น่านน้ำเชี่ยวกรากกั้นขวางเกาะมหายานออกจากผืนทวีป เรือลำใหญ่ล่องผ่านกระแสคลื่นไร้ขอบเขต ก่อให้เกิดสายน้ำสาดกระเซ็นเข้ากระทบสองฝากของตัวเรืออย่างรุนแรง เสียงคลื่นกระทบลำเรือดังสะท้อนต่อเนื่องไม่ขาดหู
เหนือท้องฟ้าเบื้องบน นกอินทรีตัวหนึ่งสยายปีกบินทะยาน เสียงร้องใสของมันสะท้อนก้องไปทั่วนภากาศ
“ราชาอวี่ วันพรุ่งนี้เราก็จะถึงทวีปหลักแล้ว จากนั้นเราจะเดินทางไปพบพวกพ้องที่อยู่บนผืนทวีป พวกเขาเริ่มลงมือตามแผนการกันแล้ว ตอนนี้จักรวรรดิวายุแผ่วกำลังปั่นป่วนวุ่นวายไม่น้อย…” เจ้ารู่เก๋อในชุดสีขาวยืนอยู่ตรงหัวเรือ เส้นผมพัดสะบัดตามลมหนาวที่กระหน่ำใส่หน้าของชายหนุ่มไม่หยุดหย่อน
นัยน์ตาของจีเฉิงอวี่ราวกับมีสายฟ้าฟาดอยู่ภายใน ขณะกำลังมองแนวชายฝั่งทอดตัวยาวที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา เขาไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด
สุดท้ายเขาก็ต้องกลับไปที่นั่นเพื่อต่อสู้แย่งชิงในสิ่งที่เป็นของตนเองมาตั้งแต่แรก
จู่ๆ ราชาอวี่ก็หรี่ตา สายตาจับจ้องไปยังจุดจุดหนึ่ง
ดวงตาเมินเฉยของเจ้ารู่เก๋อก็หรี่ลงเล็กน้อยเช่นกัน เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างกายจีเฉิงอวี่ สายตาจับจ้องไปยังจุดเดียวกันกับอีกฝ่าย หมอกหนาในมหาสมุทรเลือนรางลงเมื่อร่างร่างหนึ่งค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นในสายตา
เรือลำเล็กล่องผ่านกระแสน้ำกว้างใหญ่ตรงเข้ามายังเรือของพวกเขาช้าๆ
บุคคลที่อยู่บนเรือดูเปล่าเปลี่ยวอย่างไรบอกไม่ถูก
ทั้งจีเฉิงอวี่และเจ้ารู่เก๋อต่างพยายามหรี่ตามองคนตรงหน้าเพื่อระบุตัวตน
ราวกับว่าชายในเรือเล็กเพิ่งสังเกตเห็นเรือขนาดใหญ่ข้างหน้า พลังปราณน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างร่างนั้น ขณะที่เรือเล็กใต้เท้าก็เร่งความเร็วขึ้นมาอย่างปุบปับ คลื่นขนาดมหึมาที่ด้านหลังเป็นตัวส่งกำลังที่ทำให้เรือน้อยเร่งความเร็วได้มากขึ้น
“ขั้นนักพรตยุทธการหรือ” จีเฉิงอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ถูกแล้ว… เขาน่าจะมาเพราะท่าน ราชาอวี่ หรือจะเป็นหัวหน้าขันทีเหลียนที่ต้องการจับตัวท่านกัน” เจ้ารู่เก๋อ
กล่าว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
เรือลำน้อยค่อยๆ เร่งความเร็วมากขึ้นท่ามกลางสายตาของคนทั้งคู่ ร่างที่อยู่ในเรือใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เช่นกัน ในที่สุดพวกเขาก็เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าผู้ที่ยืนอยู่ในเรือลำเล็กนั้นเป็นใคร
เหลียนฟู่สวมชุดคลุมปักลายและเครื่องหัวประจำตำแหน่ง ใบหน้าขาวกระจ่าง ผมสีขาวสะบัดไหวไปด้านหลังเพราะลมทะเลรุนแรง“ราชาอวี่… ในที่สุดข้าน้อยก็พบตัวท่านจนได้”
เหลียนฟู่มองจีเฉิงอวี่ที่กำลังยืนอยู่บนเรือขนาดใหญ่ ตอนนั้นเองลำแสงเจิดจ้าก็ระเบิดออกมาจากดวงตาของขันทีชรา
…
