เสียงคำรามดังลั่นจนแก้วหูแทบแตกนั้นทั้งเกรี้ยวกราดและน่ากลัว คลื่นที่ซัดเข้ากระแทกริมตลิ่งมาพร้อมเสียงแสบแก้วหูนั้น มวลน้ำหนากระแทกเข้าหาประตูเมืองอย่างรุนแรง ทำเอาหัวใจของชาวเมืองนครใต้สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว กลิ่นรุนแรงโชยเข้าปะทะโพรงจมูก
วืด วืด วืด!
บรรดาทหารป้องกันเมืองต่างหยิบชุดเกราะมาสวมแล้วพุ่งออกจากประตูเมืองไปทีละคนสองคน พวกเขามุ่งหน้าไปยังชานเมืองด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“นั่นมันปีศาจนี่! หนีเอาชีวิตรอดเร็ว!”
“ปลาอสุรกายตัวยักษ์กินคน!”
“มังกร! มันเป็นมังกรที่โกรธเกรี้ยวจากแม่น้ำมังกรเช่นนั้นรึ!”
…
บรรดาผู้คนที่ทั้งหวาดกลัวและกระวนกระวายพากันกรีดร้องด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ใบหน้าซีดเหมือนเจอผี ทุกคนวิ่งกระจัดกระจายหนีตายไปทุกทิศทาง ทำให้ทหารคุ้มกันเมืองจัดระเบียบสถานการณ์ไม่ได้แม้แต่น้อย ความโกลาหลอลหม่านอุบัติขึ้นในเมืองทันที
ปู้ฟางและเซียวเยียนอวี่เดินไปตามถนน ทั้งทหารและชาวบ้านที่กำลังหวาดกลัววิ่งผ่านตัวพวกเขาไป
โฮก!!
เสียงคำรามดังลั่นพุ่งแหวกอากาศมาอีกครั้ง ตามมาด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ที่ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง ประตูเหล็กค่อยๆ ถูกยกขึ้น ประตูนี้เมื่อดึงลงมาจนสุดจะเชื่อมต่อกับสะพาน แต่บัดนี้ถูกยกปิดเพื่อกั้นไม่ให้ปีศาจตัวยักษ์เข้าเมืองมาได้
โครม โครม!
คลื่นสูงซัดขึ้นสู่ท้องฟ้า แทบทะลักผ่านกำแพงเมืองเข้ามาข้างใน หยดน้ำเย็นเยียบแทรกผ่านรอยแยกของประตูเมืองเข้ามา
แม้ปู้ฟางและเซียวเยียนอวี่จะอยากเดินหน้าต่อ แต่พวกเขาก็ถูกทหารกันเอาไว้ ปู้ฟางมุ่นคิ้วส่วนเซียวเยี่ยนอวี่ก็เตรียมเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลุ่มคนคณะใหญ่ก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาเสียก่อน
“เยียนอวี่ อยู่นี่เอง! ข้างนอกอันตรายมาก เจ้าต้องกลับไปที่คฤหาสน์เซียวกับพวกเราเดี๋ยวนี้”
ผู้นำของกลุ่มเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมผ้าไหมสวยหรู เขามีหนวดยาวและยืนเอามือไพล่หลังอยู่ เมื่อเห็นเซียวเยียนอวี่เขาก็ยิ้มด้วยความโล่งใจแล้วตะโกนพูดออกมา
ด้านหลังชายวัยกลางคนมีผู้คนมากมายยืนเรียงแถวอยู่ ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเป็นสมาชิกตระกูลเซียวทั้งสิ้น ทุกคนสวมเสื้อผ้าราคาแพงและมีกระแสพลังปราณแผ่ซ่านอยู่รอบกาย
หญิงรับใช้ที่เซียวเยียนอวี่ส่งกลับไปก่อนหน้านี้ยืนห่อไหล่อยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น
“ท่านอาสาม ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นข้างนอกนั่น” แทนที่จะตอบคำถามของชายวัยกลางคน เซียวเยียนอวี่กลับส่งอีกคำถามสวนไปแทน
เซียวเคอเฉิงชะงักไป เขามองไปที่นอกประตูเมือง มุมปากกระตุก “อสูรเวทจากมหาสมุทรไร้ขอบเขตคงจะหลุดเข้ามาในแม่น้ำสายนี้ แต่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์แปลกใหม่อะไร แค่ครั้งนี้อสูรเวทตัวนี้แข็งแกร่งกว่าปกติเท่านั้น”
พอเขาพูดจบ เสียงดังโครมก็ก้องมาจากประตูเหล็กทันที
โครม!!
