงสงสัยในตัวปู้ฟาง แต่เซียวเหมิงรู้จักร้านของชายหนุ่มเป็นอย่างดี และรู้ดีว่าร้านแห่งนี้มีอาหารหลายจานที่มอบผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าโอสถทิพย์ด้วยซ้ำไป
จ่านคงหรี่ตา ใบหน้าดูตกใจเป็นอันมาก
ผลตื่นรู้ทางห้าสายที่ถูกผ่าแล้วจะช่วยให้คนบรรลุขั้นปราณได้อย่างไรกัน แถมยังดูเหมือนจะบรรลุได้ง่ายขึ้นเสียด้วย หรือสิ่งที่เถ้าแก่ปู้พูดจะเป็นความจริง อาหารจานนี้ทำให้ทุกคนที่ได้กินบรรลุขั้นปราณได้จริงๆ
ไม่น่าจะเป็นไปได้! เถ้าแก่ปู้ทำสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน เมื่อผลไม้พลังปราณถูกผ่า พลังปราณที่อยู่ภายในจะมลายหายไปหมดสิ้น นอกจากนี้พลังพิเศษทั้งหมดในผลไม้จะยังระเหยหายไปด้วย ทำให้เหลือพลังงานเดิมอยู่ไม่ถึงร้อยละสิบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้จ่านคงกังวลเสียจนไม่กล้าซื้อ
แต่หลังจากที่หนี่หยันกินผลไม้เข้าไป ภาพที่เห็นก็ประจักษ์ชัดแล้วว่าอาหารจานนี้ให้ผลชะงัดยิ่งกว่าการกินผลตื่นรู้ทางห้าสายสดๆ เสียอีก สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เหมือนเป็นการตบหน้าเขาเข้าอย่างจังเลยทีเดียว
จ่านคงรู้แล้วว่าตนเองคิดผิด ผลลัพธ์ของอาหารจานนี้ยอดเยี่ยมเกินจินตนาการ จนเขาต้องถอนหายใจออกมา เพราะตระหนักได้ว่าตอนนี้สายเกินจะย้อนกลับแล้ว
“สุราชั้นเลิศ!! ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้! ในโลกนี้มีสุราที่ยอดเยี่ยมเลิศล้ำถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ นี่มันดีเสียยิ่งกว่าลมหายใจมังกรของข้าอีก! เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
ตาแก่ขี้เมาพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจและไม่พอใจเป็นอันมาก ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องไปที่หนี่หยันซึ่งกำลังจะบรรลุขั้นปราณ
เขาหันไปพูดกับปู้ฟาง “ขออีกจอกได้หรือไม่!”
สุราที่ยอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าลมหายใจมังกร…ทำให้ชายชราตื่นเต้นเสียจนร่างกายพาลสั่นไปหมด
ปู้ฟางมองตาแก่ขี้เมาที่กำลังตื่นเต้นด้วยสายตาสงบนิ่ง ก่อนเอ่ยตอบ “วันนี้เราขายเพียงจอกเดียวเท่านั้น”
สีหน้าของชายชราแข็งทื่อไป ดูเหมือนเขาจะเริ่มอยากต่อปากต่อคำกับปู้ฟางขึ้นมา
แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร หนี่หยันที่ก่อนหน้านี้อยู่ในสภาวะตื่นรู้ก็เงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน พลังปราณกระเพื่อมออกจากตัวนางเป็นวงเหมือนกระแสน้ำ
สีหน้าของตาแก่ขี้เมาและคนอื่นๆ เปลี่ยนไปทันที
พลังกดดันมหาศาลที่ระเบิดออกจากร่างหนี่หยันนั้นเป็นพลังที่แข็งแกร่งกว่าขั้นนักพรตยุทธการ…
“แม่นางคนนี้กำลังจะบรรลุเป็นขั้นเทพแห่งสงคราม!”