น้ำในแม่น้ำกลืนกินเมืองนครใต้ไปเกือบครึ่งเมือง เสียงดังสนั่นที่ประตูเมืองยังคงสะท้อนก้องไปทั่ว เนื่องจากปลาอสูรมังกรพินาศยังพยายามดิ้นรนแทรกตัวเข้ามาไม่หยุดยั้ง
รอยแตกร้าวจากการถูกกระแทกปรากฏขึ้นบนกำแพงเมืองเรื่อยๆ จนดูราวกับว่ามันจะถล่มลงมาเมื่อใดก็ได้
ผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการสิบคนดูไม่ต่างอะไรกับมดปลวกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปลาอสูรมังกรพินาศ พลังปราณของพวกเขาระเบิดออกจากร่าง ขณะกวัดแกว่งอาวุธพลางพุ่งเข้าใส่ร่างของอสูรเวทตรงหน้า พลังปราณเที่ยงแท้แผ่รังสีออกมาจากอาวุธในมือ ระหว่างที่ทุกคนต่างงัดเอาทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาใช้กับปลาปีศาจ
พลังการต่อสู้ของผู้ฝึกตนเหล่านี้รุนแรงและสร้างความเจ็บปวดให้ปลาอสูรมังกรพินาศที่ติดอยู่ระหว่างบานประตูไม่น้อย แต่ก็ยังไม่อาจสร้างแผลฉกรรจ์ให้อสูรเวทตรงหน้าได้ แถมมันยังดูบ้าคลั่งขึ้นอีกหลังจากถูกรุมโจมตีไม่หยุดมือ
แผงฟันที่เรียงกันแน่นเปิดอ้า ส่งให้กลิ่นคาวปลารุนแรงพวยพุ่งตรงเข้าปะทะใบหน้าของเหล่าผู้ฝึกตนเซียวเคออวิ่นกลั้นใจอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในกาย เขาโจมตีเข้าใส่โพรงปากของปลาปีศาจไม่หยุด จนสร้างแผลฉกรรจ์ให้มันได้
ทว่าพลังปราณสีดำสนิทในร่างของเขากลับเข้มข้นขึ้นจนแพร่กระจายออกมาภายนอก ชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนว่าร่างทั้งร่างถูกมดเล็กๆ รุมกัดทึ้ง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นยากจะทานทนได้
ผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการคนอื่นๆ ยังคงโจมตีใส่ปลาปีศาจอย่างสุดความสามารถ พวกเขาต้องป้องกันไม่ให้ปลาอสูรมังกรพินาศตัวนี้เข้าเมืองนครใต้ ณ ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาคิดหาวิธีรับมือใดๆ เพราะต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการสกัดอสูรเวทตัวนี้ไว้ ไม่เช่นนั้นมันอาจเข้าไปสร้างหายนะภายในเมืองได้!
“พี่เซียว ท่านยังไหวหรือไม่”
เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการที่สนิทสนมกับเซียวเคออวิ่นเป็นอย่างดีจับพฤติกรรมแปลกประหลาดของอีกฝ่ายได้ จึงถามออกไปด้วยความสงสัย
เซียวเคออวิ่นโบกไม้โบกมือแสดงให้เห็นว่าตนสบายดี ตอนนี้เขายังอดทนต่อความเจ็บปวดได้อยู่
ปู้ฟางยืนอยู่บนหลังคาสายตาจับจ้องไปที่การต่อสู้ไกลลิบอยู่เงียบๆ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นเซียวเคออวิ่น แต่ดูท่าว่าสถานการณ์ของอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ณ คฤหาสน์ตระกูลเซียวที่อยู่ไกลออกไป ผู้คนมากมายต่างเร่งรุดออกมาดูการต่อสู้ ทว่าน้ำแม่น้ำที่ไหลเข้าท่วมเมืองทำให้พวกเขาไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้
ปู้ฟางที่ยืนอยู่บนหลังคานั้นเตะตาเป็นอันมาก เพียงแค่ปรายตามองเซียวเยียนอวี่ก็เห็นชายหนุ่มได้ทันที
ฟึ่บ!