เสียงนั้นฟังดูราวกับอสูรตัวยักษ์กำลังพุ่งชนด้านนอกของประตูเมือง ประตูลั่นเอี๊ยดอ๊าด ดูเหมือนจะทานทนแรงกระแทกไม่ไหว น้ำเย็นสาดเข้ามาในตัวเมือง
หัวใจของเซียวเคอเฉิงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหน้าของเขามืดมน
“ดูจากระดับพลังแล้วน่าจะเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด แต่หากเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด มันจะผ่านทหารป้องกันเมืองที่ท่าเรือน้ำลึกมาได้อย่างไร ต่อให้ตาบอดก็ยังมองเห็นเพราะตัวมันใหญ่อย่างกับอะไรดี!” เซียวเยียนอวี่พึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ภาพแสนโหดร้ายที่หน้าประตูเมืองเมื่อครู่นี้ทำให้นางตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะทหารป้องกันเมืองประมาทเลินเล่อ… เห็นทีคงจะอภัยให้ไม่ได้จริงๆ
“อย่าเพิ่งกังวลใจไป แม่นางเซียว เรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน ทหารที่ประจำอยู่ท่าเรือน้ำลึกนั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าเอง ไม่มีทางที่พวกเขาจะพลาดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ ข้าฉางซานคนนี้ขอยืนยันด้วยชีวิตตนเอง”
กลุ่มทหารเดินขบวนตรงมาหาพวกเขาจากระยะไกล ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าคือชายร่างหนาที่ดูแข็งแกร่ง พร้อมด้วยพลังปราณกดดันพอตัว
ชายผู้นี้คือฉางซาน แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองนครใต้ ผู้มีปราณระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ
การที่อสูรเวทระดับเจ็ดปรากฏตัวขึ้นในแม่น้ำมังกรเป็นเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้แม้แต่น้อย ต่อให้ทหารของเขาแอบอู้ไปบ้าง ก็คงไม่มีทางไม่สังเกตเห็นอสูรใหญ่ยักษ์ตัวนี้ขณะแอบหนีเข้าแม่น้ำมา
ปู้ฟางยืนเงียบอยู่ด้านข้าง เขามองกลุ่มคนที่จู่ๆ ก็มารวมตัวกันด้วยจิตใจที่สงบเหมือนน้ำนิ่งในสระ
…
ด้านนอกกำแพงเมืองนครใต้
อสูรร้ายตัวใหญ่ยักษ์ยังคงกระแทกใส่กำแพงเมืองอย่างต่อเนื่อง ขนาดตัวของมันมหึมา เกล็ดตามตัวเป็นประกายเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ทำเอาใครก็ตามที่ได้เห็นต้องแสบตาไปตามๆ กัน
มันเปิดปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวคมกริบเหมือนกระบี่ที่เรียงรายอยู่เต็มปาก เขี้ยวเหล่านั้นอัดแน่นกันเป็นแผงหนา ทำให้ยิ่งทวีความน่าขนหัวลุกขึ้นไปอีก
อสูรเวทตัวนี้มีหนวดยาวเรียวสองเส้นซึ่งกำลังโบกสะบัดไปมาในอากาศด้วยความเกรี้ยวกราด
ปัง!!