เซียวเยียนอวี่กับเซียวอวี่กระโดดขึ้นมายืนข้างๆ ปู้ฟางบนหลังคา พื้นที่บนหลังคาค่อนข้างกว้าง คนสามคนยืนอยู่ด้วยกันไม่ได้ดูคับแคบแต่อย่างใด
“พ่อของเจ้าอาการไม่ค่อยดีเท่าไร” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลางปรายตามองเซียวอวี่
เซียวอวี่ดูงุนงงไม่น้อย เพราะตอนที่เขามองบิดาต่อสู้กับปลาอสูรมังกรพินาศ เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ รับรู้ได้เพียงอารมณ์ที่เดือดพล่านของบิดาเท่านั้น
ปู้ฟางเม้มปาก พลังปราณของเจ้าเด็กเซียวอวี่อยู่เพียงระดับสามขั้นคลั่งยุทธการเท่านั้น จึงไม่แปลกที่เจ้าเด็กนี่จะมองไม่เห็นความผิดปกติของเซียวเคออวิ่น
ใบหน้าของเซียวเยียนอวี่เปลี่ยนสีเมื่อได้ยินคำพูดของปู้ฟาง หญิงสาวรู้ชัดถึงเหตุผลของความผิดปกติในตัวเซียวเคออวิ่น เนื่องจากผู้นำตระกูลเซียวเล่าให้นางฟังหมดแล้ว
“หวังว่าอาการของท่านอาสองจะไม่กำเริบขึ้นมาตอนนี้… ไม่อย่างนั้นต้องแย่แน่ๆ!” เซียวเยียนอวี่พึมพำ
ปู้ฟางยังคงนิ่งเงียบ สายตาจับจ้องอยู่ที่การต่อสู้ตรงหน้า
ผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการยังคงโจมตีใส่ปลาอสูรมังกรพินาศไม่หยุดมือ และในที่สุดผลของความพยายามก็บังเกิดขึ้นบ้าง เมื่อบาดแผลบนตัวอสูรเวทปรากฏให้เห็น เลือดของมันสาดกระจายไปทั่วแล้วหยดลงบนพื้นดิน
เสียงกรีดร้องดังก้อง ปลาอสูรมังกรพินาศยิ่งบ้าคลั่งขึ้นอีก บาดแผลที่ปรากฏและเลือดที่ไหลออกมากระตุ้นให้ปลาปีศาจดีดตัวขึ้นด้วยความโกรธ เกล็ดที่อยู่รอบตัวตั้งชัน รังสีที่ปล่อยออกมาพลันเปลี่ยนไป ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน อสูรเวทปลาสะบัดตัวเร่าจนหลุดออกจากประตูเมือง พลางงัดเอาหินก้อนใหญ่ให้หมุนควงเข้ามาในเมืองพร้อมกัน
ปลาอสูรเวทตัวนี้แตกต่างจากปลาทั่วไปไม่น้อย ตรงช่วงท้องของมันมีกรงเล็บอันตรายสองกรงเล็บที่เกาะยึดพื้นเอาไว้แน่น หางปลาขนาดมหึมาพัดโบกไปมาส่งกลิ่นเหม็นของคาวปลาออกมาไม่หยุดหย่อน
ตู้ม!!
ร่างของผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการหลายร่างถูกส่งให้ลอยละลิ่วออกไป
ดวงตาของปลาอสูรมังกรพินาศหรี่แคบ เกล็ดรอบตัวส่งเสียงหวีดหวิวก่อนพุ่งออกมาอย่างฉับพลันด้วยความเร็วที่ไม่น่ามีใครหลบทัน
วื้ด!
เกล็ดปลาส่งเสียงแหวกอากาศขณะหักเลี้ยวด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด พลางเปล่งพลังคมกริบน่าหวั่นเกรงออกมา เซียวเคออวิ่นกัดฟันแน่นรวบรวมพลังปราณเที่ยงแท้แล้วกระโดดหลบเกล็ดดังกล่าว ทว่าอึดใจต่อมานัยน์ตาของเขาก็หดแคบลง พลังปราณสีดำสนิทบนใบหน้าของชายวัยกลางคนระเบิดออกมาขณะที่เนื้อบนมือเริ่มผุกร่อน…
ร่างของเซียวเคออวิ่นนิ่งแข็งอยู่กับที่จึงไม่สามารถหลีกหนีเกล็ดที่พุ่งเข้ามาได้ทัน ชายวัยกลางคนทำได้เพียงยกอาวุธขึ้นปัดป้องเท่านั้น ทว่าอาวุธของเขากลับถูกเกล็ดปลาทำลายเหลือเพียงซาก ส่วนร่างของเขาก็ถูกพลังรุนแรงพุ่งเข้าปะทะจนลอยละล่องไป
เซียวเคออวิ่นกระอักเลือดออกมากองโตในอากาศ ใบหน้าซีดเผือดไร้สีสัน
สีหน้าของเหล่าสมาชิกตระกูลเซียวที่ดูการต่อสู้อยู่พลันซีดขาวราวกระดาษ ร่างของหลินฉินเอ๋อร์ผู้อ่อนหวานแทบจะล้มทั้งยืน โชคยังดีที่คนด้านหลังประคองเอาไว้ทัน นางจึงไม่ล้มคว่ำลงไป
เซียวเคอเฉิงมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย
“ท่านพ่อ!” สีหน้าตื่นเต้นของเซียวอวี่เปลี่ยนเป็นแข็งค้าง เด็กหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนต่างตั้งรับไม่ทัน
พลังปราณสีดำสนิทพุ่งออกมาจากเซียวเคออวิ่นที่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น จากนั้นก็เข้าโอบล้อมร่างของเขาไว้ เนื้อที่แขนซึ่งเริ่มผุกร่อนค่อยๆ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
เซียวเคออวิ่นไม่อาจทำอะไรกับสิ่งนี้ได้ นอกจากอดทนต่ออาการบาดเจ็บแล้วใช้พลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายระงับพลังปราณสีดำสนิทที่พวยพุ่งออกมาไม่หยุด เพราะชายวัยกลางคนกลัวว่าหากไม่ทำเช่นนี้ พลังปราณสีดำสนิทจะกัดกร่อนร่างของเขาไปหมดจนไม่เหลืออะไร
“พี่เซียว หลบเร็วเข้า!”