มันกระแทกตัวเข้าใส่ประตูเมืองอีกครั้ง ทำให้ประตูสั่นไหวรุนแรง
ร่างห้าร่างในชุดคลุมสีดำและหมวกไม้ไผ่ยืนสังเกตการณ์อยู่ในระยะไกล พวกเขามองปลาตัวใหญ่ยักษ์พุ่งเข้าโจมตีประตูเมือง
“อสูรเวทระดับเจ็ดปลาอสูรมังกรพินาศจัดว่าเป็นอสูรเวทที่แข็งแกร่งหาตัวจับยากแม้ในมหาสมุทรไร้ขอบเขต หากเราทำตามคำสั่งของท่านมหาพรตและใช้อสูรเวทตัวเองได้สำเร็จ เมืองนครใต้จะต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแน่” เสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้น
“ตราบใดที่ยังมีไอ้ตัวนี้อยู่ เมืองนครใต้คงไม่วายต้องถูกปิดในเวลาอันรวดเร็ว บุตรสาวของเซียวเหมิงจะติดอยู่ในเมือง และอีกเดี๋ยวข่าวก็จะแพร่สะพัดไปถึงนครหลวง แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเซียวเหมิงจะมาช่วยชีวิตบุตรสาวสุดที่รักของตนหรือไม่”
“จึ๊ๆๆ อีกไม่นานจักรวรรดิวายุแผ่วต้องเผชิญวิบากกรรมครั้งใหญ่แน่ ท่านมหาพรตได้ให้คำมั่นสัญญากับจีเฉิงอวี่เอาไว้แล้ว และเขาต้องทำตามคำสัญญาของตนอย่างแน่นอน หากมีความวุ่นวายเมื่อไร โอกาสของพวกเราก็จะมาถึงในที่สุด อีกอย่าง… ลัทธิอสุราของเราใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนมานานเกินไป ดูท่าแล้วพวกคนเถื่อนในแดนใต้ของทวีปนี้คงจะลืมไปหมดแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยต้องเผชิญกับความน่าสะพรึงกลัวเพียงใด!” เสียงแหบห้าวยังดังต่อเนื่อง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
พลังปราณเที่ยงแท้สีดำสนิทไหลเวียนบนร่างกายของพวกเขา มันเต้นตุบเล็กน้อย
“ใช่แล้ว จักรวรรดิวายุแผ่วก็เป็นเพียงดินแดนเล็กๆ เท่าแมวดิ้นตาย เป็นได้แค่บันไดขั้นหนึ่งให้ลัทธิอสุราของเราได้ก้าวกลับขึ้นมายิ่งใหญ่อีกครั้งเท่านั้น!”
…
วืด!!
ฉางซานในชุดเกราะเดินตรงมาถึงข้างกำแพงเมือง เขาออกแรงกระโจนไปในอากาศเพื่อไปยืนอยู่ด้านบนของกำแพงอย่างปลอดภัย แม่ทัพใหญ่มองลงไปที่ประตูเมืองด้านล่างด้วยท่าทางองอาจ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหนักใจ
โฮก!
กลิ่นเหม็นร้ายกาจพุ่งเข้าปะทะโพรงจมูกของฉางซาน ภาพแอ่งเลือดและแผงฟันเบียดอัดกันเป็นชั้นพุ่งเข้าสู่สายตา ทำเอาชายวัยกลางคนตัวแข็งทื่อทันที เขาร้องคำรามปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้ออกจากกาย พร้อมด้วยหอกยาวในมือ พลังปราณเที่ยงแท้ในกายกระจายตัว หอกแข็งแกร่งพุ่งแหวกอากาศออกไปข้างหน้า
อาวุธนั้นพุ่งเสียบเข้าที่ขากรรไกรน่ากลัวของอสูรเวท แต่ร่างของฉางซานกลับแข็งทื่อ เมื่อพลังรุนแรงสะท้อนกลับไปที่มือของเขาซึ่งกุมหอกเอาไว้ ร่างของแม่ทัพใหญ่สั่นสะท้านด้วยแรงต้านจนถูกซัดปลิวตกลงมาจากบนกำแพง
แต่ฉางซานก็หมุนตัวกลับมาเหยียลงบนพื้นได้ทันท่วงที
ฝูงชนที่สังเกตการณ์อยู่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ตอนแรกพวกเขามีความหวังเต็มเปี่ยมเมื่อเห็นฉางซานออกมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง แต่เมื่อเห็นว่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนครใต้ถูกซัดตกลงมาได้ง่ายๆ เหมือนไม่ต้องออกแรงอะไร หัวใจของทุกคนก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เยียนอวี่ ที่นี่อันตรายนัก รีบไปกันเถิด!” เซียวเคอเฉิงหันมาเตือนเซียวเยียนอวี่ ดวงตาฉายแวววิตกกังวล
เซียวเยียนอวี่หันไปมองอีกฝ่ายจากนั้นก็มุ่นคิ้วคู่สวย นางเมินคำพูดของชายตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง สายตาตวัดกลับไปดูเหตุการณ์ตรงกำแพงเมืองอีกครั้ง หากฉางซานไม่สามารถล้มปลาอสูรได้ เห็นทีเมืองนครใต้คงตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แล้ว
“เยียนอวี่! อย่าทำตัวดื้อแพ่งให้มันมากนัก กลับไปที่คฤหาสน์เซียวกับพวกข้าเดี๋ยวนี้!” เซียวเคอเฉิงหน้าดำคร่ำเครียด เขาพูดเสียงเย็นชา
ปู้ฟางที่กำลังคิดอะไรอยู่ในใจหันไปมองเซียวเคอเฉิงด้วยสายตามีความนัย
“เราเข้าไปดูใกล้ๆ กันเถอะ” ปู้ฟางชวนเซียวเยียนอวี่เสียงเรียบ
เมื่อได้ยินดังนี้ ดวงตาของหญิงสาวก็เป็นประกายขึ้นทันที เถ้าแก่ปู้จะออกโรงเองรึ เยี่ยมไปเลย หุ่นเชิดที่เขาพามาด้วยนั้นดูแข็งแกร่งไร้เทียมทานไม่น้อย!
“มันมีผีห่าอะไรให้ดูกัน แล้วเจ้าเป็นใครไม่ทราบ อยากแส่หาเรื่องตายก็เชิญไปตายคนเดียวสิ อย่าคิดพาเยียนอวี่ไปติดร่างแหด้วย!” ใจของเซียวเคอเฉิงเดือดพล่านอยู่แล้วเนื่องจากควบคุมเซียวเยียนอวี่ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินปู้ฟางพูดแทรกขึ้นมา เขาจึงได้โอกาสเหมาะใส่อารมณ์เอากับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ทันที
ระดับพลังปราณของเซียวเคอเฉิงจัดได้ว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เขามีศักดิ์เป็นนายท่านลำดับสามของตระกูลเซียว ทำหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการค้าขายของตระกูลเป็นหลัก ชายวัยกลางคนไม่เคยตั้งใจเพียรพยายามฝึกปราณ จึงจับระดับพลังปราณในตัวปู้ฟางไม่ได้ นอกจากนี้หากดูจากอายุของชายหนุ่มตรงหน้าแล้ว เขาคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมีขั้นปราณสูงส่ง ด้วยเหตุนี้จึงก่นด่าปู้ฟางอย่างหยาบคายเต็มที่โดยไม่คิดออมคำพูด
ปู้ฟางย่นคิ้ว เขามองเซียวเคอเฉิงที่กำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเดียดฉันท์ จากนั้นก็กระตุกมุมปาก เอามือไพล่หลัง แล้วเดินออกไปจากที่แห่งนี้
“ที่เจ้าก็พูดมีเหตุผล”
ปู้ฟางเดินกลับเข้าไปยังตัวเมือง ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสงพลางมองสำรวจเซียวเคอเฉิงตั้งแต่หัวจดเท้า จากนั้นก็เดินตามปู้ฟางไป
เซียวเยียนอวี่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอันมาก ดวงตาของนางมืดครึ้มด้วยโทสะ
เซียวเคอเฉิงหนอเซียวเคอเฉิง ช่างโง่เง่าสมองทึบเสียจริง!
ถึงเถ้าแก่ปู้จะไม่ได้เก่งกาจเทียบชั้นปลาอสูรตัวนั้นได้ แต่เจ้าไม่รู้หรอกว่าหุ่นเชิดที่เดินตามหลังเขาต้อยๆ นั้นน่ากลัวถึงเพียงใด หุ่นเชิดตัวนี้ทำได้แม้กระทั่งตัดหัวขั้นเทพแห่งสงครามโดยไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ หากมีเจ้าหุ่นนี่อยู่ข้างกายเรา ไอ้อสูรเวทจากทะเลนั่นก็ไร้ซึ่งความหมาย!
เซียวเยียนอวี่หันไปจ้องเซียวเคอเฉิงตาเขียว จากนั้นก็หันหลังกลับเดินตามปู้ฟางไป
หากรู้จักนิสัยเถ้าแก่ปู้ดี จะรู้ว่าการที่ชายหนุ่มเสนอตัวเข้ามาช่วยนั้นเกิดขึ้นได้ยากเสียยิ่งกว่ายาก!
“แม่นางคนนี้ไม่รู้จักมีหัวคิดเอาเสียเลย!” ใบหน้าของเซียวเคอเฉิงบูดเบี้ยวขณะมองเซียวเยียนอวี่ที่กำลังเดินจากไป เพราะไอ้หนุ่มประหลาดนั่นแท้ๆ นางถึงกับกล้าทำให้เขาอับอายขายขี้หน้า อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงนายท่านลำดับสามของตระกูลเซียวแห่งเมืองนครใต้เชียวนะ!
“ตามสองคนนั้นไป เราต้องพาเยียนอวี่กลับบ้านให้ได้” เซียวเคอเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อทำใจให้สงบ จากนั้นก็ออกคำสั่งกับบริวารรอบกาย