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังขึ้น เซียวเคออวิ่นผงะไป เขารีบเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ แต่เงาสีดำขนาดใหญ่ก็มาขวางสายตาเสียแล้ว
ปลาอสูรมังกรพินาศยกกรงเล็บขนาดมโหฬารขึ้นมาบดบังท้องฟ้าเบื้องบน บรรยากาศรอบตัวพลันเย็นยะเยือกด้วยความหวาดหวั่นในเสี้ยวลมหายใจนั้น
ความตกใจและพรั่นพรึงปรากฏในดวงตาของเซียวเคออวิ่น… หากกรงเล็บนี้ตะปบลงมา ร่างของเขาคงแหละเละกลายเป็นเพียงเศษเนื้อ เขาคงตายชนิดที่ว่าไม่เหลือร่างไว้ให้คืนชีพขึ้นมาตายซ้ำสองแน่นอน!
หัวใจของหลินฉินเอ๋อร์พลันหนักอึ้งเมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของทุกคนในตระกูลเซียวล้วนซีดเผือด แทบจะทรงตัวยืนกันไม่อยู่
“เถ้าแก่ปู้…”
ใบหน้างดงามของเซียวเยียนอวี่ปรากฏร่องรอยความกังวล นางรีบหันมาพูดกับปู้ฟาง หญิงสาวไม่รู้แม้แต่น้อยว่าพลังปราณของชายหนุ่มนั้นอยู่ที่ขั้นใด แต่หากเจ้าขาวหุ่นเชิดของเขาคิดจะลงมือ มันย่อมต้านทานปลาปีศาจนั่นได้แน่
ปู้ฟางขมวดคิ้ว แม้เขาคิดจะลงมือจริงๆ ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะหยุดยั้งปลาอสูรมังกรพินาศได้หรือไม่
ก่อนที่เขาจะออกเดินทางมา ระบบออกกฎไว้ว่าหากตัวชายหนุ่มไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือถูกโจมตี เจ้าขาวจะไม่เข้าไปวุ่นวายด้วยเด็ดขาด ดังนั้นปู้ฟางจึงมั่นใจว่าเจ้าขาวจะไม่ออกโรงช่วยเซียวเคออวิ่นเองแน่นอน
แต่จะให้ปู้ฟางยืนมองเซียวเคออวิ่นถูกบดขยี้เป็นเศษเนื้อ… ชายหนุ่มก็ทำไม่ได้เช่นกัน
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ พลังปราณเที่ยงแท้พลันระเบิดออกมาจากฝ่าเท้าของปู้ฟาง ส่งให้ร่างของเขาพุ่งทะยานหายไปจากสายตาของเซียวเยียนอวี่
สีหน้าของเซียนเยียนอวี่พลันเปลี่ยนไป “เถ้าแก่ปู้… ท่านทำอะไรน่ะ ให้เจ้าขาวลงมือสิ! ตัวท่านลำพังจะหยุด ปลาอสูรมังกรพินาศได้อย่างไร!?”
หญิงสาวไม่เคยเห็นปู้ฟางลงมือด้วยตัวเองมาก่อน… ทำไมถึงไม่ให้เจ้าขาวจัดการเล่า ด้วยพลังของเจ้าขาวแล้ว การรับมือกับปลาปีศาจย่อมไม่ใช่ปัญหาแน่
ทว่าเมื่อนางได้เห็นดวงตาสีแดงของเจ้าขาวซึ่งยืนอยู่ข้างๆ กะพริบแสงวาบ หญิงสาวก็ตะลึงงันไป
ไม่เพียงแค่นาง เซียวอวี่รวมถึงสมาชิกตระกูลเซียวคนอื่นๆ ต่างพากันอ้าปากกว้าง สีหน้าของทุกคนล้วนฉงนสนสัย
มีเพียงเซียวเคอเฉิงเท่านั้นที่ยิ้มหยันออกมา ปลาอสูรมังกรพินาศเป็นถึงอสูรเวทระดับเจ็ด เจ้าเด็กนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน